ใครมีแผนจะเปลี่ยนมือถือ ซื้อมือถือใหม่ในช่วงกลางปี แล้วอยากได้เครื่องที่สเปคดีประมาณนึง ใช้งานแอปพื้นฐานได้ครบถ้วน เล่นเกมทั่วไปได้สบาย ในบทความนี้เราจะมาแนะนำมือถือราคาไม่เกิน 10000 บาท โดยจะจำกัดเฉพาะรุ่นที่อยู่ในช่วงราคา 5,001 – 10,000 บาทที่น่าสนใจในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2024 นี้ครับ
iQOO Z9x 5G
แบรนด์ iQOO นี้เป็นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นแบรนด์ที่ส่งมือถือสเปคดีราคาคุ้มออกมาอยู่เสมอ โดยเฉพาะสายมือถือเล่นเกมราคาไม่แรงที่ทำได้น่าสนใจมาตลอด สำหรับในงบมือถือราคาไม่เกิน 10000 ก็จะมี iQOO Z9x 5G ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สเปคก็จัดว่าเป็นรุ่นน้องของ iQOO Z9 เล็กน้อย เพื่อจับตลาดมือถือสเปคแรงในราคาไม่ถึงหมื่น
- ชิปประมวลผล Snapdragon 6 Gen 1
- แรม 8 และ 12GB
- รอม (สตอเรจ) 128 และ 256GB UFS 2.2 ใส่ MicroSD เพิ่มได้
- หน้าจอ 6.72” IPS 120Hz ความละเอียด 2408×1080
- กล้องหลัง 50MP f/1.8 + Depth 2MP
- กล้องหน้า 8MP
- แบตเตอรี่ 6000 mAh ชาร์จไว 44W
- Android 14 พร้อม Funtouch OS 14
- กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP64
- มีช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มม.
- รองรับ 5G สองซิมแบบ Dual SIM Dual Standby
สเปคโดยรวมก็จัดว่ากำลังดีสำหรับใช้งานเป็นเครื่องหลักได้สบาย ด้วยพลังของชิป Snadragon 6 Gen 1 ที่ทั้งส่วน CPU และ GPU ต่างก็ทำได้ดีขึ้นกว่า Snadragon 695 ที่เป็นรุ่นก่อนหน้าอยู่พอตัว ประกอบกับพื้นที่เก็บข้อมูลที่ให้มาขั้นต่ำก็ 128GB แล้ว จึงทำให้สามารถซื้อมาเพื่อใช้เล่นเกมได้สบาย โดยเฉพาะพวกเกมออนไลน์ดัง ๆ ถ้าต้องการเน้นให้เล่นได้ระยะเวลานานหน่อยก็ปรับลดระดับกราฟิกลง และเลือกใช้โหมดภาพ 60Hz ก็เพียงพอ ซึ่งเมื่อประกอบกับแบตในตัวที่ความจุ 6000 mAh เข้าไปแล้ว จึงน่าจะทำให้ iQOO Z9x 5G เป็นมือถือเล่นเกมในราคาไม่ถึงหมื่นที่น่าสนใจมาก ๆ
ราคา iQOO Z9x 5G ศูนย์ไทย
- รุ่น 8GB+128GB = 7,999 บาท
- รุ่น 8GB+256GB = 8,999 บาท
- รุ่น 12GB+256GB = 9,999 บาท
Infinix Note 40 Pro 4G
Infinix ก็เป็นแบรนด์ที่เน้นทำตลาดในต่างจังหวัดและในออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยคอนเซปท์เครื่องที่เน้นความคุ้มค่า ให้ของมาค่อนข้างครบ โดยที่ความแรงก็พอตัว สามารถใช้เป็นมือถือเล่นเกมได้ไม่แพ้แบรนด์ใหญ่เลย ซึ่งในกลุ่มมือถือราคาไม่เกิน 10000 ที่น่าสนใจในช่วงนี้ก็จะเป็น Infinix Note 40 Pro 4G ที่ก็จะเป็นรุ่นเน้นขายความครบครัน กล้องความละเอียดสูง ชาร์จไว จากสเปคดังต่อไปนี้
- ชิปประมวลผล MediaTek G99 Ultimate
- แรม 8GB
- สตอเรจ 256GB
- หน้าจอ AMOLED 6.78” 120Hz ความละเอียด 2436×1080 รองรับค่าสีถึงระดับ DCI-P3
- กระจกหน้าจอ Gorilla Glass
- กล้องหลัง 108MP f/1.75 มี OIS + 2MP + 2MP ซูมแบบ Super Zoom ไม่เสียความละเอียดได้สูงสุด 3x
- กล้องหน้า 32MP
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จไวสุดระดับ 70W ชาร์จไร้สายไวสุด 20W และรองรับ reverse charge ให้มือถือหรืออุปกรณ์อื่นได้
- ลำโพงที่ปรับจูนเสียงโดย JBL
- Android 14 พร้อม XOS 14
- กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54
- มี IR
จากข้อมูลสเปคเด่น ๆ ข้างบนจะเห็นว่า Infinix Note 40 Pro 4G รุ่นนี้คือให้มาครบมากจริง ๆ จะใช้เล่นเกม ถ่ายรูป เล่นโซเชียล ถ่าย TikTok ก็ทำได้หมด โดยเฉพาะถ้าเป็นสายที่ต้องใช้เครื่องหนัก ๆ แล้วต้องการชาร์จให้เร็วเพื่อให้หยิบมาใช้ได้ต่อเนื่องก็น่าจะถูกใจกับฟีเจอร์ชาร์จไวที่สามารถปรับได้ถึง 3 โหมด ได้แก่ Hyper ที่ชาร์จเพียง 16 นาทีก็ได้แบตเพิ่มขึ้น 50% โหมด Smart ที่ชาร์จเพิ่มได้ 50% ใน 20 นาที และแบบ Low-Temp ที่เน้นชาร์จช้าหน่อย เพราะระบบจะคุมอุณหภูมิให้ต่ำกว่าการชาร์จเร็วปกติเพื่อถนอมแบตเตอรี่
จะมีติดนิดนึงก็ตรงที่รองรับการเชื่อมต่อ cellular สูงสุดแค่ระดับ 4G เท่านั้น ถ้าต้องการใช้ 5G ด้วยจะต้องขยับไปเป็นรุ่น Note 40 Pro+ 5G ที่ราคาหมื่นนิด ๆ แทน
ราคา Infinix Note 40 Pro 4G ศูนย์ไทย รุ่น 8GB+256GB ราคา 8,999 บาท
realme 12x
แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีการเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายมือถือรุ่นใหม่ในไทยลดลงไปบ้าง แต่มือถือราคาไม่เกิน 10000 จาก realme ที่น่าสนใจ และน่าจะโดนใจในช่วงงบ 5,000 นิด ๆ ก็คือ realme 12x ที่เน้นความเป็นมือถือ 5G ในราคาจับต้องได้ง่าย ส่วนสเปคในจุดอื่นก็พอเทียบชนกับรุ่นราคาสูงกว่านี้ได้อยู่เหมือนกัน
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 6100+ 5G
- แรม 6 และ 8GB
- สตอเรจ 128 และ 256GB สามารถใส่ MicroSD เพิ่มได้
- หน้าจอ 6.67” 120Hz ความละเอียดระดับ HD+
- กล้องหลัง AI 50MP f/1.8 + Depth 2MP
- กล้องหน้า 8MP
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 15W
- รองรับ 5G ภายในมีเสาอากาศรอบตัว
- มีช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มม.
- Android 14 พร้อม realme UI 5.0
- กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54
จุดขายของ realme 12x ก็จะเป็นเรื่องการรองรับ 5G และภาคจับสัญญาณที่มีการโปรโมตว่ามาพร้อมเสารับสัญญาณรอบตัว 360 องศา รวมถึงใช้เทคโนโลยีเสาอากาศแบบ DAT ที่พัฒนาขึ้นเอง เพื่อให้สามารถจับสัญญาณได้ดีกว่าเสาแบบทั่วไป เชื่อมต่อ สลับสัญญาณก็ทำได้ราบรื่น และยังทำให้ช่วยประหยัดพลังงานที่ต้องใช้ในการเชื่อมต่อ 5G ลงด้วย เรียกว่าถ้าใครกำลังมองหามือถือ 5G ราคาเบา ๆ ซักเครื่อง จะมาใช้งานจริงหรือจะใช้เป็นอุปกรณ์ hotspot เพื่อปล่อย Wi-Fi ตัวของ realme 12x 5G นี้น่าสนใจทีเดียว
สำหรับรุ่นหลักที่วางขายในราคาศูนย์ไทยก็จะเป็น realme 12x 5G รุ่น 8GB+256GB จะมีราคาที่ 6,999 บาท แต่ก็จะมีรุ่นที่ขายกับผู้ให้บริการเครือข่ายแบบเน้นซื้อพร้อมแพ็คเกจที่เป็นแรม 6GB รอม 128GB ด้วย
Samsung Galaxy A15 5G
ส่วนใครที่อยากได้มือถือ Samsung ในงบ 5,000 – 10,000 บาท อาจจะด้วยเพราะถูกใจแบรนด์ หรือต้องการความมั่นใจเรื่องศูนย์บริการที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ก็จะมีตัวของ Samsung Galaxy A15 5G ให้เลือกซื้ออยู่ กับสเปคที่ให้มาในระดับเดียวกันกับคู่แข่งในช่วงราคาใกล้เคียงกัน
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 6100+ 5G
- แรม 8GB
- สตอเรจ 128 และ 256GB สามารถใส่ MicroSD เพิ่มได้
- หน้าจอ Super AMOLED 6.5” 90Hz ความละเอียด 2340×1080
- กล้องหลัง 50MP f/1.8 + 5MP อัลตร้าไวด์ + 2MP มาโคร
- กล้องหน้า 13MP
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว Super Fast Charging 25W
- รองรับ 5G
- มีช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มม.
- Android 14 พร้อม One UI 6
ถือว่าเป็นมือถือราคาไม่เกิน 10000 อีกรุ่นที่ให้สเปคมาลงตัวกับการใช้งานหลากหลายสไตล์ ใช้คุยงานทั่วไป ใช้ดูหนังก็สวยบนจอ Super AMOLED ฟังเพลงก็ได้ทั้งหูฟังมีสายและไร้สาย กล้องหลังให้มา 3 เลนส์รองรับการถ่ายภาพได้แต่ละมุมตามที่ต้องการ ส่วนถ้าจะใช้เล่นเกมก็ทำได้เช่นกัน จากความแรงที่ไล่เลี่ยกับชิป Helio G99 แต่อาจจะเน้นปรับภาพในเกมให้ใช้กราฟิกระดับกลางลงมาซักหน่อย เพื่อที่จะให้ได้เฟรมเรตที่ไหลลื่น จะมีสองจุดที่เป็นข้อจำกัดซักนิดนึงของ Samsung Galaxy A15 5G ก็คือความสามารถในการชาร์จเร็วที่รองรับเพียง 25W เท่านั้น ที่อาจจะดูน้อยกว่ามือถือแบรนด์อื่นซักหน่อย แล้วก็ตัวเครื่องไม่ได้มีการรับรองมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น (IP rating) มาด้วย
ด้านราคา Samsung Galaxy A15 5G เครื่องศูนย์ไทยจะอยู่ที่ 8,999 บาท แต่ในช่วงเดือนมิถุนายน 2024 นี้ บนหน้าเว็บไซต์ Samsung Official ของไทยก็กำลังมีโปรลดราคาเหลือ 7,999 บาทพอดีในรุ่นความจุ 256GB ส่วนถ้าความจุ 128GB ก็จะลดลงมาเหลือเพียง 6,999 บาทเท่านั้น
POCO X6
สำหรับมือถือราคาไม่เกิน 10000 ในช่วงเวลานี้ จะขาด POCO X6 ไปก็คงไม่ได้ กับมือถือที่อัดสเปคมาให้แบบจุก ๆ เอาใจคนที่ต้องการเครื่องแรงไว้ใช้เล่นเกม หรือไว้ใช้ทำงานต่าง ๆ ที่ต้องเน้นความเร็วของชิป ในขณะเดียวกันฮาร์ดแวร์อื่นอย่างหน้าจอ กล้อง ระบบการชาร์จก็ได้รับการอัปเกรดขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าขึ้นมาอีก
- ชิปประมวลผล Snapdragon 7s Gen 2
- แรม 12GB
- สตอเรจ 256 และ 512GB UFS 2.2
- หน้าจอ AMOLED 6.67” 120Hz ความละเอียด 2712×1220 ค่าสี 100% DCI-P3
- ความไวตอบสนองการสัมผัส 240Hz กระจกหน้าจอ Gorilla Victus
- กล้องหลัง 64MP f/1.79 OIS + 8MP อัลตร้าไวด์ + 2MP มาโคร ถ่ายวิดีโอ 4K 30fps ได้
- กล้องหน้า 16MP
- แบตเตอรี่ 5100 mAh รองรับการชาร์จเร็ว Turbo Charge 67W
- รองรับ 5G สองซิม
- มีช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มม.
- ลำโพงคู่รองรับ Dolby Atmos / Hi-Res / Hi-Res Wireless
- Android 13 พร้อม MIUI 14 (HyperOS)
ต้องบอกว่าจัดเต็มแบบสุด ๆ ไล่ตั้งแต่ชิป Snapdragon 7s Gen 2 ที่ความแรงเหนือกว่า Snapdragon 695 อดีตชิปยอดนิยมของมือถือรุ่นราคา 10,000 บาทในอดีต แถมยังได้การจัดการพลังงานที่ดีขึ้นด้วย ส่วนแรมก็ให้มาเลย 12GB ต่างจากรุ่นอื่น ๆ ในช่วงราคาใกล้เคียงกันที่ส่วนใหญ่จะให้มา 8GB เป็นหลัก ทำให้รองรับการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี หน้าจอก็จัดว่าให้สเปคมาสูงทั้งรีเฟรชเรต ความละเอียด ค่าสีและการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ไวมาก ๆ เรียกว่าถ้าสายเกมยิง เกมที่ต้องเน้นความเร็วในการกดน่าจะถูกใจไม่น้อยทีเดียว ส่วนเรื่องกล้องก็ตามสไตล์มือถือจาก POCO ที่อาจไม่เน้นมากนัก ก็อยู่ในระดับที่ใช้งานได้ จึงเหมาะกับคนที่ต้องการซื้อมือถือสเปคแรงมาเพื่อเน้นเล่นเกมโดยเฉพาะ ไม่เน้นถ่ายรูปเท่าไหร่
ราคา POCO X6 5G เครื่องศูนย์ไทยในตอนนี้จะอยู่ที่
- รุ่น 12GB+256GB 9,999 บาท (จัดโปรเหลือ 9,499 บาท)
- รุ่น 12GB+512GB 10,999 บาท (จัดโปรเหลือ 10,499 บาท)
ซึ่งจากราคาของสองความจุนี้จะห่างกันอยู่ 1,000 บาท แต่ถ้าได้ราคานี้ และถ้ามีงบอยู่ 10,000 บาทพอดี แนะนำว่าเพิ่มเงินอีก 500 เลือกรุ่น 512GB ไปเลยครับ คุ้มมาก ได้ความจุเพิ่มจากรุ่นเริ่มต้นเป็นเท่าตัวเลย
สรุปมือถือราคาไม่เกิน 10000 ที่น่าซื้อในช่วงกลางปี 2024
สำหรับในช่วงราคานี้ ส่วนใหญ่แล้วจะได้มือถือจอ 6″ ขึ้นไป ความละเอียดระดับ FHD+ รีเฟรชเรตขั้นต่ำ 90Hz ส่วนชิปประมวลผลก็จะเป็นชิปกลุ่มประสิทธิภาพกลาง ๆ อาทิ Snapdragon 6 หรือ MediaTek Dimensity 6100+ ที่จับคู่มากับแรม 8GB เป็นหลัก ซึ่งก็จัดว่าอยู่ในระดับที่สามารถใช้งานทั่วไปได้ราบรื่น แบตอึด เล่นเกมได้ แต่กับเกมที่กราฟิกสวย ๆ อาจจะต้องปรับลดความสวยงามของภาพลงเหลือระดับกลางแทน ส่วนความสามารถอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็เช่นการรองรับ 5G ความสามารถในการชาร์จไว ส่วนเรื่องกล้องก็จะเหมาะสำหรับใช้ถ่ายทั่วไป ถ่ายในสภาพแสงที่สว่าง โดยจะไม่เน้นเรื่องการซูมมากนัก มีระบบ AI ช่วยเพิ่มสีสัน ความสดใสให้กับภาพ ทำให้ในภาพรวม มือถือราคาไม่เกิน 10000 บาทก็เป็นกลุ่มที่สามารถหาซื้อมาใช้เป็นเครื่องหลักได้เลย