ว่ากันว่าในปัจุบันแท็บเล็ตก็ได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญไปไม่น้อยกว่าพวกสมาร์ทโฟนเลย เพราะเนื่องจากแท็บเล็ตเป็นตัวที่จะเติมเต็มช่องว่างระหว่างสมาร์ทโฟน และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงความสะดวกในการใช้งาน และถ้าพูดถึง Lenovo ก็คงจะหนีไม่พ้นกับตัว Lenovo Yoga Tablet 2 ซึ่งเป็นรุ่นที่ต่อยอดมาจากรุ่นเดิมก่อนหน้านี้ ที่มีขนาดหน้าจอ 10 นิ้ว แต่ก็ยังคงถึงความสะดวกในการใข้งานไว้เช่นเดิม มีการออกแบบที่โดดเด่นต่างกับแท็บเล็ตตัวอื่นๆ และมีความยืดหยุ่นในการใช้งานที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บไซต์ เล่นเกม หรือความบันเทิงต่างๆ ก็ตอบสนองได้ดั่งใจต้องการ และมาพร้อมกับหน้าจอความคมชัดถึงระดับ Full HD? คมชัดกันไปข้างนึงเลยล่ะครับ นอกจากนี้ยังได้ขุมพลังจาก Intel Atom ที่เติมเต็มประสิทธิภาพการใช้งานให้กับ Lenovo Yoga Tablet 2 อีกด้วย หลายๆคนก็อาจจะรู้ถึงรายละเอียดต่างๆ กันแล้วเอาเป็นว่ามาชมกับ รีวิว Lenovo Yoga Tablet 2 กันดีกว่าครับ แต่ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับสเปคของเจ้าตัว Lenovo Yoga Tablet 2 อันดับแรกเลยครับ
สเปค Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1)
- ชิปประมวลผล Intel Atom Z3745 มี 4 คอร์ประมวลผล ความเร็ว 1.86 GHz
- แรม 2 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1200 (Full HD)
- รอม 32 GB รองรับการเพิ่ม MicroSD
- ใส่ซิมได้ 1 ซิม รองรับ 4G LTE ใช้งาน 3G ได้ทุกเครือข่าย
- ลำโพงคู่หน้าสเตอริโอ ระบบเสียง Dolby
- กล้องหลัง 8 ล้าน กล้องหน้า 1.6 ล้าน
- แบตเตอรี่ 9600 mAh
- สเปค Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) เต็มๆ?
- ราคา 14,900 บาท (อย่างไม่เป็นทางการ)
จากสเปคเห็นได้ชัดเจนเลยครับว่า มีการปรับเปลี่ยนสเปคจากรุ่นก่อนพอสมควรเลย ไม่ว่าจะเป็นหันมาใช้ชิปประมวลผลของ Intel Atom หรือจะเป็นหน้าจอความละเอียด Full HD นอกจากนั้นยังรองรับการใช้งาน 4G LTE ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสเปคนี่มาเติมเต็มกับการใช้งานแท็บเล็ตในยุคปัจจุบันได้ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะใช้งานประเภทไหนก็ใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาเลยครับ
ข้อดี
-?สามารถเปลี่ยนโหมดรูปแบบการใช้งานเครื่องได้หลากหลาย
-?ใช้งาน 3G/4G LTE ได้อย่างไร้ปัญหา
-?ระบบเสียง Dolby ทำให้เสียงที่ออกมามีมิติยิ่งขึ้น
-?แบตเตอรี่ใช้งานอย่างต่อเนื่องได้ถึง 18 ชั่วโมง นาวนานมากกกก
ข้อเสีย
-?ตัวกล้องภาพถ่ายที่ออกมายังไม่ค่อยประทับใจ
บทสรุป
BEST?FOR WORK
Design
หน้าจอระดับ Full HD
Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) มองๆดูหน้าตาแล้วแทบจะไม่แตกต่างจากรุ่นแรกเลย ที่มาพร้อมกับขาตั้งอเนกประสงค์ที่ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนของบานพับนี้จะเป็นอลูมิเนียม ที่มีความแข็งแรงเลยทีเดียวเลย แต่เมื่อสังเกตุดูที่บานพับจะเห็นเป็นช่องอยู่ ซึ่งในส่วนนี้ก็จะไว้สำหรับแขวน ว่าๆไปแล้วก็แหวกแนวดีนะครับ ซึ่งยังไม่มีแท็บเล็ตตัวไหนที่ทำออกมาแบบนี้เลย ถ้าถามว่า มีแล้วจะได้ใช้ประโยชน์ไหม สำหรับผมถ้ามองไปอีกแนวนึง ถ้าคนที่ทำธุรกิจสื่อโฆษณา หรือออกบูธร้านค้าตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ก็สามารถที่จะเอาไปแขวนเพื่อโปรโมทสินค้าก็ได้ หรือจะเป็นสื่อเพื่อพรีเซนต์ก็ยังได้ นอกเหนือจากนี้ก็ยังคงถึงรูปแบบเดิมอยู่ คือ Stand Mode, Tilt Mode และ Hold Mode
ส่วนด้านหน้าของ Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) ก็ยังคงมีรูปแทบที่เหมือนเดิมอยู่ ด้านหน้าก็จะไม่มีปุ่มกดใดๆ ออกแนวเรียบๆ ตามขอบของจอจะเป็นสีดำ ซึ่งถ้ามองแล้วหน้าจอจะกลมกลืนไปกับตัวของหน้าจอเลย ตัวกล้องหน้าจะอยู่ทางซ้ายของตัวเครื่อง และถัดลงมาด้านล่างตามแนวแกนก็จะเป็นลำโพงสเตอริโอ ระบบเสียง Dolby ที่ทำให้เสียงที่ออกมามีมิติยิ่งขึ้น จากที่ได้ทดลองเปิดเพลง ก็ยังอยู่ในระดับที่ดีครับ เสียงดังใช้ได้เลย แต่หากลองเล่นกับเกมแนวแอ็คชั่นแล้ว อย่างกับผมได้ลองเล่นกับเกม N.O.V.A แล้ว กระหึ่มเลยเลยล่ะครับ เสียงเอฟเฟคนี่มีมิติมากๆ หากใครชอบแนวนี้ล่ะก็คงชอบไปตามๆกัน
ในส่วนของด้านหลัง Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) จะเลือกใช้เป็นสีแบบโทนเดียวสีเงิน ให้ความรู้สึกกับเหมือนอลูมิเนียม แต่เมื่อสังเกตลงไปแล้ว วัสดุด้านหลังนี้จะแตกต่างกัน โดยตัวที่เป็นอลูมิเนียมจะมีเพียงส่วนบานพับเท่านั้น? นอกจากนั้นก็จะเป็นพลาสติก แต่ในส่วนที่เป็นพลาสติกก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องเปราะบางไปเลย ยังคงถึงความแข็งแรงเช่นเดิม ด้วยวัสดุพลาสติกที่สัมผัสดูแล้วดูแข็งแรง และพรีเมียม ตามแนวแกนบานพับจะมีกล้องถ่ายรูปอยู่ โดยขอบของเลนส์กล้องจะมีวงอลูมิเนียม เพื่อไว้ป้องกันไม่ให้ตัวเลนส์สัมผัสกับพื้นขณะที่วางไว้? ที่จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือขนแมวทำให้หายห่วงในเรื่องนี้ไปได้เลย
บานพับของ Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) จะไม่มีร่องสำหรับเปิดบานพับขึ้น แต่จะเป็นการใช้มือหมุนเพื่อที่จะเปิดบานพับออก แต่ถ้าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนจะเห็นได้ชัดว่าบานพับจะหมุนออกได้ง่ายขึ้น จะไม่มีความฝืดมากนัก ทำให้ไม่ต้องใช้แรงในการหมุนมาก เมื่อเปิดบานพับออกมาก็จะเจอรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับตัวเครื่อง ทางด้านซ้ายจะมีช่องๆนึง ซึ่งถ้าเปิดช่องนั้นขึ้นมาก็จะเป็นช่องสำหรับใส่ MicroSD และไมโครซิม
มาดูต่อกับรอบๆตัวเครื่องครับ ทางด้านซ้ายของหน้าจอจะมีปุ่ม Power ซึ่งภายใต้ปุ่ม Power จะมีไฟ LED อยู่ ซึ่งจะเป็นไฟแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่นมีข้อความเข้ามา, แจ้งเตือนอีเมล รวมถึงการแจ้งเตือนของระบบ ทั้งนี้ LED จะมีสีขาวเพียงสีเดียวเท่านั้น ถัดจากปุ่ม Power จะเป็นช่อง Micro USB ไว้สำหรับชาร์ทและซิงค์ข้อมูล นอกจากนั้นถ้านำสาย USB OTG มาเชื่อมต่อกับตัวเครื่องก็สามารถชาร์ทไฟให้กับอุปกรณ์อื่นๆได้อีกด้วย พูดง่ายๆมันก็จะเหมือน Power Bank ประมาณนั้นครับ ถือว่าตัวนี้ก็เป็นข้อดีอีกจุดหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ เผื่อฉุกเฉินตอนสมาร์ทโฟนแบตเตอรี่จะหมด ก็ให้เจ้า Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) ช่วยชาร์จได้ และด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 9600 mAh ก็ใช้กันได้อย่างเพียงพอครับ และสุดท้ายถัดจากช่อง Micro USB จะเป็นปุ่มเพิ่มและลดเสียง ที่จะสลับตำแหน่งการใช้งานไปตามลักษณะการหมุนของตัวเครื่อง ส่วนด้านขวาจะเป็นช่องสำหรับเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และรูเล็กๆ ด้านข้างช่องเสียบแจ็คหูฟังก็คือรูไมโครโฟน สำหรับรับเสียงครับ
ส่วนของหน้าจอที่มีขนาด 10 นิ้ว ที่มีความละเอียด 1920 x 1200 Full HD บนพาเนลหน้าจอ IPS การแสดงผลโดยรวมถือว่าน่าประทับใจครับ สีไม่จัดจ้านมากเกินไป แต่ถ้าสังเกตลงไปที่หน้าจอ ตรงฟอนต์ของระบบ หรือตัวของแอพพลิเคชั่น ตัวฟอนต์จะแตกๆ อันนี้น่าจะเป็นมาจากตัวซอฟต์แวร์ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับผม เพราะหากใช้งานในส่วนอื่นก็ไม่มีผิดปกติ อย่างดูวีดีโอผ่านทาง Youtube หรือเล่นไฟล์วีดีโอ ก็แจ่มเลยล่ะครับ ซึ่งจะตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบดูหนังดูวีดีโอมากเลยล่ะ ส่วนมุมมองของหน้าจอชัดทุกมุมมอง ความสว่างของหน้าจอจัดได้ว่าดีเลย เล่นกลางแจ้งก็สามารถสู้แดดได้ครับ แต่อาจจะมีการสะท้อนจากจอเล็กน้อย
โดยรวมแล้วการออกแบบของ?Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) ก็ถือว่าโอเคเลยล่ะครับ แต่หากใครที่ใช้รุ่นก่อนหน้านี้มาอาจจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ซักเท่าไหร่ ก็จะยังคงลักษณะแบบเดิมเลยก็ว่าได้ ก็ว่าด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ Lenovo ที่ทำออกมาเพื่อให้ใช้ได้อย่างสะดวก ส่วนเรื่องของงานประกอบก็พรีเมียม ดูแล้วแข็งแรงใช้ได้เลย น้ำหนักของตัวเครื่องก็อยู่ในระดับที่รับได้ครับ ไม่หนักจนเกินไป ด้วยน้ำหนักประมาณ 600 กรัม เมื่อเทียบกับแท็บเล็ตหน้าที่มีหน้าจอขนาด 10 นิ้ว น้ำหนักก็จะไล่เลี่ยกันครับ ทำให้ถือได้อย่างไม่หนักมาก หรือหากถือเล่นไปแล้วล้ามือ ก็ยังสามารถเปลี่ยนโหมดการใช้งานไปเป็นโหมดอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น Stand Mode, Hold Mode, Tilt Mode, Hang Mode
ส่วนด้านล่างนี้ก็จะเป็นแกลเลอรี่ภาพมุมต่างๆของ?Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) รับชมกันได้เลยจ้า
Software
Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 4.4.2 Kitkat ที่เป็น UI ของทาง Lenovo เอง หากใครเคยใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ Lenovo มาก่อนแล้ว ก็คงจะคุ้นเคยกันดีกับตัว Launcher ครับด้วยธีมที่มีสีสันที่สดใส และจะไม่มี App Drawer ลักษณะก็จะคล้ายๆกับ iOS ที่แอพพลิเคชั่นจะมารวมกันอยู่ที่หน้าโฮมเลย สามารถสร้างโฟลเดอร์เพื่อที่จะย้ายแอพพลิเคชั่นเข้ามาได้ เพื่อที่จะได้ไม่รกหน้าจอจนเกินไป การใช้งานของตัวซอฟต์แวร์ยังไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ครับ เพราะจะมีอาการหน่วงๆอยู่บ้าง
ส่วนพื้นที่จัดเก็บของตัวเครื่องที่มีให้มา 32 GB จะเหลือให้ใช้งานเพียง 25 GB เท่านั้น หากใช้ไม่พอก็สามารถพวก MicroSD ได้ครับ เพิ่มได้สูงสุดถึง 64 GB กันเลยทีเดียว หรือจะแชร์ไปยัง Cloud ของ Lenovo ก็ได้เช่นกัน ผ่านแอพ SHAREit และ SYNCit
นอกจากนั้น Lenovo Yoga Tablet 2 (10.1) ยังมีฟีเจอร์เด่นอีกตัวที่เพิ่มเข้ามา อย่างกับมัลติทาสกิ้ง ที่จะช่วยให้คุณสามารถเปิดแอพพลิเคชั่นได้หลายแอพพร้อมๆกัน เมื่อเปิดใช้งานสามารถที่จะปรับขนาดของหน้าต่างแอพได้ จากที่ได้ทดลองเปิด Youtube และเปิดเว็บไซต์ไปด้วย ก็ใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ ไม่มีอาการกระตุกให้เห็น อาจจะเนื่องด้วยแรมที่มีขนาดถึง 2 GB? ที่เหลือให้เพียงพอต่อการใช้งานมัลติทาสกิ้งครับ
Feature
แน่นอนครับว่า Lenovo YOGA Tablet 2 (10.1) มาพร้อมกับโหมดการทำงานต่างๆ ที่จะเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้หลากหลายแนว ตามใจคุณต้องการเลย เพียงแค่กางบานพับและพลิกเครื่องเพียงเท่านั้น โดยจะมีโหมดการทำงานหลักๆ 4 โหมด คือ Hold, Stand, Tilt และสุดท้าย Hang ซึ่งเป็นโหมดใหม่สำหรับนำเครื่องไปแขวนไว้ตามต้องการ มาเริ่มดูกันกับโหมดการใช้งานแรกกันเลยครับ
Camera
Lenovo YOGA Tablet 2 (10.1) ตัวกล้องหลักมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนของโหมดการใช้งานจะไม่มีอะไรมากนัก ยังคงความเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ส่วนใหญ่แล้วก็จะเน้นไปในโหมดการถ่ายแบบออโต้เป็นหลัก?ทำให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องที่สะดวกไม่ต้องปรับแต่งอะไรมากตามแบบฉบับของ Lenovo โดยคุณภาพของการถ่ายก็ยังอยู่ในระดับที่รับได้ครับ แต่ภาพเมื่อถ่ายกลางแจ้งแล้วสีจะหม่นๆไปหน่อย??และหากถ่ายในที่มืดภาพที่ออกมาอาจจะมี Noise เยอะพอสมควร ซึ่งก็ใช้โหมดถ่ายภาพแบบ HDR ช่วยได้อยู่ในระดับนึง
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 1.8 ล้านพิกเซล ก็อาจจะไม่ต้องหวังอะไรมากกับคุณภาพครับ เอาไว้ถ่ายเล่นขำๆ หรือเอาไว้วีดีโอคอลก็ยังได้ แต่หากจะถ่าย Selfie หน้าสวยก็คงจะไม่ใช่ครับ
Performance
มาดูกันต่อครับกับประสิทธิภาพของตัวเครื่อง จากที่ได้ทดสอบกับแอพพลิเคชันอย่าง Antutu Benchmark คะแนนจะอยู่ที่ 34,894 คะแนน ด้วยประสิทธิภาพของ Intel Atom Z3745?ซึ่งก็อยู่ในระดับที่แรงพอตัว แต่อาจจะไม่ถึงกับพวกสเปคระดับท็อป เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานกับแอพลิเคชั่นทั่วๆ ไปได้สบายแล้วครับ หรือจะเล่นเกมที่มีกราฟิคหนักๆ ก็ยังไหว ในส่วนของแรมก็ให้มาถึง 2 GB ซึ่งพอเพียงต่อการใช้งานครับ ทำให้ใช้มัลติทาสกิ้งได้อย่างไม่มีปัญหา
ส่วนของแบตเตอรี่นั้นเรียกได้ว่าจัดเต็มมากครับ เพราะให้แบตเตอรี่มาถึง?9600 mAh ซึ่งตามสเปคแล้วบอกว่าใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 18 ชั่วโมง แต่จากการใช้งานของผมเปิดใช้งานไปหนึ่งวันเต็มๆ ก็ยังเหลือแบตเตอรี่อีกเกือบครึ่งเลยครับ โดยการใช้งานจะเล่นโซเชียล, Youtube และเล่นเกมเล็กน้อย แต่ถ้าพูดถึงหน้าจอระดับ Full HD เรื่องของการจัดการแบตเตอรี่เรียกได้ว่าทำได้ดีเลยทีเดียว