เอาล่ะครับสำหรับหลายๆ คนคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ซึ่งแน่นอนมีทั้งดีและไม่ดีเป็นแน่แท้ แต่โดยส่วนตัวจะขอสรุปไว้อย่างนี้นะครับ
iPhone 4 เป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งของ Apple ที่ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร ทั้งในด้านการแชร์ไฟล์ผ่าน Bluetooth การปรับแต่งค่าต่างๆ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วก็จัดว่ายังเป็นเรื่องเดิมที่มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วของ iPhone ส่วนในด้านเสปกทั้งภายนอกและภายในถือว่าใส่มาให้อย่างจัดเต็ม ทั้งงานประกอบที่ดูเนียบ แน่น และแข็งแรง ตั้งแต่ในสัมผัสแรก ระบบปาทำงานมีความลื่นไหล รวดเร็วขึ้น นั่นก็เป็นเพราะความเร็วซีพียู Apple A4?ที่สูงถึง 1GHz/Ram ขนาด 512MB/ GPU PowerVR SG อีกทั้งในยังมีหน่วยความจำที่สูงถึง 16GB และ 32 GB ให้เลือก เพียงพอต่อการลงเพลง วีดีโอ หรือ App ต่างๆ ได้อย่างมาก?ซึ่งถ้าเทียบกับตัว iPhone 3Gs ถือว่าพัฒนาได้ดีกว่าเดิมค่อนข้างมาก ในราคาเปิดตัวเท่าๆ กัน
ซึ่งถึงแม้ว่า App ต่างๆ ที่มีมาให้ติดเครื่องอาจจะดูน้อยไปหน่อย อาจจะต้องหาลงเองจากใน App Store แต่อีกนัยหนึ่งก็ถือว่าเป็นจุดเด่นเพราะ App Store นั้น มี App ให้เลือกมากกว่า 250,000 ตัวด้วยกัน รวมถึงความสามารถของ App เหล่านั้น ค่อนข้างจัดอยู่ในระดับดีมีคุณภาพและน่าซื้อน่าเล่นเกือบทั้งหมด รวมไปถึงระบบการดาวน์โหลดหรือซื้อขายก็ทำได้ง่ายๆ ส่งผลให้ iPhone นั้นเติบโตเร็วมากในเรื่องของคอนเทนต์ อีกทั้งตอนนี้ที่อัพเดทล่าสุดยอดดาวน์โหลด 1000,000,000 ครั้งไปแล้ว
ส่วนจุดเด่นทำที่ iPhone 4 ขายดิบ ขายดีนั้น นอกเหนือจากที่กล่าวมาทั้งหมด คงจะหนีไม่พ้นคุณสมบัติเด็ดๆ ที่ iPhone รุ่นก่อนๆ ไม่มี อย่าง FaceTime ที่คุยกันเห็นหน้าไม่ต้องง้อ 3G และ Retina Display ทำให้หน้าจอคมชัดแบบหา Smart Phone ตัวอื่นเทียบไม่ได้ แต่ความจริง โดยส่วนตัวคิดว่า iPhone 4 นั้นเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการอะไรที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย?ใช้ง่ายไม่ยาก เรียกว่าใช้เพียงครั้งเดียว ก็จะใช้เป็นตลอด ด้วยความที่ Apple อะไรไม่สนใจวิธีการอยู่ แต่ใส่ใจกับผลลัพธ์ที่ออกมามากกว่า ตามคำกล่าวการเปิดตัว iPhone 4 เมื่อกลางปีที่แล้วจาก Steve Jobs?ว่า ?เราไม่ต้องการหรอกกล้องที่มีพิกเซลมากมาย แต่เราต้องการกล้องที่ถ่ายออกมาแล้วคมชัดต่างหาก?
ส่วนด้านข้อจำกัดบน iPhone 4 ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ iOS 4 ถือว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมาก ทำให้หลายคนที่เคยส่ายหน้าหนีก็ให้มาสนใจบ้างเหมือนกัน แต่ก็ยังมีอะไรที่เหมือนเดิมก็คือ การจัดการไฟล์ต่างๆ ต้องผ่านโปรแกรม iTunes เพียงอย่างเดียว โดยบางคนก็อาจจะไม่ชอบเพราะว่าจัดการไฟล์ไม่ตามใจเรา แต่สำหรับบางคนกลับชอบก็มี ดังนั้นที่ถือเป็นข้อจำกัดแต่ก็อาจจะเป็นจุดเด่นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการจัดการไฟล์ในโปรแกรมเดียว ไม่ต้องเน้นลูกเล่นมากมาย
รวมถึงปัญหาอย่างความแรงของสัญญาณโทรศัพท์ตก ทำให้หลายๆ คนที่กำลังจะถอย iPhone 4 ชะลอการซื้อ (ขนาดชะลอยังขายดีจนหายของยาก) ซึ่งความจริงแล้วขอบอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเท่าไรเลย ?ซึ่งถึงจะสัญญาณตกจริง แต่ก็ไม่ได้ตกจนถึงขั้นใช้งานไม่ได้ ยกเว้นแต่ไปในที่ที่อับสัญญาณจริงๆ หรือเสาสัญญาณผู้ให้บริการเครือข่ายตั้งอยู่ห่างกัน ซึ่งนั่นก็คงจะรู้สึกบ้าง โดยในประเทศไทยไม่ค่อยมีผลมากนัก หากเทียบกับต่างประเทศอยู่แล้ว เพราะผู้ให้บริการเครือข่ายของเราแข่งขันกันสูงซะ 😉
ส่วนถ้าใครที่กำลังนึกว่าจะถอยโทรศัพท์มือถือ Smart Phone รุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้ หรือในมือยังถือ iPhone รุ่นเก่าอยู่ ตัว iPhone 4 เองนั้น ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่งในตอนนี้ (รู้ทั้งรู้ว่า iPhone 5 จะออกปีนี้ก็ตาม T^T) ซึ่งถึงแม้คุณสมบัติจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก สำหรับการใช้งานก็ยังเดิมๆ คุ้นเคยกันอยู่ ?แต่ในส่วนด้านฮาร์ดแวร์ภายนอกและสเปกได้อัพเกรดขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับการดีไซน์ของ iPhone 4 ถือได้ว่าเป็นการออกแบบดีไซน์ที่ใหม่หมดจด ซึ่งกระแสที่ออกมาก็มีหลายคนชอบมากหรือบางคนไม่ชอบเลยก็มี โดยส่วนตัวแล้วตอนแรกที่ยังไม่ได้จับตัวเป็นๆ ก็แอบไม่ชอบเหมือนกัน แต่พอได้สัมผัสกับความบางและเรียบง่ายของ iPhone 4 แล้ว ก็ตัดสินใจไม่ยากที่จะถอยมาใช้งานเองเหมือนกันครับ 🙂
ยังไงก็ขอทิ้งท้ายคำนิยาม iPhone 4?ไว้หน่อยละกัน กับประโยคที่ว่า “สเปกสูงๆ ไม่ใช่จะเป็นคำตอบเสมอไป ความเรียบง่ายและผลลัพธ์ที่ได้ออกมาตามต้องการต่างหาก?นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องการที่สุดครับ”
จุดเด่น
- ซีพียู Apple A4?ความเร็ว 1GHz/RAM 512MB/GPU PowerVR SG ทำให้มีการใช้งานที่ลื่นไหลกว่ารุ่นก่อนๆ
- ระบบปฏิบัติการ iOS 4 มีคุณสมบัติ Multitasking/FaceTime และความสามารถอื่นๆ มากมาย
- หน้าจอสัมผัส Capacitive?ขนาด 3.5 นิ้ว แบบ LED-backlit TFT ?ความละเอียด 640 x 960 พิกเซล 16.7 ล้านสี
- ดีไซน์สวยหรู ที่มีมาพร้อมกับความบางของเครื่องเพียงแค่ 9.3 มม. ที่มีเคสให้เลือกใส่มากมาย
- กระจกพิเศษสามารถกันรอยขีดข่วนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงเคลือบสารกันรอยนิ้วมือไว้ทั้งหน้าและหลัง ทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย
- กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ ?Auto Focus มี LED flash และระบบ Touch to Focus มาให้ พร้อมทั้งถ่ายวีดีโอ 720p HD
- กล้องหน้าถ่ายรูปและวีดีโอได้ นอกเหนือจากไว้ใช้ ในโหมด Video Call
- มีการเชื่อมต่อครบครันทั้ง Wi-Fi 802.11b/g/n และ Bluetooth
- มีโมดูล GPS พร้อม A-GPS และมีเข็มทิศดิจิตอล
- หน่วยความจำภายใน 16/32GB
- มีเทคโนโลยี Accelerometer/Proximity Sensor และ Gyroscope
- ไมโครโฟน 2 ตัว รับเสียงสนทนากับอีกตัวเป็นตัวตัดเสียงรบกวน
- รูเสียบหูฟัง 3.5 มม. stereo ?ให้คุณภาพเสียงที่ดี เมื่อต่อกับหูฟังคุณภาพดี
- มี App Store ตัวกลางการดาวน์โหลด App ดีๆ ที่มีทั้งแบบฟรีและเสียตังค์
ข้อสังเกต
- การออกแบบของตัว iPhone 4 อาจจะมีปัญหาในเรื่องสัญญาณตก
- ใช้ซิมเป็นแบบ MicroSIM ซึ่งใช้ร่วมกับโทรศัพท์อื่นๆ ไม่ได้ (ต้องใช้ตัวแปลง)
- คุณสมบัติ FaceTime ใช้ได้แค่บนการเชื่อมต่อ Wi-Fi
- ไม่มีปุ่มลั่นชัตเตอร์ ไว้สำหรับถ่ายภาพโดยเฉพาะ
- ไม่มีภาครับวิทยุ FM
- เพิ่มหน่วยความจำภายนอกไม่ได้
- ระบบเสียงจากลำโพงเป็นแบบ Mono
- ไม่รองรับ Flash Player
- เมนู Contact รายชื่อไม่ได้เชื่อมต่อกับ Social Network
- iOS เป็นระบบปฎิบัติการที่ปิด จึงไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ System ได้
- ไม่สามารถเล่นไฟล์วีดีโอ DivX หรือ XviD ได้ นอกจากจะลง ?App เพิ่ม
- ในการจัดการไฟล์ต้องผ่านโปรแกรม iTunes ซึ่งต้อง Sync กับคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้า Sync กับเครื่องอื่นจะทำให้ เพลง/ภาพ/วีดีโอ/App กลายเป็นของคอมพิวเตอร์อีกเครื่องทันที
ไว้พบการกับรีวิว iPhone / iPad รุ่นใหม่ๆ ในครั้งต่อไปนะครับ SpecPhone.