vivo ได้ทำการเปิดตัว vivo V40 Series 5G ที่ประกอบไปด้วย vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G อย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยคราวนี้เรียกได้ว่ามีการอัปเกรดสเปคจากรุ่นก่อนหน้าพอสมควร ด้วยการนำกล้อง ZEISS มาใส่ใน V40 5G ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น ทำให้กล้อง ZEISS สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย ซึ่งทางทีมงาน Specphone ก็ได้รับ V40 Series 5G มาทั้ง 2 รุ่นเลย เราเลยจะมาทำการรีวิวรวมในบทความนี้บทความเดียวเลย
สเปคของ vivo V40 Series 5G
vivo V40 5G
- หน้าจอ : 3D CurvedAMOLED, ขนาด 6.78 นิ้ว, ความละเอียด 2800 x 1260 พิกเซล, Refresh Rate 120Hz, ขอบเขตสี 100% DCI-P3, ความสว่างสูงสุด 4500nits
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3
- แรม : 12GB ชนิด LPDDR4X
- ความจุ : 256GB / 512GB ชนิด UFS 2.2
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.88, OIS (wide) | เซ็นเซอร์ ISOCELL GNJ
- ตัวที่ 2 : 50MP, f/2.0 (ultrawide) | เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1
- กล้องหน้า : 50MP, f/2.0 (ultrawide) | เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1
- แบตเตอรี่ : 5500mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 14
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.4
- GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว
- เซนเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
- เซนเซอร์ตรวจจับคลื่นแม่เหล็ก
- เซนเซอร์ตรวจวัดระยะห่าง
- เซนเซอร์ไจโรสโคป
- ลำโพง : Dual Stereo Speaker
- มาตราฐานทนน้ำ-ทนฝุ่น : IP68
- ขนาด : 164.16 × 74.93 × 7.58 มม.
- น้ำหนัก : 190 กรัม
- สี : Stellar Silver, Sunglow Peach, Nebula Purple
- ราคา :
- 12GB + 256GB : 15,999 บาท
- 12GB + 512GB : 17,999 บาท
vivo V40 Pro 5G
- หน้าจอ : 3D CurvedAMOLED, ขนาด 6.78 นิ้ว, ความละเอียด 2800 x 1260 พิกเซล, Refresh Rate 120Hz, ขอบเขตสี 100% DCI-P3, ความสว่างสูงสุด 4500nits
- ชิปประมวลผล :MediaTek Dimensity 9200+
- แรม : 12GB ชนิด LPDDR5X
- ความจุ : 512GB ชนิด UFS 3.1
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.88, OIS (wide) | เซ็นเซอร์ Sony IMX921
- ตัวที่ 2 : 50MP, f/2.0 (ultrawide) | เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1
- ตัวที่ 3 : 50MP, f/2.0, OIS (telephoto) | เซ็นเซอร์ Sony IMX816
- กล้องหน้า : 50MP, f/2.0 (ultrawide) | เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1
- แบตเตอรี่ : 5500mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 14
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 5.3
- GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว
- เซนเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
- เซนเซอร์ตรวจจับคลื่นแม่เหล็ก
- เซนเซอร์ตรวจวัดระยะห่าง
- เซนเซอร์ไจโรสโคป
- ลำโพง : Dual Stereo Speaker
- มาตราฐานทนน้ำ-ทนฝุ่น : IP68
- ขนาด : 164.16 × 74.93 × 7.58 มม.
- น้ำหนัก : 192 กรัม
- สี : Stellar Silver
- ราคา : 24,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
มาเริ่มกันด้วยเรื่องของดีไซน์กันก่อนเลย โดยทั้ง V40 5G และ V40 Pro 5G นั้นจะมาด้วยดีไซน์กล้องที่มีชื่อว่า Gemini Ring เหมือนกัน โดยที่จะมีการวางเลนส์หลักและเลนส์อัลตร้าไวด์เอาไว้ในโมดูลวงกลมสีดำ และวงถัดลงมาจะมีการใส่ไฟ Aura Light รุ่นใหม่เอาไว้อยู่ จุดที่แตกต่างกันก็คือใน V40 Pro 5G นั้นจะมีเลนส์เทเลโฟโต้เพิ่มขึ้นมาอีกเลนส์ด้วยครับ
สำหรับ vivo V40 5G นั้นจะมีการวางจำหน่ายทั้งหมด 3 สีคือสี Stellar Silver, สี Sunglow Peach และสี Nebula Purple ส่วน V40 Pro 5G จะมีวางจำหน่ายอยู่สีเดียวคือสี Stellar Silver โดยทาง vivo ได้นิยามแต่ละสีเอาไว้ดังนี้
สี Stellar Silver สีเงินสเตลลาร์ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับกระจก Fluorite AG มอบสัมผัสของ
ตัวเครื่องที่หรูหรา ทันสมัย และมีระดับ
สี Sunglow Peach สีพีชซันโกลว์คล้ายกับแสงแรกของดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในยามเช้า มอบพลังบวกผ่านความรู้สึกสงบและอบอุ่น เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความหวังและการเริ่มต้นใหม่
สี Nebula Purple สีม่วงเนบิวลา เปรียบได้กับสีของท้องฟ้าเวลากลางคืนยามปกคลุมด้วยหมอกดาว
มอบความรู้สึกลึกลับ น่าค้นหา น่าหลงใหลเหนือกาลเวลา
ในส่วนของหน้าจอนั้นทั้งคู่มาด้วยหน้าจอแบบเดียวกันคือหน้าจอ AMOLED ขอบโค้งแบบ Punch hole ขนาด 6.78 นิ้ว มีความละเอียด FHD+ พร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz และรองรับความสว่างสูงสุดถึง 4500nits เรียกได้ว่าสว่างสู้แดดเมืองไทยได้แน่นอน
สำหรับโดยรอบตัวเครื่องของทั้งคู่นั้นปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-ปิดจะอยู่ที่ฝั่งขวา ส่วนฝั่งซ้ายจะโล่งไม่มีอะไรเลย ที่ด้านบนลำโพงตัวเครื่องอยู่ ส่วนด้านล่างช่องใส่ซิม, รูไมโครโฟน, พอร์ต USB และลำโพงตัวเครื่องอยู่ (รุ่นนี้เป็นลำโพงคู่แล้วนะ)
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของภาพถ่ายนั้นถือเป็นจุดเด่นของ V Series มานานแล้ว โดยตอน V30 Series ได้มีการนำกล้อง ZEISS มาใส่ใน V30 Pro 5G นั่นเป็นครั้งแรกที่กล้อง ZEISS มาอยู่ในสมาร์ตโฟนระดับกลาง แต่ทว่าใน V40 Series 5G นี้ vivo ได้ทำการใส่กล้อง ZEISS ลงในรุ่นเริ่มต้นอย่าง V40 5G ด้วย ทำให้ตอนนี้สมาร์ตโฟนที่มีกล้อง ZEISS สามารถจับต้องได้ง่ายมากขึ้น สำหรับกล้องหน้าของ V40 Series 5G นั้นจะเป็นกล้อง ZEISS เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1 ความละเอียด 50MP และเป็นเลนส์อัลตร้าไวด์ทุกรุ่น ส่วนกล้องหลังนั้นจะมีรายละเอียดดังนี้
- vivo V40 5G จะมีกล้องหลักเป็นกล้อง 50MP เซ็นเซอร์ ISOCELL GNJ พร้อมกันสั่น OIS และมีกล้องอัลตร้าไวด์เป็นกล้อง 50MP เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1
- vivo V40 Pro 5G จะมีกล้องหลักเป็นกล้อง 50MP เซ็นเซอร์ IMX921 พร้อมกันสั่น OIS, กล้องอัลตร้าไวด์ 50MP เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1 และกล้องเทเลโฟโต้ 50MP เซ็นเซอร์ IMX816 พร้อมกันสั่น OIS
ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ชอบเมื่อมีการใช้กล้อง ZEISS ก็คือ ZEISS Multifocal Portrait ทำให้สามารถถ่ายภาพบุคคลในระยะเลนส์ที่ดีที่สุดและยอดนิยมที่สุดคือ 24mm / 35mm / 50mm / 85mm / 100mm ครอบคลุมทุกระยะเลนส์เลย โดยใน V40 5G นั้นจะมีระยะเลนส์ให้ใช้คือ 24mm / 35mm / 50mm ส่วนใน V40 Pro 5G จะมีระยะ 85mm / 100mm เพิ่มขึ้นมาให้เลือกด้วย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมไฟแฟลช Aura Light รุ่นใหม่ที่เพิ่มความสว่างขึ้นอีก 33% จากรุ่นก่อน บอกเลยว่าตอนที่เปิดไฟ Aura Light รุ่นใหม่นี่สว่างจ้าเลย แถมยังมีการใส่ AI 3D Studio Lighting เข้ามาด้วย ทำให้การถ่ายภาพ Portrait ออกมาดูสวยงามยิ่งขึ้น อีกทั้ง vivo ยังได้มีการเสริมด้วยเทคโนโลยี vivo Camera-Bionic Spectrum มาช่วยประมวลผลภาพให้ดูสมจริงยิ่งขึ้นเหมือนกับที่ตาเห็น โดยจะเพิ่มความคมชัดขึ้น 25% และเพิ่มความแม่นยำของสีขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนปกติอีกด้วย
และจากการที่ได้เอาไปลองถ่ายมาทำเอางงเลยว่านี่ใช้สมาร์ตโฟนระดับกลางจริงไหม เพราะภาพที่ได้นั้นแทบจะไม่ต่างจากภาพที่ได้จากเหล่าเรือธงเลย ถ้าอยากรู้ว่าภาพถ่ายจะออกมาเป็นอย่างไร ไปดูตัวอย่างภาพกันได้เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก vivo V40 5G
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก vivo V40 Pro 5G
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้น vivo V40 5G มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 7 Gen 3 ซึ่งเป็นชิประดับกลางที่รองรับการเล่นเกมทุกเกมทำให้สามารถเอาไปใช้เล่นเกมได้แบบสบายใจเลย ทว่าหากเป็นเกมที่กินสเปคหนักก็อาจจะไม่สามารถปรับกราฟิกสูงมากได้ ส่วน V40 Pro 5G นั้นมาพร้อมชิปประมวลผล Dimensity 9200+ ที่เป็นชิประดับเรือธง จึงมั่นใจได้เลยว่า V40 Pro 5G สามารถเอาไปใช้เล่นเกมได้ทุกเกมอย่างแน่นอนไม่ว่าจะกินสเปคแค่ไหนก็สามารถเล่นได้ โดยทั้ง 2 เครื่องเราได้ลองด้วยเกม RoV, PUBG Mobile และ Genshin Impact ก็สามารถเล่นได้ทุกเกม เพียงแต่จะมีเรื่องความร้อนที่เกิดขึ้นมาระหว่างเล่น ด้วยความที่ตัวเครื่องมีความบางมากทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นนั้นมาถึงมือเราได้ค่อนข้างเร็วด้วย แต่ถึงจะเล่นจนร้อนเกมก็ไม่มีอาการกระตุกใดๆ สามารถเล่นต่อไปได้เลยครับ
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานทั่วไปนั้น vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G นั้นสามารถใช้งานได้แบบลื่นๆ ไม่ต้องห่วงใดๆ เลย แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์ที่สุดก็คือครั้งนี้ใน V40 Series 5G นั้นมาเป็นลำโพงคู่แล้วครับ หลังจากที่เป็นลำโพงเดี่ยวมานาน ซึ่งการที่ได้ลำโพงคู่นั้นจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลง, ดูหนัง หรือเล่นเกมได้อีกมากเลย นอกจากนี้ใน V40 Series 5G ยังผ่านมาตราฐานทนน้ำ-ทนฝุ่น IP68 อีกด้วย บอกเลยว่าหายห่วงแน่นอน
ในเรื่องของแบตเตอรี่และการชาร์จนั้น V40 5G และ V40 Pro 5G นั้นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5500mAh และระบบชาร์จเร็ว 80W FlashCharge เหมือนกัน ซึ่งจากที่เราได้ทำการทดลองชาร์จทั้งคู่ใช้เวลาพอๆ กันที่ 54 นาที เมื่อทำการชาร์จจาก 1% – 100% ซึ่งสาเหตุที่ใช้เวลาชาร์จเกือบ 1 ชั่วโมงทั้งๆ ที่เป็นชาร์จ 80W ก็คือเรื่องความร้อนสะสมในตัวเครื่องที่เกิดขึ้นระหว่างชาร์จ พอความร้อนสะสมจนถึงจุดหนึ่งตัวเครื่องจะทำการลดกำลังไฟลงเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง (เราทำการทดลองชาร์จในห้องที่มีแต่พัดลม ไม่ได้มีการเปิดเครื่องปรับอากาศแต่อย่างใด)
สรุปการรีวิว vivo V40 Series 5G
จากการที่ได้นำเอา vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นไปลองเล่นมา บอกเลยว่าคราวนี้ vivo ไม่ธรรมดา จัดเต็มกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นการใส่กล้อง ZEISS ใน V40 5G ที่เป็นตัวธรรมดา เพิ่มลำโพงคู่ ใช้แบตเตอรี่แบบใหม่ที่มีความจุเพิ่มขึ้นแต่มีขนาดที่เล็กและบางลง รวมถึงมีการใช้ชิประดับเรือธงด้วย ทำให้ vivo V40 Series 5G นั้นดูน่าสนใจขึ้นมาเยอะมาก และด้วยราคาที่ไม่ได้แพงเลยเมื่อเทียบกับสเปคที่ให้ทำให้ vivo V40 Series 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่น่าสนใจมากตัวหนึ่งในตลาดเลย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดตัวเครื่องได้ที่ vivo.com/th
จุดเด่น
- ได้กล้องพร้อมฟีเจอร์ ZEISS ทุกรุ่นย่อย
- ได้ลำโพงคู่สเตอริโอ
- vivo V40 Pro 5G ได้ชิประดับเรือธงอย่าง Dimensity 9200+
- มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5500mAh และชาร์จเร็ว 80W
- ตัวเครื่องบางเพียง 7.58 มม.
- ไฟ Aura Light สว่างสุดๆ
ข้อสังเกต
- อะแดปเตอร์ 80W มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้พกพาลำบากเล็กน้อย