Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Editorial»iPad Air 4 vs iPad 8 ซื้อรุ่นไหนดี ถึงจะเหมาะกับเราที่สุด
    Editorial

    iPad Air 4 vs iPad 8 ซื้อรุ่นไหนดี ถึงจะเหมาะกับเราที่สุด

    ZeroSystemBy ZeroSystem28 กันยายน 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับ iPad Air 4 และ iPad 8 ที่รอบนี้มีการปรับเปลี่ยนในหลายจุด อย่างส่วนของ iPad Air รุ่นใหม่ ก็มีการปรับโฉมให้มีความใกล้เคียงกับ iPad Pro มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังปรับสเปคไปใช้ชิป A14 Bionic รุ่นใหม่ล่าสุดประจำปีนี้ ฝั่งของ iPad 8 ก็ยังเน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ด้วยการปรับสเปคไปใช้ชิป A12 Bionic ที่เร็วขึ้นกว่า iPad 7 ซึ่งคำถามยอดฮิตของช่วงนี้เลยก็คือ ถ้าจะซื้อ iPad จอใหญ่ซักเครื่อง จะเลือกรุ่นไหนดีระหว่างสองรุ่นนี้


    เทียบสเปค

    iPad Air 4 vs iPad 8

    แน่นอนว่าสเปคของ iPad Air 4 ย่อมต้องเหนือกว่า iPad 8 ในหลาย ๆ ด้าน เนื่องด้วยตำแหน่งของไลน์ผลิตภัณฑ์ที่สูงกว่า และราคาที่มากกว่าด้วย แต่จากที่ผ่าน ๆ มา กลุ่มเป้าหมายของ iPad แต่ละรุ่นก็ค่อนข้างชัดเจนครับ อย่าง iPad Air ก็จะเน้นจับกลุ่มคนที่ต้องการ iPad จอใหญ่ น้ำหนักเบา ใช้งานได้หลากหลาย ความแรงประมาณนึงแต่ยังไม่ถึงกับรุ่น Pro ส่วน iPad 8 ก็จะเน้นคนที่อยากได้ iPad จอใหญ่หน่อย ราคาคุ้ม ๆ มาใช้งานด้านการศึกษา งานที่ไม่ได้เน้นความเร็วและสีสันของหน้าจอมากเท่าไหร่ ซึ่งก็เป็นไปตามโครงสร้างราคานั่นเอง

    สำหรับในปีนี้ iPad Air รุ่นใหม่ดูจะน่าสนใจตรงที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ตัวเครื่อง และพอร์ตชาร์จให้เป็นแบบเดียวกับ iPad Pro นั่นคือหันมาใช้ USB-C แทน ทำให้สามารถใช้สายชาร์จของมือถือ Android หลาย ๆ รุ่นได้ทันที หรือจะใช้สายชาร์จของ MacBook รุ่นใหม่ ๆ ก็ได้เลยเช่นกัน ลดภาระการพกสายไปได้อีก 1 เส้น นอกจากนี้ยังใส่พอร์ตเชื่อมต่อแบบแม่เหล็กมาให้เหมือนกับ iPad Pro ด้วย จึงทำให้สามารถใช้อุปกรณ์เสริมชิ้นเดียวกันได้เลย เช่นเคส Smart Keyboard Folio และ Magic Keyboard ที่สามารถซื้อรุ่นสำหรับ iPad Pro 11″ มาใช้ได้ทันที (บนเว็บ Apple นั้นคือชิ้นเดียวกันเลย) รวมถึงยังสามารถใช้ Apple Pencil 2 ได้ด้วย

    ส่วน iPad 8 นั้น ตัวบอดี้ก็ยังคงใช้เป็นแบบเดิมอยู่ มิติตัวเครื่องเท่าเดิม ทำให้น่าจะสามารถใช้เคสเดียวกับ iPad 7 ได้ ส่วนขอบจอบน-ล่างที่ดูหนาไปนิดสำหรับยุคนี้ เอาจริง ๆ มันก็มีข้อดีครับ คือถ้าใช้งานในแนวนอน เช่นอาจจะเป็นการวาดรูปหรือยกเครื่องขึ้นมาเล่นเกม พื้นที่ด้านข้างที่มากกว่า จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางสันมือลงไปได้แบบไม่ต้องกลัวว่าจะไปรบกวนการใช้งานเครื่อง ถึงแม้ว่าที่จอมันจะมีฟังก์ชันในการช่วยจับตำแหน่งของสันมือที่ขอบจอก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางครั้งมันก็รวน และไม่แม่นยำอยู่เหมือนกัน

    กลับมาที่เรื่องชิปประมวลผล iPad Air 4 มาพร้อมชิป A14 Bionic รุ่นใหม่ล่าสุด อันนี้ไม่ต้องห่วงเลยครับ รองรับการสนับสนุน การอัพเดต iPadOS ไปได้อีกนาน รวมถึงยังมีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วย เราจึงได้เห็นว่าแบตเตอรี่ของ iPad Air รุ่นใหม่มีค่าการจ่ายไฟต่อชั่วโมง (Whr) ที่น้อยกว่า iPad 8 เสียอีก แต่กลับใช้งานได้ระยะเวลาเท่า ๆ กัน

    ส่วน iPad 8 เลือกใช้ชิป A12 Bionic ที่เป็นชิปรุ่นเดียวกับในกลุ่ม iPhone XS และ iPad mini 5 ซึ่งส่วนตัวผมเองที่ใช้ iPad mini 5 อยู่ ตอนนี้บอกเลยว่าแรงหายห่วงครับ ยังใช้งานได้อีกหลายปีแน่นอน ดังนั้นถ้าจะนำมาใช้งานทั่วไป ใช้เป็นสมุดจดงาน ใช้งานแอปเกี่ยวกับกราฟิก หรือจะใช้เล่นเกมก็ทำได้ ไม่มีปัญหา

     

    สรุปเรื่องสเปค

    iPad Air 4 สเปคดีกว่า จอคุณภาพดีกว่า ส่วน iPad 8 จะค่อนข้างคุ้มค่ากว่านิดนึง ด้วยประสิทธิภาพที่ไม่ได้ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด สามารถใช้งานทั่วไปได้สบายมาก ประกอบกับราคา iPad Pro (2018) ก็ลดลงมาในระดับที่ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ด้วย ซึ่งก็ต้องไปพิจารณากันอีกทีครับ ว่าอยากได้เครื่องเบา ๆ ความแรงพอตัว (iPad Air) หรือเครื่องแรง ๆ ภาพไหลลื่น แต่หนักกว่านิดนึง และเป็นรุ่นเก่ากว่าหน่อย (iPad Pro รุ่นเก่า) ส่วนถ้าจับ iPad Air 4 เทียบกับ iPad Pro รุ่นปัจจุบัน ถ้าไม่ได้ใช้ทำงานหนักจริงจัง ตัว iPad Air รุ่นใหม่จะค่อนข้างคุ้มเงินกว่านิดนึงนะ


    ราคาเครื่อง + อุปกรณ์เสริม

    ทีนี้มาต่อกันที่อุปกรณ์เสริมบ้างครับ ว่าถ้าจะซื้อ iPad Air 4 หรือ iPad 8 มาเพื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นเนี่ย จะต้องใช้งบเท่าไหร่ โดยเราจะอิงสินค้ากับราคาของ Apple จากหน้าเว็บ Apple เป็นหลักนะครับ

    iPad Air 4

    เซ็ตจัดเต็ม: Magic Keyboard + Apple Pencil 2 + สายแปลง USB-C to 3.5 = 9,990 + 4,490 + 390 = 14,870 บาท

    ราคารุ่น 64GB + เซ็ตจัดเต็ม = 34,770 บาท

    ราคารุ่น 256GB + เซ็ตจัดเต็ม = 39,770 บาท

    เซ็ตทำงาน แต่ไม่ถึงขั้นจัดเต็ม: Smart Keyboard Folio + Apple Pencil 2 + สายแปลง USB-C to 3.5 = 5,990 + 4,490 + 390 = 14,870 บาท

    ราคารุ่น 64GB + เซ็ตทำงาน = 30,770 บาท

    ราคารุ่น 256GB + เซ็ตทำงาน = 35,770 บาท

    ใช้งานทั่วไป ใช้เรียน ใช้จดงาน: Apple Pencil 2 = 4,490 บาท

    ราคารุ่น 4 64GB + เซ็ตใช้งานทั่วไป = 24,390 บาท

    ราคารุ่น 256GB + เซ็ตใช้งานทั่วไป = 29,390 บาท

    ขอแค่ฝาปิดแท้ก็พอแล้ว: Smart Cover = 2,290 บาท

    ราคารุ่น 64GB + Smart Cover = 22,190 บาท

    ราคารุ่น 256GB + Smart Cover = 27,190 บาท

     

    iPad 8

    เซ็ตจัดเต็ม: Smart Keyboard + Apple Pencil 1 = 5,290 + 3,400= 8,690 บาท

    ราคา iPad 8 32GB + เซ็ตจัดเต็ม = 19,590 บาท

    ราคารุ่น 128GB + เซ็ตจัดเต็ม = 22,590 บาท

    ใช้งานทั่วไป ใช้เรียน ใช้จดงาน: Apple Pencil 1 =  3,400 บาท

    ราคา iPad 8 32GB + เซ็ตใช้เรียน = 14,300 บาท

    ราคารุ่น 128GB + เซ็ตใช้เรียน = 17,300 บาท

    ขอแค่ฝาปิดแท้ก็พอแล้ว: Smart Cover = 2,290 บาท

    ราคา iPad 8 32GB + Smart Cover = 13,190 บาท

    ราคารุ่น 128GB + เซ็ตใช้เรียน = 16,190 บาท

    อันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการใช้งานของแต่ละท่านเลยครับ บางชิ้นอาจจะเลือกซื้อจากแบรนด์อื่นมาใช้แทนก็ได้ เช่นพวกเคสที่มีตัวเลือกเยอะมาก ๆ จะมีของบางชิ้นที่ถ้าจำเป็นต้องใช้งานจริง ๆ ก็เลือกของ Apple ไปเลยจะชัวร์กว่า ใช้งานได้แบบไม่ค่อยขัดใจเท่าไหร่ ก็เช่นพวก Apple Pencil ส่วนเคสคีย์บอร์ด ถ้าคุณจำเป็นต้องพกเครื่องไปใช้งานนอกสถานที่บ่อย ๆ แล้วต้องการความสะดวกในการใช้งาน การพกพา จุดนี้ก็คงต้องยอมลงทุนซักนิดนึง เพราะพวกอุปกรณ์จาก 3rd party อาจจะให้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ค่อยราบรื่นเท่า จะพกคีย์บอร์ด bluetooth แยกไปก็อาจจะไม่สะดวกซักเท่าไหร่

    ส่วนถ้าเทียบราคาอุปกรณ์เสริมกันระหว่าง iPad Air 4 และ iPad 8 ก็แน่นอนว่าฝั่งของ iPad Air รุ่นใหม่ย่อมมีราคาที่สูงกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีความครบครัน ความสะดวกในแง่ช่วยเสริมการทำงานที่มากกว่าด้วย ที่เห็นได้ชัดคือ Apple Pencil 2 ที่มีฟังก์ชันที่มากกว่า เก็บและพกพาได้ง่ายกว่ารุ่นแรกมาก ๆ แต่ถ้าต้องการอุปกรณ์ในระดับที่ใช้งานได้ และราคาที่คุ้มค่ากับยุคปัจจุบัน เซ็ตของกลุ่ม iPad 8 ก็ตอบโจทย์ได้ดีไม่แพ้กันเลยครับ แถมราคาค่อนข้างเป็นมิตรกับนักเรียน นักศึกษากว่าด้วย

     

    สรุปเรื่องอุปกรณ์เสริม

    อุปกรณ์ของ iPad Air 4 จะค่อนข้างใช้งานได้กว้างขวางและมีฟีเจอร์มากกว่า iPad 8 นิดนึง เนื่องจากสามารถใช้อุปกรณ์บางอย่างของ iPad Pro 11″ อย่างพวก Magic Keyboard และ Apple Pencil 2 ได้ด้วย แต่ก็แน่นอนว่ามาพร้อมราคาที่สูงกว่า

    ส่วนอุปกรณ์ของ iPad 8 จะมีราคาที่เป็นมิตรกว่านิดนึง แต่ก็มาพร้อมฟังก์ชันที่น้อยกว่าด้วย ยังดีที่ตัวเครื่องมีช่อง 3.5 มม. มาให้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องซื้อสายแปลงมาใช้ (ในกรณีที่จำเป็น) อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ของ iPad 8 มันก็สามารถตอบสนองงานทั่วไปได้ไม่มีปัญหาเลย จะใช้จดบันทึก วาดรูป ไปจนถึงระดับใช้ทำงานจริงจังก็ได้สบาย ๆ

    ส่วนเคสหรือฝาปิด Smart Cover ของทั้งสองรุ่น อันนี้ก็แล้วแต่จิตศรัทธาครับ จะใช้ของแท้ก็ได้ หรือจะใช้ของแบรนด์อื่นก็ตามสะดวก เดี๋ยวนี้ของที่มีคุณภาพดี ๆ นั้นมีให้เลือกเต็มไปหมดเลย


    อายุการอัพเดต iPadOS

    โดยปกติแล้ว Apple มักจะปล่อยอัพเดต iOS และ iPadOS ให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเองค่อนข้างยาวนานมาก อย่างต่ำก็คงไม่น้อยกว่า 4 ปี ซึ่งเวอร์ชันล่าสุดอย่าง iPadOS 14 นั้น ก็ยังสามารถติดตั้งใน iPad Air 2 ที่วางขายเมื่อ 6 ปีก่อนได้อยู่เลย ดังนั้นไม่ว่าจะเลือก iPad Air รุ่นไหนก็ไม่ต้องกลัวครับ สามารถอัพเดตซอฟต์แวร์ตามเวอร์ชันใหม่ได้ทุกปึไปไม่น่าจะน้อยกว่า 5 ปี (ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง)

    แต่อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่า iPad Air 4 ย่อมต้องรองรับในระยะที่นานกว่าเล็กน้อย ด้วยการใช้ชิป A14 Bionic ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ ต่างจาก iPad 8 ที่ใช้ชิป A12 Bionic ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในช่วงปลายปีที่แล้วครับ


    สรุป iPad Air 4 vs iPad 8

    แน่นอนว่าระหว่างคู่นี้ ถ้านำมาเทียบกันตรง ๆ iPad Air 4 จะมาพร้อมสิ่งที่เหนือกว่าหลายจุด เช่น สเปค ความสามารถในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมที่สูงกว่า น้ำหนักที่เบากว่า แต่สิ่งที่ตามมาก็คือราคาที่สูงกว่ากันร่วม 10,000 บาทด้วย ดังนั้น ถ้าถามว่าระหว่างสองรุ่นนี้จะเลือกรุ่นไหนดี ก็คงต้องพิจารณาจากงบที่มีก่อนเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริมด้วย ก็ลองคำนวณดูก่อนว่าต้องจ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ ถ้าจ่ายไหว การเลือก iPad Air 4 ก็จะสะดวกกับการใช้งานจริงจังในระยะยาวมากกว่า แต่ถ้าอยากเซฟเงินแล้วยังได้แท็บเล็ตคุณภาพดีอยู่ iPad 8 ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน

    ส่วนเรื่องความจุที่แนะนำ ก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานครับ ตัวอย่างเช่น

    • ใช้จด lecture จดบันทึกการประชุมเป็นหลัก: เลือกความจุต่ำสุดของแต่ละรุ่นก็พอ
    • ใช้ดูหนังออนไลน์ ดู Netflix ดูบอล: เลือกความจุต่ำสุดก็พอ
    • ใช้เล่นเกม: เลือกความจุสูงสุด ถ้าสามารถจ่ายไหว (แนะนำ iPad Air รุ่นใหม่หรือถอยไป iPad mini 5 ที่สเปคใกล้เคียงกับ iPad 8 จะดีกว่า เนื่องจากน้ำหนักที่เบากว่า)
    • ใช้ทำงาน เก็บไฟล์งานในเครื่องเป็นประจำ: เลือกความจุสูงสุดเอาไว้ก่อน สบายใจกว่า
    • ใช้ขายของออนไลน์ เช็คสต็อกสินค้า รับออเดอร์: ถ้าไม่ได้ถ่ายรูป หรือเก็บรูปสินค้าในเครื่อง เลือกความจุต่ำสุดก็พอ
    • ใช้แต่งรูป ดึงไฟล์ RAW จากกล้องดิจิตอลมาทำรูปต่อ: เลือกความจุสูงสุด
    • ใช้งานหลายแบบ ใช้ทั่วไป: เลือกความจุสูงสุดเท่าที่จ่ายไหว
    Apple iPad iPad 8 iPad Air 4
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ZeroSystem

    Related Posts

    Apple อาจใช้ AI ช่วยประหยัดพลังงาน คาดใส่เข้ามาใน iOS 19

    13 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 3 กลุ่มหลักที่เหมาะกับ iPhone 16e – ถ้าซื้อไปใช้ รับรองว่าคุ้ม!

    13 พฤษภาคม 2025

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    Samsung Galaxy S25 Edge มาแล้ว เปิดราคา 36,xxx บาง 5.8mm แต่แรงด้วย SD 8 Elite for Galaxy

    13 พฤษภาคม 2025

    Apple อาจใช้ AI ช่วยประหยัดพลังงาน คาดใส่เข้ามาใน iOS 19

    13 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 3 กลุ่มหลักที่เหมาะกับ iPhone 16e – ถ้าซื้อไปใช้ รับรองว่าคุ้ม!

    13 พฤษภาคม 2025

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X