ส่วนตัวผมห่างหายจากการรีวิวแท็บเล็ตแอนดรอยมานานพอสมควร ด้วยตัวผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายกันเพียงไม่กี่ยี่ห้อ และมีเพียงไม่กี่รุ่น แท็บเล็ตรุ่นล่าสุดที่ผมรีวิวก็น่าจะเมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ Lenovo Tab 3 รุ่นหน้าจอ 8 นิ้ว เป็นแท็บเล็ตแอนดรอยราคาย่อมเยา ส่วนแท็บเล็ตแอนดรอยที่จะมา Hands-on ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันวันนี้ก็ยังคงเป็นแท็บเล็ตจากแบรนด์ Lenovo เช่นเคย แต่เป็นซีรี่ส์ภาคต่อจาก Tab 3 ซึ่งก็คือ Lenovo Tab 4 Plus ที่มาพร้อมกับรุ่นหน้าจอ 8 นิ้ว และหน้าจอ 10 นิ้ว กับราคาเริ่มต้น 10,990 บาท
สเปค Lenovo Tab 4 Plus
- ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat
- หน้าจอ IPS ขนาด 8 และ 10 นิ้ว ความละเอียด Full HD
- ใช้กระจก Gorilla Glass ทั้งด้านหน้าและหลัง
- ซีพียู Qualcomm Snapdragon 625 Octa-core ความเร็ว 2.o GHz
- Ram 4GB
- ความจุ 64 GB รองรับ Micro SD Card สูงสุด 128 GB
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED
- ลำโพงระบบเสียงสเตอริโอ (ลำโพงคู่)
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C รองรับ Fast Charging
- รองรับ 4G LTE, WiFi Dual Band (2.4 GHz/ 5 GHz)
- แบตเตอรี่ความจุ 4,850 mAh (หน้าจอ 8 นิ้ว) และ 7,000 mAh (หน้าจอ 10 นิ้ว)
- Lenovo Tab 4 Plus หน้าจอ 8 นิ้ว – ราคา 10,990 บาท
- Lenovo Tab 4 Plus หน้าจอ 10 นิ้ว – ราคา 11,990 บาท
รอบนี้ Lenovo นำแท็บเล็ตตระกูล Lenovo Tab 4 Plus เข้ามาด้วยกันทั้ง 2 ขนาดหน้าจอ ทั้งหน้าจอ 8 นิ้ว และหน้าจอ 10 นิ้ว แม้ว่าตัวราคาเมื่อเทียบกับตอน Lenovo Tab 3 อาจจะมีราคาเปิดตัวที่สูงกว่า แต่ด้วยความที่เป็น Lenovo Tab 4 Plus อย่างตัวชิปเซ็ตเองก็ใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 625 octa-core ความเร็ว 2.0 GHz, Ram 4 GB และความจุสูงถึง 64 GB ตัวสเปคที่ให้มาก็ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี
รุ่นที่เราได้ลองจับจะเป็น Lenovo Tab 4 Plus หน้าจอ 8 นิ้ว แต่สามารถใช้อ้างอิงกับรุ่นหน้าจอ 10 นิ้วได้เช่นกัน เพราะสเปคก็เป็นสเปคเดียวกัน แตกต่างกันที่ขนาดตัวเครื่อง กับตำแหน่งการวางเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ รุ่นหน้าจอ 8 นิ้วจะวางเซนเซอร์สแกนนิ้วไว้ที่บริเวณด้านข้าง ส่วน Lenovo Tab 4 Plus รุ่นหน้าจอ 10 นิ้ว จะวางเซนเซอร์สแกนนิ้วไว้ด้านหน้า
หน้าจอของ Lenovo Tab 4 Plus หน้าจอ 8 นิ้ว ใช้พาแนลแบบ IPS ความละเอียดระดับ Full HD คมชัด เป็นแท็บเล็ตที่หน้าจอสวยทีเดียวครับ สีสันก็ถือว่าทำได้ดี ด้านบนหน้าจอมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลติดมาให้ด้วย
การจับถือ Lenovo Tab 4 Plus หน้าจอ 8 นิ้ว ทำได้สะดวกทีเดียว ด้วยขอบจอที่บาง (ในมุมของการเป็นแท็บเล็ต) และมีน้ำหนักเบา การใช้งานจะคล้าย ๆ กับถือพวก Phablet หน้าจอใหญ่ โดยหลัก ๆ รุ่นหน้าจอ 8 นิ้วจะออกแบบมาให้ถือใช้งานในแนวตั้งเป็นหลัก ส่วนรุ่นหน้าจอ 10 นิ้ว จะเหมาะกับการใช้งานในแนวนอนมากกว่า
การติดเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้บริเวณด้านข้างขวา ก็เป็นอะไรที่ทำให้เซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกัน แต่เมื่อลองทำท่าใช้งานจริงก็ถือว่าสะดวกดีทีเดียวครับ โดยเฉพาะเวลาที่ถือใช้แนวตั้ง เราสามารถใช้นิ้วชี้สแกนได้ทันที แบบในรูป
Lenovo Tab 4 Plus รองรับการใช้งาน 4G LTE และยังรองรับการใช้งานร่วมกับ Micro SD Card ที่ความจุสูงสุด 128 GB แต่เป็นถาดซิมแบบ Hybrid Slot คือต้องเลือกระหว่างซิม 2 กับ Micro SD Card
พอร์ตเชื่อมต่อ Lenovo Tab 4 Plus หน้าจอ 8 นิ้ว จะเป็นพอร์ตแบบ USB-C และมีพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรติดมาให้ด้วย ส่วนลำโพงหลักของตัวเครื่องมีด้วยกัน 2 ตัว เป็นลำโพงคู่
นอกจากจะมีความลำโพงคู่แล้ว ระบบเสียงของ Lenovo Tab 4 Plus ทั้งหน้าจอ 8 นิ้ว และหน้าจอ 10 นิ้ว ยังขับเคลื่อนระบบเสียงด้วย Dolby Atmos แบบเดียวกับในโรงภาพยนตร์เลยทีเดียว
ด้านหลังของ Lenovo Tab 4 Plus ใช้วัสดุเป็นกระจก ให้ความรู้สึกหรูหรา สมกับราคาค่าตัว รายละเอียดทางด้านหลังประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Auto-focus ที่ติดแฟลช LED มาให้ด้วย
ข้อสังเกตของฝาหลังที่ใช้วัสดุเป็นกระจกคือมันเก็บรอยนิ้วมือได้ดีเอามาก ๆ จากการลองเล่นเป็นเวลาไม่นาน ก็พบว่าสามารถเก็บรอยนิ้วมือของผมได้เต็มฝาหลัง เพราะฉะนั้นตอนใช้จริงแนะนำให้ใส่เคสจะดีกว่าครับ
ภาพรวมของ Lenovo Tab 4 Plus หน้าจอ 8 นิ้ว และหน้าจอ 10 นิ้ว ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาแท็บเล็ตฟีเจอร์ครบ ๆ เครื่องเดียวจบ ใส่ซิมเล่นอินเทอร์เน็ตได้ และรอบนี้ Lenovo ก็เลือกเรารุ่นที่สเปคสูงมาขายทั้ง 2 ขนาดหน้าจอ ตัวชิปเซ็ต Snapdragon 625 กับ Ram 4 GB ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งความจุก็ให้มาถึง 64 GB ดีไซน์, วัสดุก็พรีเมียมทีเดียว กับราคาเริ่มต้นที่ 10,990 บาท สำหรับรุ่นหน้าจอ 8 นิ้ว และราคา 11,990 บาท สำหรับ Lenovo Tab 4 Plus หน้าจอ 10 นิ้ว
สำหรับรีวิวฉบับเต็ม Lenovo Tab 4 Plus ทั้งรุ่นหน้าจอ 8 นิ้ว และหน้าจอ 10 นิ้ว สามารถติดตามได้ในเร็ว ๆ นี้ครับ