พบกับรีวิวสมาร์ตโฟนรุ่นยอดนิยมจาก Vivo คราวนี้เป็นการรีวิว Vivo V20 สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ในซีรี่ส์ยอดนิยม V Series ที่มาพร้อมความสามารถไม่แพ้รุ่นพี่อย่างกล้องหน้า 44MP ระบบโฟกัสแบบ Eye Autofocus รวมถึงชุดกล้องหลัง 3 กล้อง ความละเอียดสูงถึง 64MP
สเปค Vivo V20
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 20:9 อัตรารีเฟรช 60Hz
- ดีไซน์หน้าจออยู่ในรูปแบบของ Notch บริเวณกึ่งกลางด้านบน
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 720G
- RAM 8 GB
- แหล่งเก็บข้อมูลแบบ UFS 2.1 ความจุ 128 GB ไม่สามารถเพิ่มผ่าน microSD Card ได้
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G FDD และ 4G TDD
- รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4 + 5GHz) และ Bluetooth 5.1
- พอร์ตชาร์จเป็น USB 2.0 Type-C
- กล้องหลังมี 3 เซ็นเซอร์ซึ่งจะแบ่งออกเป็น
-
-
- กล้องหลัก 64MP f/1.89
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 MP รองรับการถ่ายมาโคร 2.5 เซนติเมตร และ Bokeh f/2.2
- กล้อง Mono 2MP f/2.4
-
- กล้องหลังมาพร้อมฟีเจอร์ Motion Autofocus, Eye Autofocus, Body/Object Autofocus, Super Night Mode, Super Wide Angle Night Mode, Tripod Night Mode, Ultra Stable Video, Art Portrait video, Super Macro, Bokeh Portrait, Multi-Style Portrait
- กล้องหน้าความละเอียด 44 MP Eye AutoFocus f/2.0
- กล้องหน้ามาพร้อมฟีเจอร์ Eye Autofocus, Super Night Selfie, Selfie Softlight Band, Steadiface Selfie Video, Slo-Mo Selfie Video, Dual-View Video, Art Portrait Video, Multi-Style Portrait
- ระบบนำทาง GPS, Beidou, Galileo, GLONASS
- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh รองรับการชาร์จไวสูงสุดที่ 33W (11V/ 3A)
- มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11
- มีด้วยกัน 2 สี Midnight Jazz, Sunset Melody
- ราคาเปิดตัว 11,999 บาท
- สเปคเต็ม ๆ Vivo V20
รีวิว Vivo V20 – กล้องหน้า 44MP ระบบโฟกัสดวงตา Eye autofocus
หัวข้อแรกในการรีวิว Vivo V20 ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องกล้องล่ะครับ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้จะอยู่ที่การมาพร้อมกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล ถ่ายออกมาได้อย่างคมชัด เก็บรายละเอียดได้ดี ทั้งยังมาพร้อมกับความสามารถในการโฟกัสแบบ Autofocus จับโฟกัสในระยะใกล้สุดได้ถึง 15 เซนติเมตร ไปจนถึงระยะไกล
ส่วนการจับโฟกัสก็ไม่ได้ล็อกที่ใบหน้า แต่เป็นการล็อกโฟกัสที่ดวงตาขณะเซลฟี่ ด้วยระบบ Eye Autofocus ที่มีความแม่นยำ ทำให้ในการเซลฟี่ ไม่จำเป็นที่จะต้องมองเพ่งไปที่กล้องตอนกดชัตเตอร์ สามารถถ่ายเซลฟี่แบบเผลอ ๆ โดยที่กล้องหน้าก็ยังคงโฟกัสได้แม่นยำ ตรงนี้เลือกได้ว่าจะให้โฟกัสที่ตาซ้าย ตาขวา หรือทั้งสองข้าง
โหมดการถ่ายภาพกล้องหน้าที่น่าสนใจของรุ่นนี้ในโหมดแรก ได้แก่ โหมดกลางคืน AI low-light Portrait ที่ช่วยปรับแสงสว่างบริเวณใบหน้า ให้ภาพคมชัดมากกว่าโหมดปกติ และสามารถใช้การเพิ่มแสงหน้าจอแทนแฟลชในโหมด Selfie soft light band ผลที่ได้ก็คือจะให้ภาพเซลฟี่ยามค่ำคืนที่มีความสว่าง ใบหน้าเนียน อุณหภูมิสีที่เที่ยงตรง และให้โทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ส่วนการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า Vivo V20 รองรับที่ความละเอียดสูงถึง 4K พร้อมโหมด Face Beauty ที่ใช้งานได้ในความละเอียดระดับสูง ตรงนี้เป็นจุดที่แตกต่างจากโหมด Beauty Video ของแบรนด์อื่น ที่มักจะถ่ายได้แค่ความละเอียด Full HD 1080p หรือ HD 720p นอกจากนี้ในโหมดวิดีโอ ยังมีฟังก์ชั่นป้องกันภาพสั่นไหวอีกด้วย
ไม่เพียงถ่ายวิดีโอกล้องหน้าที่ความละเอียดสูงเพียงอย่างเดียว Vivo V20 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ในการถ่ายวิดีโอกล้องหน้าพร้อมกับกล้องหลัง Dual-View Video ที่มีทั้งแบบ Picture-in-Picture หรือจะเป็นการถ่ายวิดีโอแบบ Slo-mo Selfie รวมถึง Art Portrait Video ที่ปรับแต่งรูปลักษณ์ได้ถึง 5 แบบ
ถ่ายวิดีโอพร้อมกัน 2 กล้อง ด้วยฟีเจอร์ Dual-View Video
กล้องหลังจัดเต็ม 64MP + เลนส์มุมกว้าง (Super Wide Angle/Bokeh/Super Macro) + กล้อง Mono
กล้องหลักของ Vivo V20 Pro มีความละเอียดสูงถึง 64MP คมชัดทุกรายละเอียด มีค่ารูรับแสง f/1.89 และทำงานแบบ Pixel Binning ทำให้ได้ขนาดพิกเซลที่ใหญ่ เซ็นเซอร์เก็บแสงได้มากขึ้น ทำให้เวลาถ่ายภาพกลางคืน หากไม่ได้มืดชนิดที่ว่าไม่เห็นแสงไฟ การใช้แค่เซ็นเซอร์หลักถ่ายในโหมดออโต้ ก็ให้ภาพถ่ายที่สว่าง คมชัดอยู่แล้ว
ส่วนกล้องตัวที่สอง ทำหน้าที่แบบ 3 in 1 เป็นทั้งกล้องถ่ายภาพมุมกว้าง Super Wide-angle/ Bokeh/ Super Macro ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดยรวมถือว่าให้ระยะทำการเพียงพอต่อการใช้งาน ถ่ายได้ทั้งในระยะปกติ, มุมกว้าง และการซูม อีกทั้งมีลูกเล่นต่าง ๆ มากมายในส่วนของกล้องหลัก ได้แก่
Super night mode
แม้ว่าในโหมด Auto ของกล้อง Vivo V20 จะถ่ายภาพกลางคืนได้ดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการความสว่างที่มากกว่า และต้องการรายละเอียดที่คมชัดขึ้นไปอีกระดับ โหมดกลางคืนอย่าง Super night mode จะทำให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยดีขึ้นอย่างชัดเจน สามารถเลือกได้ด้วยว่าจะถ่าย Super night mode ด้วยมือเปล่า หรือใช้ขาตั้งกล้อง และสามารถใช้งานโหมดนี้ได้กับกล้องทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นระยะกล้องหลัก, กล้องซูม หรือกล้อง Ultra wide angle
นอกจากถ่ายกลางคืนได้ดีแล้ว รุ่นนี้ยังมีลูกเล่นในการถ่ายกลางคืน อย่าง Night Filter ให้เลือกใช้งานอีกด้วย ทำให้การถ่ายภาพกลางคืนมีความแตกต่างไปจากเดิม ๆ
Motion Autofocus
ระบบติดตามการเคลื่อนไหวของวัตถุ เพียงแตะที่วัตถุที่ต้องการถ่ายภาพ 2 ครั้ง จากนั้นกล้องของ Vivo V20 จะทำการล็อกจุดโฟกัส และเคลื่อนไปตามวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เหมาะกับการถ่ายภาพที่วัตถุมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น ถ่ายสัตว์เลี้ยง หรือถ่ายรูปเด็ก เป็นต้น
การถ่ายวิดีโอ
ส่วนการถ่ายวิดีโอ รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60fps และแน่นอนว่ามีโหมดกันสั่น Ultra Stable ให้เลือกใช้ในกรณีที่ถ่ายวิดีโอแล้วมีการเคลื่อนไหวเยอะ ๆ รวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ในการถ่ายวิดีโอก็มีให้เลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโหมด Beauty หน้าสวยในวิดีโอ และยังมาพร้อมกับ 3D Sound Tracking ที่เน้นเสียงตัวละครหลักของวิดีโอเสมอ
AI Image Matting ไดคัทรูปง่าย ๆ
เปลี่ยนฉากหลังด้วยฟีเจอร์ AI Image Matting
ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจในกล้องหลัก Vivo V20 จะเกี่ยวกับการแต่งภาพ ได้แก่ฟีเจอร์อย่าง AI Image Matting ที่สามารถเปลี่ยนท้องฟ้าได้หลากหลายรูปแบบ ไปจนถึงการไดคัทรูป แยกคนออกจากฉากหลังได้เนียนมาก ๆ หรือจะเป็น Memory Recaller ที่ใช้ AI ช่วยในการปรับแต่งภาพเก่า ให้มีความคมชัด และเพิ่มสีสันให้เหมือนภาพเก่ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ซ้าย รูปเก่า | ขวา รูปที่ผ่าน Memory Recaller
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Vivo V20
เปรียบเทียบระหว่างโหมด Auto กับโหมด Portrait ในการทำโบเก้
ตัวอย่างภาพถ่ายในโหมดมาโคร
ประสิทธิภาพ การประมวลผล
รีวิว Vivo V20 ในด้านประสิทธิภาพกันบ้าง รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลอย่าง Qualcomm Snapdragon 720G พร้อมกับ RAM 8GB และความจุในตัวเครื่อง 128GB (UFS 2.1) แม้จะไม่รองรับการเพิ่ม microSD Card แต่ความจุที่ให้มาน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานได้ในระดับหนึ่ง
เช่นเดียวกับประสิทธิภาพในการประมวลผล ชิปเซ็ตระดับ Snapdragon 720G นั้นให้ความแรงในระดับที่ใช้งานได้อย่างลื่นไหล รวมถึงการเล่นเกมที่สามารถปรับการตั้งค่าในระดับกลาง – สูงได้แทบจะทุกเกมที่มีให้ดาวน์โหลดบน Google Play Store ผมทดสอบกับหลาย ๆ เกมยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น PUBG Mobile, RoV, Call of Duty Mobile หรือจะเป็นเกมใหม่ที่หลายคนให้ความสนใจอย่าง League of Legend Wild Rift ก็สามารถเล่นบน Vivo V20 ได้สบาย ๆ ที่โหมดเฟรมเรตสูง ปรับภาพสูงสุด
ด้านระบบปฏิบัติการ รุ่นนี้มาพร้อมกับ Funtouch OS 11 ที่มีพื้นฐานมาจากระบบปฏิบัติการ Android 11 โดยสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นแรก ๆ ในไทยเลยก็ว่าได้ ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดบนโลกแอนดรอยด์ และในอนาคตอันใกล้นี้ รุ่นพี่อย่าง Vivo V20 Pro ก็จะได้รับอัพเดตแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่เช่นกัน
ตัวช่วยในการเล่นเกมอย่าง Ultra Game Mode มีโหมดทางเลือกอย่าง Esport Mode (รองรับ PUBG Mobile, Free Fire) ที่จะปิดทุกการแจ้งเตือนในคลิกเดียว และทำการปิดแอปที่ทำงานเบื้องหลังทั้งหมด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นเกม หรือจะเป็น Bot Mode หรือโหมดบอทที่จะทำให้เกมเล่นต่อเนื่องแม้จะปิดหน้าจออยู่ เหมาะกับเกมที่สามารถเปิดบอทเพื่อฟาร์มของ ฟาร์มเลเวลได้ และประหยัดพลังงานมากกว่าตอนที่เปิดหน้าจอ
Ultra Game Mode ยังมีฟังก์ชั่นอย่างการเลือกให้ความสำคัญกับเฟรมเรตเป็นอันดับแรก หากตัวเครื่องเกิดความร้อนขึ้นระหว่างเล่น จะทำการลดความละเอียดของเกมลง เพื่อให้เฟรมเรตนิ่ง เล่นได้อย่างลื่นไหล
การเชื่อมต่อ 4G นั้นรองรับทั้ง FDD-LTE และ TDD-LTE แถมยังรองรับการรวมคลื่น (Carrier Aggregation) อีกด้วย ส่วนการเชื่อมต่ออื่น ๆ รุ่นนี้มาพร้อมกับ Bluetooth 5.1 และรองรับ Wi-Fi 5 (2.4 GHz + 5 GHz) ระบบนำทาง GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB Type-C 2.0
Design การออกแบบตัวเครื่อง
Vivo V20 มีขนาดตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่จนเกินไป มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.44 นิ้วขอบหน้าจอโค้ง 2.5D การวางตำแหน่งของจุดต่าง ๆ ทำได้อย่างสมดุล น้ำหนักตัวเครื่องไม่ทิ้งไปด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป ส่งผลให้จับถือตัวเครื่องสะดวก น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 171 กรัม และมีความบาง 7.38 มม.
รายละเอียดต่าง ๆ ของตัวเครื่อง Vivo V20 บริเวณด้านล่างประกอบไปด้วยพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual Slot (nano SIM) ไม่รองรับ microSD Card, ลำโพงหลักของตัวเครื่องที่เป็นลำโพงเดี่ยว, ไมโครโฟนตัวที่ 1 สำหรับสนทนาโทรศัพท์ และไฮไลต์อย่างพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร รุ่นนี้ก็มีมาให้ใช้งาน ตรงนี้น่าจะถูกใจหลายคนเลย
ด้านบนตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ส่วนปุ่มกดต่าง ๆ จะอยู่บริเวณด้านขวามือทั้งหมด ประกอบไปด้วยปุ่มเปิดปิดหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านหลังตัวเครื่องรีวิว Vivo V20 ที่ได้รับมาเป็นสี Midnight Jazz พื้นผิววัสดุฝาหลังเป็นแบบด้าน AG Matte Glass ไม่เก็บรอยนิ้วมือ และมีการไล่เฉดสีเมื่อตัวเครื่องโดนแสงตกกระทบ ให้ความรู้สึกหรูหรา และเข้ากันกับโมดูลกล้องหลังได้เป็นอย่างดี
โดยตัวกล้องหลังประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์หลัก 64MP, กล้องมุมกว้าง + มาโคร 8MP และกล้อง Mono 2MP ทั้งหมดวางอยู่บนโมดูลสี่เหลี่ยม ตัวโมดูลกล้องนูนขึ้นมาจากฝาหลังเพียงเล็กน้อย เมื่อใส่เคสที่แถมมาให้ ขอบเคสก็จะป้องกันกล้องที่นูนขึ้นมาได้อย่างพอดี
แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ 33W Vivo FlashCharge 2.0
สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh ภายใต้ตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบา และมีความบางทีเดียวครับ ในด้านการใช้งาน ผมอ้างอิงจากตอนที่รีวิว Vivo V20 รุ่นนี้ถือเป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นที่สามารถใช้งานต่อเนื่องหมดวันโดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างวันได้สบาย ๆ อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้งานอย่างหนักหน่วง เช่น เล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือรับชมภาพยนตร์ต่อเนื่องยาวนาน กรณีแบบนั้นก็ไม่น่าจะมีแบตเตอรี่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นไหนก็ตาม
ส่วนเรื่องการชาร์จไฟ รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบชาร์จ 33W Vivo FlashCharge 2.0 สามารถชาร์จไฟกลับได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอะแดปเตอร์ที่แถมมาให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ใช้เวลาชาร์จ 30 นาที ได้แบตเตอรี่คืนมามากกว่า 50% และใช้เวลาชาร์จไฟเต็ม 100% ประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆ ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่แบตอึด และชาร์จเร็วครับ
สรุปภาพรวมรีวิว Vivo V20
ภาพรวมสำหรับรีวิว Vivo V20 กับราคาค่าตัว 11,999 บาท ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่ได้รับกลับมา โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องหน้าที่ต้องบอกเลยว่า “มาเต็ม” และเป็นสมาร์ตโฟนที่ส่วนตัวผมมองว่าถ่ายรูปได้สนุกมากรุ่นหนึ่ง ระบบโฟกัสดวงตามีความแม่นยำสูง ลูกเล่นของกล้องถ่ายภาพที่มีให้เลือกใช้งานเยอะแยะมากมาย รวมถึงกระบวนการแต่งภาพหลังถ่าย
ว่ากันตามตรง สมาร์ตโฟนรุ่นนี้เรียกได้ว่าเป็น Vivo V20 Pro 5G ที่ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นไปอีก ด้วยการปรับชิปประมวลผลเป็น Snapdragon 720G ตัดความสามารถในการรองรับ 5G และกล้องหน้าเลนส์มุมกว้างออกไป ที่เหลือก็ V20 Pro ดี ๆ นี่เองครับ ทั้งระบบกล้องหลัง 64MP และกล้องหน้า 44MP โฟกัสดวงตา Eye Autofocus