เปรียบเทียบ iPhone ทุกรุ่นที่ยังวางขายอยู่ตอนนี้จาก Apple
สำหรับคนที่กำลังมองหามือถือ Smartphone ระดับเรือธงสักเครื่องจาก Apple เชื่อว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ยังคงลังเลอยู่ว่า จะซื้อรุ่นไหนดีที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเอง และเหมาะกับงบประมาณที่มีอยู่ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมีรุ่นใหม่คือ iPhone 12 ที่เปิดตัวออกมา ทำให้รุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 11 ก็ได้มีการลดราคาค่าเครื่องลงไปบ้าง รวมไปถึงอีก 2 รุ่นที่ยังมีการวางขายอยู่ในตอนนี้คือ iPhone SE 2020 และ iPhone XR ก็ต้องบอกเลยว่าแต่ละรุ่น ก็จะมีสเปคและการใช้งานที่ต่างกันออกไปด้วย ทั้งในรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ถ้าไม่นับว่ารุ่นที่ดีที่สุดก็คือรุ่นใหม่อย่าง iPhone 12 อยู่แล้ว รุ่นอื่นๆ ที่เป็นรุ่นเก่าก็ยังมีความน่าสนใจ และน่าใช้งานอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนใครที่กำลังมองหาและอยากรู้สเปคว่ามันต่างกันอย่างไรบ้าง เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบ iPhone ทุกรุ่นที่ยังวางขายอยู่ที่ Apple ในตอนนี้ ตั้งแต่ iPhone XR, iPhone SE 2020, iPhone 11 และ iPhone 12 ทั้งหมดเลย มาดูกันว่ารุ่นเก่ายังน่าใช้อยู่ไหม หรือว่าจะอัพเกรดเป็นรุ่นใหม่ไปเลยดีกว่า ตามมาดูกันเลย
สเปคเปรียบเทียบ iPhone แต่ละรุ่น
ตารางเปรียบเทียบ iPhone ทุกรุ่น (สเปคและราคา)
ข้อมูล \ รุ่น | iPhone XR | iPhone 11 | iPhone SE 2020 | iPhone 12 | iPhone 12 mini | iPhone 12 Pro | iPhone 12 Pro Max |
หน้าจอ | Liquid Retina HD 6.1 นิ้ว | Liquid Retina HD 6.1 นิ้ว | Retina HD 4.7 นิ้ว | Super Retina XDR 6.1 นิ้ว | Super Retina XDR 5.4 นิ้ว | Super Retina XDR 6.1 นิ้ว | Super Retina XDR 6.7 นิ้ว |
ชิป | Apple A12 | Apple A13 | Apple A13 | Apple A14 | Apple A14 | Apple A14 | Apple A14 |
RAM | 3GB | 4GB | 3GB | 4GB | 4GB | 6GB | 6GB |
ROM | 64GB/ 128GB | 64GB/ 128GB/ 256GB | 64GB/ 128GB/ 256GB | 64GB/ 128GB/ 256GB | 64GB/ 128GB/ 256GB | 128GB/ 256GB/ 512GB | 128GB/ 256GB/ 512GB |
กล้องหน้า | 7MP | 12MP | 7MP | 12MP | 12MP | 12MP | 12MP |
กล้องหลัง | 12MP | 12MP + 12MP | 12MP | 12MP + 12MP | 12MP + 12MP | 12MP + 12MP + 12MP + LiDAR | 12MP + 12MP + 12MP + LiDAR |
แบตเตอรี่ | 2,942 mAh | 3,110 mAh | 1,821 mAh | 2,815 mAh | 2,227 mAh | 2,815 mAh | 3,687 mAh |
ราคา* | 18,400 บาท | 22,100 บาท | 14,900 บาท | 29,900 บาท | 25,900 บาท | 36,900 บาท | 39,900 บาท |
iPhone XR
มาเริ่มกันที่ iPhone รุ่นเก่าสุด แต่ยังคงความเก๋าเอาไว้อยู่พอตัว ด้วยการดีไซน์ภายนอกที่ยังเป็นแบบโค้งมน และมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่พอๆ กับรุ่นใหม่ตามมาตรฐานที่ 6.1 นิ้ว หน้าจอแบบ Liquid Retina HD ที่ให้สีสันออกมาสวยงาม ถ้าจะพูดกันง่ายๆ ก็ถือว่าได้พอๆ กับ iPhone 11 ที่มีทั้งขนาหน้าจอและเป็นรูปแบบเดียวกันเลย แต่ความต่างจะไปอยู่ที่ตัวชิป ที่รุ่นนี้ยังเป็น Apple A12 อยู่ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเก่าจนใช้งานไม่ไหลลื่น เพราะยังคงทำงานได้ดีอยู่แน่นอน
ตัวนี้จะเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นเรื่องกล้องมากนัก เพราะมีกล้องหลังมาให้แค่เพียงตัวเดียว เป็นเลนส์ไวลด์ที่ความละเอียด 12MP ถ่าวิดีโอได้ถึงระดับ 4K ส่วนกล้องหน้าก็จะเป็นแบบ TrueDepth มีความละเอียดอยู่ที่ 7MP เท่านั้น รวมไปถึงแบตที่มีความจุดรอปลงมาจากรุ่นหลังนิดหน่อย ที่ความจุ 2,942 mAh และได้เปลี่ยนมาเป็นแบบ Face ID แล้วด้วยในรุ่นนี้ โดยรวมแล้วถ้าใครอยากได้ iPhone ที่มีหน้าจอใหญ่ ใช้งานได้ดีและราคายังไม่สูงมากนัก (ถ้าเทียบกับหน้าจอขนาดเดียวกัน) iPhone XR ตัวนี้ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่เหมือนกัน กดซื้อได้ที่นี่
ราคา iPhone XR
- iPhone XR ความจุ 64GB ราคา 18,400 บาท
- iPhone XR ความจุ 128GB ราคา 20,400 บาท
iPhone 11
มาต่อกันที่ iPhone รุ่นต่อมากันเลยกับ iPhone 11 ที่ได้อัพเกรดจากรุ่นก่อน ให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น ถึงแม้ว่าถ้าเปรียบเทียบ iPhone 11 กับ iPhone XR แล้วจะมีบางอย่างที่คล้ายกันอย่างเช่นหน้าจอที่เป็น Liquid Retina HD ที่ทีขนาด 6.1 นิ้วเท่ากันเป๊ะๆ แต่สิ่งที่เหนือกว่าก็คือชิปที่ได้เปลี่ยนมาเป็น Apple A13 ตัวแรง ที่ในตอนนี้ก็ยังใช้งานได้ดีมากๆ อยู่เหมือนเดิม ถ้าเปรียบเทียบ iPhone 11 กับ iPhone 12 แล้ว ตัวนี้ก็ถือว่าไม่ได้ดรอปลงไปมากนัก เพราะห่างกันแค่รุ่นเดียวเท่านั้น จึงทำให้ iPhone 11 ยังคงเป็นรุ่นที่น่าสนใจมาก
รุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานแบบทั่วไป หรือจะเน้นถ่ายรูป ชอบทำคอนเทนต์ต่างๆ ก็ยังได้ ในราคาที่เพิ่มมาจาก iPhone XR เพียงนิดเดียว ถ้าใครมีงบพอดีกับรุ่นก่อนหน้านี้ แนะนำว่าให้เก็บอีกนิดแล้วซื้อ iPhone 11 ไปเลยคุ้มกว่าแน่นอน แค่กล้องหลังที่ให้มาถึง 2 ตัวที่ความละเอียด 12MP เลนส์ไวลด์ และอัลตร้าไวลด์อีก 12MP อีกทั้งยังมีการซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า กับกล้องหน้าแบบ TrueDepth ที่ความละเอียด 12MP แค่นี้ก็เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดแล้ว นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดให้สามารถใช้งาน Wi‑Fi 6 ได้แล้ว (iPhone XR แค่ Wi‑Fi 5) นอกจากนี้ก็ยังมีแบตที่มากกว่ากับความจุ 3,110 mAh อีกด้วย โดยรวมแล้วใครที่มองหามือถือ iPhone ที่วางขายจากศูนย์ Apple และยังคงมีประสิทธิภาพสูงในงบที่ไม่สูงมาก แนะนำ iPhone 11 เลย กดซื้อที่นี่
ราคา iPhone 11
- iPhone 11 ความจุ 64GB ราคา 22,100 บาท
- iPhone 11 ความจุ 128GB ราคา 24,100 บาท
- iPhone 11 ความจุ 256GB ราคา 28,100 บาท
iPhone SE 2020
ต่อเนื่องกันเลยกับ iPhone รุ่นน้องเล็กที่สุดถ้าเทียบกันที่ขนาดหน้าจอและการใช้งาน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องเล็ก แต่ใจก็ไม่ได้เล็กอย่างที่คิด เพราะรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ได้อัพเกรดขึ้นมาจาก iPhone SE (รุ่นที่ 1) เยอะมากๆ ทั้งหน้าจอและชิปที่แรงสุดสาย หรือพูดได้ว่าเทียบเท่ากับ iPhone 11 ก็ว่าได้ เพราะได้ใส่ชิปเป็นตัว Apple A13 ตัวเดียวกันมาให้เลย แต่ลงมาอยู่ในขนาดหน้าจอที่เหลือเพียง 4.7 นิ้วเท่านั้น พร้อมหน้าจอที่เป็นแบบ Retina HD ถ้าลองเปรียบเทียบ iPhone XR กับ iPhone SE 2020 ตัวนี้จะเห็นได้ชัดๆ เลยว่าเหมือนเป็นขนาดย่อส่วนของ iPhone XR ที่ได้ความแรงเท่ากับ iPhone 11 เลยด้วยซ้ำ แถมมีราคาที่ไม่สูงเลย ถ้าเทียบกับทุกรุ่นที่วางขายอยู่ในตอนนี้
แน่นอนว่ารุ่นนี้เหมาะกับคนที่ชอบมือถือ iPhone เครื่องเล็ก กระทัดรัดพกพาสะดวก แต่ใช้งานได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เน้นเรื่องกล้องได้มากเท่าไหร่นักก็ตาม รวมไปถึงคนที่ยังชอบการใช้งานแบบมีปุ่ม Touch ID อยู่ด้วย ส่วนเรื่องกล้องก็อย่างที่บอกไปว่าไม่ได้เน้นมากนัก เพราะมีกล้องหลังมาให้ 1 ตัวที่ความละเอียด 12MP ที่ถ่ายได้ดีพอประมาณ กับหล้องหน้าที่เป็นแบบ FaceTime HD ความละเอียด 7MP และก็ยังทำอะไรไม่ได้มากนัก สำหรับคนที่จะซื้อไปเน้นใช้งานถ่ายภาพ รุ่นนี้อาจจะยังไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ถ้าซื้อไปใช้งานแบบทั่วไป อันนี้ใช้งานได้ดีแน่นอน สุดท้ายคือแบตรุ่นนี้มีมาให้เพียง 1,821 mAh เท่านั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่ได้มีงบสูงมาก และยังชอบมือถือตัวเล็กๆ อยู่ กดซื้อได้ที่นี่
ราคา iPhone SE (รุ่นที่ 2)
- iPhone SE (รุ่นที่ 2) ความจุ 64GB ราคา 14,900 บาท
- iPhone SE (รุ่นที่ 2) ความจุ 128GB ราคา 16,900 บาท
- iPhone SE (รุ่นที่ 2) ความจุ 256GB ราคา 20,900 บาท
iPhone 12
มาถึงรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Apple กันแล้วกับ iPhone 12 ที่ต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ มาเริ่มกันที่ตัวแรกของซีรีส์นี้กันก่อนเลย เพราะถือว่าเป็นตัวแรกของชื่อ iPhone 12 ที่มีการดีไซน์ให้กลับมาเป็นรูปแบบเหลี่ยมๆ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเหลี่ยมแบบจอเต็มที่ให้เราได้เห็นกว้างกันได้มากขึ้น ตัวนี้มีหน้าจอเป็นแบบ Super Retina XDR ที่ขนาดความกว้าง 6.1 นิ้ว จอด้านนอกเป็น Ceramic Shield ที่แข็งแรงกว่าเดิมถึง 4 เท่า และได้ใช้ชิปตัวแรงอย่าง Apple A14 ทำให้ถ้าเปรียบเทียบ iPhone 11 กับ iPhone 12 ที่ขนาดหน้าจอเท่ากันแล้ว รุ่นนี้เหนือกว่าเยอะมากเลย แถมทุกรุ่นในซีรีส์ 12 นี้ก็สามารถใช้งาน 5G ได้เต็มตัวแล้วด้วย สำหรับ iPhone 12 ทุกรุ่นจะใช้งานได้กับ MagSafe ทุกรุ่นเลย
รุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ทั้งถ่ายรูปหรือจะใช้งานทั่วไปก็ทำงานได้ดีเยี่ยมแน่นอน ถึงแม้ว่าจะยังไม่ใช้ตัวท็อปสุดของรุ่น แต่ก็ยังมีความสามารถแทบไม่ต่างกันเลย ถ้าไม่นับเรื่องของกล้อง เพราะรุ่นนี้มีกล้องหลังมาเป็นกล้องคู่ ที่มีความละเอียดเลนส์ไวลด์ 12MP และอัลตร้าไวลด์ 12MP เท่ากัน แต่รุ่นนี้ได้ปรับเปลี่ยนทำให้สามารถซูมออกแบบออปติคัลได้ 2 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 5 เท่า อีกทั้งยังถ่ายแบบ HDR อัจฉริยะ 3 ได้แล้ว พร้อมทั้งการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision ได้ด้วย ส่วนกล้องหน้ายังคงเป็น TrueDepth 12MP ที่มีโหมดกลางคืนและ Deep Fusion ส่วนความจุของแบตถึงแม้จะมีความจุเพียง 2,815 mAh แต่ด้วยชิปที่ทำให้ไม่กินแบตเยอะ ทำให้ใช้งานได้ทั้งวันแน่นอน ใครงบถึงต้องจัดเลย กดซื้อที่นี่
ราคา iPhone 12
- iPhone 12 ความจุ 64GB ราคา 29,900 บาท
- iPhone 12 ความจุ 128GB ราคา 31,900 บาท
- iPhone 12 ความจุ 256GB ราคา 35,900 บาท
iPhone 12 mini
มาต่อกันที่รุ่นน้องเล็ก ที่เล็กสมชื่อ iPhone 12 mini ของจริง ถึงแม้ว่าขนาดของรุ่นนี้ถ้าเปรียบเทียบ iPhone SE กับ iPhone 12 mini แล้วในตัวนี้จะมีขนาดที่เล็กกว่า และเบากว่านิดหน่อย แต่ด้วยการทำหน้าจอให้เต็มมากขึ้น ทำให้ความกว้างของหน้าจอรุ่นนี้กว้างถึง 5.4 นิ้วเลยทีเดียว และยังเป็นแบบ Super Retina XDR ให้สีสันสมจริงเหนือกว่ารุ่นเล็กด้วยกันอีกด้วย แน่นอนว่ามีหน้าจอเป็น Ceramic Shield เหมือนกับรุ่นพี่ทุกรุ่นอยู่แล้ว และชิปก็เป็น Apple A14 ตัวเดียวกันหมดเลยด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ iPhone 12 รุ่นปกติที่ได้ลดขนาดลงมาสำหรับคนที่ชอบมือถือเล็กๆ นั่นเอง
แน่นอนว่ารุ่นนี้เหมาะกับคนที่ชอบ iPhone เครื่องเล็กๆ ขนาดกำลังดีแต่สามารถทำงานได้เทียบเท่ารุ่นใหญ่ทุกรุ่นเลย ทั้งการใช้งานแบบทั่วไป หรือจะเน้นถ่ายรูป ตัวนี้ก็ทำได้เหมือนกับ iPhone 12 รุ่นปกติทั้งหมด รวมไปถึงกล้องหลังที่มีมา 2 ตัวเท่ากันที่เลนส์ไวลด์มีความละเอียด 12MP และเลนส์อัลตร้าไวลด์ 12MP จะถ่ายกลางวันกลางคืนได้เหมือนกันหมดเลย ส่วนกล้องหน้าก็เป็น TrueDepth 12MP เหมือนกันอีก แต่จะต่างกันที่ความจุแบตที่ตัวนี้มีเพียง 2,227 mAh และจากการใช้งานจริงของทีมงาน พบว่าแบตหมดค่อนข้างไว ถ้าใช้งานหนักๆ อาจจะอยู่ได้ไม่เต็มวันด้วย โดยรวมแล้วใครที่ชอบมือถือ iPhone เครื่องเล็ก ประสิทธิภาพการทำงานชั้นเยี่ยม รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่สนใจไม่น้อยเลยในราคาที่ไม่แรงมากด้วย กดซื้อได้ที่นี่
ราคา iPhone 12 mini
- iPhone 12 mini ความจุ 64GB ราคา 25,900 บาท
- iPhone 12 mini ความจุ 128GB ราคา 27,900 บาท
- iPhone 12 mini ความจุ 256GB ราคา 31,900 บาท
iPhone 12 Pro
มาถึงรุ่นที่เพิ่มความโปรให้กับการใช้งานมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีขนาดเท่ากับรุ่น iPhone 12 ปกติ ซึ่งถ้าเทียบกันที่การใช้งานแล้วบอกเลยว่ารุ่นนี้ก้าวหน้าความโปรขึ้นไปอีกเยอะ ถึงแม้ว่าจะมีอะไรที่คล้ายๆ กันถ้าเปรียบเทียบ iPhone 12 กับ iPhone 12 Pro ทั้งหน้าจอที่เป็นแบบ Super Retina XDR ขนาดความกว้าง 6.1 นิ้วเท่ากัน และเป็นชิป Apple A14 เหมือนกัน แต่ความจริงแล้วการใช้งานจริงนั้นต่างกันมาก เพราะรุ่นนี้มี RAM เพิ่มมาให้มากถึง 6GB และเพิ่มความจุให้มากกว่าเดิมสูงสุดถึง 512GB กันเลยทีเดียว ช่วยให้เครื่องนี้ทำงานได้เร็วแรงเป็นอย่างมาก มากกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมาเลยนั่นแหละ แถมภายนอกใช้วัสดุเป็นสแตนเลสสตีลสวยงามมาก
iPhone 12 Pro เหมาะกับคนที่เน้นไปทางด้านการถ่ายรูป ที่ต้องใช้ความเป็นโปรมากขึ้น เพราะรุ่นนี้ทำออกมาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ถ่ายรูปได้หลากหลาย และดีกว่าเดิมเยอะมาก อย่างกล้องหลังที่ให้มาถึง 3 ตัวที่ความละเอียดเลนส์ไวลด์ 12MP เลนส์อัลตร้าไวลด์ 12MP และเทเลโฟโต้อีก 12MP พร้อมทั้งยังมีช่วงซูมแบบออปติคัลถึง 4 เท่า ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 10 เท่า และที่สำคัญรุ่นนี้มีสแกนเนอร์ LiDAR ที่ช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนเก็บครบทุกรายละเอียด และมีออโต้โฟกัสที่เร็วขึ้นมากๆ และยังถ่ายเป็นไฟล์ Apple ProRAW ได้อีกด้วย ส่วนกล้องหน้าเป็นแบบ TrueDepth 12MP เท่ากันหมดทุกตัว รวมถึงแบตที่ความจุ 2,815 mAh เท่ากับตัวธรรมดาด้วย ใครที่อยากรู้สึกถึงความโปรและมีงบพอแนะนำว่า iPhone 12 Pro ตอบโจทย์แน่นอน กดซื้อที่นี่
ราคา iPhone 12 Pro
- iPhone 12 Pro ความจุ 128GB ราคา 36,900 บาท
- iPhone 12 Pro ความจุ 256GB ราคา 40,900 บาท
- iPhone 12 Pro ความจุ 512GB ราคา 48,900 บาท
iPhone 12 Pro Max
มาถึงรุ่นสุดท้ายของวันนี้กันแล้ว ซึ่งตัวนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเป็นตัวเทพที่สุดของ iPhone ทั้งหมดที่มีมาเลย ไม่ว่าจะเป็นขนาด หรือสเปคภายใน และสเปคของกล้องที่ทำออกมาตอบโจทย์ทุกการใช้งานของจริง รุ่นนี้เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานแบบโปรสุดๆ ทั้งการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ทำคอนเทนต์ เล่นเกม หรือใช้แบบทั่วไปก็ได้ ถ้าดูจากภายนอกตัวนี้ก็คือคล้ายๆ กับ iPhone 12 Pro ที่เป็นสแตนเลสสตีลเงาวับ กับหน้าจอแบบ Super Retina XDR ที่กว้างมากถึง 6.7 นิ้ว จะเอามาเล่นเกมดูหนังก็ทำได้สบายๆ และก็แน่นอนว่าต้องเป็นชิป Apple A14 พร้อมกับ RAM 6GB ที่ช่วยเสริมให้เครื่องนี้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น
จุดเด่นอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเรื่องของกล้อง ถ้าเปรียบเทียบ iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max ดูผิวเผินอาจจะไม่ต่างกันเลย เพราะเป็นกล้องแบบ 3 ตัวที่ความละเอียดเลนส์ไวลด์ 12MP เลนส์อัลตร้าไวลด์ 12MP และเทเลโฟโต้ 12MP และใช้งาน Apple ProRAW ได้เหมือนกันเป๊ะ แต่จุดที่ต่างกันก็คือตัวนี้สามารถซูมเข้าแบบออปติคัลได้ถึง 2.5 เท่า (iPhone 12 Pro ได้แค่ 2) ซูมแบบออปติคัลได้ 5 เท่าและซูมดิจิทัลได้สูงสุด 12 เท่า เยอะกว่าทุกรุ่นเลย ที่สำคัญคือมีเซ็นเซอร์กันสั่นแบบ IBIS (Sensor-Shift Image Stabilization) ที่ต่างจาก OIS ทั่วไปตรงที่ตัวนี้กันสั่นที่เซนเซอร์ ถ้าเป็น OIS จะกันสั่นที่ตัวเลนส์ ช่วยให้ถ่ายได้นิ่งมากขึ้น ส่วนกล้องหน้าเหมือนกันทุกอย่าง และสุดท้ายคือแบตที่จุมาเต็มที่ 3,687 mAh ใครที่มีงบถึง และอยากได้รุ่นเทพๆ ต้องรุ่นนี้เท่านั้น
ราคา iPhone 12 Pro Max
- iPhone 12 Pro Max ความจุ 128GB ราคา 39,900 บาท
- iPhone 12 Pro Max ความจุ 256GB ราคา 43,900 บาท
- iPhone 12 Pro Max ความจุ 512GB ราคา 51,900 บาท
สรุป
จากข้อมูลในตารางด้านบน และสเปคคร่าวๆ ที่เราได้บอกไป จะเห็นได้ว่าความแตกต่างของแต่ละรุ่นนั้น เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า iPhone 12 ทุกตัวนั้นเร็วและแรงกว่าแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าใครที่มองไว้และมีงบถึงก็แนะนำให้ข้ามไปซื้อเป็น iPhone 12 ได้เลย และถ้าจะให้ดีต้องเป็น iPhone 12 Pro Max เพื่อความโปรและเทพมากที่สุด แต่ถ้าคิดว่ามีงบอยู่พอประมาณในราคาที่เอื้อมถึง iPhone 11 ได้ ก็แนะนำว่าในรุ่นของ iPhone 11 นั้นยังมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพอยู่มากๆ ไม่ว่าจะใช้งานแบบทั่วไปหรือใช้ทำคอนเทนต์อย่างอื่นก็ยังทำได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นธรรมดาก็ตาม แต่ถ้าใครอยากได้รุ่นที่สูงกว่านี้ต้องไปซื้อจากค่ายโอเปอร์เรเตอร์ที่ยังคงมีวางขายอยู่ (ซื้อร่วมกับแพ็กเกจคุ้มที่สุด) สามารถกดเข้าไปดูราคา iPhone ทุกรุ่นที่วางขายอยู่ตอนนี้ได้ ที่นี่
ส่วนใครที่ไม่ชอบมือถือเครื่องใหญ่ แต่อยากได้เครื่องที่ทรงพลังแนะนำว่าให้จัด iPhone SE 2020 ได้เลย เพราะมีชิปที่เทียบได้พอๆ กับ iPhone 11 แต่ลงมาอยู่ในเครื่องขนาดพอดีมือแทน สุดท้ายคือ iPhone XR ที่มีขนาดพอๆ กับ iPhone 11 เลย แต่ราคาก็ถูกลงมาอีก รวมไปถึงสเปคต่างๆ ที่ยังพอใช้งานได้ดีอยู่เหมือนกัน ถ้าใครที่มีงบพอดีแนะนำว่าให้เก็บอีกนิดไปซื้อ iPhone 11 จะดีกว่า แล้วทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลเปรียบ iPhone ทุกรุ่นที่ยังวางขายอยู่ในตอนนี้ ถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ