iPhone 12 คือ iPhone รุ่นล่าสุดของ Apple ในปัจจุบันนี้ แถมอีกไม่นาน iPhone 13 ก็จะวางขายแล้วด้วย ทำให้น่าจะมีคนที่ลังเลกันอยู่บ้างว่าจะซื้อหรือจะรอดี เราเลยจะมาลองวิเคราห์กันดูคร่าวๆ ว่ามันคุ้มไหมที่จะซื้อ iPhone 12 ตอนนี้ หรือจะรอซื้อ iPhone 13 เลยดี
iPhone 12 ตอนนี้ยังน่าซื้ออยู่ไหม
สำหรับหลายๆ คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อเลยดีหรือจะรอดี ตอนนี้ถือเป็นช่วงที่สามารถใช้เวลาค่อยๆ ตัดสินใจได้ เพราะยังพอมีเวลากว่า iPhone 13 จะทำการวางขาย ดังนั้นเราเลยจะมวิเคราะห์กันคร่าวๆ ว่าคุ้มไหมที่จะซื้อเครื่องตอนนี้เลย หรือจะรอซื้อ iPhone 13 แทนไปเลย
หน้าจอ
ในเรื่องของหน้าจอนั้น iPhone 12 ใช้เป็นหน้าจอ OLED ที่เรียกว่า Super Retina XDR มีขนาด 6.1 นิ้ว ซึ่งนับเป็นรุ่นแรกเลยที่ Apple ใส่หน้าจอ OLED ลงมาใน iPhone ทุกรุ่น ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้ iPhone รุ่นล่างได้หน้าจอที่มีสีสันที่สวยสดมากขึ้น ส่วนทางด้าน iPhone 13 เองก็ใช้หน้าจอแบบ OLED Super Retina XDR ที่มีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้วเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งยังมีความละเอียดที่เท่ากันด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือขนาดของ Notch มีขนาดที่เล็กลง ทำให้พื้นที่แสดงผลนั้นมีมากขึ้น (แต่ก็ยังมีค่า Refresh Rate ที่ 60Hz เช่นเดิม)
ชิปประมวลผล
สำหรับชิปประมวลผลนั้นในปัจจุบันชิปที่ใช้คือ Apple A14 Bionic ที่มาพร้อมกับโมเด็ม 5G Snapdragon X55 5G ซึ่งนับว่าเป็นโมเด็มที่ค่อนข้างเก่าพอสมควร ถึงแม้จะใช้กระบวนการผลิตที่ 5 นาโนเมตรเพิ่มเพิ่มความแรงและประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่ด้วยการที่มีชิปโมเด็มแยก ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานไปบ้าง โดยมใน iPhone 13 นั้นใช้ชิปประมวลผลเป็น Apple A15 Bionic แต่ยังคงใช้พื้นฐานการออกแบบลักษณะเดียวกับ A14 Bionic มาพร้อมกับ CPU 6 Core ที่แบ่งเป็น 4 Core ประหยัดพลังงานและ 2 Core ประสิทธิภาพสูง มาพร้อม GPU 4 Core และ Neural Engine ทั้งหมด 16 Core และใช้การผลิตที่ขนาด 5 นาโนเมตร
ที่แตกต่างก็คือปริมาณของทรานซิสเตอร์นั้นจะเพิ่มเป็น 15 พันล้านตัว ซึ่งเมื่อเทียบกับ A14 Bionic แล้วเพิ่มขึ้นมากเลย (ทรานซิสเตอร์ในชิป A14 Bionic มี 11.8 พันล้านตัว) นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มจำนวนการประมวลผลคำสั่งต่อวินาทีให้มากยิ่งขึ้นจากเดิมที่สามารถทำได้ 11 พันล้านคำสั่งต่อวินาทีเป็น 15.8 พันล้านคำสั่งต่อวินาที ทำให้การคำนวณ Machine Learning เร็วขึ้น รองรับฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 15 อย่าง Live Text ตอนถ่ายภาพ และช่วยให้ประมวลผลภาพถ่ายได้ดีขึ้นด้วย
กล้อง
ในเรื่องของกล้องนั้นไอโฟน 12 มาพร้อมกล้องความละเอียด 12MP จำนวน 2 เลนส์ ที่ประกอบไปด้วยเลนส์ wide และ ultrawide ซึ่งในเรื่องการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้วเราก็ไม่ได้ใช้ไปมากกว่านี้ ส่วนกล้องในไอโฟน 13 นั้นก้จะมี 2 เลนส์เช่นเดียวกับไอโฟน 12 คือเลนส์ wide และเลนส์ ultrawide ความละเอียด 12MP แต่มีการเปลี่ยนตำแหน่งจัดวางใหม่ให้เป็นแบบแนวทะแยงแทน นอกจากนี้ยังได้ทำการอัพเกรดกล้องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม Sensor-Shift ที่ช่วยลดการสั่นไหวของภาพได้ยิ่งขึ้น อัพเกรดให้กล้อง ultrawide สามารถเก็บแสงได้มากขึ้น ทำให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับกล้องหน้านั้นไม่ว่าจะเป็นไอโฟน 12 หรือไอโฟน 13 ต่างก็ใช้กล้องหน้าเป็นกล้อง TrueDepth ความละเอียด 12MP เช่นเดียวกัน ทำให้ไม่มีความแตกต่างกันเท่าที่ควร (ถ้ายังไม่ได้เครื่องมาลองคงบอกแบบละเอียดไม่ได้)
แบตเตอรี่
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นในไอโฟน 12 มีขนาด 2,815 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 20W ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่างไอโฟน 11 แล้วนับว่าน้อยลงไปนิดหน่อย แต่ถ้าวัดกันที่การใช้งาน 4G แล้วแทบไม่ต่างกันนัก ทว่าพอเปิด 5G แล้วแบตเตอรี่จะหมดเร็วขึ้นพอสมควร ซึ่งตรงนี้ส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากการที่มีโมเด็มแยกจากชิปประมวลผลนั่นเอง ถึงแม้ในปัจจุบันนี้จะยังลดเยอะอยู่ แต่ก็ถือว่าดีกว่าช่วงแรกที่เปิดตัวแล้ว สำหรับในเรื่องแบตเตอรี่ของไอโฟน 13 นั้นตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลใดๆ มีแค่ข่าวลือว่าอาจจะมีการเพิ่มขนาดขึ้น แต่ทว่าทาง Apple ก็เคลมมาแล้วว่าไอโฟน 13 นั้นจะใช้งานได้ยาวนานกว่าไอโฟน 12 แน่นอน
ราคา
หลังจากที่ไอโฟน 13 ทำการเปิดตัวไอโฟน 12 เองก็ได้รับการปรับราคาลงมาเล็กน้อยด้วย ซึ่งในที่นี้เราจะมาเทียบราคาให้ดูกัน โดยราคาที่จะเอามาเทียบนี้เป็นราคาขายบนหน้าเว็บ Apple เท่านั้น
รุ่น iPhone 12 iPhone 13 64GB 25,900 บาท – 128GB 27,900 บาท 29,900 บาท 256GB 31,900 บาท 33,900 บาท 512GB – 41,900 บาท
จากที่เห็นในตารางจะเห็นว่าจะมีความจุ 128GB และ 256GB ที่มีขายเหมือนๆ กัน แถมราคายังต่างกันแค่ 2,000 บาทอีกด้วย ซึ่งตรงนี้เองก็เป็นหนึ่งในจุดที่ทำให้ตัดสินใจได้ยากเช่นกัน
เทียบสเปคกับ iPhone 13
หลังจากที่เราได้ทำการเทียบราคาให้ดูกันแล้วคราวนี้มาดูเทียบสเปคกันบ้าง
iPhone 12 iPhone 13 หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
ขนาด 6.1 นิ้ว
2532 x 1170 พิกเซลSuper Retina XDR (OLED)
ขนาด 6.1 นิ้ว
2532 x 1170 พิกเซลชิปประมวลผล Apple A14 Bionic Apple A15 Bionic แรม 4GB 4GB หน่วยความจำ 64GB / 128GB / 256GB 128GB / 256GB / 512GB กล้องหลัง 12 MP f/1.6 (wide)
12 MP f/2.4 (ultrawide)12 MP f/1.6 (wide) + Sensor Shift OIS
12 MP f/2.4 (ultrawide)กล้องหน้า 12 MP f/2.2 12 MP f/2.2 แบตเตอรี่ 2,815 mAh
ชาร์จเร็ว 20Wยังไม่ทราบ
ชาร์จเร็ว 20W
จากในตารางไม่ว่าจะดูยังไงไอโฟน 13 ก็ดูดีกว่า ไม่ว่าจะเป็น Notch ที่เล็กลง ชิปที่ประมวลผลได้ดีขึ้น กล้องที่มีการใส่ Sensor-Shift OIS มา ความจุเริ่มต้นที่ 128GB (ปัจจุบันนี้ 64GB มันไม่พอใช้แล้ว) รวมถึงแบตเตอรี่ที่น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
แต่ถ้าให้สรุปว่าตอนนี้สมควรซื้อไอโฟน 12 ไปเลยดีหรือจะรอไอโฟน 13 ดี ขอบอกเลยว่าถ้าจำเป็นต้องซื้อตอนนี้ก็คงต้องซื้อไป แต่ถ้ารอได้ก็อยากให้รอไปก่อนไม่ว่าจะเป็นการซื้อไอโฟน 12 หรือไอโฟน 13 ก็ตาม เนื่องจากหาก iPhone 13 ใกล้จะวางขายเมื่อไร ก็จะต้องมีคนมาแห่ขายไอโฟน 12 เป็นจำนวนมากแน่ ในจังหวะนั้นราคาจะถูกลงอย่างเหลือเชื่อ (แถมเป็นแบบสภาพดีสุดๆ ด้วย) ในจังหวะนั้นค่อยมาตัดสินใจกันอีกทีว่าจะเลือกรุ่นไหน จะประหยัดก็ดีหรือจะเอาของใหม่ก็ดี ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆ แล้วทีนี้
สำหรับใครที่สนใจ iPhone 12 แต่ไม่อยากจ่ายเต็ม เราได้รวบรวมโปรผ่อนมาไว้ให้แล้ว เข้าได้ดูได้เลยที่ รวมโปรผ่อน iPhone 12 ผ่อนที่ไหนคุ้มได้ราคาถูกที่สุด และผ่อนบัตรอะไรได้บ้างในตอนนี้