ช่วงนี้หลายคนน่าจะต้องกลับมาเรียนหรือทำงานออนไลน์กันอีกครั้ง iPad เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยจุดเด่นที่รองรับ Apple Pencil ทำให้หลายคนเริ่มหันมาจดโน้ต ไอแพด กันมากขึ้น และเพื่อช่วยให้การจดโน้ตบนไอแพด มีประสิทธิภาพมากขึ้น วันนี้เราได้รวบรวมแอพดีๆ และเทคนิคการจดโน้ตง่ายๆ มาให้ทุกคนได้ทดลองใช้กัน เพื่อให้การจดโน้ตเป็นเรื่องสนุก สร้างสรรค์ และลื่นไหลมากกว่าเดิม
แนะนำแอพที่น่าสนใจบน iPad
Notes App -แอพโน้ตถือเป็นแอพที่รองรับการทำงานของ Apple Pencil ได้อย่างเพอร์เฟคที่สุด สามารถค้นหาข้อความ ทำสัญลักษณ์ สเก็ชภาพ ตลอดจนจดข้อมูลต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล จดโน้ตร่วมกัน เซฟเป็นโฟลเดอร์ ใส่รหัส สแกนเอกสารแล้วเซ็นต์ ตลอดจนค้นหาข้อมูลที่จดไว้ ก็ทำได้ในแอพเดียว
Explain Everything Whiteboard เหมาะสำหรับการเรียนออนไลน์ที่ทุกคนสามารถโต้ตอบและแบ่งปันไอเดียไปพร้อมๆ กันได้ผ่านไวท์บอร์ดแบบดิจิตอล ที่มีบรัชให้เลือกจำนวนมาก รวมถึงสามารถแทรกไฟล์ต่างๆ เข้าไปได้ ทำให้ทุกคนสามารถเรียนหรือพรีเซนท์งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
Zinnia Journal – Zinnia แอพจดโน้ต ทำแพลนเนอร์ที่มี template สวยๆ มากมายให้เลือกใช้ และเมื่อใช้งานคู่กับ Apple Pencil ก็ช่วยให้การจดของคุณสนุกกว่าที่เคย
GoodNotes 5 – บน GoodNotes สามารถจดโน้ต หรือไฮไลต์เอกสารต่างๆ ได้ทั้งไฟล์ PDF และ Word เสิร์ชค้นหาไฟล์ได้สะดวก และยังจัดระเบียบแยกเป็นโฟลเดอร์ได้อย่างง่ายดาย โน้ตที่จดก็รองรับฟีจเจอร์ Drag and Drop เพื่อไปใช้งานบนแอพอื่นๆ ต่อได้ อาทิ Mail โดยจะเปลี่ยนจากลายมือให้กลายเป็นตัวพิมพ์โดยอัตโนมัติ
Notability – แอพ Notability มีจุดเด่นคือสามารถอัดเสียงควบคู่ไปกับการจดโน้ตได้ ช่วยให้กลับมาทบทวนสิ่งที่เรียนและจดไว้ได้สะดวก นอกจากนี้ยังสามารถวาดภาพหรือเพิ่มไฟล์ต่างๆ เข้าไปได้มากมาย เมื่อใช้งานคู่กับ Apple Pencil ทำให้สามารถขีดเขียนได้อย่างอิสระ เหมาะสำหรับการสร้างออฟฟิศหรือห้องเรียนแบบไร้กระดาษ
Reflectly บันทึกส่วนตัวที่จะช่วยสอนให้เรารู้จักควบคุมอารมณ์ ลดความตึงเครียด และช่วยสร้างมุมมองใหม่ๆ โดยจะมีตัวลือกให้บันทึกอารมณ์ในแต่ละวันเป็นระดับ จากนั้นให้ใส่สาเหตุ แล้วจะมีข้อความหรือคำถามเพื่อช่วยปลอบประโลม Reflectly เหมาะสำหรับคนที่ชอบเขียนบันทึกและต้องการพูดคุยกับใครสักคน
Mooda บันทึกอารมณ์ความรู้สึกของคุณในแต่ละวันผ่านไอค่อนน่ารักๆ อาทิ มีความสุข โกรธ กังวล ฯลฯ ทำให้สามารถติดตามและเห็นภาพรวมความรู้สึกของเราได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงมีช่องสำหรับจดบันทึกสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบันทึกอะไรเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม: รีวิว iPad Air 3 แบบใช้จริง 1 เดือนเต็ม มีทีเด็ดไม่แพ้รุ่นโปร แต่ราคาเข้าถึงง่ายกว่า (เริ่มต้น 17,900 บาท)
จดโน้ต ไอแพด ได้ดีกว่าที่เคยด้วย Apple Pencil
การจดโน้ตบน iPad สามารถทำได้ลื่นไหลมากขึ้นด้วยคุณสมบัติใหม่ๆ บน iPadOS ที่เพิ่มความชาญฉลาดให้กับ Apple Pencil โดยสามารถขีดเขียน แก้ไขง่ายๆ ผ่านการควบคุมจาก Apple Pencil และการตอบสนองที่รวดเร็วทันใจ ช่วยให้การจดโน้ตสะดวกกว่าเดิมมาก
อ่านเพิ่มเติม: พรีวิว iPad Air 4 ดีไซน์แบบ Pro แต่ก็ยังไม่ถึงกับโปร | ราคาเริ่มต้น 19,900 บาท
อ่านเพิ่มเติม: [Review] iPad 8th Generation แท็บเล็ตสุดคุ้มรุ่นใหม่ ชิป A12 ราคาเริ่มต้น 10,900
- Smart Selection ใช้การเรียนรู้ของระบบในตัวอุปกรณ์เพื่อแยกแยะระหว่างลายมือและรูปวาด จึงสามารถเลือก ตัด และวางข้อความที่เขียนด้วยลายมือลงในเอกสารอีกฉบับในรูปแบบของตัวพิมพ์ได้อย่างง่ายดาย
- Tap to select อีกหนึ่งฟีจเจอร์ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน เพียงแค่แตะเบาๆที่ Apple Pencil 2 ครั้ง จะเป็นการเลือกคำ แต่ถ้าแตะ 3 ครั้ง จะเป็นการเลือกข้อความทั้งประโยค ทำให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องง่ายๆ
- Copy and paste as text ทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้คุณคัดลอกลายมือแล้วเปลี่ยนเป็นตัวพิมพ์ได้ โดยยังคงยึดเลย์เอ้าท์เดิมเหมือนที่คุณเขียนไว้ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชอบจดโน้ตด้วยลายมือตัวเอง แต่ก็ต้องการเก็บไฟล์แบบตัวพิมพ์ไว้ด้วย ที่สำคัญคือข้อมูลจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยและสามารถทำงานแบบออฟไลน์ได้
- Data detectors หลังจากที่จดข้อมูลต่างๆ อาทิ ที่อยู่, เบอร์โทร หรืออีเมล ด้วยลายมือลงบน iPad แล้วแตะค้างไว้ software จะทำการประมวลผลแล้วขึ้นตัวเลือกให้คุณสามารถจัดการกับข้อมูลนั้นๆ ได้ทันที อาทิ กดไปที่ที่อยู่ เพื่อโชว์แผนที่บนแอพ Maps, กดที่เบอร์โทร เพื่อโทรออกทันที หรือ แม้แต่การเข้าแอพเมล์เพื่อส่งหา Email Address ดังกล่าว
- Shape recognition ต่อไปนี้การวาดเส้น, มุม, ลูกศร หรือรูปทรงเรขาคณิตต่างๆ ก็สวยงามและเป็นระเบียบขึ้นได้ โดยเริ่มวาดตามปกติและกดค้างไว้เล็กน้อยในตอนท้าย ภาพที่คุณวาดจะถูกเปลี่ยนให้เป็นเส้นตรงและสมมาตรได้ในพริบตา
- Scribble คุณสมบัติใหม่บน iPadOS ที่จะช่วยแปลงลายมือให้เป็นตัวพิมพ์โดยอัตโนมัติ ช่วยให้การตอบกลับหรือค้นหาสะดวกและรวดเร็วขึ้น ที่สำคัญคือข้อความทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นส่วนตัวด้วย on-device machine learning (ขณะนี้ใช้งานได้กับภาษาอังกฤษ ยังไม่รองรับภาษาไทย)
- Editing gestures การจัดการกับข้อมูลนั้นง่ายดายขึ้นมากด้วยท่าทางใหม่ๆ ที่เราสร้างสรรค์ขึ้น อาทิ การขีดฆ่าคำเพื่อลบ หรือการวาดวงกลมรอบคำนั้นเพื่อเลือก คัดลอก และย้ายตำแหน่งคำนั้นๆ รวมไปถึงการกด Apple Pencil ค้างไว้ เพื่อสร้างที่ว่างสำหรับเขียนข้อความแทรก โดยข้อความจะแยกออกจากกัน ให้คุณสามารถเขียนเพิ่มได้เท่าที่ต้องการ จากนั้นตัวหนังสือทั้งหมดจะจัดเลย์เอ้าท์ให้กลับมาชิดติดกันอย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่จำเป็นต้องลบข้อความเดิมแล้วเขียนใหม่อีกต่อไป
อ่านเพิ่มเติม: iPad Air 4 vs iPad 8 ซื้อรุ่นไหนดี ถึงจะเหมาะกับเราที่สุด