เปรียบเทียบ iPhone 13 Pro vs iPhone 12 พี่ใหญ่รุ่นใหม่กับรุ่นเก่าน้องเล็กจะเลือกซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน?
ใกล้จะถึงวันวางขายอย่างเป็นทางการของประเทศไทยเราแล้ว ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 นี้ที่เปิดให้จอง และเปิดการวางจำหน่ายในวันที่ 8 ตุลาคม 2564 กับอุปกรณ์ที่เปิดตัวออกมาใหม่ล่าสุดจาก Apple นั่นก็คือ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro ใครที่รอสอยรอซื้อกันอยู่ก็อย่าลืมติดตามโปรดีๆ จากค่ายต่างๆ ที่เราจะมาอัพเดทกันอีกทีในวันที่เปิดจอง ส่วนรุ่นที่ยังมีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในศูนย์บริการของ Apple นั้นจะเหลือเพียง iPhone SE (รุ่นที่ 2), iPhone 11, iPhone 12, iPhone 13 และ iPhone 13 Pro เท่านั้น สำหรับใครที่กำลังคิดอยู่ว่าจะซื้อ iPhone รุ่นไหนดี ระหว่างตัวเก่ารุ่นเล็กที่ยังวางขายอยู่อย่าง iPhone 12 กับรุ่นพี่ใหญ่ตัวใหม่อย่าง iPhone 13 Pro วันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบสเปคกันจุดต่อจุดเลยว่า iPhone 13 Pro vs iPhone 12 ทั้งสองรุ่นนี้มีความต่างกันมากน้อยแค่ไหนในเรื่องของสเปคตัวเครื่อง กล้อง และที่สำคัญคือราคาทั้งสองรุ่นที่ต่างกันหมื่นต้นๆ เท่านั้นในรุ่นเริ่มต้น ไปดูกันเลยว่าจะซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน หรือรุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง ส่วนใครที่อยากเทียบรุ่นอื่นๆ กดข้ามไปดูบทความเกี่ยวข้องด้านล่างได้เลย
- ตารางเปรียบเทียบสเปคของ iPhone 13 Pro vs iPhone 12
- เปรียบเทียบราคาของ iPhone 13 Pro vs iPhone 12
- การดีไซน์ตัวเครื่อง iPhone 13 Pro vs iPhone 12
- หน้าจอ iPhone 13 Pro vs iPhone 12
- ชิปประมวลผล iPhone 13 Pro vs iPhone 12
- กล้องหลังและกล้องหน้าของ iPhone 13 Pro vs iPhone 12
- แบตเตอรี่ iPhone 13 Pro vs iPhone 12
- สรุป iPhone 13 Pro vs iPhone 12 ซื้อรุ่นไหนดี
- บทความเปรียบเทียบ iPhone รุ่นอื่นๆ
ตารางเปรียบเทียบสเปคของ iPhone 13 Pro vs iPhone 12
ข้อมูล\ รุ่น | iPhone 13 Pro | iPhone 12 |
ขนาด | 146.7 x 71.5 x 7.65 มม. | 146.7 x 71.5 x 7.4 มม. |
น้ำหนัก | 203 กรัม | 162 กรัม |
หน้าจอ | OLED จอภาพ Super Retina XDR ระดับ HDR กว้าง 6.1 นิ้ว เทคโนโลยี ProMotion 120Hz | OLED จอภาพ Super Retina XDR ระดับ HDR กว้าง 6.1 นิ้ว |
สี | กราไฟต์, ทอง, เงิน, เซียร์ร่าบลู | ดำ, ขาว, แดง , เขียว, น้ำเงิน, ม่วง |
ชิปประมวลผล | Apple A15 Bionic | Apple A14 Bionic |
RAM | 6GB | 4GB |
ROM | 128GB, 256GB, 512GB, 1TB | 64GB, 128GB, 256GB |
กล้องหน้า | TrueDepth 12MP Cinematic Mode | TrueDepth 12MP |
กล้องหลัง | TelePhoto 12MP + Wide 12MP + Ultrawide 12MP LiDAR Scanner ProRAW, ProRes Cinematic Mode | Wide 12MP + Ultrawide 12MP |
แบตเตอรี่ | 3,095 mAh MagSafe, Lightning | 2,775 mAh MagSafe, Lightning |
การเชื่อมต่อ | 5G, WiFi 6 | 5G, WiFi 6 |
เปรียบเทียบราคาของ iPhone 13 Pro vs iPhone 12
ความจุ\ รุ่น | iPhone 13 Pro | iPhone 12 |
64GB | – | 25,900 บาท |
128GB | 38,900 บาท | 27,900 บาท |
256GB | 42,900 บาท | 31,900 บาท |
512GB | 50,900 บาท | – |
1TB | 58,900 บาท | – |
จากตารางราคาด้านบนนี้จะเห็นได้ว่าราคาของ iPhone 13 Pro vs iPhone 12 ถ้าเทียบกันเพียงราคาเริ่มต้นจะมีความห่างกันประมาณหมื่นต้นๆ ทั้งรุ่นความจุเริ่มต้น และรุ่นที่มีความจุเท่ากันก็จะห่างกันประมาณนี้เหมือนกัน ยกเว้นแต่ iPhone 13 Pro รุ่นที่มีความจุมากกว่า iPhone 12 ราคาก็จะโดดสูงขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าจะเทียบกันเรื่องราคาจริงๆ ก็ให้เปรียบเทียบกันที่รุ่นความจุเท่ากันจะดีกว่า แต่ถ้าใครที่ต้องการเก็บไฟล์เยอะๆ ชอบถ่ายรูปถ่ายวิดีโอเยอะๆ แนะนำว่าให้ซื้อรุ่นความจุสูงๆ จะดีกว่า จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลเลย
ดีไซน์ตัวเครื่องที่มีขนาดพอๆ กัน
เริ่มกันที่การดีไซน์ตัวเครื่องภายนอกของ iPhone 13 Pro vs iPhone 12 กันก่อนเลย ที่ทั้งสองรุ่นนี้มีขนาดที่ใกล้เคียงกันมากๆ เรียกได้ว่าคนที่ไม่ได้ชอบมือถือใหญ่มากไปและไม่เล็กเกินไป ทั้งสองรุ่นนี้ยังตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีอยู่ด้วยขนาดความสูง + กว้างเท่ากันหมด แต่จะต่างกันที่ iPhone 13 Pro จะหนาและหนักกว่าเล็กน้อยเนื่องจากความจุแบตที่มากกว่า iPhone 12 นั่นเอง ส่วนจุดอื่นๆ ที่สามารถสังเกตได้ง่ายมากที่สุดนั่นก็คือกล้องหลังที่ iPhone 12 จะเป็นกล้องคู่ แต่ว่าในรุ่น iPhone 13 Pro จะเป็นกล้อง 3 ตัวพร้อมกับรอยบาก (Notch) ตรงหน้าจอที่เล็กลงด้วย
อีกอย่างที่ต่างกันก็คือเรื่องของสีสันตัวเครื่องและวัสดุที่ใช้งาน ซึ่งในรุ่น iPhone 12 จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 สีคือสีดำ, ขาว, แดง , เขียว, น้ำเงิน และม่วง ใช้วัสดุตัวเครื่องด้านหน้าเป็น Ceramic Shield กับด้านหลังที่เป็นกระจกเงาและอะลูมิเนียม ส่วนรุ่นใหม่อย่าง iPhone 13 Pro จะมีสีน้อยกว่าเพียง 4 สีคือกราไฟต์, ทอง, เงิน และสีใหม่คือเซียร์ร่าบลู พร้อมกับวัสดุหน้าจอ Ceramic Shield และด้ายหลังที่เป็นกระจกแบบด้านพร้อมกรอบสแตนเลสสตีลเงาวับสวยงามมาก ตรงนี้ใครที่ชอบเรื่องสีสันตัว iPhone 12 จะมีตัวเลือกให้เลือกเยอะกว่า แต่ถ้าชอบแบบแนวพรีเมียมเงาๆ หน่อย iPhone 13 Pro จะเหมาะกว่า
หน้าจอตัวใหม่ไหลลื่นกว่าเยอะ
มาต่อกันในเรื่องของหน้าจอของ iPhone 13 Pro vs iPhone 12 ที่ต้องบอกว่า iPhone 13 Pro นั้นไปไกลกว่ามากแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีด้านหน้าที่เป็น Ceramic Shield และความกว้างหน้าจอ 6.1 นิ้วเหมือนกันแต่ว่าสเปคข้างในจะต่างกันมาก อย่างแรกก็คือ iPhone 12 จะมีหน้าจอเป็นแบบ Super Retina XDR จอภาพ OLED กับความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซลที่ 460 ppi เท่ากันและเหมือนกันหมดทั้งสองรุ่น และยังมีความสว่างหน้าจอแบบ HDR เท่ากันคือ 1,200 นิต ส่วนความสว่างแบบทั่วไปของ iPhone 12 จะน้อยกว่าคือ 625 นิต ในขณะที่รุ่นใหม่อย่าง iPhone 13 Pro จะมีความสว่างหน้าจอแบบทั่วไปมากถึง 1,000 นิตทำให้ความสว่างหน้าจอตอนกลางแดดจะสว่างกว่ากันเยอะเลย ที่สำคัญคือหน้าจอที่เป็น ProMotion อัตรา Refresh Rate 120Hz ในรุ่นใหม่นี้ ก็เข้ามาช่วยเสริมให้หน้าจอไหลลื่นไม่ว่าจะใช้ทั่วไป หรือว่าจะเล่นเกมก็ไม่มีสะดุด นอกจากนี้ในเรื่องของหน้าจอที่เป็น True Tone กับขอบเขตสีจะเหมือนกันที่ P3
ชิปตัวใหม่ที่แรงแซงหน้าทุกรุ่นที่เคยมีมา
สำหรับชิปประมวลผลของ iPhone 13 Pro vs iPhone 12 นั้นความจริงแล้วถ้าพูดถึงความเร็วแรงคงไม่ต้องคิดเลย เพราะว่ารุ่นใหม่อย่าง iPhone 13 Pro จะมีความเร็วแรงกว่ากันเยอะมาก ด้วยชิปที่เป็น Apple A15 Bionic พร้อมกับ CPU แบบ 6-Core และ GPU 5-Core รวมไปถึง Neural Engine แบบ 16-Core แบบใหม่ทั้งหมดที่ช่วยทั้งเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน เล่นเกมหรือเปิดแอพหลายแอพก็ทำได้ลื่นๆ และยังช่วยประหยัดแบตให้เราใช้งานได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ส่วนในตัวของ iPhone 12 นั้นจะยังคงเป็นชิปตัวเดิมคือ Apple A14 Bionic พร้อมกับ CPU 6-Core และ GPU 4-Core ที่ยังแรงได้ไม่เท่าแน่นอน แต่ถ้าเรื่องการใช้งานแบบทั่วไป หรือว่ายังเร็วแรงอยู่หรือไม่ อันนี้ก็ตอบได้เลยว่ายังมีประสิทธิภาพการทำงานที่เยี่ยมเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่แรงเท่ารุ่นใหม่แค่นั้นเอง ส่วนเรื่องการใช้งาน 5G และกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP68 เหมือนกันหมด นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความจุตัวเครื่องที่ iPhone 12 จะมีให้เลือกเพียง 3 ขนาดคือ 64GB, 128GB, 256GB ส่วน iPhone 13 Pro จะเพิ่มขึ้นมาเยอะจัดเลยที่ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB
กล้องหลังและกล้องหน้าก็ยังห่างกันเยอะ
ไม่เพียงแต่เรื่องของชิปประมวลผลที่ต่างกันเยอะอย่างเดียว เรื่องของกล้องหลังและกล้องหน้าของรุ่นปกติ ความจริงก็จะมีความต่างกันพอสมควรอยู่แล้ว แต่เมื่อเป็นกล้องรุ่น Pro กับรุ่นปกติที่เก่ากว่า ยังไงรุ่นใหม่ก็ถ่ายได้ดีกว่าเยอะแน่นอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากล้อง iPhone 12 ไม่ดีนะ เพียงแต่ยังเป็นรุ่นปกติที่ถ่ายแบบทั่วไปได้ดีแต่ยังไม่ถึงกับโปร โดยจะเป็นกล้องคู่ที่ความละเอียด 12MP คือเลนส์ไวด์ ƒ/1.6 และอัลตร้าไวด์ ƒ/2.4 พร้อมกับการถ่ายตอนกลางคืนด้วย Deep Fusion ถ่ายรูปด้วย HDR อัจฉริยะ 3 และซูมออปติคัลได้ 2 เท่า ดิจิตอลได้ 5 เท่า กับกันสั่นแบบออปติคัลปกติเลย ส่วนการถ่ายวิดีโอก็สามารถถ่ายได้ถึงระดับ 4K และ HDR ในแบบ Dolby Vision
ส่วนของ iPhone 13 Pro จะเป็นกล้อง 3 ตัวที่ความละเอียด 12MP เลนส์เทเลโฟโต้ ƒ/2.8 เลนส์ไวด์ ƒ/1.5 และเลนส์อัลตร้าไวด์ ƒ/1.8 จะเห็นได้ว่ารูรับแสงของ iPhone 13 Pro จะกว้างกว่าเยอะเลย ทำให้สามารถเก็บแสงหรือถ่ายตอนกลางคืนด้วย Deep Fusion ดีกว่ากันเยอะ แถมยังมีสแกนเนอร์ LiDAR ที่ช่วยให้ถ่ายบุคคลตอนกลางคืนได้รายละเอียดครบๆ อีกด้วย ตัวโปรก็ยังคงมีกันสั่นแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ในตัว และถ่ายรูปได้ถึง HDR อัจฉริยะ 4 แล้ว นอกจากนี้ยังเก็บไฟล์ Apple ProRAW และ ProRes ที่ถ่ายแล้วตัดต่อได้เลยสบายๆ ตัวเด็ดของรุ่นใหม่ก็คือ Cinematic Mode ที่รองรับ HDR แบบ Dolby Vision สามารถปรับโฟกัสตอนถ่ายวิดีโออัตโนมัติ หรือจะมาปรับชัดลึกหลังจากที่ถ่ายแล้วก็ได้ แถมยังถ่ายมาโครทั้งรูปและวิดีโอได้ด้วย ส่วนกล้องหน้าของทั้งสองรุ่นจะเป็นกล้อง TrueDepth ความละเอียด 12MP เหมือนกัน แต่ของ iPhone 13 Pro จะสามารถ่าย Cinematic Mode และคุณสมบัติสไตล์ภาพถ่ายกับ HDR อัจฉริยะ 4 ได้แล้ว
แบตเตอรี่ที่ห่างกันพอตัว
สำหรับแบตเตอรี่ของตัวใหม่คือ iPhone 13 Pro ก็ได้มีคนแกะเครื่องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วพบว่ามีความจุแบตอยู่ที่ 3,095 mAh ส่วนของ iPhone 12 มีความจุอยู่ 2,775 mAh จะเห็นได้ว่าความจุนั้นห่างกันพอสมควรเลย ยิ่งถ้ารวมเข้ากับชิปของตัวใหม่ที่ประหยัดแบตกว่าเดิม ทำให้ iPhone 13 Pro สามารถเล่นวิดีโอได้สูงสุด 22 ชั่วโมงและดูสตรีมได้สูงสุด 20 ชั่วโมง หรือฟังเพลงได้นานสูงสุด 75 ชั่วโมง ส่วนของ iPhone 12 จะสามรถเล่นวิดีโอได้สูงสุดเพียง 17 ชั่วโมง ดูสตรีมได้สูงสุด 11 ชั่วโมง (เกือบครึ่งนึงของตัวใหม่เลย) หรือฟังเพลงได้นานสูงสุด 65 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จจะยังคงเป็นพอร์ต Lightning และชาร์จแบบ MagSafe ได้เหมือนกันรวมไปถึงชาร์จเร็วได้เท่ากันด้วย
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างกับการเปรียบเทียบ iPhone 13 Pro vs iPhone 12 ที่ดูจะเทียบกันไม่ติดเลยด้วยซ้ำ ทั้งสเปคตัวเครื่องที่ใหม่กว่า เร็วแรงประหยัดแบตได้ดีกว่า รวมไปถึงกล้องที่สามารถถ่ายได้ดีกว่ากันเยอะมาก ถ้าใครมีงบพออยู่แล้วและยังไม่รู้ว่าจะซื้อรุ่นไหนดี แนะนำว่าให้ขยับขึ้นไปซื้อรุ่นใหม่อย่าง iPhone 13 Pro เลยจะดีกว่าเยอะมาก แต่ถ้าใครที่คิดว่าไม่ได้จะซื้อไปถ่ายรูปแบบโปร หรือว่าจะใช้เล่นเกมกับใช้งานแบบทั่วไปในราคาที่ต่างกันหมื่นต้นๆ ก็สามารถเลือกซื้อตัว iPhone 12 ได้เหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าจะไม่เทพเท่ารุ่นใหม่ แต่ก็ยังใช้งานได้เร็วแรงปกติเหมือนเดิม ดังนั้นใครที่มีตัวเลือกในใจเป็นสองรุ่นนี้ ก็ให้ดูที่การใช้งานของตัวเองเป็นหลักเลย ถ้าอยากได้แบบใช้งานทั่วไปก็ซื้อ iPhone 12 ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากได้ไว้เน้นถ่ายรูปโปรๆ ก็แนะนำว่าให้ซื้อ iPhone 13 Pro ไปเลยจะคุ้มกว่า แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เทียบสเปค iPad mini 6 vs iPad Air 4 ต่างกันตรงไหนและรุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง?
- iPad mini 6 vs iPad mini 5 อัพเดตใหม่ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง เราเทียบให้ดูแล้ว!!
- iPad 9 vs iPad Air 4 ซื้อรุ่นไหนคุ้มกว่ากันระหว่างตัวเก่ากับตัวใหม่ มีสเปคอะไรต่างกันบ้าง?
- เปรียบเทียบความต่างของสเปค iPhone 13 vs iPhone 11 จะซื้อรุ่นใหม่หรือใช้รุ่นเก่าดีกว่ากัน?
- iPhone 12 ตอนนี้ยังน่าซื้ออยู่ไหม หรือจะรอ iPhone 13 ดี เรามาดูกัน!! [อัพเดตหลังเปิดตัว]
- เปรียบเทียบกันชัดๆ iPhone 13 Pro vs iPhone 13 มีสเปคต่างกันแค่ไหนและซื้อรุ่นไหนดี?
- iPhone 13 Pro Max vs iPhone 12 Pro Max ต่างกันตรงไหนบ้าง จะซื้อหรือจะรอ เรามาดูกัน!!
- เปรียบเทียบสเปค Apple Watch Series 7 vs Apple Watch Series 6 มีอะไรใหม่และควรซื้อรุ่นไหนดี?
- อัพเดทราคา iPhone ทุกรุ่นล่าสุดจาก Apple Dtac True AIS กันยายน 2021