ในช่วงหลังมานี้ เทคโนโลยีกล้องของสมาร์ตโฟนนั้นพัฒนาไปไกลมาก ทำให้ผู้ผลิตสามารถอัดสเปคกล้องที่สูงลงมาในมือถือรุ่นที่ไม่ใช่เรือธงท็อปสุดได้ ประกอบกับเทคโนโลยีการประมวลผลภาพ เทคโนโลยี AI รวมถึงผู้ผลิตหลายรายก็ไปจับมือทำงานร่วมกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านกล้องถ่ายรูปมาอย่างยาวนาน ทำให้ระบบการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอในมือถือทำได้ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะกับรุ่นราคาหมื่นกลาง ๆ ที่ฟาดฟันกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำมือถือกล้องสวย 5 รุ่นน่าใช้ในราคาหมื่นกลาง ๆ โดยจะเป็นเครื่องมือหนึ่งศูนย์ไทยทั้งหมด เพื่อความง่ายในการหาซื้อและการรับประกันหลังการขายนะครับ
vivo V40 – กล้อง ZEISS ตัวจบสาย portrait
หากพูดถึงมือถือกล้องสวยราคาหมื่นกลาง หนึ่งในรุ่นที่มาแรงสุดในตอนนี้ก็คือ vivo V40 ที่ระบบกล้องยังคงเป็นการทำงานร่วมกันกับ ZEISS ผู้ผลิตเลนส์ชื่อดังต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ที่ทำให้แม้ว่า V40 จะเป็นรุ่นเล็กของซีรีส์กลางก็ตาม แต่ก็ยังมาพร้อมกล้องที่เด่นทั้งในด้านการถ่ายภาพทั่วไปและการถ่ายภาพบุคคล (ถ่าย portrait) ด้วยระบบประมวลผลภาพที่ทำให้ภาพถ่ายออกมาดูมีมิติ มีระบบ AI ช่วยเติมแต่งสีสันในภาพ สามารถเพิ่มโบเก้เป็นวงไฟเบลอ ๆ ด้านหลังได้อย่างค่อนข้างแม่นยำ โดยจะมีรูปแบบให้เลือกหลากหลายตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งโบเก้แต่ละรูปแบบก็จะเป็นการนำเอกลักษณ์ของโบเก้จากเลนส์ซีรีส์ต่าง ๆ ของ ZEISS มานั่นเอง ส่วนถ้าต้องการเติมความสว่างให้กับตัวแบบ แต่ไม่ต้องการใช้แฟลชวิบวับ ก็สามารถใช้ไฟออร่าที่จะทำให้ภาพดูออกมาเป็นธรรมชาติ ตัวแบบดูสว่างขึ้น ในขณะที่พื้นหลังก็ยังคงสว่างธรรมชาติอยู่
ชุดเลนส์กล้องหลังของ vivo V40 จะมีด้วยกัน 2 ตัวหลัก ๆ คือเป็นกล้องหลักเลนส์ไวด์ ZEISS ความละเอียด 50MP มีกันสั่น OIS เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/1.56″ รูรับแสง f/1.88 ส่วนอีกกล้องก็จะเป็นเลนส์อัลตร้าไวด์จาก ZEISS ความละเอียด 50MP เช่นกัน ทำให้ไม่ว่าจะถ่ายภาพระยะปกติหรือแบบมุมกว้างพิเศษก็ยังได้ภาพที่คมชัดอยู่ ส่วนในการถ่าย portrait จะมีระบบช่วยจำลองระยะโฟกัสเพื่อให้ได้องศาการรับภาพเทียบเท่ากับเลนส์กล้องฟูลเฟรมในระยะ 24 มม. ที่เป็นระยะปกติสำหรับมือถือ ระยะ 35 มม. ที่จะตอบโจทย์การถ่ายแบบสตรีทและระยะ 50 มม. ที่เหมาะกับการถ่ายแบบครึ่งตัว โดยจะอาศัยการ crop sensor ของกล้องหลังเป็นหลัก ทำให้ vivo V40 น่าจะตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการมือถือกล้องสวย เน้นถ่ายภาพบุคคลเป็นหลัก
ส่วนสเปคอื่น ๆ ของ vivo V40 ก็จัดว่าแรงตามเกณฑ์ครับ คือได้พลังประมวลผลของ Snapdragon 7 Gen 3 ทำให้ได้ประสิทธิภาพที่โอเค แบตอึด ทั้งยังได้ระบบชาร์จเร็วสุดที่กำลังไฟ 80W เลยทีเดียว แต่จะมีเรื่องแรมนิดนึง เพราะในรุ่นเริ่มต้นที่ราคากลาง 14,999 บาท จะได้แรม 8GB เท่านั้น ถ้าต้องการแรม 12GB เทียบเท่ากับรุ่นอื่นในสเปคใกล้กัน จะต้องขยับไปรุ่นราคา 15,999 บาทแทน ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าก็คุ้มกับการจ่ายเพิ่มพันนึงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าต้องการไปสุดก็จะมีรุ่น 12GB+512GB ในราคา 17,999 บาทอยู่
OPPO Reno12 5G – AI จัดเต็ม แต่งรูปสนุก
ต่อมาก็จะเป็น OPPO Reno12 5G มือถือกล้องสวยรุ่นยอดนิยมในราคาหมื่นกลางจากแบรนด์ OPPO ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีมือถือในราคาหลักหมื่นนิด ๆ ออกมาไม่เยอะมากนัก ทำให้ Reno12 ยังเป็นซีรีส์ที่น่าสนใจอยู่สำหรับผู้ที่ติดใจกล้องและระบบของมือถือ OPPO ซึ่งจุดเด่นก็จะอยู่ที่ความสามารถในการถ่ายภาพบุคคล ด้วยโหมดที่มีให้ใช้งาน ส่วนเลนส์ที่มีให้ใช้ด้วยกัน 3 เลนส์ อาทิกล้องหลัก 50MP f/1.8 มาพร้อมระบบกันสั่น OIS สามารถถ่ายซูมแบบ crop sensor ที่ได้คุณภาพเสมือนกับเป็นการซูมออปติคอล 2 เท่า ที่จะทำให้ได้ภาพในองศารับภาพเทียบเท่ากับเลนส์ระยะ 52 มม. ได้ด้วย เลนส์อัลตร้าไวด์ 8MP f/2.2 และปิดท้ายด้วยเลนส์มาโครความละเอียด 2MP ที่จะช่วยเก็บภาพระยะใกล้ ส่วนกล้องหน้าจะได้ที่ความละเอียด 32MP ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับระบบแต่งภาพของ OPPO เองก็บอกเลยว่าถ่ายเซลฟี่ได้ถูกใจสาว ๆ แน่นอน
แต่ที่เป็นจุดขายของ OPPO Reno12 5G ก็คือระบบ AI ที่ใส่มาให้ใช้งานซึ่งจัดเต็มในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบยางลบ AI 2.0 ที่ช่วยลบสิ่งที่ไม่ต้องการในภาพถ่ายได้แบบง่าย ๆ ระบบ AI Clear Face ที่จะช่วยจับภาพและปรับแต่งใบหน้าของบุคคลในภาพให้คมชัดเสมอ และที่น่าจะโดนใจหลาย ๆ คนคือมีฟีเจอร์ AI Studio ที่สามารถนำภาพของบัคคลที่ถ่ายไว้มาตกแต่งด้วย AI ไม่ว่าจะปรับแต่งทรงผม เปลี่ยนชุด เปลี่ยนพื้นหลัง เปลี่ยนสไตล์ภาพให้เป็นแบบภาพวาดได้อย่างง่ายดาย ตอบโจทย์ยุค AI generated photo แบบสุด ๆ เรียกว่าถ้าอยากตัดต่อหน้าไปใส่เป็นตัวละครสมมติในฉากหลังสุดครีเอตขนาดไหนก็จัดได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องลงแอปเสริม โดยผู้ใช้จะได้รับเครดิตจำนวน 5,000 เครดิต เท่ากับว่าสามารถใช้ในการสร้างภาพใน AI Studio ได้ฟรี ๆ ไปเลย 500 ภาพ
นอกจากนี้ยังมีการนำ AI มาใช้ประกอบการทำงานอื่น ๆ อีก เช่นการช่วยบูสต์การรับสัญญาณ ช่วยคิดแคปชันก่อนโพสต์รูป ใช้สรุปข้อมูลยาว ๆ เป็นต้น ด้านของสเปคก็จัดว่าให้มากำลังพอดี โดยในรุ่นที่แนะนำจะได้เป็นชิป MediaTek Dimensity 7300 Energy แรม 12GB สตอเรจ 256GB หน้าจอ AMOLED ความคมชัดระดับ FHD+ 120Hz กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 7i ที่มีความทนทานสูงขอบโค้งเล็กน้อย แบต 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว SuperVOOC สูงสุด 80W เลย ส่วนราคาก็เริ่มต้นที่ 14,999 บาท หากขยับขึ้นไปเป็นรุ่น 512GB ก็จะต้องเพิ่มงบอีก 2,000 บาท
Xiaomi 14T – กล้อง LEICA …จบปิ๊ง
มือถือกล้องสวยรุ่นที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับช่วงราคาหมื่นกลางก็คือ Xiaomi 14T ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานนี้ โดยจะถูกวางมาเป็นซีรีส์รอง แต่ยังได้กล้องตีแบรนด์ LEICA มาไม่แพ้รุ่นใหญ่ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อยากได้มือถือเน้นกล้องในราคาไม่ถึง 20,000 บาท โดยตัวของ 14T จะมีจุดเด่นคือได้เลนส์กล้องหลังคุณภาพระดับ LEICA ซีรีส์ Summilux มา 3 ระยะเต็ม ๆ ได้แก่เลนส์กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX906 f/1.7 มี OIS ถัดมาก็เป็นเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2 และสุดท้ายคือเลนส์เทเล 50MP f/1.9 ที่ได้ระยะโฟกัสเทียบเท่าระยะ 50 มม. ในขณะที่มือถือรุ่นอื่น ๆ ในช่วงราคาใกล้กันมักจะไม่มีเลนส์เทเลมาให้
ซึ่งการที่มีเลนส์เทเลแยกมาให้เฉพาะ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับเลนส์ใช้งานตามแต่ละสถานการณ์ได้สะดวก ได้ภาพที่คมชัด นอกจากนี้ยังมีระบบการจำลองระยะโฟกัสเลนส์ต่าง ๆ ด้วย อาทิ 35 มม. กับ 50 มม. ส่วนที่ระยะ 75 มม. และ 90 มม. จะนำเทคนิคการซูมแบบดิจิทัลมาผสมด้วย จึงอาจทำให้คุณภาพของภาพถ่ายลดลงกว่าการตั้งค่าที่ระยะ 50 มม.พอสมควร ส่วนสิ่งที่เป็นจุดเด่นสุด ๆ ก็คือการประมวลผล การจำลองโทนสีสัน การเกลี่ยแสงเงาของภาพถ่ายที่มีสไตล์ในโทนเดียวกับกล้องและเลนส์ LEICA ซึ่งสามารถปรับระดับ ปรับรูปแบบได้ตามต้องการ โดยภาพที่ได้ก็จะให้น้ำหนักแสงเงาที่เป็นเอกลักษณ์ ถ่ายวิวก็ดูสวย ภาพคมแต่ดูนุ่มนวล ถ่ายคนก็ดูมีมิติ ให้ความรู้สึกว่าตัวแบบนั้น pop ขึ้นมาจากพื้นหลัง รวมถึงยังมีฟิลเตอร์ขาวดำ ซีเปียและโทนสีต่าง ๆ อันเป็นจุดเด่นของภาพสไตล์ LEICA ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานมาให้เลือกใช้อีกด้วย เรียกว่าตอบโจทย์ผู้ที่ชอบโทนสีสไตล์นี้ ชอบถ่ายภาพที่เล่นกับแสงเงา ถ่ายวิวได้สบาย หรือจะใช้ถ่ายบุคคลก็ดี
ด้านของสเปคก็จะไม่หนีจากรุ่นอื่น ๆ มากนัก โดยใช้เป็นชิป MediaTek Dimensity 8300-Ultra ประสิทธิภาพสามารถใช้งานทั่วไปได้ไหลลื่น แรม 12GB สตอเรจเริ่มที่ 256GB หน้าจอ 6.67″ AMOLED รีเฟรชเรต 144Hz รองรับค่าสีได้ระดับ DCI-P3 ที่สำคัญคือขอบจอจะเป็นแบบเรียบ ไม่มีส่วนโค้งมนหาขอบเครื่อง ส่วนราคาเครื่องศูนย์ไทย ณ ขณะนี้จะเริ่มต้นที่ 15,990 บาท ส่วนถ้าขยับเป็นรุ่นความจุ 512GB ก็จะขึ้นมาเป็น 17,990 บาท
HONOR 200 5G – ลูกเล่น AI เพียบ แต่งภาพได้แบบศิลปิน
รุ่นที่สี่ก็จะเป็น HONOR 200 5G มือถือกล้องสวยในราคาเริ่มที่หมื่นต้น ๆ ซึ่งถือว่าจับต้องได้ง่ายมาก ทั้งยังเป็นอีกรุ่นที่ให้เลนส์กล้องหลังมาครบช่วงทั้งเลนส์กล้องหลัก 50MP f/1.95 เซ็นเซอร์ Sony IMX906 มีกันสั่น OIS เลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2 และเลนส์เทเลสำหรับซูม 50MP f/2.4 เซ็นเซอร์ Sony IMX856 รองรับการซูมดิจิทัลสูงสุด 50 เท่า ที่สำคัญคือมีกันสั่น OIS มาให้ด้วย ทำให้สามารถถ่ายภาพซูมระยะไกลได้ง่าย ลดอาการภาพสั่นไหวขณะถ่ายที่อาจส่งผลต่อความคมชัดของภาพได้ สำหรับจุดเด่นในด้านกล้องของ HONOR 200 ก็จะเป็นความสามารถในการถ่ายภาพบุคคลโดยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย ซึ่งจะใช้ทั้งในการเรียนรู้การจับลักษณะใบหน้าของตัวแบบ เพื่อช่วยในการจับโฟกัส จัดการแสง เกลี่ยภาพพื้นหลังให้ดูเนียนตาทั้งในสภาพแสงปกติและสภาพแสงน้อย
นอกจากนี้ยังมีการจับมือร่วมกับสตูดิโอ Harcourt ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพบุคคล ในการใส่ฟิลเตอร์แต่งภาพในสไตล์ของ Harcourt เข้ามาให้เลือกใช้งาน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพบุคคลออกมาได้โทนคลาสสิกใกล้เคียงกับภาพระดับสตูดิโอเลยทีเดียว ส่วนฟังก์ชันด้าน AI ก็มีมาให้ใช้งานไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เลย อาทิยางลบ AI ที่ใช้ลบสิ่งที่ไม่ต้องการในภาพได้ง่าย ๆ AI ช่วยปรับโบเก้ที่สามารถปรับการจำลองความกว้างรูรับแสงในแต่ละระดับ เป็นต้น เรียกว่าเป็นมือถือรุ่นที่นำ AI มาใช้ในกระบวนการถ่ายภาพบุคคลได้แบบรอบด้านเลย
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องจะได้พลังมาจากชิป Snapdragon 7 Gen 3 แรม 12GB สตอเรจ 256GB รองรับการใช้งาน 5G และบริการจาก Google ได้อย่างครบถ้วน ดังนั้นจึงสามารถซื้อมาใช้งานได้แบบสบายใจ แบตเตอรี่ให้มา 5200 mAh รองรับการชาร์จ SuperCharge ได้สูงสุดถึงระดับ 100W หน้าจอขนาด 6.7″ AMOLED FHD+ 120Hz ขอบกระจกโค้งมนเล็กน้อย
Infinix ZERO 40 5G – วิดีโอ 4K ถ่าย Vlog สุดเพลิน
มือถือกล้องสวยรุ่นสุดท้ายในบทความนี้ก็จะเป็น Infinix ZERO 40 5G ที่ในด้านถ่ายภาพนิ่งก็จัดว่าดีพอตัว ด้วยการเลือกกล้องหลักให้มีความละเอียดสูงถึง 108MP เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 ขนาด 1/1.67″ รูรับแสง f/1.75 มีระบบกันสั่น OIS เลนส์อัลตร้าไวด์ความละเอียดระดับ 50MP และเลนส์ portrait สำหรับช่วยในการเก็บความชัดลึกเพื่อใช้ในการจำลองโบเก้ในการถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ ส่วนกล้องหน้าก็จะได้เป็นกล้อง 50MP f/2.45 มีระบบโฟกัส PDAF มาให้ไม่แพ้กล้องหลัง ทำให้สามารถจับโฟกัสได้แม่นยำและรวดเร็ว
แต่ที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้จริง ๆ ก็คือไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัก กล้องอัลตร้าไวด์รวมถึงกล้องหน้า ต่างก็รองรับการถ่าย Vlog ยาว ๆ ที่ความละเอียดระดับ 4K Ultra HD 60fps ได้ทั้งหมด ทำงานร่วมกับระบบกันสั่นที่ทั้ง OIS และ EIS จะทำงานร่วมกัน ทำให้ได้วิดีโอ Vlog ในแบบ ProStable ของ Infinix เอง พร้อมด้วยไมค์ 3 ตัวในเครื่อง ทำให้สามารถบันทึกภาพและเสียงพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ่ายคลิป Vlog บันทึกการเดินทางได้อย่างง่ายดาย หรือถ้ามีกล้อง GoPro อยู่ก็ยิ่งสะดวกขึ้นไปอีก เพราะ Infinix ZERO 40 5G ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับกล้อง GoPro ได้อย่างง่ายดาย สามารถปรับการตั้งค่า ใช้เป็นจอพรีวิว ดูไฟล์ที่ถ่ายมา ไปจนถึงดึงไฟล์มาตัดต่อได้สะดวก เรียกว่าน่าจะเป็นมือถือสำหรับสายท่องเที่ยว หรือผู้ที่ชอบบันทึกเรื่องราวในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
ปิดท้ายด้วยสเปคก็น่าสนใจตรงที่จะได้ความจุในตัวมาเป็น 512GB เลย จุใจสำหรับการถ่ายวิดีโอแน่นอน ส่วนชิปจะใช้เป็น MediaTek Dimensity 8200 Ultimate แรม 12GB สามารถใช้งานเป็นเครื่องหลักได้สบาย แบต 5000 mAh รองรับการชาร์จไร้สาย และสามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์อื่นเช่นหูฟังได้ด้วยกำลังไฟสูงสุด 10W หน้าจอ 6.78″ FHD+ AMOLED 144Hz รองรับค่าสีระดับ 100% DCI-P3 ส่วนราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท
ปิดท้าย – มือถือกล้องสวย ราคาหมื่นกลางในช่วงปลายปี 2024
สำหรับช่วงปลายปี 2024 นี้ หากมองที่กลุ่มมือถือราคาหมื่นกลาง ๆ เน้นกล้อง ส่วนใหญ่แล้วผู้ผลิตจะออกแบบมาให้มีความสามารถในการถ่ายภาพบุคคล ถ่ายโหมด portrait ได้ดี บางส่วนจะอาศัยการ crop sensor เพื่อจำลองระยะโฟกัสยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพบุคคล อาทิ 35 มม. และ 50 มม. ซึ่งจะยังเก็บทั้งตัวแบบและพื้นหลังมาได้ค่อนข้างครบ ส่วนบางรุ่นที่มีเลนส์เทเลมาให้ก็จะทำในจุดนี้ได้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เพราะคุณสมบัติทางกายภาพของเลนส์ที่ต่างจากเลนส์ไวด์ปกติ
นอกจากนี้เทคโนโลยี AI ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ผู้ผลิตแต่ละแบรนด์มักจะนำ AI มาใช้ในกระบวนการถ่ายภาพแทบจะตั้งแต่ต้นจนจบ ไล่ตั้งแต่การใช้ปรับจูนแสงสีก่อนถ่าย ที่สามารถพรีวิวตัวอย่างให้ผู้ใช้เห็นตั้งแต่ก่อนกดถ่าย ใช้ในการจัดเฟรมภาพ ใช้ในการจำลองความกว้างรูรับแสง ใช้สร้างโบเก้จำลอง ใช้เพิ่มความคมชัดให้กับภาพ ใช้ตัดขอบตัวแบบสำหรับการทำพื้นหลังเบลอ ไปจนถึงนำไปช่วยในการตัดต่อภาพ ลบสิ่งที่ไม่ต้องการออก ปรับสีสันให้ตรงใจ ใส่ฟิลเตอร์และลูกเล่นต่าง ๆ เป็นต้น จึงทำให้ระบบ AI เป็นหนึ่งสิ่งที่แทบจะขาดไม่ได้แล้วสำหรับกลุ่มมือถือเน้นกล้องในปัจจุบัน
ส่วนในแง่ของสเปค เกือบทั้งหมดจะให้มาในระดับใกล้เคียงกันคือได้ชิประดับกลางค่อนบน แม้อาจจะเป็น gen ก่อนหน้านิดนึง แต่ก็ยังมีประสิทธิภาพที่รองรับการทำงาน การประมวลผลภาพได้ดีอยู่ สามารถใช้งานไปอีกปีสองปีได้สบาย แรมเริ่มต้นที่ 8GB ซึ่งก็เพียงพอ แต่ถ้าหากต้องการนำไปใช้เล่นเกมด้วย แนะนำว่าควรเลือกเป็น 12GB ไว้ก่อนจะสบายใจกว่าในระยะยาว ส่วนสตอเรจเก็บข้อมูลก็จะได้ขั้นต่ำที่ 256GB ทั้งนั้น หน้าจอ AMOLED ขนาดประมาณ 6.7″ ความคมชัดระดับ FHD+ ค่าขอบเขตสีส่วนใหญ่ก็มักจะเกือบ 100% DCI-P3 ครับ ทำให้สามารถถ่ายภาพ ดูภาพ ดูคลิปต่าง ๆ ได้แบบเต็มอิ่ม ทำให้ปัจจัยที่เป็นจุดตัดสินใจก่อนจะเลือกซื้อมือถือกลุ่มนี้ก็คงหนีไม่พ้นรูปทรงตัวเครื่อง และความสามารถ ฟีเจอร์ของกล้องที่ต้องการ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็ควรไปลองเล่นหน้าร้านดูก่อน เพื่อจะได้เครื่องที่ถูกใจ ถ่ายภาพถูกจริตที่สุดในสไตล์ที่ต้องการ ก่อนจะเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้