หากพูดถึงแบรนด์ vivo เชื่อว่าในตอนนี้คงน้อยคนที่จะไม่รู้จัก vivo ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เติบโตและเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น จุดเด่นของมือถือ vivo นั้นจะเป็นเรื่องของความคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของสเปคมือถือแล้ว ยังรวมถึงของแถมต่างๆ ที่ทางค่ายแถมให้อย่างจุใจอีกด้วย และนอกจากนี้สิ่งที่ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีนั่นคือบูธของ vivo ภายในงาน Thailand Mobile Expo ที่รู้สึกได้ว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการปรากฎตัวในภาพยนตร์ดังระดับโลกอย่าง Captain America : Civil War ก็เป็นเครื่องที่ช่วยชี้ให้เห็นถึงชื่อเสียงของ vivo ที่เพิ่มได้เป็นอย่างดี
ในวันนี้ผมจะมารีวิวมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดอีกหนึ่งรุ่นที่ได้เปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมือถือรุ่นที่ว่านี้ก็คือ vivo V3 มือถือที่มาพร้อมกับความพรีเมียมในด้านของดีไซน์การออกแบบ รวมถึงฟีเจอร์ที่มีประโยชน์สำหรับการใช้งานในแต่ละวัน และจะมีอะไรบ้างที่น่าสนใจใน vivo V3 ไปติดตามกันได้เลยครับ
สเปคของ vivo V3
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5 นิ้วความละเอียดแบบ HD
- ซีพียู Snapdragon 616 แบบ Octa core ความเร็ว 1.5 GHz
- แรม 3 GB
- หน่วยความจำภายใน 32 GB (รองรับการใช้งาน Micro SD สูงสุด 128 GB)
- กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 2,550 mAh
- รองรับการใช้งาน 3G | 4G ทุกเครือข่าย
- รองรับการใช้งานเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- ราคา 8,990 บาท
- สเปคแบบเต็มของ vivo V3
กล่องของ vivo V3 จะมาในแบบเรียบง่าย เน้นสีขาวเหมือนเช่นเคย ตัวกล่องนั้นมีขนาดกระทัดรัตแข็งแรงดีทีเดียว เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับ vivo V3 ซึ่งเครื่องที่ทางทีมงานของเราได้มารีวิวนั้นจะเป็นรุ่นสีทอง และภายในกล่องจะมีอุปกรณ์พื้นฐานให้เราได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ สาย Micro USB ใช้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และที่น่าสนใจนั่นคือภายในกล่องยังมีเคส TPU กันรอยตัวเครื่องแบบใส และหูฟังขนาด 3.5 มม. แบบ Earbuds และเข็มจิ้มสำหรับใส่ซิมและ Micro SD ใส่มาให้อีกด้วย ก็ถือว่าแถมของที่จำเป็นในการใช้งานมาให้อย่างครบครันเหมือนเคย
จุดเด่น
– มีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้ครบครัน
– รองรับใช้งาน 3G/4G LTE
– มาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– มีระบบเสียง Hi-Fi
– กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลถ่ายเซลฟี่ได้อย่างมั่นใจ
– มีฟีเจอร์ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง
ข้อสังเกต
– หน้าจอคมชัดระดับ HD
– แบตเตอรี่ยังจัดว่าน้ออยเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ
– ไม่มีเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่เร็ว
– ยังมีมือถือสเปคสูงกว่าในราคาใกล้เคียง
บทสรุป
BEST PRICE
Design
“vivo V3 โดดเด่นด้วยดีไซน์บอดี้โลหะสุดพรีเมี่ยม หน้าจอคมชัด สีสันสดใส ไมแพ้พี่ใหญ่อย่าง vivo V3 Max “
และมาพูดถึงส่วนแรกนั่นคือเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องกันเลย vivo V3 มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องที่ทำจากโลหะ เช่นเดียวกับ vivo V3Max ทุกประการ โดยรุ่นนี้ถ้าไม่นับในส่วนของตัวเครื่องด้านหน้าจะไม่มีพลาสติกเป็นส่วนประกอบเลย ต่างจากมือถือรุ่นก่อนๆ ที่ยังใช้พลาสติกเป็นส่วนประกอบหลัก ด้านหน้าตัวเครืองของ vivo v3 จะประกอบด้วยหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5 นิ้วความละเอียดระดับ HD เรื่องของการแสดงผลก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม
สีสันของหน้าจอนั้นสดใสตามแบบฉบับของหน้าจอ IPS ความคมชัดของหน้าจอนั้นก็คมชัดตามสไตล์ความละเอียดแบบ HD หน้าจอของ vivo V3 นั้นสู้แสงแดดได้ดีพอสมควรเมื่อปรับแสงสว่างสุงสุดก็พบว่าสามารถใช้งานกลางแดดได้อย่างไม่มีปัญหา ด้านบนของหน้าจอจะเป็นตำแหน่งของกล้องถ่ายภาพความละเอียดขนาด 8 ล้านพิกเซลลำโพงสนทนาตัวเครื่อง และนอกจากนี้จะมีเซนเซอร์ที่ช่วยวัดสภาพแสงเพื่อปรับความสว่างของหน้าจอให้พอเหมาะในการใช้งาน และที่สังเกตได้นั่นคือจะมีโลโก้ของ vivo อยู่ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องอีกด้วย
ด้านล่างของหน้าจอจะเป็นตำแหน่งของปุ่ม Navigation ที่ใช้ควบคุมการทำงานของตัวเครื่อง แต่ผมแอบสังเกตว่าไม่มีไฟ LED ใส่มาให้จึงอาจจะต้องอาศัยความเคยชินในกรณีที่ต้องใช้งานเวลากลางคืน สิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างนั่นคือถึงแม้ว่าตัวเครื่องด้านหน้าของ vivo V3 จะทำจากพลาสติกแต่ทาง vivo ได้ใส่กระจกแบบ 2.5D เข้ามาที่ด้านหน้าของตัวเครื่องเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับหน้าจอและยังทำให้ตัวเครื่องมีความพรีเมี่ยมมากขึ้นอีกด้วย
ด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และตรงนี้เองที่ทาง vivo ได้ใส่ช่องใส่ Micro SD เข้ามาที่ส่วนนี้ ซึ่งตามปกติแล้วมาือถือในยุคปัจจุบันมักจะนำช่องใส่ Micro SD ไปรวมไว้กับถาดใสซิมทำให้เราต้องเลือกว่าจะใช้งานซิมการ์ดหรือจะใช้งาน Micro SD แต่ทาง vivo ได้พัฒนาข้อจำกัดที่มีในมือถือหลายๆ รุ่นให้หมดไปใน vivo V3 จนทำให้ vivo V3 เป็นมือถือที่สามารถใช้งานได้ 2 ซิมพร้อมๆ กับ Micro SD ได้ทันที
ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของช่องใส่ซิมการ์ดที่สามารถใส่ได้ 2 ซิมด้วยกัน โดยซิมแรกจะเป็นซิมแบบ Micro SIM และซิมที่ 2 จะเป็นซิมแบบ Nano SIM และที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มควบคุมระดับเสียงและปุ่ม Power ที่ใช้ควบคุมการเปิด/ปิดเครื่อง
ด้านล่างตัวเครื่อง vivo V3 จะเป็นลำโพงของตัวเครื่อง ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องเสียบสาย Micro USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งน่าเสียดายที่ vivo V3 นั้นไม่รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไวซึ่งเป็นความสามารถที่มีอยู่ใน vivo V3Max มาถึงส่วนมชที่เป็นไฮไลท์ของ vivo V3 นั่นคือบริเวณด้านหลังตัวเครื่อง vivo V3 มาพร้อมฝาหลังแบบโลหะอย่างชัดเจน ผิวของโลหะนั้นมีการขัดและเคลือบสารพิเศษให้ความรู้สึกนุ่มมือเมื่อได้สัมผัส
ด้านบนของด้านหลังจะเป็นตำแหน่งของกล้องถ่ายภาพที่มาในความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมด้วยแฟลชแบบ LED ถัดจากกล้องลงมาจะเห็นได้ว่ามีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใส่มาให้เราได้ใช้งานด้วยเช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดขายอักหนึ่งอย่างที่ทำให้ vivo V3 เป็นมือถือที่น่าสนใจ และที่ตรงกลางของด้านหลังจะเป็นโลโก้ vivo โดดเด่นเหมือนเช่นเคย
ในแง่ของการพกพา vivo V3 จัดว่าเป็นมือถือที่มีความหนาต่างจากมือถือรุ่นอื่นในยุคปัจจุบันนี้ที่เน้นในเรื่องของความบางเป็นส่วนใหญ่ และด้วยความหนาผสมผสานเข้ากับดีไซน์แบบโลหะ ทำให้รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงอย่างชัดเจน และด้วยความที่หน้าจอของ vivo V3 นั้นมีขนาดเพียง 5 นิ้วจึงทำให้การจับถือนั้นทำได้อย่างถนัดมือ อีกทั้งยังสามารถใส่กระเป๋ากางเกงเดินไปตามที่ต่างๆ ได้อย่างสบาย จัดว่าเป็นมือถือที่พกพาง่ายอีกหนึ่งเครื่องเลย
เมื่อเทียบกับรุ่นใหญ่อย่าง vivo V3 Max แล้วถือว่าตัวเครื่องของ vivo V3 นั้นเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็แลกมาด้วยความสะดวกสบายในการพกพาที่มากกว่า ในเรื่องของวัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องของทั้งสองรุ่นนั้นเป็นวัสดุชนิดเดียวกัน จึงส่งผลให้ถึงแม้ว่าสเปคตัวเครื่องของ vivo V3 จะต่ำกว่าแต่ความพรีเมี่ยมในแง่ของดีไซน์นั้นกลับเท่าเทียมอย่างลงตัว จนแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าสองรุ่นนี้มีราคาต่างกันถึง 4,000 บาท เรียกว่าออกแบบมาได้ดีมาก
Software
มาต่อกันที่เรื่องของซอฟท์แวร์บ้าง vivo V3 มาพร้อมกับ Funtouch OS ที่มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฎิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ซึ่งจุดเด่นของ Funtouch OS นั่นคือเรื่องของความลื่นไหลในการใช้งาน พร้อมกับฟีเจอร์ในการจัดการส่วนต่างๆ ของตัวเครื่องอย่างชาญฉลาด อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องยกนิ้วให้ทาง vivo นั่นคือเรื่องของแอพ Bloatware ที่แทบจะไม่มีติดเครื่องมาให้รู้สึกหงุดหงิดใจ หรือต้องมาเสียเวลาคอยนั่งลบแอพที่ไม่ได้ใช้งานออก โดยแอพที่ติดเครื่องจะก็จะมีแอพจาก Google อย่างเช่น Google , Google Chrome , Google Drive , YouTube , Maps , Gmail เป็นต้น นอกจากนี้ก็มีเพียงแอพ Facebook , Line , WeChat , Whatsapp และ WPS Office เท่านั้นที่ติดเครื่องมา หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 32 GB นั้นก็เหลือให้เราได้ใช้งานจริงราว 23 GB ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป และหากต้องการเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำ vivo V3 ยังรองรับการใช้งาน Micro SD ได้สูงสุดถึง 128 GB อีกด้วย และเท่าที่ผมได้ลองทดสอบก็ไม่พบกับอาการรวนหรือซอฟท์แวร์เอ๋อแต่อย่างใด เรียกว่าในด้านของซอฟท์แวร์ระบบ vivo ไม่ทำให้ผิดหวังเหมือนเช่นเคย
Feature
มาถึงเรื่องฟีเจอร์หรือลูกเล่นกันบ้าง vivo V3 มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นด้านซอฟท์แวร์หรือจะเป็นในด้านของฮาร์ดแวร์ทาง vivo ได้จับฟีเจอร์เด็ดๆ มาอัดลงใน vivo อย่างจุใจ ซึ่งฟีเจอร์แต่ละอย่างนั้นเรียกว่าน่าสนใจ และ เป็นประโยชน์ในการมือถือในแต่ละวันเป็นอย่างมาก และมาดูกันว่าฟีเจอร์ที่น่าสนใจใน vivo V3 นั้นมีอะไรบ้าง
Hi-Fi
ระบบเสียงแบบ Hi-Fi เป็นฟีเจอร์แรกที่ต้องพูดถึง vivo V3 มาพร้อมกับชิพประมวลด้านระบบเสียง AK4375 ซึ่งทาง Vivo ได้จับมือร่วมกับ Asahi Kasei Microdevices Corporation บริษัทชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของคุณภาพเสียงให้ดีกว่ามือถือทั่วไป โดยระบบเสียง Hi-Fi นั้นถือเป็นจุดขายของแบรนด์ vivo ซึ่งจะเห็นได้ว่ามือถือเกือบจะทุกรุ่นของ vivo ล้วนมาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Hi-Fi ทั้งสิ้น และวิธีเปิดใช้งาน Hi-Fi นั้นก็ง่ายมากเลย เพียงแค่เราเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. เข้าไปกับตัวเครื่องเท่านั้นระบบก็จะเปิดใช้งาน Hi-Fi โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเปิดเพลง หรือดูวีดีโอจาก YouTube ซึ่งจุดเด่นของระบบเสียงแบบ Hi-Fi ที่นอกจากจะมีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าแล้วยังสามารถปรับแต่งย่านต่างๆได้อย่างหลากหลาย และนอกจากนี้ยังมีโปรไฟล์เสียงของหูฟังยี่ห้อดังอย่าง BOSE , Beyerdynamic , Sennheiser , AKG ให้เราเลือกใช้งานอีกด้วย เสียงที่ออกมานั้นกังวาน สดใส และหนักแน่นกว่าการฟังเพลงในโหมดธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าเป็นจุดสนใจสำหรับคนที่ชอบเสียงเพลง vivo V3 เป็นมือถือที่ฟังเพลงเพราะอีกหนึ่งรุ่นเลยล่ะครับ
โหมดการใช้งานอัจฉริยะ
ฟีเจอร์ถัดมาได้แก่โหมดใช้งานอัจฉริยะที่จะทำให้การใช้งาน vivo V3 นั้นทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยหลักการทำงานในโหมดนี้จะเป็นการทำงานแบบ Touch Gesture เสียเป็นส่วนใหญ่ จุดเด่นก็คือเราสามารถสั่งการทำงานตัวเครื่องได้โดยที่เราไม่ต้องปลดล็อคตัวเครื่องให้วุ่นวาย ยกตัวอย่างเช่นตั้งค่าให้วาอนิ้วมือขึ้นเพื่อปลดล็อคตัวเครื่อง หรือวาด m เพื่อเปิดแอพเล่นเพลง วาด f เพื่อเปิดใช้งาน Facebook เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เปิด/ปิดหน้าจอโดยอัตโนมัติ โดยการตั้งค่าให้แตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิด/ปิดหน้าจอซึ่งจะเป็นการช่วยถนอมปุ่ม Home ให้ใช้งานได้อย่างยาวนานไปในตัว หรือจะเป็นตั้งค่าให้หน้าจอสว่างขึ้นทันทีเมื่อนำออกจากกระเป๋าก็เป็นฟีเจอร์ที่ถือว่ามีประโยชน์อีกเช่นกัน
i-Manager
และก็มาถึงฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของมือถือจาก vivo นั่นคือฟีเจอร์ i-Manager ที่จะช่วยในเรื่องของการจัดกานสัวนต่างๆ ของตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน่วยความจำ หรือจะเป็นการจัดการแอปพลิเคชั่น รวมไปถึงการจัดการในด้านพลังงาน รวมกันเอาไว้ใน i-Manager เพียงที่เดียว ซึ่งข้อดีก็คือเราจะไม่ต้องไปดาวน์โหลดแอพจัดการตัวเครื่องใดๆเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก ไมว่าจะย้ายแอปพลิเคชั่น ถอนการติดตั้งแอพพลิเคชั่น ปรับแต่งการทำงานของซีพียู ตรวจสอบการใช้ข้อมูล 3G |4G ก็สามารถทำได้ใน i-Manager เพียงที่เดียว
Fingerprint Scanner
และฟีเจอร์สุดท้ายที่น่าสนใจใน vivo V3 นั้นก็ได้แก่ เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคตัวเครื่อง ซึ่งที่ด้านหลังตัวเครื่องจะเห็นได้ว่ามีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่สิ่งที่น่าสนใจนั่นคือเซนเซอร์สแกนลายบนิ้วมือของ vivo V3 นั้นสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว แค่เพียงเราแตะนิ้วเบาๆ ลง ไปตัวเครื่อง vivo V3 ก็จะเปิดหน้าจอขึ้นมาและพร้อมให้เราใช้งานในทันที จัดว่าเป็นการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคตัวเครื่องที่ทำได้รวดเร็วมาก เมื่อเทียบกับราคาตัวเครื่องที่ไม่ถึง 10,000 บาทแล้วถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
Camera
และมาพูดถึงเรื่องของกล้องถ่ายภาพกันบ้าง vivo V3 มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพความละเอียดขนาด 13 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกับมือถือหลายๆ รุ่น ในยุคปัจจุบันนี้ UI ของกล้องถ่ายภาพนั้นทาง vivo ก็ดีไซน์มาให้ใช้วเลาไม่นานในการเรียนรู้โหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ โดย vivo V3 มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพถึง 8 โหมดได้แก่ HDR , พาโนรามา , กลางคืน , PPT (โหมดถ่ายเอกสาร) , โหมดติดตามวัตถุ , มืออาชีพ , Slow Motion และ Timelapse และให้เราเลือกใช้งานกันอย่างครบครัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับลูกเล่นอย่างการใส่ฟิลเตอร์ และลายน้ำเข้าไปในภาพที่เราถ่ายออกมาได้อีกด้วย
ในส่วนของกล้องหน้าของ vivo V3 นั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กันด้วยความคมชัดขนาด 8 ล้านพิกเซลที่ถือได้ว่าเป็นความคมชัดที่กำลังพอเหมาะในการถ่ายภาพแบบ Selfie นั่นเองและกล้องหน้าของ vivo V3 ยังมาพร้อมกับโหมด Beauty ที่สามารถปรับระดับความเนียนของใบหน้าได้ตั้งแต่ 0-100 พร้อทกับความสามารถในการจำแนกเพศของผู้ถ่ายเพื่อปรับความฟรุ้งฟริ้งให้เหมาะกับเพศของผู้ใช้งานอีกด้วย และด้านล่างคือตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ vivo V3 ที่ผมได้ถ่ายมาเป็นตัวอย่างให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน
ภาพถ่ายจากกล้องของ vivo V3
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ vivo V3
Performance
และมาถึงเรื่องสุดท้ายนั่นคือเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของ vivo V3 ซึ่ง vivo V3 นั้นมาพร้อมกับชิพเซ็ท Snapdragon 616 แบบ Octa core ความเร็ว 1.5 GHz พร้อมด้วยแรมขนาด 3 GB ที่สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหล และเมื่อได้ทดสอบกับแอปทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่อง AnTuTu Benchmark ก็ต้องตกใจเล็กน้อยเนื่องจาก vivo V3 นั้นสามารถทำคะแนนได้เพียง 38,194 คะแนนเท่านั้นซึ่งถือว่าไม่สูงเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ทดสอบกับการเล่นเกมอย่างเช่น Marvel Future Fight ก็พบว่า vivo V3 นั้นสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลถึงแม้จะปรับระดับกราฟฟิคไว้ที่สูงสุดก็ยังสามารถเล่นได้ เกมธรรมดาอย่าง Subway Surfer ก็เล่นได้อย่างราบรื่นเช่นเดียวกัน เกมที่มีกราฟฟิคสูงกว่าอย่าง Unkilled ก็สามารถเล่นได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้ผมได้ปรับโหมดประหยัดพลังงานของตัวเครื่องให้เน้นในเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของซีพียูเป็นหลัก ซึ่งสามารถปรับได้ใน i-Manager
เมื่อพูดถึงเรื่องของประสิทธิภาพโดยรวมไปแล้วผมขอพูดถึงเรื่องที่น่าสนใจอีกหนึ่งเรื่องนั่นคือเรื่องของหน่วยความจำภายใน vivo V3 มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาด 32 GB เหลือให้เราได้ใช้งานจริงราง 23 GB ซึ่งถ้าไม่ได้มีการติดตั้งแอปพลิเคชั่น หรือ ไฟล์วีดีโอขนาดใหญ่ลงไปใฝนตัวเครื่องก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน แต่สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพก็อาจจะซื้อ Micro SD มาใช้งานเพิ่มเติมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถทำได้ แรมขนาด 3 GB ที่ให้มาก็เหลือให้ใช้งานจริงราว 2 GB ถือว่าให้มาเยอะพอกับการใช่้งาน สรุปว่า vivo V3 เป็นมือถือที่เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสความพรีเมี่ยมในช่วงราคาไม่เกิน 1 หมื่นบาท และอยากได้มือถือที่พกพาได้ง่าย และเน้นความแข็งแรงเป็นพิเศษ vivo V3 จัดว่าเป็นมือถือที่สามารถตอบโจทย์ในส่วนนั้นได้เป็นอย่างดี
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อสังเกตที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเลย ซึ่งหนึ่งในข้อสังเกตที่ว่าก็คือความหนาของตัวเครื่องที่บางคนอาจจะมองว่าตัวเครื่องหนาเกินไป ทุกวันนี้มีมือถือบอดี้โลหะจากแบรนด์อื่นมากมายที่ออกแบบตัวเครื่องได้บางกว่า อีกทั้งหน้าจอก็ยังอยู่ในเกณฑ์ HD เท่านั้นซึ่งเมื่อเทียบกับแบรนด์มือถือเจ้าอื่นบางค่ายที่ให้หน้าจอ Full HD กับมือถือช่วงราคาไม่เกิน 1 หมื่นบาท อีกทั้งยังเรื่องของแบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุเพียง 2,550 mAh และไม่รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบเร็ว ทำให้การเพิ่มเงินเพื่อซื้อ vivo V3Max เป็นทางเลือกที่ดีกว่า เนื่องจาก vivo V3Max มาพร้อมกับซีพียู Snapdragon 652 ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับชิปเซ็ท Snapdragon 808 และแรงกว่าชิปเซ็ทที่ใช้งานใน vivo V3 อย่างเห็นได้ชัด แรมที่เพิ่มขึ้นเป็น 4 GB บวกกับแบตเตอรี่ที่เพิ่มเป็นขนาด 3,000 mAh และรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่เร็ว พร้อมด้วยหน้าจอความละเอียดระดับ Full HD โดยถ้านำจุดที่เหนือกว่าทั้งหมดนี้มารวมกันการเพิ่มเงินอีก 4,000 บาทเพื่อซื้อ vivo V3 Max จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามาก แต่ถ้าใช้งานแค่เล่นเกมนิดหน่อย เน้นเล่นแค่โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คธรรมดาทั่วไป กับการถ่ายภาพ vivo V3 ก็จัดว่าเป็นมือถือที่ตอบโจทย์ได้ดีมากรุ่นหนึ่งเลย