โปรโมชั่น realme “มีนา มีโปร” โปรดี ๆ สำหรับผู้ที่ซื้อสมาร์ตโฟน realme คู่กับ realme AIoT รับส่วนลดสูงสุด 700 บาท และรับสิทธิ์ในการผ่อนชำระ 0% นานถึง 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2564
โปรโมชั่น realme “มีนา มีโปร”
- เมื่อซื้อ realme 7 5G คู่กับ Buds Air , Buds Air Pro , Watch , Watch S รับส่วนลดทันที 500 บาท
- เมื่อซื้อ realme 7 Pro คู่กับ Buds Air , Buds Air Pro , Watch , Watch S รับส่วนลดทันที 700 บาท
- เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2564
- โปรโมชั่นนี้สำหรับร้านค้าที่ร่วมกิจกรรมของช่องทาง AIS, Com7, Jaymart, TG, IT City, Csc และ Power Buy
- รับสิทธิ์ในการผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
สำหรับสมาร์ตโฟน realme ที่ร่วมโปรโมชั่น จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ realme 7 5G และ realme 7 Pro หากซื้อร่วมกับ AIoT ได้แก่ Buds Air , Buds Air Pro , Watch , Watch S อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะได้รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 700 บาท ตัวอย่างเช่น
- ซื้อ realme 7 5G (9,999 บาท) + Buds Air (1,999 บาท) จากราคาปกติ 11,998 บาท จะเหลือเพียง 11,498 บาท (ลด 500 บาท)
- ซื้อ realme 7 Pro (10,990 บาท) + Buds Air Pro (2,999 บาท) จากราคาปกติ 13,989 บาท จะเหลือเพียง 13,289 บาท (ลด 700 บาท)
โปรโมชั่น realme มีนา มีโปร เฉพาะ True Shop เท่านั้น!!
พิเศษกว่า เฉพาะที่ True Shop เท่านั้น เมื่อซื้อสมาร์ตโฟน realme พร้อมกับ AIoT คู่กับ realme Watch ในโปรโมชั่น realme “มีนา มีโปร” รับลดสูงสุด 1,500 บาท
- เมื่อซื้อ realme 7 5G คู่กับ realme Watch รับส่วนลดทันที 1,300 บาท เหลือเพียง 10,698 บาทจากปกติ 11,998 บาท
- เมื่อซื้อ realme 7 Pro คู่กับ realme Watch รับส่วนลดทันที 1,500 บาท เหลือเพียง 11,489 บาท เหลือ 11,489 บาท จากปกติ 12,989 บาท
ส่วนใครที่ลังเลว่า จะซื้อสมาร์ตโฟน realme รุ่นไหนดี ระหว่าง realme 7 5G กับ realme 7 Pro แล้วจะซื้อคู่กับ AIoT รุ่นไหน เลื่อนลงไปอ่านมินิรีวิวด้านล่างได้เลยครับ
realme 7 5G – ราคา 9,999 บาท
สำหรับ realme 7 5G กับการเป็นสมาร์ตโฟนราคาไม่ถึงหมื่นบาท ส่วนตัวยังมองว่าเป็นรุ่นสุดคุ้ม ที่ทำราคาออกมาได้ดีมาก เพราะรุ่นนี้ใส่สเปค และฟีเจอร์ต่าง ๆ มาให้ครบครัน โดยเฉพาะเรื่องการรองรับ 5G แบบ 5G + 5G Dual Stanby ที่เผลอ ๆ จะรับสัญญาณ 5G ได้ดีกว่าสมาร์ตโฟนระดับเรือธงด้วยซ้ำไป อีกทั้งรองรับ 5G หลายคลื่นความถี่ (n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n40, n41, n77, n78) อย่างน้อยก็ได้ทั้ง 2600MHz ที่เปิดให้บริการแล้ว (AIS, TrueMove H) รวมถึงคลื่น 700MHz ที่ตอนนี้ dtac ทยอยเปิดให้บริการในบางพื้นที่แล้ว
อีกทั้งชิปประมวลผลอย่าง Dimensity 800U, RAM 8GB LPDDR4x, ROM 128GB UFS 2.1 ก็ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป รวมถึงการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี วัสดุ งานออกแบบก็ทำได้สวยงาม ส่วนเรื่องกล้อง ด้วยชุดกล้อง 4 ตัว เซ็นเซอร์หลัก 48MP มีเลนส์มุมกว้าง, มาโคร และ Portrait ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี
จุดเด่น
- สมาร์ตโฟน Dual 5G ในราคาที่จับต้องได้
- ชิปเซ็ต Dimensity 800U 5G + RAM 8GB สามารถเล่นเกมได้
- หน้าจอลื่นไหล 6.5 นิ้ว อัตรา refresh rate 120Hz
- รองรับการชาร์จเร็ว 30W Dart Charge ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาเพียง 65 นาที
- กล้อง 4 เลนส์ ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า In-Display 16 ล้านพิกเซล
- รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และคุณภาพเสียง Hi-Res
- อ่านรีวิว realme 7 5G
realme 7 Pro – ราคา 10,990 บาท
สำหรับ realme 7 Pro อีกรุ่นที่ realme ใส่สเปค และฟีเจอร์ต่าง ๆ มาให้ครบครัน คุ้มค่าในราคาหมื่นนิด ๆ โดยเฉพาะเรื่องการชาร์จไฟที่ต้องบอกว่าสุดจริง กับระบบชาร์จ 65W SuperDart Charge ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหน่อย ๆ กับแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh เทคโนโลยี Dual 3C Cells ที่ใช้งานได้ยาวนาน และยังเป็นสุดยอดสมาร์ตโฟนแบตอึด ที่ทีมงาน SpecPhone.com ยกให้เป็นที่สุดในปี 2020 ที่ผ่านมา
ด้านชิปประมวลผล Snapdragon 720G, RAM 8GB LPDDR4x, ROM 128GB UFS 2.1 ก็ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป รวมถึงการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี วัสดุ งานออกแบบก็ทำได้สวยงาม ส่วนเรื่องกล้อง ตัวเซ็นเซอร์ 64MP รุ่นที่ 2 ให้คุณภาพของรูปถ่ายที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการซูม และการถ่ายภาพกลางคืน ใครกำลังตามหาสมาร์ตโฟนแบตอึด ๆ และถ่ายรูปสวยทุกสถานการณ์ ในงบหมื่นนิด ๆ realme 7 Pro ตอบโจทย์แน่นอนครับ
จุดเด่น
- เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ชาร์จเต็ม 100% ภายใน 34 นาที
- ชิปเช็ต Qualcomm Snapdragon 720G
- หน้าจอแบบ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว
- กล้องหลัก 4 เลนส์ ความละเอียด 64MP พร้อมเซนเซอร์ Sony IMX682
- กล้องหน้า In-display ความละเอียด 32MP
- อัพเกรดประสิทธิภาพโหมดความละเอียด 64MP พร้อม Starry Mode, Pro Nightscape Mode และ Ultra Nightscape Video
- ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก TÜV Rheinland (ทูฟ ไรท์แลนด์) ประเทศเยอรมัน
- อ่านรีวิว realme 7 Pro
realme Buds Air – ราคา 1,999 บาท
สำหรับ realme AIoT รุ่นแรกที่เข้าร่วม “มีนา มีโปร” ได้แก่ realme Buds Air กับราคา 1,999 บาท ส่วนตัวผมถือว่าหูฟังรุ่นนี้สอบผ่าน ทั้งความสามารถในการตรวจจับการสวมใส่อัตโนมัติ, การควบคุมด้วยระบบสัมผัสที่ตัวหูฟัง, ไมโครโฟนที่สนทนาได้คมชัด และ Gaming Mode ที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ตัวเคสชาร์จที่รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB Type-C รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สาย เรียกได้ว่าเป็นหูฟังรุ่นเล็กที่ให้ฟีเจอร์จัดเต็มเกินราคา
ด้านการสวมใส่ ต้องยอมรับว่า realme Buds Air เป็นหูฟังแบบ TWS ที่ใส่นาน ๆ ไม่ล้าหู ด้วยการออกแบบที่เป็นหูฟังทรง EarBuds และน้ำหนักตัวที่เบามาก มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และสีดำ
จุดเด่น
- เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดายและสามารถเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ เพียงเชื่อมต่อการใช้งานครั้งแรก
- รองรับ Google Fast Pair
- ชาร์จไร้สายผ่าน Wireless charging case ใช้งานได้ยาวนานถึง 17 ชั่วโมง
- Driver Bass เป็นแบบไดนามิค จะทำให้เสียงมีพลังมากยิ่งขึ้น
- มาพร้อม Dual Mic ทำให้มีคุณภาพในการใช้งานด้านเสียง
- มี ENC ช่วยลดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมภายนอก
- อ่านรีวิว realme Buds Air
realme Buds Air Pro – ราคา 2,999 บาท
หูฟัง TWS อีกรุ่นได้แก่ realme Buds Air Pro วางจำหน่ายในราคา 2,999 บาท มีจุดเด่นที่ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancellation (ANC) ที่ใช้ชิป S1 ในการตัดเสียงรบกวน ในขณะที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำ ทำให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน และยังมาพร้อมกับ Transparency mode หรือโหมดฟังเสียงภายนอก ทำให้ผู้ใช้สามารถสนทนากับบุคคลอื่นได้โดยไม่ต้องถอดหูฟัง
สำหรับระบบตัดเสียงรบกวนของ realme Buds Air Pro จะประกอบไปด้วย 2 ระบบ ได้แก่ ระบบตัดเสียงแบบ passive จากดีไซน์หูฟังที่เป็นแบบ In-Ear มีจุกซิลิโคนช่วยกันเสียงรบกวนได้ในระดับหนึ่ง กับระบบตัดเสียงแบบ active ที่ใช้ไมโครโฟน 2 ตัว สำหรับการตัดเสียงรบกวน สามารถลดเสียงรบกวนได้สูงสุด 35 เดซิเบล หลักการของระบบตัดเสียงแบบ active ก็เหมือนกับหูฟัง ANC ปกติทั่วไป คือใช้ไมโครโฟนรวมเสียงรบกวนภายนอก จากนั้นสร้างความถี่เสียงย้อนกลับเพื่อตัดเสียงรบกวน
ในด้านการออกแบบหูฟัง realme Buds Air Pro เป็นหูฟังประเภท In-Ear ที่ท่อเสียงยื่นเข้าไปในรูหู และใช้จุกซิลิโคนช่วยในการตัดเสียงรบกวน ตัวหูฟังมีน้ำหนักเพียงข้างละ 5 กรัม ถือว่าเบามาก ช่วยให้สามารถใส่ได้นาน โดยที่ไม่รู้สึกล้า และยังรองรับการกันน้ำ กันฝุ่น มาตรฐาน IPX4 กันน้ำในระดับน้ำกระเซ็น ฝน และเหงื่อได้
จุดเด่น
- ระบบตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูง (Active Noise Cancellation)
- Transparency mode โหมดฟังเสียงภายนอก ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถฟังเสียงรอบข้างได้
- มาพร้อมกับไดรเวอร์เบสขนาด 10 มม. พร้อมกับอัลกอริธึ่มการเพิ่มประสิทธิภาพเสียงเบสแบบ Dynamic Bass Boost
- ใช้งานได้ยาวนาน 25 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วด้วยการชาร์จเพียง 10 นาที สำหรับการใช้งานได้ถึง 3 ชั่วโมง
- โหมดความหน่วงต่ำ 94ms รองรับการเล่นเกม Super Low Latency
- ไมโครโฟนแบบคู่ พร้อมตัดเสียงรบกวน
- ตรวจจับแบบอัจฉริยะ สามารถตรวจจับสภาพการสวมใส่ได้แบบเรียลไทม์
- กันน้ำระดับ IPX4
- อ่านรีวิว realme Buds Air Pro
realme Watch – ราคา 1,999 บาท
ส่วนใครที่กำลังมองหานาฬิกาอัจฉริยะ ในราคาไม่แพง แนะนำเป็น realme Watch สมาร์ตวอชต์หน้าปัดเหลี่ยม กับค่าตัว 1,999 บาท ก็ให้ฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครบครัน ทั้งการวัดอัตราการเต้นหัวใจแบบ real-time, การวัดระดับออกซิเจนในเลือด, รองรับการออกกำลังกายแบบต่าง ๆ รวมถึงรองรับการแจ้งเตือนเป็นภาษาไทย
จุดเด่น
- หน้าจอสีแสดงผล 1.4 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 320×320 พิกเซล หรือ 323 PPI
- กำหนดรูปแบบหน้าจอแสดงผลได้มากกว่า 12 แบบ
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบเรียลไทม์
- วัดระดับออกซิเจนในเลือด
- ตรวจจับอัตราการเต้นหัวใจแบบเรียลไทม์ ด้วยหลักการ PPG Optical ตลอด 24 ชั่วโมง
- การแจ้งเตือนอัจฉริยะ ติดตามการนั่งหรือเดินของผู้ใช้งาน
- Sport Mode รองรับกีฬาได้มากถึง 14 ชนิด
- รองรับการเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่น realme Link
- สามารถเลือกสั่งการสมาร์ตโฟน ผ่านตัว realme Watch ได้โดยตรง อาทิ กล้อง เปิดปิดเพลง
- สามารถใช้ในการปลดล็อคและค้นหาสมาร์ตโฟนได้
realme Watch S – ราคา 2,999 บาท
AIoT รุ่นสุดท้ายที่ร่วมโปร ได้แก่ นาฬิกาอัจฉริยะ realme Watch S เป็นนาฬิกาหน้าปัดกลม จอ LCD ขนาด 1.3 นิ้ว 278 ppi ที่ความสว่างสูงสุด 600 nits พอที่จะใช้งานกลางแดดจัดได้ อีกทั้งตัวฟิล์มหน้าจอยังเป็น 2.5D Gorilla Glass ที่ทนต่อรอยขีดข่วน สามารถเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้มากถึง 100 แบบ
realme Watch S มาพร้อมตัวเรือนที่ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยเกรด 6063 ให้ความแข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา เมื่อรวมกับตัวสายนาฬิกาที่เป็นซิลิโคน จึงทำให้น้ำหนักของรุ่นนี้ เบากว่าสมาร์ตวอชต์หลายรุ่นในท้องตลาด และด้วยหน้าปัดแบบกลม ที่เหมือนกับนาฬิกาข้อมือปกติทั่วไป จึงทำให้แต่งตัวได้ไม่ยาก
ฟีเจอร์ด้านสุขภาพ มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ real-time ใช้เซ็นเซอร์ PPG นำเข้าจากทาง Goodix ที่ถูกใช้ในสมาร์ตวอชต์หลายรุ่น อีกทั้งสามารถแจ้งเตือนในกรณีที่หัวใจเต้นต่ำ หรือสูงกว่าค่ามาตรฐานได้ด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ คือรุ่นนี้สามารถวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้ แจ้งเตือนเมื่อออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าเกณฑ์
จุดเด่น
- หน้าจอสีสัมผัสขนาดใหญ่ 1.3 นิ้ว
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบเรียลไทม์
- วัดระดับออกซิเจนในเลือด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 15 วัน
- การแจ้งเตือนอัจฉริยะ รองรับภาษาไทย
- เคสอลูมิเนียมอัลลอย
- รองรับโหมดกีฬา 16 ประเภท
- ควบคุมการฟังเพลง และกล้องถ่ายรูปได้
- แท่นชาร์จแบบแม่เหล็ก ให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรโมชั่น realme “มีนา มีโปร” สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage realme และเว็บไซต์ realme ประเทศไทย