Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Editorial»OPPO VOOC Flash Charge เอาชนะเทคโนโลยีชาร์จเร็วของสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นในการทดสอบของเว็บ GSM Arena
    Editorial

    OPPO VOOC Flash Charge เอาชนะเทคโนโลยีชาร์จเร็วของสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นในการทดสอบของเว็บ GSM Arena

    Jamikorn SingnamthiengBy Jamikorn Singnamthieng3 พฤษภาคม 2015
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    Review-OPPO-N3-SpecPhone-013

    OPPO VOOC Flash Charge เอาชนะเทคโนโลยีชาร์จเร็วของสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นในการทดสอบของเว็บ GSM Arena

    ทาง GSM Arena เว็บรีวิวสมาร์ทโฟนของต่างประเทศที่น่าเชื่อถือ ได้ทำรีวิวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปรียบเทียบประสิทธิภาพระบบชาร์จเร็วของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์ ซึ่งเทคโนโลยีชาร์จเร็วนี้ก็มีประโยชน์มากในยุคที่แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนมีขนาดความจุสูงขึ้นเพื่อให้รองรับการใช้งานได้มากขึ้น ซึ่งถ้าใช้วิธีการชาร์จแบบเดิมๆ ก็ต้องใช้เวลาชาร์จนานเกิน 3 ชั่วโมงกว่าแบตฯ จะเต็ม แต่ด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็วช่วยร่นระยะเวลาการชาร์จให้เหลือเพียงชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น

    และต่อไปนี้ก็เป็นบทความที่แปลและเรียบเรียงมากจากบทความต้นฉบับของ GSM Arena เรามาติดตามอ่านไปพร้อมๆ กันเลยครับ

    *******************************************

    ทุกวันนี้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนดูเหมือนว่าจะรองรับการใช้งานได้น้อยลงเรื่อยๆ ด้วยหน้าจอที่มีความละเอียดสูงขึ้นตลอดเวลา และชิปเซ็ตที่มีความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัจจัยที่ทำให้สมาร์ทโฟนใช้พลังงานมากกว่าในอดีต ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพากันแก้ปัญหานี้ด้วยการเพิ่มขนาดความจุกระแสของแบตเตอรี่ (ขนาดความจุกระแสหน่วยเป็น mAh) ทำให้ผู้ใช้งานต้องเสียเวลาไปกับการรอชาร์จแบตเตอรี่นานขึ้น ซึ่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายรายพยายามหาทางออกให้กับปัญหานี้ด้วยการคิดค้นมาตรฐานใหม่ๆ ในการชาร์จแบตเตอรี่

    มาตรฐานการชาร์จแบบ USB 2.0 ที่ใช้กระแสไฟในการชาร์จ 500mA (มิลลิแอมป์) เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็มีผู้ผลิตสมาร์ทโฟนบางรายให้อะแดปเตอร์ที่สามารถปล่อยกระแสชาร์จได้มากกว่านั้น เพื่อให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ซึ่งอะแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนบางรุ่นสามารถปล่อยกระแสได้สูงเกิน 2A (แอมป์) เลยทีเดียว อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าสนใจคือมาตรฐาน USB 3.0 ที่สามารถให้พลังการชาร์จได้สูงกว่ามาตรฐาน USB 2.0 แต่ ณ เวลานี้ก็ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย

    ดูเหมือนว่าทั้งทางฝั่งของผู้ผลิตสมาร์ทโฟน และผู้ผลิตชิปเซ็ต ได้มองข้ามมาตรฐาน USB 3.0 ไป และมุ่งมั่นกับการพัฒนามาตรฐานการชาร์จเร็วของตัวเอง ในบทความนี้เราจะทำการทดสอบระบบการชาร์จแบตเตอรี่เร็วของ Qualcomm, OPPO, Samsung และ Intel (ซึ่ง 2 รายหลังดูเหมือนว่าจะใช้เทคโนโลยีการชาร์จเร็วของ Qualcomm) อย่างไรก็ดีเรามี iPhone สองเครื่องในการทดสอบครั้งนี้ด้วย ถึงแม้ iPhone จะไม่มีระบบชาร์จเร็วก็ตาม

    001_Charging Showdown

     

    ในขณะที่มาตรฐาน USB 3.0 ไม่ประสบความสำเร็จกับการนำมาใช้งานบนสมาร์ทโฟน แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งมาตรฐานที่ดูอนาคตสดใสกว่าคือพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C ที่สามารถส่งผ่านพลังไฟไปชาร์จโทรศัพท์มือถือได้มากกว่า รองรับการปล่อยกระแสชาร์จได้ 3A ที่ระดับแรงดันไฟ 5V (โวลต์) ทำให้สามารถปล่อยพลังไฟในการชาร์จได้สูงถึง 15W (วัตต์)

    *******************************************

    สูตรการคำนวณพลังไฟในการชาร์จคือ

    [[[พลังไฟในการชาร์จ (W วัตต์) เท่ากับ ระดับแรงดันไฟ (V โวลต์) คูณด้วย ระดับกระแสชาร์จ (A แอมป์)]]]

    ถ้าอะแดปเตอร์ใช้แรงดันไฟ และกระแสในการชาร์จที่ 5V/3A ก็เป็น 5 x 3 = พลังไฟในการชาร์จ 15W

    *******************************************

    ซึ่งมาตรฐาน USB Type-C รองรับการปล่อยพลังไฟชาร์จได้สูงกว่า USB 2.0 แต่ขนาดของพอร์ต USB Type-C ก็มีขนาดใหญ่กว่า USB 2.0 ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อจำกัดในการนำไปใช้งานกับสมาร์ทโฟนที่เน้นแข่งกันเรื่องความบางของตัวเครื่อง

    เราอาจจะไม่ได้เห็นพอร์ต USB Type-C บนสมาร์ทโฟนภายในปีนี้ และเทคโนโลยีการชาร์จเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ก็ยังคงถูกใช้งานต่อไปอีกนาน อย่างไรก็ดี เรามีสิ่งที่ผลิกโฉมการชาร์จแบตเตอรี่อย่างแท้จริง ซึ่งก็คือเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบ VOOC Flash Charge ของ OPPO ที่แบ่งแบตเตอรี่ออกเป็นหลายๆ เซลล์ เพื่อการชาร์จที่รวดเร็วขึ้น

    วิธีการทดสอบความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ของเรา เริ่มต้นด้วยการปล่อยให้พลังงานในแบตเตอรี่หมดเกลี้ยง และเริ่มต้นการชาร์จพร้อมกับการบันทึกระดับแบตเตอรี่ทุกๆ 5 นาที

    เราจะทำการเปรียบเทียบความเร็วในการชาร์จสมาร์ทโฟนทุกเครื่องร่วมกัน และจะมีการอธิบายลงลึกในรายละเอียดประสิทธิภาพการชาร์จของสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่อง แต่ก่อนที่จะดูผลทดสอบเรามาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแต่ละรูปแบบให้ลึกซึ้งขึ้นกันดีกว่า

     

    Qualcomm Quick Charge

    Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปเซ็ตสำหรับสมาร์ทโฟนได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จเร็วมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว และในเวลานี้เทคโนโลยีชาร์จเร็วของ Qualcomm ก็ก้าวมาสู่สเตปที่สอง ด้วยการใส่วงจรควบคุมพลังงานลงไปในชิบ Snapdragon ที่ทำให้สามารถชาร์จสมาร์ทโฟนได้เร็วขึ้น
    ระบบ Quick Charge 1.0 ถูกนำมาเปิดตัวในปี 2012 โดยการใช้อะแดปเตอร์แบบ 5V/2A ซึ่งทำให้ชาร์จสมาร์ทโฟนได้เร็วกว่า 40% เมื่อเทียบกับระบบชาร์จปกติที่ใช้อะแดปเตอร์ 5V/1A มันให้พลังไฟในการชาร์จสูงสุดที่ 10W

    เทคโนโลยี Quick Charge 1.0 ถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนหลายรุ่นได้แก่ Samsung Galaxy S III , LG Nexus 4 , LG Optimus G , Sony Xperia T และ Xiaomi Redmi 2

    โดยสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นในท้องตลาดที่ใช้ชิป Snapdragon 400 มาพร้อมกับเทคโนโลยี Qualcomm Quick Charge 1.0

    002_Quick Charge 2.0

     

    ระบบ Qualcomm Quick Charge 2.0 เปิดตัวในปี 2013 โดยมาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 800 ชาร์จเร็วด้วยการใช้อะแดปเตอร์ 9V/1.67A ทำให้ชาร์จเร็วกว่าอะแดปเตอร์ 5V/1A ถึง 75% และให้พลังไฟการชาร์จสูงสุดที่ 15W

    ซึ่งระดับพลังไฟในการชาร์จสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม โดยสมาร์ทโฟนสามารถเลือกได้ว่าจะชาร์จที่ระดับ 5V/2A หรือชาร์จที่ระดับพลังไฟสูง 9V/1.67A ทำให้อะแดปเตอร์แบบ Quick Charge 2.0 นี้สามารถใช้เสียบชาร์จกับสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไปได้อย่างปลอดภัย และทำให้เราเห็นข้อเท็จจริงที่ว่า อะแดปเตอร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการชาร์จเร็ว ก็ไม่ได้ชาร์จเร็วกับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น (เนื่องจากจะชาร์จเร็วเฉพาะเมื่อเสียบกับสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาให้ชาร์จเร็วเท่านั้น)

    มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จำนวนมากที่รองรับเทคโนโลยี Quick Charge 2.0 ได้แก่ Moto X รุ่นที่ 2 , Nexus 6 , Samsung Galaxy Note 4 , Galaxy Note Edge , Sony Xperia Z3 และ Z3 Compact , HTC One M8 , Xiaomi Mi 4 รวมถึงสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปเซ็ตรุ่น Snapdragon 810 อย่าง HTC One M9 และ LG G Flex 2 ด้วย

    เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับระบบชาร์จเร็วของ Qualcomm ก็ได้มีการกล่าวอ้างถึงผลการทดสอบชาร์จสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 3,300mAh เอาไว้ดังนี้

    * ชาร์จจาก 0 ถึง 60% ได้ภายในเวลา 30 นาที ด้วยเทคโนโลยี Quick Charge 2.0 (9V/1.67A)

    * ชาร์จจาก 0 ถึง 30% ได้ภายในเวลา 30 นาที ด้วยเทคโนโลยี Quick Charge 1.0 (5V/2A)

    * ชาร์จจาก 0 ถึง 12% ได้ภายในเวลา 30 นาที ด้วยระบบชาร์จปกติ (5V/1A)

    ก็เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เห็นความแตกต่างในเรื่องความเร็วการชาร์จอย่างชัดเจน

     

    OPPO VOOC Flash Charge 

    OPPO ประสบความสำเร็จในการนำชิปเซ็ต Qualcomm ไปใช้กับสมาร์ทโฟนของตน แต่ OPPO ก็ยังเลือกที่จะพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็วของตัวเอง และก็เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวเข้ามาถึงสเตปที่ 2 เช่นกัน โดยเทคโนโลยีนี้ถูกตั้งชื่อว่า VOOC Flash Charge โดยที่คำว่า VOOC นั่นย่อมาจาก Voltage Open Loop Multi-Step Constant-Current Charging

    ในยุคเริ่มแรก อะแดปเตอร์ VOOC Flash Charge ที่ให้มากับ OPPO Find 7 และ Find 7a นั้นมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และจ่ายพลังไฟได้สูงสุดถึง 5V/4.5A ซึ่งเท่ากับพลังไฟชาร์จ 22.5W

    อะแดปเตอร์ในยุคที่สองถูกเรียกว่า VOOC mini เนื่องจากมีขนาดเล็กลง ทำให้กะทัดรัดพกพาสะดวกกว่าเดิม อีกทั้งสาย USB ยังสามารถดึงออกจากตัวอะแดปเตอร์ได้เหมือนกับอะแดปเตอร์ทั่วไป โดยอะแดปเตอร์ VOOC mini ให้มาพร้อมกับ OPPO N3 และ OPPO R5 และจ่ายพลังไฟได้สูงสุดถึง 5V/5A ซึ่งเท่ากับพลังไฟชาร์จ 25W เลยทีเดียว

    003_VOOC

     

    แต่สิ่งที่กล่าวไปข้างต้นยังไม่ใช่ทุกสิ่งที่ทำให้เทคโนโลยีของ OPPO นั้นแตกต่างจาก Qualcomm ความแตกต่างอย่างแท้จริงคือแบตเตอรี่ของระบบ VOOC มีการแบ่งเซลล์แยกย่อยกว่าแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป และกระแสไฟ 5A จะถูกแบ่งออกไปชาร์จเซลล์ต่างๆ ของแบตเตอรี่ ทำให้ก้อนแบตเตอรี่ของระบบ VOOC มีจำนวนขั้วไฟมากกว่าแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ และช่องพอร์ต micro USB ของตัวเครื่องสมาร์ทโฟนที่รองรับระบบ VOOC จะมีขั้วไฟถึง 7 ขั้ว ในขณะที่สมาร์ทโฟนทั่วไปมีเพียง 5 ขั้วไฟ

    โดยที่ระดับกระแสชาร์จถูกควบคุมอยู่ตลอดเวลาด้วยตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ที่อยู่ในสมาร์ทโฟน เพื่อดูแลความปลอดภัยในการชาร์จ และแบตเตอรี่ไม่ได้ถูกชาร์จที่ระดับกระแสสูงตลอดช่วงการชาร์จ โดยเมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนถึงระดับ 75%  อะแดปเตอร์จะลดระดับกระแสชาร์จลงมาที่ 2A  และเมื่อแบตเตอรี่เต็มถึงระดับ 85% ระดับกระแสชาร์จก็จะลงมาอยู่ที่ระดับ 1A

     

    เทคโนโลยีชาร์จเร็วอื่นๆ

    เทคโนโลยีชาร์จเร็วของ Samsung ไม่มีความแตกต่างจากเทคโนโลยี Qualcomm Quick Charge 2.0 แต่ก็ยังมีข้อสงสัยในเบื้องต้นว่า ในเมื่อสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung ทั้ง Galaxy S6 และ S6 Edge นั้นใช้ชิปเซ็ต Exynos ของทาง Samsung เอง แล้วจะมีเทคโนโลยี Qualcomm Quick Charge 2.0 อยู่ในสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้ได้อย่างไร

    หลังจากการค้นคว้าข้อมูล ก็ได้พบความจริงที่ว่า ทาง Qualcomm ได้เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตชิปเซ็ตรายอื่นๆ ที่สนใจ สามารถนำเทคโนโลยี Quick Charge 2.0 เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชิปเซ็ตของตนได้ ด้วยการติดตั้งวงจรควรคุมพลังงานลงในชิปเซ็ต

    เครื่อง Samsung Galaxy S6 และ S6 Edge มาพร้อมกับอะแดปเตอร์ 9V/1.97A ซึ่งเป็นแบบเดียวกับอะแดปเตอร์ของ Samsung Galaxy Note 4 ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน Qualcomm Quick Charge 2.0 แต่ทาง Samsung ก็จับระบบชาร์จเร็วนี้มาตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “Adaptive Fast Charging”

    004_Adaptive Fast Charging

     

    เทคโนโลยีชาร์จเร็วของทางฝั่ง Intel ก็เหมือนจะเป็นการหยิบระบบ Qualcomm Fast Charge 2.0 มาใช้งานด้วยเช่นกัน เราพบว่าสมาร์ทโฟนรุน Asus Zenfone 2 ZE551ML ที่ใช้ชิปเซ็ตหน่วยประมวลผลของ Intel มาพร้อมกับอะแดปเตอร์ 9V/2A และให้พลังไฟในการชาร์จสูงสุดที่ 16W โดยที่ทาง Asus ได้ตั้งชื่อให้กับเทคโนโลยีชาร์จเร็วของพวกเขาว่า Asus BoostMaster แต่ก็อย่างที่เรารู้กันดีว่า มันก็แค่ชื่อทางการตลาดเท่านั้น ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีใหม่แต่อย่างใด

    005_BoostMaster

     

     

    การท้าประลอง

    สมาร์ทโฟนโดยส่วนใหญ่แสดงระดับการชาร์จเป็น % ในขณะที่อะแดปเตอร์แสดงประสิทธิภาพในหน่วยของแอมป์ (A) เราแสดงผลการทดสอบด้วยการพล็อตกราฟออกมา 2 กราฟ โดยกราฟแรกแสดงให้เห็นระดับ % ของแบตเตอรี่ที่ชาร์จได้ในแต่ละช่วงเวลา ส่วนกราฟที่สองแสดงให้เห็นระดับพลังงาน (ในหน่วย mAh) ของแบตเตอรี่ที่ชาร์จได้ในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งในกราฟที่สอง เราจะเห็นการแบ่งกลุ่มอย่างชัดเจนระหว่างสมาร์ทโฟนที่มี กับที่ไม่มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว

    ผลการทดสอบสรุปได้ว่า OPPO , Samsung และ Asus รวมอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และมีความโดดเด่นเหนือระบบการชาร์จของ iPhone , HTC และ Meizu ดาวเด่นในการทดสอบครั้งนี้คือ OPPO N3 ที่ชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มถึงระดับ 2,000mAh ก่อนใคร แต่ก็มีการลดความเร็วในการชาร์จลงก่อนที่แบตฯ จะเต็ม 3,000mAh เพื่อเป็นการยืดอายุแบตเตอรี่

    ซึ่งการที่ความเร็วในการชาร์จลดลง ทำให้ Samsung Galaxy Note 4 ที่มีความจุแบตเตอรี่สูงกว่าเล็กน้อย เบียดเข้าเส้นชัยไปแบบหายใจรดต้นคอ ในขณะที่ Samsung Galaxy Note Edge ที่มีแบตเตอรี่ความจุเท่ากับ OPPO N3 ก็ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วเช่นเดียวกัน

    Asus Zenfone 2 ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ 3,000mAh กลับใช้เวลาชาร์จนานกว่าเมื่อเทียบกับ Samsung Galaxy Note Edge ที่มีขนาดความจุแบตเตอรี่เท่ากัน และใช้เทคโนโลยีการชาร์จที่คล้ายคลึงกัน โดยความเร็วการชาร์จของ Zenfone 2 เริ่มตกลงหลังจากระดับแบตฯ 70% ทำให้พ่ายแพ้ไปในการแข่งขันนี้

    สมาร์ทโฟนในกลุ่มที่ 2 (กลุ่มของสมาร์ทโฟนที่ไม่มีเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว) สามารถชาร์จในระดับความเร็วที่พอๆ กัน (ดูในกราฟที่ 2) แต่ก็ยังมีเซอร์ไพร์สเล็กๆ ในสมาร์ทโฟนกลุ่มนี้ กับการที่ iPhone 6 หลุดออกจากกลุ่มเมื่อชาร์จไปได้ประมาณชั่วโมงครึ่ง ความเร็วในการชาร์จก็เริ่มลดลง และใช้เวลานานถึงครึ่งชั่วโมงเพื่ออัดประจุ 10 – 15% สุดท้ายของแบตเตอรี่

    และเพื่อคลายความสงสัย เราลองชาร์จ iPhone 6 Plus และ HTC One M9 ด้วยอะแดปเตอร์ที่ปล่อยพลังไฟได้สูงกว่าอะแดปเตอร์ที่ให้มากับเครื่อง (ซึ่งเป็นอะแดปเตอร์ของ iPad และอะแดปเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยี Quick Charge 2.0) ซึ่งก็ทำให้สมาร์ทโฟนทั้ง 2 เครื่องชาร์จได้เร็วขึ้นจริงๆ และทำให้ทั้ง 2 รุ่นนี้สามารถทำเวลาเกาะอยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว โดยที่ HTC One M9 นั้นรองรับ Quick Charge 2.0 อยู่แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่มันชาร์จได้เร็วขึ้น

    006_Graph01

     

    กราฟที่ 1: ประสิทธิภาพการชาร์จ แสดง % แบตเตอรี่ที่ชาร์จได้ ต่อ เวลาที่ใช้ในการชาร์จ

    และเมื่อมองจากกราฟที่ 1 ดูเหมือนว่า iPhone 6 สามารถเกาะกลุ่มสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว แต่ในความเป็นจริงคือ iPhone 6 ชาร์จแบตเตอรี่เสร็จเร็วเพราะมีแบตเตอรี่ความจุน้อยที่สุดในกลุ่มนั่นเอง (ซึ่งแบตฯ ของ iPhone 6 มีขนาดความจุเพียง 1,810mAh และแบตฯ ความจุน้อยก็ชาร์จเสร็จเร็วเป็นธรรมดา)

    ในกราฟที่สองเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่าในแต่ละช่วงเวลา สมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องสามารถอัดกระแสไฟ (หน่วย mAh) ใส่แบตเตอรี่ได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่ง OPPO N3 ก็แสดงความโดดเด่นอีกเช่นเคย แต่ความเร็วก็ลดลงในช่วงปลายของการชาร์จ (เพื่อเป็นการถนอมแบตเตอรี่) Samsung Galaxy S6 และ S6 Edge เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกๆ ที่ชาร์จแบตฯ เต็ม 100% ก่อนใคร นำหน้า Galaxy Note 4 และ Note Edge ที่ความจุแบตเตอรี่สูงกว่าไป 10 นาที

    OPPO N3 เข้าเส้น 100% ที่หลัง Samsung Galaxy Note 4 และ Note Edge ไปเพียงไม่กี่นาที แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้ว OPPO N3 ถือว่าชาร์จได้เร็วที่สุด เพราะเมื่อดูจากราฟแล้ว สามารถทำความเร็วนำหน้าสมาร์ทโฟนอื่นๆ จนถึงระยะ 90% ของความจุแบตเตอรี่ หลังจากนั้นจึงถูกสมาร์ทโฟนอื่นๆ นำหน้าไป เนื่องจากมีการลดความเร็วในการชาร์จลงเพื่อถนอมแบตเตอรี่

    007_Graph02

     

    กราฟที่ 2: ประสิทธิภาพการชาร์จ แสดงปริมาณกระแสที่ชาร์จได้ (mAh) ต่อ เวลาที่ใช้ในการชาร์จ

    ลำดับต่อไปจะเป็นการอธิบายลงลึกถึงประสิทธิภาพการชาร์จเร็วของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น รายละเอียดจะเป็นอย่างไรมาดูกันครับ

     

    OPPO N3

    OPPO N3 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3,000mAh และอะแดปเตอร์ VOOC Flash Charge ที่ให้พลังการชาร์จไฟสูงถึง 25W ซึ่งขนาดของอะแดปเตอร์ดูเหมือนจะใหญ่กว่าของสมาร์ทโฟนอื่นๆ แต่ใช้แรงดันไฟในการชาร์จที่ระดับ 5V ในขณะที่อะแดปเตอร์ชาร์จเร็วตัวอื่นๆ ใช้ระดับแรงดันไฟที่สูงกว่านี้

    OPPO N3 ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เต็มประมาณชั่วโมงครึ่ง และไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่ชาร์จแบตเตอรี่เสร็จเร็วที่สุดในการทดสอบนี้ แต่อย่างไรก็ดีสมาร์ทโฟนที่ชาร์จแบตเตอรี่เสร็จก่อนล้วนมีความจุแบตเตอรี่น้อยกว่า OPPO N3 และภายในเวลาเพียง 15 นาที OPPO N3 ชาร์จแบตเตอรี่เต็มไปแล้วถึง 1 ใน 3 (ประมาณ 32%) ทำให้มีพลังพอสำหรับการสนทนาโทรศัพท์ 4 ชั่วโมง หรือท่องเน็ตได้ 2 ชั่วโมง หรือเปิดดูคลิปวิดีโอได้ 3 ชั่วโมง

    และด้วยแบตเตอรี่ของ OPPO N3 ที่มีความจุสูง มันน่าประทับใจมากที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 68% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที ลองคิดดูว่าคุณตื่นมาทำกิจวัตรในยามเช้าก่อนออกไปทำงานพร้อมกับการเริ่มเสียบชาร์จแบตฯ และแค่ถึงตอนที่คุณกินอาหารเช้า OPPO N3 ก็มีพลังพอสำหรับการใช้งานหนักๆ ได้ทั้งวัน

    008_oppo-n3

     

    Time To Full Charge = เวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตฯ จนเต็ม

    Endurance = ระยะเวลาที่สามารถเปิดแสตนบายเครื่องได้โดยประมาณ

     

    Samsung Galaxy S6

    ด้วยขนาดตัวเครื่องที่บางลง ทำให้ Samsung Galaxy S6 มีขนาดความจุแบตเตอรี่ที่ลดลงจากสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นก่อนๆ โดยแบตเตอรี่มีขนาดพียง 2,550mAh และมาพร้อมกับอะแดปเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบ Adaptive Fast Charging ที่ให้พลังไฟชาร์จ 5V/2A สำหรับสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป และให้พลังไฟชาร์จที่ 9V/1.67A สำหรับสมาร์ทโฟนที่รองรับการชาร์จเร็ว

    The Galaxy S6 ชาร์จแบตเตอรี่เต็มในเวลา 1 ชั่วโมง 21 นาที และหลังจากการชาร์จ 15 นาที มีพลังพอสำหรับการสนทนาโทรศัพท์ได้เกิน 5 ชั่วโมง หรือท่องเน็ตได้ 3 ชั่วโมง หรือเปิดดูคลิปวิดีโอได้ 3 ชั่วโมง

    009_galaxy-s6

     

    Samsung Galaxy S6 Edge

    แบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S6 Edge มีขนาดความจุ 2,600mAh ซึ่งความจุสูงกว่าแบตเตอรี่ของ S6 เพียง 50mAh แต่ความสามารถในการชาร์จแบตฯ ของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 เครื่องนี้แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยการชาร์จในช่วงแรกช้ากว่าเล็กน้อย แต่มาแซง Galaxy S6 ได้ในช่วงท้าย

    อย่างไรก็ดี สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Samsung ทั้ง 2 ก็เครื่องทำความเร็วในการชาร์จ และให้ระยะเวลาการใช้งานที่ใกล้เคียงกัน โดยหลังจากการชาร์จ 15 นาที Samsung Galaxy S6 Edge มีพลังพอสำหรับการสนทนาโทรศัพท์ได้เกิน 5 ชั่วโมง หรือท่องเน็ตได้ 3 ชั่วโมง หรือเปิดดูคลิปวิดีโอได้ 3 ชั่วโมง

    010_s6-edge

     

    Apple iPhone 6

    iPhone 6 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ความจุต่ำที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ (1,810mAh) และ iPhone 6 ไม่มีระบบชาร์จเร็ว ดังนั้นเราจึงทำการทดสอบชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่อง ซึ่งให้พลังไฟชาร์จที่ 5V/1A

    หลังจากการชาร์จ 15 นาที iPhone 6 มีพลังพอสำหรับการสนทนาโทรศัพท์ได้นาน 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือท่องเน็ตได้น้อยกว่า 1 ชั่วโมงครึ่งเล็กน้อย หรือเปิดดูคลิปวิดีโอได้น้อยกว่า 1 ชั่วโมงครึ่งเช่นกัน

    011_iphone-6

     

    HTC One M9

    HTC One M9 (แบตเตอรี่ 2,840mAh) เป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วของ Qualcomm Quick Charge 2.0 แต่ HTC กลับให้มาเพียงอะแดปเตอร์ธรรมดาที่ให้พลังไฟในการชาร์จที่ 5V/1.5A ซึ่งการลดต้นทุนของสมาร์ทโฟนระดับเรือธงด้วยการให้แค่อะแดปเตอร์ธรรมดาที่ไม่มีระบบชาร์จเร็ว ย่อมทำให้ลูกค้าเกิดอาการผิดหวังเป็นธรรมดา แต่อย่างไรก็ดี เราลองทดสอบประสิทธิภาพการชาร์จของ HTC One M9 ด้วยอะแดปเตอร์ที่มีระบบชาร์จเร็ว Qualcomm Quick Charge 2.0 เพื่อที่จะได้รู้ว่า ประสิทธิภาพการชาร์จจะเป็นอย่างไรหากผู้ใช้งานลงทุนซื้ออะแดปเตอร์ที่ดีกว่ามาใช้งาน

    ในขั้นแรก เราทดสอบการชาร์จ HTC One M9 ด้วยอะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่อง  และทำการทดสอบชาร์จอีกครั้งด้วยอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว Qualcomm Quick Charge 2.0 โดยอะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่องใช้เวลาชาร์จแบตฯ เต็มประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และหลังจากการชาร์จ 15 นาที HTC One M9 มีพลังพอสำหรับการสนทนาโทรศัพท์ได้เกือบ 2 ชั่วโมง หรือท่องเน็ตได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง หรือดูคลิปวิดีโอได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมงเช่นกัน

    012_one-m9

     

    และเมื่อชาร์จ HTC One M9 ด้วยอะแดปเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยี Qualcomm Quick Charge 2.0 ผลปรากฏว่าชาร์จแบตฯ เต็มเร็วขึ้นเกือบ 40 นาที และแน่นอนว่าการเสียบชาร์จในระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถเติมพลังให้แบตฯ ได้มากกว่าอะแดปเตอร์ธรรมดา แต่อย่างไรก็ดี การเสียบชาร์จครึ่งชั่วโมงก็ทำให้แบตเตอรี่เต็มได้เพียง 1/3 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังกับเทคโนโลยีการชาร์จแบบ Quick Charge 2.0 ในขณะที่ระบบการชาร์จเร็วแบบ OPPO VOOC Flash Charge ชาร์จแบตฯ เสร็จเร็วกว่าประมาณครึ่งชั่วโมง และสามารถชาร์จพลังเข้าแบตฯ ได้มากกว่าในเวลา 30 นาที

    013_one-m9-fc

     

    Samsung Galaxy Note 4

    Samsung Galaxy Note 4 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3,220mAh และมาพร้อมกับอะแดปเตอร์ที่ให้พลังไฟชาร์จเท่ากับ Galaxy S6 ที่ 9V/1.67A และใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบเดียวกัน แต่ด้วยความจุแบตเตอรี่ที่มากกว่าอยู่ 700mAh ทำให้ Galaxy Note 4 ใช้เวลาชาร์จแบตฯ เต็มนานกว่า และขนาดความจุแบตฯ ที่เพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ใช้งานได้นานขึ้นแต่อย่างใด (เมื่อเทียบระยะเวลาการใช้งานกับ Galaxy S6 ที่แบตฯ น้อยกว่า)

    หลังจากการชาร์จ 15 นาที Samsung Galaxy Note 4 รองรับการสนทนาโทรศัพท์ได้ 6 ชั่วโมง หรือรองรับการท่องเว็บได้ 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือรองรับการดูคลิปวิดีโอได้ 4 ชั่วโมง โดยทั้ง Samsung Galaxy Note 4 และ Galaxy S6 อัดพลังไฟได้จำนวน mAh เท่ากันในเวลา 15 แรกของการชาร์จ

    014_note-4

     

    Samsung Galaxy Note Edge

    Samsung Galaxy Note Edge มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3,000mAh ซึ่งเป็นขนาดแบตฯ ที่น้อยกว่า Galaxy Note 4 อยู่ 220mAh แต่สมาร์ทโฟนทั้ง 2 เครื่องนี้ใช้เวลาในการชาร์จใกล้เคียงกันมาก

    แต่ผลจากการทดสอบพบว่า Galaxy Note Edge มีระยะเวลาการใช้งานน้อยกว่า Galaxy Note 4 อย่างชัดเจน ทำให้การชาร์จแบตเตอรี่เพียงช่วงสั้นๆ 15 นาที Galaxy Note Edge มีพลังไฟไม่พอที่จะทำอะไรได้มากนัก โดยรองรับการสนทนาโทรศัพท์ได้ประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง หรือรองรับการท่องเว็บได้ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง หรือรองรับการดูคลิปวิดีโอได้เกิน 2 ชั่วโมงอยู่เล็กน้อย

    015_note-edge

     

    iPhone 6 Plus

    iPhone 6 Plus มาพร้อมแบตฯ ที่มีขนาดความจุสูงกว่า iPhone 6 เกือบเท่าตัว (2,915mAh) ส่งผลให้ใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่นานเกิน 3 ชั่วโมง และถึงแม้ว่าเวลาชาร์จจะไม่ได้นานเป็น 2 เท่าของ iPhone 6 แต่ก็ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้เวลาชาร์จนานที่สุดในการทดสอบครั้งนี้

    แต่อย่างไรก็ดี iPhone 6 Plus ทำเวลาชาร์จได้ดีกว่าที่เราคิดไว้ในตอนแรก เนื่องจากเมื่อเทียบกับ iPhone 6 แล้ว iPhone 6 Plus มีจุดลดความเร็วในการชาร์จที่ระดับ mAh สูงกว่า และการเสียบชาร์จในช่วงระยะเวลาสั้นๆ 15 นาที iPhone 6 Plus มีพลังพอแค่สำหรับการสนทนาโทรศัพท์ได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมง หรือท่องเว็บได้ 1 ชั่วโมง หรือดูคลิปวิดีโอได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง

    016_iphone-6-plus

     

    สเตปถัดมาเราทดสอบชาร์จ iPhone 6 Plus ด้วยอะแดปเตอร์ของ iPad ที่ให้พลังไฟในการชาร์จที่สูงกว่า (5.1V/2.1A) ผลปรากฏว่าชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มเร็วกว่าเดิมประมาณ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งการที่ชาร์จแบตฯ เต็มเร็วขึ้น อัดพลังเข้าแบตฯ ได้มากขึ้นในช่วงเวลาที่สั้นลง ก็เป็นประโยชน์มากในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่อย่างไรตาม iPhone 6 Plus ก็ยังใช้เวลาชาร์จแบตเต็มช้ากว่าสมาร์ทโฟนจอใหญ่รุ่นอื่นๆ อยู่กว่า 40 นาที และอัดพลังในช่วง 15 และ 30 นาทีแรกของการชาร์จได้น้อยกว่าสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

    017_iphone-6-plus-fc

     

    ASUS Zenfone 2

    Asus Zenfone 2 เป็นสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวในการทดสอบที่ใช้ชิปประมวลผลของ Intel  และอะแดปเตอร์ใช้แรงดันไฟ 9V และใช้กระแส 2A ซึ่งต่างจากเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบ Qualcomm Quick Charge 2.0 ที่ใช้ระดับแรงดันเท่ากัน แต่ใช้กระแสต่ำกว่าที่ 1.67A ซึ่งเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ BoostMaster ของ Asus ที่ช่วยเร่งความเร็วในการชาร์จ ก็สามารถทำตามที่โฆษณาเอาไว้ได้จริง กับการชาร์จแบตฯ ได้เต็ม 60% ในเวลา 40 นาที

    เมื่อเวลาชาร์จผ่านไป 15 นาที Asus Zenfone 2 มีพลังพอสำหรับการสนทนาโทรศัพท์ 4 ชั่วโมง หรือท่องเว็บได้ 2 ชั่วโมง หรือดูคลิปวิดีโอได้ 2 ชั่วโมง บทสรุปคืออะแดปเตอร์ชาร์จแบตฯ ได้ไวมาก แต่เครื่องก็กินพลังไฟในการทำงานมากเช่นกัน ทำให้การเสียบชาร์จช่วงเวลาสั้นๆ 15 นาที ไม่ได้ทำให้เครื่องมีพลังพอที่จะทำอะไรได้มากนัก

    018_zenfone-2-retest

     

    Meizu m1 note

    Meizu m1 note ใช้อะแดปเตอร์มาตรฐานที่ปล่อยพลังไฟ 5V/2A ในการชาร์จแบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุสูงถึง 3,140mAh ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จนานเกือบ 3 ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่ายังชาร์จได้เร็วกว่า iPhone 6 Plus ที่มีขนาดความจุแบตเตอรี่สูงกว่าอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าใช้เวลาชาร์จนานกว่าสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ที่มีเทคโนโลยีชาร์จเร็วอยู่เป็นเท่าตัว

    m1 note ใช้พลังงานมากกว่าสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ในการสนทนาโทรศัพท์ ทำให้การเสียบชาร์จในช่วงระยะเวลาสั้นๆ 15 นาทีนั้น m1 note มีพลังพอสำหรับการสนทนาโทรศัพท์ได้น้อยกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือท่องเว็บได้แค่ 1 ชั่วโมง หรือดูคลิปวิดีโอได้แค่ 1 ชั่วโมง

    019_meizu-m1-note

     

     

    บทสรุป

    การทดสอบของเราแสดงให้เห็นแล้วว่า เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนได้ก้าวผ่านจากยุคที่ใช้เวลาชาร์จกันนานๆ กว่าแบตฯ จะเต็ม ไปสู่ยุคที่เสียบชาร์จในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ของการกินอาหารมื้อเช้า สมาร์ทโฟนของคุณก็มีพลังไฟพอสำหรับการใช้งานได้ทั้งวัน และสำหรับ iPhone 6 Plus ที่ไม่มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ก็สามารถชาร์จได้เร็วขึ้นด้วยการใช้อะแดปเตอร์ของ iPad ที่ให้พลังไฟในการชาร์จที่สูงกว่า

    020_gsmarena_002

     

    เทคโนโลยีการชาร์จ VOOC Flash Charge ของ OPPO โดดเด่นที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ ในขณะที่เทคโนโลยีการชาร์จเร็วรูปแบบอื่นๆ นั้นเป็นการหาจุดสมดุลของการจ่ายพลังไฟชาร์จด้วยการปรับระดับแรงดัน และระดับกระแสไฟที่ใช้ในการชาร์จ ส่วนเทคโนโลยี OPPO VOOC Flash Charge ทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป ด้วยการซอยแบ่งแบตเตอรี่ออกเป็นหลายเซลล์ที่สามารถชาร์จไฟไปได้พร้อมๆ กัน ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น

    ผลงานแสดงให้เห็นชัดเจนบนกราฟ OPPO N3 เติมพลังให้แบตเตอรี่ได้เร็วที่สุด และชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึงระดับเกือบ 70% ภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นระดับพลังไฟที่พอสำหรับการใช้งานได้ทั้งวัน ทำให้เกือบจะไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องเสียบชาร์จ OPPO N3 เป็นเวลานานเกินครึ่งชั่วโมง

    Samsung Galaxy S6 และ Galaxy Note ทั้ง 4 เครื่องในการทดสอบครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชาร์จเร็วที่สุด แต่สมาร์ทโฟนทั้ง 4 เครื่องนี้ก็สามารถรองรับการใช้งานทั้งวันได้แบบสบายๆ ด้วยการเสียบชาร์จเพียงช่วงเวลาสั้น 15 – 30 นาที

    Asus Zenfone 2 ทำให้ทีมงานของ Intel ต้องภูมิใจ เพราะในการทดสอบนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าชาร์จแบตฯ เต็ม 60% ภายใน 40 นาทีตามที่โฆษณาเอาไว้ได้จริง

    โดยพื้นฐานแล้ว  Samsung กับ Asus ใช้เทคนิคเดียวกัน ด้วยการลดระดับกระแสไฟในการชาร์จลงเล็กน้อย และไปเพิ่มระดับแรงดันไฟที่ใช้ในการชาร์จ ซึ่งมีข้อดีคืออะแดปเตอร์มีขนาดเล็กกว่าอะแดปเตอร์ของ OPPO VOOC Flash Charge แต่ทั้ง Samsung และ Asus ก็ยังชาร์จได้เร็วไม่เท่า OPPO

    HTC One M9 รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ Qualcomm Quick Charge 2.0 แต่ก็น่าเสียดายที่ HTC ไม่ได้ให้อะแดปเตอร์ชาร์จเร็วมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในกล่อง ทำให้ทั้ง HTC One M9 และ Meizu m1 note อยู่ในกลุ่มที่ใช้เวลาชาร์จนานรั้งท้ายในการทดสอบนี้

    ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการชาร์จ iPhone 6 Plus ที่ต้องรอถึง 3 ชั่วโมง แต่ก็ยังโชคดีที่มีทางออกสำหรับปัญหานี้ด้วยการเสียบชาร์จกับอะแดปเตอร์ที่ให้พลังไฟในการชาร์จที่สูงกว่า อย่างที่ในการทดสอบนี้เราลองเสียบชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ของ iPad ผลก็ปรากฏว่าชาร์จได้เร็วขึ้นจริง

    แต่ทั้งนี้การเสียบชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ที่จ่ายพลังไฟได้สูงขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องชาร์จแบตฯ ได้เร็วขึ้นเสมอไป เนื่องจากเครื่องสมาร์ทโฟนจะดึงพลังไฟจากอะแดปเตอร์ไปเพียงในระดับที่แบตเตอรี่รับไหวเท่านั้น

    สำหรับเทคโนโลยีแท่นชาร์จแบบไร้สาย หรือ Wireless Charging ที่ทำให้ชาร์จได้สะดวกโดยไม่ต้องเสียบสาย แต่ต้องแลกมาด้วยความเร็วในการชาร์จที่ต่ำมากๆ ซึ่งแท่นชาร์จแบบไร้สายที่สามารถจ่ายพลังไฟได้สูงสุดในปัจจุบัน ยังจ่ายกระแสได้เพียง 1A แถมพลังไฟส่วนหนึ่งยังสูญเสียไปในขั้นตอนของการส่งผ่านพลังไฟไปสมาร์ทโฟน ทำให้ใช้พลังในการชาร์จได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

    ณ เวลานี้ การชาร์จผ่านสายยังคงเป็นวิธีการชาร์จแบตฯ ให้สมาร์ทโฟนได้เร็วกว่าวิธีอื่นๆ และเทคโนโลยีการชาร์จก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าอดีตอย่างชัดเจน ในอดีตเราอาจต้องรอชาร์จแบตฯ กันนานๆ เป็น 3 ชั่วโมง แต่ด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็วหลากหลายรูปแบบ ทำให้การเสียบชาร์จแค่ช่วงเวลาสั้นๆ 15 – 20 นาที สมาร์ทโฟนก็มีพลังเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานได้ทั้งวัน

    Asus Zenfone 2 HTC One M9 iPhone 6 iPhone 6 Plus OPPO OPPO N3 Samsung Galaxy Note 4 Samsung Galaxy Note Edge Samsung Galaxy S6 Samsung Galaxy S6 Edge
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Jamikorn Singnamthieng

    Related Posts

    รวมโทรศัพท์ติดโปร AIS ล่าสุดทุกรุ่นปี 2568 มีส่วนลดค่าเครื่องติดโปรเท่าไหร่บ้างเมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจ

    15 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 5 ฟีเจอร์โฟนราคาไม่เกิน 1,500 เน้นโทร ปุ่มใหญ่ USB-C

    15 พฤษภาคม 2025

    วิธีปิดไอจีชั่วคราวในโทรศัพท์ทำยังไงในปี 2025 ปิดโปรไฟล์ IG ชั่วคราวไม่ให้คนอื่นเห็นแบบง่ายๆ

    14 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    รวมโทรศัพท์ติดโปร AIS ล่าสุดทุกรุ่นปี 2568 มีส่วนลดค่าเครื่องติดโปรเท่าไหร่บ้างเมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจ

    15 พฤษภาคม 2025

    เปิดตัว “realme 14T 5G” แบตอึด-เล่นเกมลื่นสุดสมตำแหน่ง Performance Dominator น้องใหม่พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยครบเครื่องในราคา 8,999 บาท

    15 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 5 ฟีเจอร์โฟนราคาไม่เกิน 1,500 เน้นโทร ปุ่มใหญ่ USB-C

    15 พฤษภาคม 2025

    ลือ iPhone รุ่นครบรอบ 20 ปี ใช้จอไร้ขอบ และแบต solid-state

    15 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X