50 แอพที่ควรมีไว้ในมือถือ ชีวิตง่ายขึ้นแน่นอน! ทั้ง Android และ iOS
สำหรับคนเมือง หรือแม้แต่ในจังหวัดใหญ่ๆ รวมไปถึงผู้คนที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป อย่างน้อยก็ต้องมีหนึ่งใน 50 แอพที่ควรมีติดมือถือไว้ใช้ รับรองว่าชีวิตคุณจะสบายขึ้นแน่นอน! ซึ่งการมีมือถือไว้ใช้งานในสมัยนี้ สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย นั่นก็คือแอพฯ ที่ต้องมีไว้ใช้งานติดเครื่องเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งแอพฯเหล่านี้ เป็นตัวช่วยในการสื่อสาร การขนส่ง ความบันเทิง การเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวก หรือจะเรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยให้ชีวิตเราดำเนินไปอย่างง่ายขึ้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ หรือจะเป็นคนที่อยู่ต่างจังหวัด รวมไปถึงคนทีชอบไปเที่ยว ชอบทำกิจกรรมต่างๆ วันนี้ทาง Specphone ก็ได้รวบรวมแอพมาให้ใช้กันมากถึง 50 แอพเลย และต้องมีติดเครื่องเอาไว้อย่างน้อยก็ 5-6 แอพหรือมากกว่านั้นมาแนะนำกัน
50 แอพที่ควรมีติดมือถือ
สำหรับ 50 แอพที่ควรมีที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ ไม่ใช้ว่าต้องโหลดมาเก็บไว้หมดทุกแอพนะ ไม่งั้นเครื่องคงเต็มกันพอดี ไม่ต้องทำอะไรแล้วมั้ง ซึ่งแต่ละแอพนั้น เราได้แบ่งไว้ให้แล้ว ว่าต้องการแอพแบบไหน และเอาไว้ใช้งานในเรื่องอะไรบ้าง โดยสามารถกดเลือกได้ตามตัวเลือกข้างล่างนี้เลยว่าอยากจะใช้แอพแบบไหน ลุย!
แอพโซเชียล
แอพดูหนัง ฟังเพลง
แอพสำหรับนักเดินทาง
แอพแต่งรูป
แอพสั่งอาหาร
แอพชอปปิ้ง
แอพหาคู่
แอพการเงิน
แอพฉุกเฉิน
แอพทั่วไป
แอพโซเชียล
แน่นอนว่าเรื่องของโซเชียลนั้น จะพลาดไปไม่ได้เลย เนื่องจากในทุกวันนี้การใช้งานในการสื่อสารถึงกัน เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน บางแอพช่วยให้โทรหากันง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มด้วยซ้ำ หรือบางแอพก็เป็นตัวช่วยในการติดตามข่าว ไว้ต่อเหตุการณ์ได้ไวกว่ารอดูจากทีวีอีก ใครชอบแบบไหน ก็โหลดมาใช้กันได้เลย
1. Facebook
แอพที่ควรมีแบบสามัญประจำประเทศนี้เลย เรียกได้ว่าเป็นแอพที่มีครบทุกอย่าง ทั้งการติดต่อเพื่อน อัพเดทชีวิต ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นอัลบัม ติดตามข่าวสารบ้านเมือง ไปจนถึงการซื้อ-ขายของออนไลน์ เรียกได้ว่า Facebook มีให้ทุกอย่าง สุดแต่ใจจะไขว่ขว้าได้แล้ว นอกจากยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย สำหรับคนที่เป็นสายโซเชียล เชื่อว่าไม่พลาดแอพนี้แน่นอน
- Android : โหลดแอพ Facebook
- iOS : โหลดแอพ Facebook
2. Instagram
อีกหนึ่งแอพโซเชียล ที่มีไว้แชร์รูปโดยเฉพาะ สามารถติดตามคนอื่นเพื่อดูรูปได้ นอกจากจะเป็นการแชร์รูปไว้ให้เพื่อน หรือคนที่ติดตามไว้ดูได้แล้ว ยังสามารถลงคลิปวิดีโอสั้นๆ หรือที่เรียกว่าสตอรี่ได้ด้วย และวิดีโอพวกนี้ก็จะมีฟิลเตอร์ให้ใส่ลงไปด้วยเยอะมาก แถมยังแชร์ลงไปบน Facebook ให้เพื่อนในนั้นเห็นได้อีก หรือจะแชทกันผ่านช่องทาง Direct Message (DM) ก็ยังได้ คนที่ชอบถ่ายรูปแล้วแชร์เรื่องราว ต้องไม่พลาดแอพนี้
- Android : โหลดแอพ Instagram
- iOS : โหลดแอพ Instagram
3. Twitter
แอพที่โด่งดังในเรื่องของการแฮชแท็ก และการบ่นสั้นๆ ผ่านตัวอักษรที่ไม่เกิน 280 ตัว ซึ่งมีทั้งข่าว หรือจะเพ้อเจ้อเรื่องส่วนตัวก็ยังได้ และส่วนใหญ่การใช้งานจะสร้างแอคเคานต์ที่เป็นอวตารขึ้นมา (แอคหลุม) เพื่อปกปิดตัวตน หรือไม่ได้อยากให้คนมารู้จักเรามากขนาดนั้น การใช้งานจะมีทั้ง Following และ Followers สามารถ Retweet เพื่อเก็บไว้ในแอคเคานต์ตัวเอง (เหมือนแชร์ไว้หน้า Facebook ตัวเอง) และตอบกลับไป-มาหากันได้ ซึ่ง Twitter นั้น ถือว่าเป็นแหล่งข่าวที่ไวที่สุดอีกด้วย สายข่าวสายเผือกต้องไม่พลาด
- Android : โหลดแอพ Instagram
- iOS : โหลดแอพ Instagram
4. TikTok
แอพที่โด่งดังมากในช่วง Covid-19 ทั้งดาราไทย ไปจนถึงต่างชาติก็นิยมเล่นกัน โดยเป็นแอพโซเชียลจากจีน ที่มีจุดเด่นในการ สร้างวิดีโอสั้นๆ และสามารถแชร์ให้ผู้ติดตามดูได้ และในวิดีโอต่างๆ ก็จะมีฟิลเตอร์ให้เลือกเยอะมาก รวมไปถึงเอฟเฟคที่ช่วยให้ผู้ที่สร้างวิดีโอ ใช้ความครีเอทในตัวเองออกมาใช้ได้อย่างสร้างสรรค์ ทั้งภาพและเสียง ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อหาตลกๆ เน้นไปในทางสร้างสรรค์มากกว่าจะเป็นสาระความรู้ ใครชอบเต้น หรือเป็นพวกครีเอท ต้องลอง
- Android : โหลดแอพ TikTok
- iOS : โหลดแอพ TikTok
5. Line
สุดยอดแอพสื่อสาร ทั้งข้อความ ภาพ และเสียง ที่เป็นแอพยอดฮิตของไทยอีกเช่นเคย ที่นอกจากจะเอาไว้แชทคุยกันได้แล้ว ยังสามารถโทรหากันโดยใช้อินเทอร์เน็ต หรือจะวิดีโอคอลก็ได้ ทำได้ตั้งแต่บุคคลเดียว ไปจนถึงแบบกลุ่มเลยด้วย จุดที่ทำให้น่าสนใจก็คือสามารถเปลี่ยนรูปแบบธีม (วิธีเปลี่ยนธีม) และมีสติ้กเกอร์ไว้ส่งหากันหลายรูปแบบ หลายลายให้เลือกซื้อเยอะมาก สำหรับแอพสื่อสารกัน คงไม่มีใครไม่ใช้แอพนี้แล้ว
- Android : โหลดแอพ Line
- iOS : โหลดแอพ Line
6. Messenger
แถมแอพที่ควรมีให้อีกหนึ่งอัน เพราะว่าขาดไม่ได้จริงๆ กับแอพแชทสื่อสารจากทาง Facebook โดยเฉพาะ ที่ทำเป็นตัวแอพแยกออกมาอีกที เพื่อการใช้งานที่ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากจะพิมพ์หากันได้แล้ว ยังสามารถโทร หรือวิดีโอคอลหากันได้ด้วย มีสติกเกอร์ให้ส่ง แต่จะไม่เยอะเท่า Line นอกจากนี้หากว่าเราปิดบัญชี Facebook ชั่วคราว เราก็ยังสามารถใช้แอพนี้ เพื่อคุยกับเพื่อนต่อได้เหมือนเดิม
- Android : โหลดแอพ Messenger
- iOS : โหลดแอพ Messenger
แอพดูหนัง ฟังเพลง
นอกจากแอพที่ควรมีที่เอาไว้ใช้ เพื่อการสื่อสารกันแล้ว การรับชม และฟังเพื่อความบันเทิง ก็สำคัญอยู่ไม่น้อยเลย ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง อย่างน้อยมีติดเครื่องไว้ เวลาเดินทางไกลหรือไปนอกบ้าน ก็จะได้มีหนังเอาไว้ดู และมีเพลงฟังกันยาวๆ ให้หายเบื่อได้ ส่วนใครชอบแนวไหนนั้น ไปดูกันเลย
1. Netflix
คอหนังต้องไม่พลาดแน่นอน สำหรับแอพ Netflix ที่มีหนังดีดีให้เลือกมากมาย ทั้งหนังไทย เกาหลี อนิเมะ หนังฝรั่ง ครบถ้วนไปจนถึงซีรีส์เลย แต่จะดูได้นั้นก็ต้องเสียเงินรายเดือนก่อนนะ จะหารรายเดือนร่วมกับเพื่อนก็ได้ คุ้มค่ากับราคามากๆ หรือใครไม่แน่ใจจะทดลองใช้ฟรีก่อน 1 เดือนก็ได้เหมือนกัน ส่วนถ้าใครไม่รู้ว่าจะดูเรื่องอะไรดี เราก็ได้รวมหนังดี 50 เรื่องไว้ตัดสินใจดูกันได้ (อ่านต่อ หนัง Netflix น่าดู) (อ่านต่อซี่รี่ส์เกาหลีน่าดู)
- Android : โหลดแอพ Netflix
- iOS : โหลดแอพ Netflix
2. Disney+ Hotstar
แอพที่ควรมีแอพต่อมานี้ ยังคงเป็นแอพดูหนังที่ได้รบัความนิยมตามกันมาติดๆ และเพิ่งจะเปิดตัวออกมาในปีนี้ด้วย กับทางด้านของ Disney ที่ได้ยกทัพหนังดีๆ จาก Disney, Pixar หนัง Marvel, Star Wars และหนังดังหนังเด็ดอีกมากมายหลายเรื่องมาก เรียกได้ว่าสามารถดูกันได้ยาวๆ ตลอดทั้งปี แถมยังมีรายเดือนและรายปีที่ไม่แพงมาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูหนังที่สุดอีกหนึ่งแอพเลยก็ว่าได้ ใครที่เป็นคอหนังห้ามพลาดโหลดมาไว้ดูหนังเลย (อ่านต่อ.. หนัง Disney+ น่าดู)
- Android : โหลดแอพ Disney+ Hotstar
- iOS : โหลดแอพ Disney+ Hotstar
3. Youtube
จะบอกว่าแอพนี้เอาไว้ดูหนัง หรือเอาไว้ฟังเพลงตรงๆ เลย ก็คงจะไม่ได้ เพราะในแอพจะเป็นคลิปวิดีโอทั้งหมด ซึ่งก็ไม่ได้มีหนังเต็มๆ เรื่อง หรือว่าเพลง MP3 แต่อย่างใด แต่จะเป็นคลิปที่มีเนื้อหาเป็นเพลงรวมอยู่ด้วย รวมไปถึง Content ต่างๆ ที่ผู้ทำวิดีโอ (Youtuber) เป็น Vlog หรือแม้แต่ Podcast ก็มีให้ฟัง หรือถ้าอยากฟังเพลงมากๆ ก็โหลด Youtube Music มาด้วยก็ได้ และถ้าเบื่อโฆษณาก็ซื้อ Youtube Premium เพื่อการดูอย่างไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้
- Android : โหลดแอพ Youtube
- iOS : โหลดแอพ Youtube
4. JOOX Music
แอพสำหรับการฟังเพลงออนไลน์โดยเฉพาะ โดยสามารถฟังได้อย่างฟรีๆ แต่ถ้าเบื่อโฆษณาจะซื้อแพ็กเกจเพื่อปิดไปก็ได้เหมือนกัน หรือถ้าเพลงธรรมดาที่ฟังไม่ลื่นหู จะสมัคร VIP เพื่อฟังเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้น เพลงในแอพนั้นจะมีให้เลือกเยอะมาก ทั้งเพลงไทย เกาหลี จีน และเพลงสากล นอกจากนี้ยังมีการสร้างธีมที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของเพลงได้ด้วย เช่น เศร้า สนุก เพลงประกอบซีรีส์ แล้วแต่เราจะตั้งเลย ใครชอบฟังเพลงต้องโหลดมาใช้งานเลย
- Android : โหลดแอพ JOOX Music
- iOS : โหลดแอพ JOOX Music
5. Spotify
อีกหนึ่งแอพสำหรับฟังเพลง ซึ่งจะมีความคล้ายกับ Joox อยู่บ้าง แต่จะมีความต่างกันที่ การใช้งานบางส่วน อย่างการเลือกเพลง ถ้าไม่ได้สมัครแบบเสียเงิน ก็จะไม่สามารถเลือกเพลงได้ แต่เป็นการสุ่มแทน และมีการจำกัดการข้ามเพลงด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากฟังแบบเต็มที่ก็สมัคร VIP ไปเลยจบๆ ฟังได้ทั้งวัน จุดเด่นอีกอย่างนึงคือการจัด Playlist ที่สามารถทำออกมาได้ดีที่สุดกว่าทุกแอพแล้ว จะอารมณ์ไหนแอพนี้ก็มีให้เลือกฟัง ตั้งแต่ไทยไปจนถึงสากลเลย
- Android : โหลดแอพ Spotify
- iOS : โหลดแอพ Spotify
แอพสำหรับนักเดินทาง
สำหรับคนที่มีการเดินทางเดินทางบ่อย ต้องการคนมารับ-ไปส่ง หรือเป็นคนที่ชอบเดินทางไปเที่ยว การมีแอพแผนที่เอาไว้ดู หรือการตรวจสภาพดินฟ้าอากาศก็สำคัญไม่น้อยเลย หรือแม้แต่คนในเมืองเอง การสำรวจเส้นทางก่อนการใช้งานดูว่ามีรถติดตรงไหนบ้าง ก็สำคัญไม่แพ้กันเลย
1. Google Maps
แอพที่ควรมีอีกหนึ่งแอพสามัญประจำมือถือจริงๆ สำหรับแอพของ Google ที่สามารถบอกเส้นทางแบบเรียลไทม์ได้เลย ดูได้เลยว่าตรงไหนมีรถติด อุบัติเหตุ ปิดถนน หาร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ แอพนี้บอกได้หมดเลย อีกทั้งยังสามารถกำหนดเส้นทางไป-กลับ แบบถนนธรรมดา และขึ้นทางด่วนพิเศษได้ด้วย สำหรับคนที่เดินทางบ่อย หรือต้องไปไหนมาไหนอยู่เสมอ มีแอพนี้ติดมือถือไว้ใช้งาน รับรองอุ่นใจ
- Android : โหลดแอพ Google Maps
- iOS : โหลดแอพ Google Maps
2. MAPS.ME
สุดยอดแห่งแอพที่ควรมีติดมือถือ สำหรับนักเดินทาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งข้อดีที่นอกจากจะเป็นแอพบอกเส้นทางได้แล้ว แอพนี้ยังสามารถใช้งานแบบ Offline ได้ 100% กำหนดเส้นทางไปกลับก็ได้ ทั้งยังมีการบอกถึงร้านอาหาร ที่พักต่างๆนาๆ เหมาะกับคนที่ชอบไปเที่ยวต่างประเทศ หรือเที่ยวต่างจังหวัดเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าไม่ต้องกลัวหลงเลย
- Android : โหลดแอพ MAPS.ME
- iOS : โหลดแอพ MAPS.ME
3. Grab
แอพยอดนิยมในการไปรับ-ไปส่ง เนื่องจากมีวิธีการเรียกที่ง่าย และมีผู้ขับค่อนข้างเยอะ การเลือกใช้แอพนี้ในการรับ-ส่งจึงเป็นเรื่องที่ง่ายไปด้วย และนอกจากจะเรียกให้มารับเราได้แล้ว ยังสามารถเรียกให้มีคนขับมาขับรถแทนเราด้วยก็ได้ ในกรณีที่ไปสังสรรค์กับเพื่อน แล้วขับกลับบ้านเองไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นแอพที่ควรมีติดไว้ เผื่อเรียก Grab ให้มารับได้อย่างฉับไว
- Android : โหลดแอพ Grab
- iOS : โหลดแอพ Grab
4. The Weather Channel
ถึงแม้ว่าในมือถือในสมัยนี้จะสามารถดูพยากรณ์อากาศได้แล้ว แต่แอพนี้ก็ไม่ได้มีดีแค่การพยากรณ์อากาศแบบเดียวเท่านั้น ซึ่งการพยากรณ์ ของแอพนี้จะเป็นแบบเรียลไทม์ และสามารถดูล่วงหน้าได้ถึง 15 วัน อีกทั้งจุดเด่นของแอพนี้ที่ควรมีติดไว้ก็คือ สามารถบอกได้ว่ามีภัยพิบัติตรงไหน หรือที่กำลังจะมีผลกระทบกับตัวเรา โดยการเตือนจะแจ้งเตือนให้รู้ แม้ไม่ได้เชื่อมอินเทอร์เน็ตก็ตาม เหมาะสำหรับคนที่ไปเที่ยวป่า ภูเขา ทะเล หรือไปต่างประเทศก็ควรดูสภาพอากาศ และวางแผนก่อนไปทุกครั้ง
- Android : โหลดแอพ The Weather Channel
- iOS : โหลดแอพ The Weather Channel
5. Booking.com
แอพสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการหาที่พักในบริเวณที่ตัวเองอยู่ หรือต้องการหาที่พักล่วงหน้า ซึ่งจริงๆ แอพจองที่พักนั้นมีค่อนข้างเยอะ รวมไปถึง Agoda ด้วย ซึ่งความแตกต่างก็จะอยู่ในช่วงเรทราคา การมีส่วนลดที่แตกต่างกันไป แล้วแต่บางช่วงจังหวะ แต่แอพนี้จะดีตรงที่ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้าก็ได้ แต่ไปจ่าย ณ ที่พักเลยก็ได้ และแคนเซิลได้ไม่ต้องเสียตังเพิ่มด้วย หรือจะโหลดมาไว้สองแอพเลยก็ได้
- Android : โหลดแอพ Booking.com
- iOS : โหลดแอพ Booking.com
แอพแต่งรูป
สำหรับการถ่ายรูปในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าคุณภาพกล้องจะมีความชัดแค่ไหน แต่จะให้ลงรูปหน้าสดไร้ฟิลเตอร์ก็คงไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องปรับให้มันมีลูกเล่นอะไรสักหน่อย เพื่อให้ภาพสวยงามมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่แอพได้ทำออกมา ทั้งแนววินเทจ ปรับเป็นฟิล์ม ปรับความเข้ม หรือบางแอพก็ทำได้เกือบเท่ากับทำบน PC เลยด้วย มาดูกันเลยว่ามีอันไหนน่าสนใจบ้าง
1. FOODIE
แอพที่ควรมีติดเครื่องไว้สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปโดยเฉพาะ และไม่ใช้แค่เน้นถ่ายคนหรืออะไร เพราะแอพนี้ทำออกมาเพื่อเน้นการถ่ายอาหารตรงๆ เลย สำหรับคนที่ชอบไปเที่ยว หรือว่าไปกินทั้งอาหาร ร้านคาเฟ่เกร๋ๆ ก็ควรที่จะต้องมีแอพนี้ไว้แต่งรูปกันบ้าง โดยจะมีทั้งฟิลเตอร์สำหรับอาหาร รูปวิว รูปคน หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการแต่งรูป แอพนี้ก็จัดเต็มมาให้แบบครบเครื่อง ซึ่งฟิลเตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นฟิลเตอร์แบบสีละมุนๆ แต่งออกมาแล้วดูสบายตา อาหารดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น ใครชอบถ่ายรูปห้ามพลาด
- Android : โหลดแอพ FOODIE
- iOS : โหลดแอพ FOODIE
2. Snapseed
แอพที่ควรมีจากค่าย Google ที่มารับประกันการแต่งรูปให้ดูดีได้ ซึ่งภายในแอพก็จะสามารถตกแต่ง ใส่ฟิลเตอร์ได้ ใส่ข้อความ หรือปรับสีแสงได้ เหมือนแอพแต่งรูปทั่วไป แต่ที่จะเด่นๆ ก็เห็นจะเป็นเรื่อง การตกแต่งโดยสามารถลบคน หรือวัตถุออกจากภาพได้ด้วย และเครื่องของ Snapseed ก็สามารถทำได้ค่อนข้างแม่นยำด้วย นอกจากนี้ยังรองรับไฟล์ RAW ด้วย
- Android : โหลดแอพ Snapseed
- iOS : โหลดแอพ Snapseed
3. VSCO
แอพที่ควรมีสำหรับแต่งรูปที่ฮิตมากๆ สำหรับการถ่ายรูปและแต่งรูปในแอพนี้ เรียกได้ว่าสายถ่ายรูปแอพนี้เป็นแอพที่ควรมีไว้ในมือถือจริงๆ ทั้งการใส่ฟิลเตอร์ที่มีมาให้เลือกเยอะมาก ออกแนวถ่ายฟิล์มหน่อย ติสต์ๆ โดยสามารถซื้อเพิ่มเติมได้อีก และฟิลเตอร์ที่ลงขายนั้น ส่วนใหญ่เมื่อนำมาใช้ก็จะได้สีที่สวยงามพอดิบพอดีเลย แต่ถ้าไม่อยากจ่าย ก็สามารถใช้ฟิลเตอร์ที่มีอยู่ และปรับแต่งแสง สี คอนทราส ได้ทุกอย่างตามต้องการ และแชร์ลงไปที่แอพอื่นได้เลย หรือจะเก็บไว้เป็นอัลบัมในแอพก็ได้อีก เป็นแอพที่ต้องมีจริงๆ
- Android : โหลดแอพ VSCO
- iOS : โหลดแอพ VSCO
4. Lightroom
ก้าวข้ามมาเป็นความโปรมากขึ้น กับแอพที่มีโปรแกรมอันเลื่องชื่อบน PC ก็ได้ทำลงมาเป็นแอพที่ควรมี ให้คนใช้มือถือได้ลองเล่น แต่งรูปเพื่อความสวยงามด้วยเหมือนกัน ซึ่งภายในแอพนี้ก็จะมีฟิลเตอร์ไว้ให้เลือกเยอะพอสมควร และที่สำคัญคือเมื่อใส่ฟิลเตอร์แล้ว สมูธมากๆ แต่งเติมเข้าไปเต็มรูปอย่างสวยงาม บางฟิลเตอร์อาจต้องซื้อเพิ่ม หรืออาจจะปรับแต่งแสง สีเองก็ได้ ถ้าใครเคยใช้บน PC มาแล้วจะยิ่งใช้งานแอพนี้ง่ายไปอีกขั้น
- Android : โหลดแอพ Lightroom
- iOS : โหลดแอพ Lightroom
5. Photoshop Express
อีกหนึ่งแอพที่ควรมีจากทาง Adobe ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความโปรเท่ากับ Lightroom ซึ่งแอพนี้จะมีการทำงานที่ง่ายกว่า สามารถเลือกรูปและปรับแต่งใส่ฟิลเตอร์ได้ในทันที พร้อมกับเมนูที่ใช้งานได้เลย ไม่ต้องเลือกเยอะเหมือน Lightroom ความแตกต่างอีกอย่าง ที่แอพนี้สามารถทำได้เลยคือฟีเจอร์ Healing ที่จะสามารถปกปิด ทำให้จุด ที่ไม่ต้องการให้เห็นกลมกลืนไปกับภาพได้ด้วย
- Android : โหลดแอพ Photoshop Express
- iOS : โหลดแอพ Photoshop Express
แอพสั่งอาหาร
ต้องบอกจริงๆ ว่าคนทำงาน หรือคนที่อยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน และไม่ได้อยากออกไปด้วย การสั่งอาหาร จะง่ายขึ้นไปอีกขั้น เมื่อใช้แอพที่ควรมีไว้สั่งอาหารมาใช้งาน ซึ่งหลายๆ แอพ ก็มีโปรโมชัน ลดค่าอาหาร ลดค่าส่ง ไปจนถึงส่งฟรีเลยก็มี ส่วนราคาร้านค้าที่ขายนั้น ถึงแม้จะมากกว่าปกติเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าซื้อเวลาให้เราสะดวกยิ่งขึ้น ก็ถือว่าไม่แพงเกินไปเท่าไหร่นัก ถ้าอยู่ใกล้แหล่งที่มีร้านอาหารเยอะ ก็ยิ่งมีตัวเลือกให้เลือกเยอะมากขึ้นด้วย
1. Grab
เมื่อนึกถึงการสั่งอาหารคนก็ต้องนึกถึงแอพที่ควรมีแอพนี้ก่อนอันดับแรก เนื่องจากเป็นเจ้าแรกๆ ที่มีการส่งอาหารแบบผ่านแอพ ไม่ใช่การโทรสั่งให้ร้านมาส่งเหมือนแต่ก่อน ซึ่งในตอนนี้ก็มีอีกหลายเจ้าที่ทำแบบนี้เหมือนกัน ข้อดีของแอพนี้ก็คือ มีรถที่ใช้ส่งอาหารเยอะ มีร้านค้าเข้าร่วมรายการเยอะด้วย และมีโปรโมชันออกมาตลอด โดยทำร่วมกับร้านค้า ส่วนค่าส่งก็จะแตกต่างกันออกไป ตามแต่ระยะทาง เริ่มต้นที่ 10 บาท
- Android : โหลดแอพ Grab
- iOS : โหลดแอพ Grab
2. LINE MAN
อีกหนึ่งแอพที่ควรมีไว้สั่งอาหาร ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นแอพที่ทำควบคู่มากับ Line เลยทำให้คนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง อีกทั้งแอพนี้ยังมีโปรส่งฟรีด้วย โดยเริ่มจากระยะ 3 กิโลเมตรแรก และจะมีราคาเริ่มต้นเพียง 10 บาท หากไกลออกมา และด้วยแอพนี้ได้ทำร่วมกับ Wongnai จึงทำให้มีร้านอาหารที่เข้าร่วมเยอะมากๆ (บางพื้นที่) มีโปรลดราคาเยอะเหมือนกัน ใครที่ชอบกินแอพนี้เป็นแอพที่ควรมีเป็นอย่างยิ่ง
- Android : โหลดแอพ LINE MAN
- iOS : โหลดแอพ LINE MAN
3. Foodpanda
แอพส่งอาหารรถสีชมพูมาแต่ไกล สำหรับ Foodpanda ที่แม้ว่าจะมาได้ไม่นานมาก แต่ก็สามารถทำโปรโมชัน และเริ่มตีตลาดเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแอพนี้ก็มีบริการส่งฟรีด้วยเหมือนกัน และมีราคาเริ่มต้นเกินจากนั้นที่ 10 บาท และร้านค้าที่ร่วมรายการอาจมีราคาบวกมามากขึ้นนิดหน่อยกว่าแอพอื่น แต่ก็อยู่ที่ร้านค้าด้วย แต่โดยรวมแล้วก็มีความน่าใช้งานไม่แพ้กับแอพอื่นเลย
- Android : โหลดแอพ Foodpanda
- iOS : โหลดแอพ Foodpanda
4. Robinhood
แอพที่ควรมีไว้สั่งอาหารของไทยเราเอง โดยได้เกิดมาจากบริษัทในเครือของธนาคารไทยพาณิชย์ ดังนั้นการจะใช้แอพนี้ได้ก็ต้องมีแอพของ SCB ติดเครื่องเอาไว้กอ่นแล้วด้วยถึงจะใช้ได้ ซึ่งข้อดีของแอพนี้ก็คือ ราคาอาหารของแต่ละร้าน จะเป็นราคาหน้าร้านเลย ไม่มีการบวกเพิ่ม แถมยังมีร้านค้าใกล้เคียงบ้านของเราเองเยอะมากๆ ที่สำคัญคือราคาเริ่มต้นในการส่งก็แค่ 10 บาท หรือถ้ามีโปรเด็ดๆ ก็จะมีการส่งฟรีอยู่เป็นระยะๆ ถ้าใครที่เคยใช้ก็จะรู้เลยว่ามันดีงามขนาดไหน ไม่เชื่อก็ลองโหลดมาใช้งานกันได้เลย
- Android : โหลดแอพ Robinhood
- iOS : โหลดแอพ Robinhood
5. 7-Delivery
อะไรจะดีไปกว่าการนั่งรอขอในเซเว่นมาส่งให้ที่บ้าน โดยไม่ต้องออกไปเอง แน่นอนว่าสำหรับประเทศไทย 7-11 นั้น เป็น Super Market ย่อยๆ ที่ใครๆก็ต้องเข้าไปซื้ออะไรติดไม้ติดมือมาสักอย่าง รวมไปถึงของกินที่มีให้เลือกเยอะไปหมด ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารญี่ปุ่น ซาลาเปา น้ำปั่น ฯลฯ โดยทาง 7-11 จะเลือกสาขาที่ใกล้ที่สุดมาส่งให้ และถ้าสั่งครบ 100 บาทขึ้นไป ก็จะไม่ต้องเสียค่าส่งด้วย สะดวกสบายและเป็นแอพที่ควรมีติดเครื่องไว้เลย ได้ใช้แน่ๆ
- Android : โหลดแอพ 7-Delivery
- iOS : โหลดแอพ 7-Delivery
แอพชอปปิ้ง
นอกจากเรื่องกินแล้ว เรื่อง F ของ (หรือ CF ที่ย่อมาจาก Confirm แปลว่า เอาอันนี้ จองแล้วนะอย่าเอาไป) จากร้านค้าออนไลน์ก็สำคัญไม่แพ้กันเลย โดยเฉพาะช่วงซุปเปอร์เซลล์ ที่ทำให้หลายๆ ร้านค้าแพ็กของกันไม่ทันเลย หรือบางคนสั่งจนไปรษณีย์จำชื่อได้โดยไม่ต้องถามก็มี นอกจากนี้บางแอพยังมีโปรโมชันการส่ง ที่สั่งถึงขั้นต่ำก็จะได้ส่งฟรีด้วย สะดวกสบายต่อสายชอปออนไลน์เป็นอย่างมาก มาดูกันเลย
1. Shopee
แอพที่ควรมีสำหรับขาชอปออนไลน์เป็นอย่างมาก และเชื่อว่าคนที่ชอปออนไลน์ ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน เพราะแอพนี้มักจะทำโปรโมชัน โดยเล่นกับตัวเลข เช่น 9.9 8.8 7.7 ของวันที่แต่ละเดือนที่ตรงกัน ซึ่งก็มีร้านค้ามากมาย รวมไปถึงการลดราคาแบบสุดโหด ทำให้หลายๆคนต้องยับยั้งนิ้วตัวเอง ไม่ให้เสียเงินไปมากกว่านี้กันเลย และของที่ขายในแอพก็ค่อนข้างเยอะ มีครบทุกหมวดหมู่ บอกเลยว่าสายชอปไม่ควรพลาด
- Android : โหลดแอพ Shopee
- iOS : โหลดแอพ Shopee
2. Lazada
อีกหนึ่งแอพที่ตีคู่กันมาอย่างไม่หยุดยั้ง กับการเล่นกับตัวเลขเพื่อลดราคาคล้ายๆ กัน แถมวันก็ใกล้เคียงกันเข้าไปอีก ยิ่งทำให้เหล่าชอปปิ้งออนไลน์ทั้งหลาย ถึงกับตั้งหน้าตั้งตารอกันตั้งแต่กลางคืน นอกจากจะมีโปรโมชันที่เยอะพอกันแล้ว สินค้าก็ยังเยอะเหมือนกันอีกด้วย เอาจริงๆ ก็คือ เกือบจะเหมือนกันเลย จะต่างกันก็เพียงเรื่องขนส่งของ หรือการคืนเงินที่มีความช้ากว่าเล็กน้อย แต่ทางที่ดี ขาชอปทั้งหลายต้องโหลดติดเครื่องไว้ด้วย เผื่อมีส่วนลดที่ไม่เหมือนกันนะ
- Android : โหลดแอพ Lazada
- iOS : โหลดแอพ Lazada
3. Line
หลายคนอาจไม่รู้ว่า ภายในแอพแชทที่ใช้กันอยู่ทุกวันนั้น ก็มีฟีเจอร์ไว้สำหรับชอปปิ้งด้วยเหมือนกัน โดยจะเข้าไปที่เมนู Wallet และเข้าไปยังหน้า Line Shopping ได้เลย สินค้าส่วนใหญ่ของ Line จะเน้นไปในเรื่องของเสื้อผ้าผู้หญิง และเด็กเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีของใช้ และของกินอยู่ด้วยเหมือนกันนะ แถมยังมีโปรโมชันร่วมกับร้าน และแบรนด์ดังๆด้วย ถือว่าเป็นแอพที่ควรมีอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
- Android : โหลดแอพ Line
- iOS : โหลดแอพ Line
4. AliExpress
สำหรับแอพชอปปิ้งที่สินค้ามีราคาถูกมากๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าจากจีน เพราะว่าแอพนี้ก็เป็นของจีนด้วย ซึ่งมีให้เลือกหลายอย่าง ทั้งของใช้ ไปจนถึงของที่เป็นแบรนด์เนมเลย แต่เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่โดนหลอก ก็ซื้อของที่ไม่ต้องเป็นแบรนด์ก็ได้ สิ่งที่คนมักจะซื้อมากที่สุด มักจะเป็นแหวน ต่างหู สร้อย ที่มีราคาขายและราคาส่งที่ถูกมาก หากจะซื้อมาขายต่อทำกำไรก็น่าสนใจมากๆ ลองโหลดมาใช้งานดู เผื่อได้ของที่ถูกใจในราคาที่ถูกกว่าทุกที่แน่นอน
- Android : โหลดแอพ AliExpress
- iOS : โหลดแอพ AliExpress
5. JD Central
JD Central แอพซื้อของออนไลน์ เจ้าของสโลแกน “ช้อปของดี การันตีของแท้” ซึ่งก็ตรงตามตัวของสโลแกนเข้าเลย ที่สินค้าทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะเป็นของที่มาจากทางฝั่งจีน หรือมาจากขั้วโลกไหนก็ตาม แอพนี้ต้องขายของแท้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวของ เครื่องใช้ในบ้าน ไปจนถึงเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ ก็มีมาให้เลือกเยอะมาก แถมยังมีโปรโมชันมาให้ขาชอป ได้เข้ามาเลือกซื้อกันทุกเดือน บางอันก็ลดจนน่าตกใจก็มี แต่แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นของแท้ เราจึงไม่ต้องกังวลอะไรมาก สำหรับขาชอปที่ต้องการของแท้ แนะนำเลย
- Android : โหลดแอพ JD Central
- iOS : โหลดแอพ JD Central
แอพหาคู่
สำหรับคนเหงาทั้งหลาย การจะออกไปเจอใครสักคนในสมัยนี้ไม่ได้ยากแล้ว เพียงแค่คุยกันทางออนไลน์ให้มั่นใจกันก่อน แล้วค่อยไปกินข้าวไปเจอกันก็ง่ายไปหมด และการหาคนคุยจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะเราจะมาแนะนำแอพหาคู่ที่น่าสนใจ และสามารถฝึกภาษาไปในตัวด้วย โดยแอพหาคู่ที่ทำออกมานั้น มีทั้งเน้นคนไทย เน้นต่างชาติ หรือจะข้ามซีกโลกไปเลยก็ยังได้ มาดูกันเลยว่าแอพไหนน่าสนใจบ้าง
1. Tinder
แอพที่ควรมีของคนเหงาตัวเท่าบ้าน ด้วยการใช้งานที่ง่าย และสามารถหาคนคุยได้ เพียงแค่ปัดซ้าย-ขวา ซึ่งคนในแอพส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย รวมไปถึงต่างขาติบางส่วน ในระยะที่เราสามารถเลือกได้ตั้งแต่ 1 กิโลเมตร ไปจนถึง ข้ามทวีปได้เลย โดยการปัดขวาเพื่อเลือกถูกใจนั้น ก็ต้องรอที่ฝ่ายเลือกถูกใจเราเหมือนกันด้วย ถึงจะคุยกันได้ นอกจากนี้ยังสามารถอัพเกรดเพื่อ ปัดหาคู่ได้อย่างไปจำกัด และข้ามประเทศไปคุยกับฝรั่ง เพื่อฝึกภาษาได้ด้วย สำหรับคนเหงาก็เป็นแอพที่ควรมีติดไว้เลย
- Android : โหลดแอพ Tinder
- iOS : โหลดแอพ Tinder
2. Happn
แบบปัดหากันมันไกลไป งั้นเดินสวนกันก็ได้ นี่คือคอนเซปของแอพนี้เลย ที่ให้คนที่เดินสวนกันในระยะใกล้ๆ แบบเรียลไทม์ และใช้แอพนี้เหมือนกัน จะสามารถเห็นกันในแอพ และแมทช์เพื่อคุยกันได้ (ต้องให้อีกคนถูกใจด้วยนะ ไม่ใช่หวังข้างเดียว) ซึ่งก่อนจะเลือก ก็จะมีข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับอีกฝ่ายเพื่อการตัดสินใจก่อนด้วย นอกจากนี้เรายังหาคนแมทช์ในระยะไกลได้ด้วย แต่จะไม่บอกว่าอยู่ตรงไหน ให้เดาเอาเอง
- Android : โหลดแอพ Happn
- iOS : โหลดแอพ Happn
3. BUMBLE
แอพที่ควรมีไว้หาคู่แอพต่อมา เป็นแอพที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันเลย ด้วยการใช้งานที่ง่าย และสามารถหาเพื่อนชาวต่างชาติคุยได้ด้วย และก็จะเน้นไปทางต่างชาติเยอะหน่อย เหมาะสำหรับคนที่อยากฝึกภาษา หรืออยากจะหาเพื่อนฝรั่งไว้คุยก็ได้ ซึ่งรายละเอียดการใส่ข้อมูลคัดกรองของแอพนี้จะมีละเอียดพอสมควร ทำให้เราสามารถเจอคนที่แมทช์กันได้ง่ายขึ้น อีกทั้งแอพนี้ผู้หญิงจะเป็นคนเลือกคุยก่อนด้วย ถึงแม้ว่าจะมีการแมทช์กันแล้วก็ตาม ถ้าฝ่ายหญิงไม่ทักมาภายใน 24 ชม. ก็อาจจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยก็ได้นะ
- Android : โหลดแอพ Bumble
- iOS : โหลดแอพ Bumble
4. Kooup
แอพหาคู่จากไทย เหมาะสำหรับสายมู ที่เหมาะกับคนที่รักและเชื่อในเรื่องของดวง โชคชะตาที่จะพาคนรักมาพบกัน แอพจะดูจาก วันเดือนปีเกิดของเรา และเอาไปเทียบกับคนที่มีดวงใกล้เคียงกัน และเหมาะสมกันมากที่สุด โดยจะขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์บอกระดับความเหมาะสม ถ้าดูแล้วรู้สึกชอบก็กดไลค์ได้เลย หรือจะทักไปหาก็ได้นะ แต่ก็ต้องรออีกฝั่งตอบรับด้วยเหมือนกัน ถึงจะคุยกันได้ คนในแอพส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นไทย
- Android : โหลดแอพ Kooup
- iOS : โหลดแอพ Kooup
5. Omi
แอพหาคู่ที่มีคนใช้งานเยอะพอพอกับ Tinder เลยสำหรับแอพนี้ ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น และวัยทำงานคนไทยทั้งหมด แทบไม่เจอต่างชาติเลย ด้วยรูปแบบการใช้งานภายในแอพที่คล้ายกัน ใช้งานง่าย และด้วยการเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่น ทำให้แอพนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของแอพนี้ก็คือ การใส่ Quiz เพิ่มขึ้นมา เราจะตั้งคำถามเองได้ เพื่อให้คนที่ Match ได้เข้ามาตอบ แล้วถ้าตอบได้ถูกใจ จะคุยกันต่อก็จะได้ง่ายขึ้น หรือถ้าไม่ชอบก็อาจจะไม่คุยด้วยก็ได้
- Android : โหลดแอพ Omi
- iOS : โหลดแอพ Omi
แอพการเงิน
สำหรับเรื่องการเงิน แน่นอนว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากการใช้จ่ายทุกอย่างในสมัยนี้ เป็นเรื่องง่ายไปหมดแล้ว แทบไม่จำเป็นต้องพกเงินสดเลย (แต่พกไว้บ้างก็ดีนะ) ยิ่งการซื้อของออนไลน์ ยิ่งจำเป็นต้องใช้แอพการเงินเข้ามาช่วยเหลือเป็นอย่างมากเลยด้วย รวมไปถึงการเก็บออมเงินอย่างเป็นระเบียบ ก็มีแอพที่เป็นตัวช่วยได้อยู่เหมือนกัน มาดูกันเลย
1. TrueMoney Wallet
แอพที่ควรมีจากค่าย TrueMove H ที่ให้การใช้งานด้านการเงิน ง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับธนาคารได้หลายธนาคาร เชื่อมต่อ Paypal และสามารถทำบัตรเครดิตออนไลน์ได้ เพื่อการใช้จ่ายผ่านแอพนี้โดยตรง อย่างเช่นการซื้อของจากร้านสะดวกซื้อ การเติมเกม ซื้อเหรียญไลน์ จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ทุกอย่างทำผ่านแอพนี้ได้หมด ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะเลย
- Android : โหลดแอพ TrueMoney Wallet
- iOS : โหลดแอพ TrueMoney Wallet
2. METANG
แอพที่ควรมีไว้บริหารรายรับรายจ่ายของตัวเอง และเหมาะกับคนไทยมากที่สุดแอพหนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยการใช้งานที่ง่ายและสามารถจัดการบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเองได้ดีมากๆ ทั้งการแยกเงินเป็นเงินเดือน ยอดขาย โบนัส หรือว่ารายจ่ายที่เป็นค่ากิน ค่าซื้อของ ค่าเช่า ค่าบัตรเครดิต และค่าอื่นๆ แล้วแต่เราจะเลือกเลย ตามการใช้งานของตัวเองเป็นหลัก ที่สำคัญคือสามารถบันทึกเสียงลงไปเพื่อบันทึกได้ด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแอพที่ต้องมีติดเครื่องไว้เลย สำหรับคนที่ต้องการบริหารเรื่องเงินของตัวเอง จะได้รู้ว่าใช้อะไรไปบ้างในแต่ละวัน
- Android : โหลดแอพ MeTang
- iOS : โหลดแอพ MeTang
3. Money Lover
แอพที่ช่วยในการออมเงิน และจัดการเงินให้เราได้ดีเป็นอย่างมาก และด้วยฟังก์ชัน และฟีเจอร์ที่ทำออกมาน่ารัก น่าใช้งาน จึงทำให้แอพนี้เป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการเก็บเงิน และต้องจัดการกับบัญชีรายรับ-รายจ่าย โดยแอพนี้จะช่วยบันทึกการใช้จ่ายของเราได้อย่างละเอียดมากๆ นอกจากนี้ยังสามารถวางแผนล่วงหน้าสำหรับการใช้จ่ายเงินได้ด้วย สำหรับคนที่อยากจัดการกับเงินของตัวเองแอพนี้เป็นแอพที่ควรมีติดเครื่องไว้มากๆ
- Android : โหลดแอพ Money Lover
- iOS : โหลดแอพ Money Lover
4. Piggipo
แอพสำหรับการจัดการเรื่องบัตรเครดิตโดยเฉพาะ เชื่อได้ว่าพนักงานหรือคนทั่วไป ที่มีการใช้จ่ายและต้องซื้อของใช้ที่จำเป็นต่อการใช้งาน บางครั้งก็ต้องใช้เงินในอนาคต อย่างการใช้บัตรเครดิตไปก่อน และถ้ายิ่งใช้งานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจัดการยากไปอีก แอพนี้จึงสร้างขึ้นมาเพื่อให้เราได้ใส่ข้อมูล ทั้งรายละเอียดบัตร วันตัดยอด วงเงินในบัตร และทำให้เราได้รู้ว่าควรจะจัดการกับการเงินอย่างไร เหมาะมากสำหรับคนที่ใช้บัตรเครดิต
- Android : โหลดแอพ Piggipo
- iOS : โหลดแอพ Piggipo
5. Money Manager
อีกหนึ่งแอพที่ช่วยให้การออมเงินเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ใช้งานง่ายและสะดวก สำหรับคนที่ไม่เคยจัดการเงินในบัญชี ก็สามารถใช้งานได้เหมือนกัน โดยแอพจะแสดงรายรับ-รายจ่ายของเราอย่างละเอียด และให้เราสามารถกดเพิ่มรายจ่าย หรือรายรับได้เลย หลังจากนั้นระบบก็จะบอกมาเลย ว่าใช้ไปกับค่าอะไรเยอะสุด ทำให้เรารู้ว่าควรจัดการกับการเงินที่ใช้ไปอย่างไร
- Android : โหลดแอพ Money Manager
- iOS : โหลดแอพ Money Manager
แอพฉุกเฉิน
สำหรับแอพที่ควรมีไว้ใช้งานเมื่อยามเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับตัวได้ตอนไหน ทั้งนักเดินทาง หรือการใช้ชีวิตประจำวัน และถ้าเรามีแอพที่ช่วยในการติดต่อเจ้าที่ ที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือเราได้นั้น ก็เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นต้องมีเผื่อไว้เหมือนกัน อย่างน้อยก็ควรมีเก็บติดเครื่องเอาไว้หน่อย เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้รับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องของ Covid-19 ที่ไม่รู้ว่าจะติดต่อใคร สามารถเข้าอ่านต่อ ช่องทางหาเตียงผู้ป่วย Covid-19
1. THAIEMS1669
1669 เป็นเบอร์ลัดที่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย และรถโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดให้กับเราได้ แอพนี้ก็เช่นกันที่ทำออกมาเพื่อประเทศเราโดยเฉพาะ โดยการแจ้งเหตุจะมีการให้กรอกชื่อ และรายละเอียดของเราก่อน และให้ระบุพิกัดที่เกิดอุบัติเหตุ หรือจะส่งภาพถ่ายสถานการณ์ก็ได้ ระบบก็จะทำการค้นหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพื่อเข้าไปช่วยได้อย่างทันท่วงที
- Android : โหลดแอพ THAIEMS1669
- iOS : โหลดแอพ THAIEMS1669
2. RAKSA
แอพจากโรงพยาบาลที่มีหมอมากกว่า 30 คน คอยให้คำปรึกษา เรื่องสุขภาพต่างๆของเรา โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปรอนาน ซึ่งหมอแต่ละคนนั้นก็มีประสบการณ์และเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ได้รับใบอนุญาติประกอบอาชีพเวชกรรม ทั้งประเทศไทยรวมไปถึงต่างประเทศด้วย สามารถเลือกได้ว่าอยากพบหมอแบบไหน ที่เกี่ยวกับอาการของเรา แต่อาจจะรอนานหน่อยในการปรึกษานะ
- Android : โหลดแอพ RAKSA
- iOS : โหลดแอพ RAKSA
3. Police i lert u
นี่ไม่ใช่แอพที่เอาไว้เตือนเรื่องด่านแต่อย่างใด แต่มีไว้เพื่อให้เราได้แจ้งเตือนแบบออนไลน์ได้อย่างฉับไวมากยิ่งขึ้น โดยเราสามารถแจ้งเหตุผ่านแอพได้เลย ตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถส่งข้อความขอความช่วยเหลือ ด้วยการส่งข้อมูล ส่งรูป ตำแหน่ง และเวลาที่เกิดเหตุได้ด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือได้อย่างเร็วไว ซึ่งก็จะมีเจ้าหน้าตำรวจคอยรับเรื่องอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นแอพที่ควรมีติดไว้จริงๆ
- Android : โหลดแอพ Police i lert u
- iOS : โหลดแอพ Police i lert u
4. JS100
จะบอกว่าเป็นแอพแจ้งเหตุฉุกเฉินตรงๆเลยก้ไม่ใช่ แต่จะเน้นไปในทางอัพเดทข่าวสารอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุอะไรขึ้นที่ไหนมากกว่า โดยแอพนี้เป็นแอพที่คอยส่งข่าวให้เราได้รับรู้อยู่เสมอ ว่าตรงไหนมีเหตุการณ์อะไรบ้าง เส้นทางไหนที่ควรเลี่ยง ไปจนถึงการร้องขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่ทางแอพจะคอบยดำเนินการให้ และช่วยให้คนมาช่วยเราได้ไวยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนเมืองที่ต้องอัพเดทเส้นทางตลอดเวลา
- Android : โหลดแอพ JS100
- iOS : โหลดแอพ JS100
5. Fast Track
แอพที่เหมาะสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน อย่างเช่น มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือผู้ที่มีภาวะเกิดเหตุฉุกเฉินได้ตลอดเวลา โดยแอพนี้จะช่วยเรียกรถให้มารับได้ในทันที ในกรณีที่ต้องการรถฉุกเฉิน และการแจ้งก็ง่ายมาก เพียงแค่กดปุ่มเดียวเท่านั้น ก็สามารถติดต่ไปถึงเจ้าหน้าที่ได้แล้ว เหมาะมากสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุร้ายได้
- Android : โหลดแอพ Fast Track
- iOS : โหลดแอพ Fast Track
แอพทั่วไป
หมวดสุดท้ายที่เราจะพูดถึงในวันนี้ ก็คือแอพทั่วไป ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ได้เจาะจงไปที่การใช้งานแบบไหนโดยเฉพาะ อาจจะเป็นแอพจิปาถะที่ควรมีติดเอาไว้ก็ได้ ซึ่งแต่ละแอพก็จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย แต่คิดว่าอย่างน้อยมีติดเครื่องเอาไว้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีแอพไหนน่าใช้งานบ้าง
1. Sleep Cycle
แอพที่ต้องมีไว้ช่วยในการคำนวณการนอนหลับ และช่วยเก็บสถิติการนอนของเราได้อย่างแม่นยำ (เว้นในกรณีที่มี Smart Watch อาจจะไม่ต้องใช้ก็ได้) สิ่งที่น่าสนใจของแอพนี้ก็คือ การเก็บสถิติทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับการนอนของเรา ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับลึก การนอนกรน นอนไปกี่ชั่วโมง และนอนแบบไหน แอพนี้สามารถบอกได้หมดเลย แต่บางฟีเจอร์อาจจะต้องเสียเงินรายปีในการใช้งานนะ แต่ถ้าโหลดมาใช้เพื่อดูการนอนหลับของตัวเอง เพื่อนำไปปรับปรุงก็เป็นแอพที่ใช้งานได้ดีเยี่ยมแอพนึงเลย
- Android : โหลดแอพ Sleep Cycle
- iOS : โหลดแอพ Sleep Cycle
2. Shazam
แอพที่ช่วยให้การหาเพลงที่เรารู้สึกว่าเพราะ เป็นเพลงที่ลืมไปแล้วและอยากฟังอีกครั้ง หรืออยากฟังต่อในกรณีที่เป็นเพลงสั้นๆ แอพนี้สามารถช่วยให้เราหาชื่อเพลงได้ง่ายขึ้นเยอะมาก โดยการใช้งานก็เพียงแค่ กดปุ่มและเอามือถือของเรายื่นเข้าไปใกล้ลำโพง แค่นั้นแหละ แอพจะทำการค้นหา และบอกมาเลยว่าเป็นเพลงอะไร มีความแม่นยำสูง ยิ่งเป็นเพลงสากลก็ยิ่งหาได้ไวมากขึ้นไปอีก
- Android : โหลดแอพ Shazam
- iOS : โหลดแอพ Shazam
3. Scanner App To PDF
ปัญหาอย่างหนึ่งของการถ่ายภาพ ที่เป็นเอกสารคือ ไม่ว่าจะถ่ายยังไง ภาพที่ได้ออกมาก็ไม่ตรง และตัวอักษรไม่ชัดเลย แอพนี้จึงเหมาะกับคนที่ต้องการถ่ายภาพจากแล็คเชอร์ หรือจากเอกสาร เพื่อนำไปใช้งาน และนำไปอ่านต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแอพนี้จะสามารถถ่ายออกมาได้เหมือนการสแกนเลย จะปรับขนาดกระดาษ หรือจะปรับแสงให้ชัดมากแค่ไหนก็ได้ เป็นแอพที่ควรมีติดเครื่องเอาไว้จริงๆ
- Android : โหลดแอพ Scanner App To PDF
- iOS : โหลดแอพ Scanner App To PDF
4. ตรวจหวย QRcode
สายเศรษฐีทางอ้อมต้องมาแล้ว สำหรับแอพที่เป็นตัวช่วยในการตรวจหวย ได้อย่างแม่นยำ และมีการอัพเดทที่รวดเร็วมาก สามารถแจ้งเตือนได้ด้วยว่างวดนี้ออกเลขอะไรบ้าง นอกจากการกรอกตัวเลขใส่ลงไปเพื่อตรวจหวยแล้ว จุดเด่นของแอพนี้ก็คือ สามารถสแกน QRcode จากหวยได้โดยตรงด้วยว่า ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือไม่ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึงแอพที่ควรมีสำหรับคนไทยหัวใจหวยมากๆ
- Android : โหลดแอพ ตรวจหวย QRcode
- iOS : โหลดแอพ ตรวจหวย QRcode
5. Whoscall
แอพสุดท้ายนี้เป็นแอพที่ใครๆ ก็วรจะต้องมีติดเครื่องไว้เลย ไม่ว่าจะใช้งานมือถือค่ายไหนหรือว่าระบบอะไรก็ตาม เพราะว่าแอพนี้สามารถบอกได้หมดเลยว่าใครที่โทรมาหาเรา ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ประกัน เบอร์มิจฉาชีพ เบอร์แปลกหน้าจากบริษัทอื่นๆ ทั้งหลายที่เราไม่ได้รู้จักมาก่อน ช่วยให้เราระวังตัวได้มากขึ้นก่อนรับสาย หรือว่าถ้ามีสายนั้นโทรมาบ่อยๆ ก็สมารถกดบล็อคเบอร์ หรือตั้งค่าว่าเป็นเบอร์อันตรายได้ด้วย เหมาะมากๆ กับคนที่ใช้งาน Smart Phone เชื่อเถอะว่ามีไว้ในเครื่องแล้ว รับรองว่าอุ่นใจใช้ชีวิตง่ายขึ้นมากๆ
- Android : โหลดแอพ Whoscall
- iOS : โหลดแอพ Whoscall
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็น 50 แอพที่ควรมีติดมือถือเอาไว้ โดยเราได้แบ่งเป็นหมวดหมู่เอาไว้แล้ว ใครที่มีไลฟ์สไตล์แบบไหน ก็สามารถโหลดแอพที่ได้แนะนำไปใช้ได้เลย เพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น หวังว่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งถึงสองแอพ ที่มีประโยชน์ต่อการใช้งานนะ แล้วถ้ามีเรื่องดีดี หรือเรื่องที่น่าสนใจ เราก็จะนำมาฝากกันอีกเรื่อยๆ นะครับ