ย้อนกลับไปเมื่อก่อน เวลาเลือกซื้อเคส iPhone จะต้องเลือกระหว่างเคสที่ปกป้องตัวเครื่องได้ดี หรือเคสที่มีดีไซน์สวยงาม แต่ไม่ใช่กับ RhinoShield รุ่น Clear เคสใสกันกระแทกสำหรับ iPhone 13, iPhone 12 เพราะนอกจากจะได้ทั้งการปกป้องตัวเครื่อง และยังได้เรื่องความสวยงาม ที่ไม่เพียงดีไซน์สวย แต่ยังสามารถเลือกปรับแต่งเคสให้เป็นสไตล์ของตัวเราเองได้อีกด้วย
โดย RhinoShield เคสใสรุ่น Clear จะเป็นเคสที่มีจุดเด่นหลัก ๆ อยู่ 3 อย่าง ดังนี้
- ฟังก์ชั่นป้องกันการกระแทกต่าง ๆ ได้ดี
- ดีไซน์ของเคส พร้อมกับอุปกรณ์เสริมสามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ
- ตัวเคสเป็นแบบใส โชว์สีสันของตัวเครื่องได้เต็มที่ และทนต่อการเกิดเคสเหลือง
ฟังก์ชั่นป้องกันการกระแทก ด้วยเทคโนโลยี ShockSpread
RhinoShield รุ่น Clear เป็นเคสที่ออกแบบสำหรับ iPhone 13 (iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max) และ iPhone 12 (iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max) ในเรื่องของวัสดุและเทคโนโลยีของตัวเคส รุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีกันกระแทกวัสดุเอกสิทธิ์เฉพาะ RhinoShield อย่าง ShockSpread ขึ้นรูปเป็นวัสดุชิ้นเดียว อีกทั้งผ่านการรับรอง SGS ที่เหนือกว่าความทนทานระดับทหาร (MIL-STD) รับรองได้เลยว่าซีรี่ส์ใหม่ของ RhinoShield ทนทานไม่แพ้รุ่นตำนาน SolidSuit, Mod NX และ CrashGuard NX อย่างแน่นอน
ในด้านการดีไซน์ของตัวเคสรุ่น Clear ก็ออกแบบมาให้ปกป้องตัวเครื่องได้รอบด้าน โดยเฉพาะบริเวณด้านล่างตัวเครื่อง มีการเจาะรูตำแหน่งต่าง ๆ ของพอร์ตได้อย่างพอดี ส่วนบริเวณด้านหลังที่เป็นโมดูลกล้องหลังที่นูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง เคสรุ่น Clear ก็ปกป้องได้ครอบคลุมอย่างพอดี
ด้านหน้าก็จะยกบริเวณขอบขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อที่เวลาวางตัวเครื่องบนพื้น ไม่ว่าจะคว่ำ หรือหงายเครื่องก็ยังคงมั่นใจว่า จะไม่เกิดริ้วรอยกับทั้งหน้าจอ และเลนส์กล้อง ส่วนบริเวณที่เป็นปุ่มกดต่าง ๆ ตัวปุ่มออกแบบมาได้ดี กดง่าย ปุ่มนุ่มมาก
ดีไซน์ปรับแต่งได้ตามความต้องการ
เคสโทรศัพท์ปกติทั่วไป มักจะเป็นเคสแบบสำเร็จรูป ที่ผู้ผลิตเลือกมาให้แล้วว่าจะต้องเป็นสีนั้นสีนี้ แต่ไม่ใช่กับ RhinoShield รุ่น Clear ที่ผู้ใช้อย่างเรา ๆ สามารถปรับแต่งเคสได้ตามชอบใจ เพราะเคสรุ่นนี้ออกแบบมาให้เปลี่ยนปุ่มกด ทั้งปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่ม Sleep/ Wake และยังรองรับการใส่สายคล้อง ตามสมัยนิยมอีกด้วย นอกจากเทคโนโลยีป้องกันจัดเต็มแล้ว เรื่องแฟชั่นก็จัดเต็มไม่แพ้กันครับ
RhinoShield Clear แม้ว่าตัวเคสจะเป็นเคสใส แต่ถ้าเพื่อน ๆ เข้าไปสั่งผ่านเว็บไซต์ของ RhinoShield จะสามารถพิมพ์ลวดลายด้านหลังเคสได้ มีทั้งแบบที่เป็น Preset อยู่แล้ว, Collaborations กับแบรนด์อื่น ๆ เช่น Dragon Ball Z, Harry Potter, One Piece, Snoopy, Attack on Titan รวมถึงศิลปินอื่น ๆ หรือจะอัพโหลดรูปไปเอง รวมถึงใส่ตัวอักษรต่าง ๆ ลงไป สามารถเลือกสีของตัวอักษร เลือก Font ได้ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว
หลังจากเลือกรูปแบบ ลวดลายของเคสได้แล้ว ก็สามารถเลือกซื้อสายคล้องคอที่มีให้เลือกถึง 6 สี สามารถเปลี่ยนสีของตะขอที่เอาไว้ยึดสายคล้องคอได้อีก ส่วนความยาวของสายคล้องคอ ก็ยาวเพียงพอสำหรับการสะพายด้านข้าง หรือจะปรับสายให้สั้นลงหน่อย เพื่อใช้ห้อยคอก็ได้เช่นกัน (ความยาวสูงสุด 160 เซนติเมตร)
นอกจากเพิ่มสายห้อยคอได้แล้ว RhinoShield เคสใสรุ่น Clear ยังมาพร้อมกับกรอบเลนส์ที่มีให้เลือก 8 สี และปุ่มกดที่มีสีสันหลากหลายกว่า 26 สี นั่นหมายความว่า เราสามารถปรับแต่งเคสให้เป็นสไตล์ในแบบที่ถูกใจได้จริง ๆ จะใช้ปุ่มเพิ่มเสียงคนละสีกับปุ่มลดเสียงก็ยังได้ เช่นเดียวกับบริเวณที่เป็นกรอบเลนส์ ก็สามารถเปลี่ยนสีได้
เคสใสมาก ปราศจากสาร BPA/ BPF/ BPS ไม่มีสารพิษ และทนทานต่อการเกิดเคสเหลือง
วัสดุของเคสก็สำคัญเช่นกัน และแน่นอนว่า RhinoShield Clear เป็นเคสใสที่สามารถโชว์ตัวเครื่องได้อย่างเต็มที่ ได้รับการรับรองจาก SGS ว่าทนทานต่อการเกิดเคสเหลือง และที่สำคัญคือเคสรุ่นนี้ ปราศจากสารเคมีที่เป็นพิษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น BPA, BPF, BPS อีกทั้งวัสดุที่ใช้ก็ผ่านมาตรฐานอาหาร FDA
ส่วนอุปกรณ์เสริมอย่างสายคล้องคอ ก็เป็นวัสดุรีไซเคิลจากขวดพลาสติกและสิ่งทอ จึงให้ลวดลายที่มีความเฉพาะตัว ไม่ซ้ำกัน รวมถึงบริเวณที่ปิดจุก กับที่ปรับสายก็ใช้วัสดุรีไซเคิลเช่นกัน
รีวิว RhinoShield เคสใสรุ่น Clear สำหรับ iPhone 13/ iPhone 12
พูดถึงคุณสมบัติเด่น ๆ ของเคสรุ่นนี้ไปก็เยอะแล้ว มาเข้าเนื้อหาการรีวิวกันบ้าง ผมได้รับเคส RhinoShield Clear สำหรับ iPhone 13 Pro Max และ iPhone 13 มาใช้งานเป็นเวลาราว ๆ 1 เดือน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานกับ iPhone 13 Pro Max ที่ผมใช้งานเป็นประจำครับ ความรู้สึกแรกเลยคือ น้ำหนักตัวเครื่องไม่ได้เพิ่มขึ้นมาจากเดิมมากนัก การจับถือโดยรวมก็ให้ความกระชับ แล้วก็เคสช่วยลบเหลี่ยมของ iPhone 13 Pro Max ได้ดีเลย เวลาถือเล่นเกมไม่เจ็บมือเหมือนตอนที่ถือเครื่องอย่างเดียว
การใส่ และถอดเคสก็ทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องออกแรงเยอะเหมือนเคสบางยี่ห้อ ทั้งที่เป็นเคสที่คลุมรอบตัวเครื่องเหมือน ๆ กัน แต่เวลาที่ใส่เคสเข้าไปกับตัวเครื่อง ก็ประกบกันได้อย่างแน่นหนา ให้ความรู้สึกที่เป็นชิ้นเดียวกัน เวลาใส่เคสให้เริ่มจากบริเวณที่เป็นเลนส์กล้องด้านบนก่อน แล้วค่อย ๆ ดันตัวเครื่องให้ประกบเข้ากับเคสจากบนลงล่าง
พวกชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เป็นของแต่งเคส เช่น ปุ่ม Sleep/ Wake, ปุ่มปรับระดับเสียง แล้วก็กรอบเลนส์ ตอนแรกผมคิดว่าชิ้นส่วนมันจะต้องหลุดง่ายแน่ ๆ แต่พอใช้งานจริง ก็ประกอบกันได้แน่นหนาเหมือนเคสปกติเลยครับ
การใช้งาน RhinoShield เคสใสรุ่น Clear ร่วมกับสายคล้องคอ จำเป็นที่จะต้องประกอบตัวตะขอยึดเข้ากับเคสบริเวณด้านล่าง ตรงช่องลำโพงก่อนครับ เริ่มจากการสอดตะขอเข้าไปตรง ๆ แล้วดันจนได้ยินเสียง “คลิก” จากนั้นบิดตะขอ 90 องศา แล้วดันออกด้านข้างจนได้ยินเสียง “คลิก” อีกที แล้วค่อยสอดสายคล้องเข้าไปกับตะขอก็เป็นอันเรียบร้อย
ในการใช้งานเคส + สายคล้องคอ ก็มั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ครับ ตะขอยึดเข้ากับตัวเคสแล้วล็อก 2 ชั้น ไม่มีหลุดอย่างแน่นอน ส่วนสายคล้องคอที่ใช้วัสดุรีไซเคิล ก็ให้สัมผัสที่นุ่ม ถ้าไม่มีข้อมูลจากทาง RhinoShield ระบุว่าทำมาจากวัสดุรีไซเคิล พวกขวดพลาสติก ผมก็คิดเอาเองว่าเป็นสายคล้องที่ถักจากสิ่งทอปกติทั่วไป
แต่ด้วยความยาวของสายคล้อง ที่ยาวสูงสุดถึง 160 เซนติเมตร จากที่ได้ลองใช้งานมา หากต้องการใช้คล้องคอเฉย ๆ อาจจะต้องเก็บสายให้ดี ๆ ครับ เพราะส่วนที่เหลือนี่ยาวมากจริง ๆ โดยวิธีการเก็บสายก็มีหลายแบบ แต่เอาง่ายหน่อยก็ผูกเป็นปมด้านเดียว ซึ่งทาง RhinoShield ก็ได้ทำวิดีโอสอนเก็บสายไว้เรียบร้อย สามารถกดเข้าไปรับชมได้ที่นี่
ส่วนตัวผมแนะนำว่า หากเป็นเครื่องใหญ่ iPhone 13 Pro Max รวมถึง iPhone 13 Pro ที่บอดี้มีน้ำหนักเครื่องเยอะหน่อย ให้ลองใช้แบบสะพายข้างครับ ผมว่ามันใช้งานได้สะดวกทีเดียว การกระจายน้ำหนักทำได้ดีกว่ามาก แล้วก็ความสะดวกในการใช้งาน ผมว่าสะดวกไม่ต่างกัน หยิบใช้งานสะดวก เผลอ ๆ ใช้แบบสะพายข้าง เวลาเคลื่อนที่ผมว่ามันคล่องตัวกว่าหลายเท่าตัวเลย แล้วก็ได้โชว์เคสที่เราออกแบบเอง ปรับแต่งเองได้เต็มที่ด้วย
ข้อดีอีกอย่างของการสะพายโทรศัพท์ หรือใช้คล้องคอก็คือช่วยป้องกันเครื่องหล่นจากมือได้ครับ ใครที่มักจะมือไม้อ่อน ทำเครื่องหล่นบ่อย ๆ ลองเปลี่ยนมาพกพาด้วย RhinoShield เคสใสรุ่น Clear + สายคล้องคอ เพราะต่อให้โทรศัพท์หลุดมือไป แต่สายคล้องก็ยังคงคล้องอยู่ที่คอ หรือที่ข้อมือเราอยู่นั่นเอง
โดยรวมสำหรับ RhinoShield รุ่น Clear เคสใสสำหรับ iPhone 13, iPhone 12 ผมมองว่าเป็นเคสที่ลงตัวทั้งในเรื่องความทนทาน ด้วยมาตรฐานความทนทาน SGS ปกป้องตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี, ทนทานต่อการเกิดเคสเหลือง แต่ก็ยังได้ในเรื่องดีไซน์ที่มีความแฟชั่นสูง ไม่ได้เป็นเคสหนา ๆ หน้าตาเชย ๆ เหมือนเคสกันกระแทกทั่วไปในท้องตลาด
ทั้งยังปรับแต่งดีไซน์ได้หลากหลาย เปลี่ยนปุ่มกดต่าง ๆ ได้ เปลี่ยนกรอบเลนส์ด้านหลังได้อีก รวมถึงความสามารถในการดีไซน์ลวดลายตรงฝาหลังได้ค่อนข้างอิสระ ปรับได้ตามความต้องการของผู้ใช้ หรือจะเพิ่มอุปกรณ์เสริมอย่างสายคล้องคอ ช่วยให้พกพา และใช้งานตัวเครื่องได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจ RhinoShield รุ่น Clear ก็สามารถเข้าไปปรับแต่ง และเลือกซื้อกันได้เว็บไซต์ทางการของ RhinoShield มีบริการส่งในประเทศไทย และที่สำคัญหากสั่งซื้อเกินขั้นต่ำตามเงื่อนไขที่กำหนด ส่งฟรีถึงบ้าน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage RhinoShield