สำหรับ Vivo Y20 หนึ่งในสมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก รุ่นใหม่ล่าสุดใน Y Series ของทาง Vivo เปิดราคาที่ 5,299 บาท มีจุดเด่นเด่นอยู่ที่การมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง อีกทั้งสเปคที่เป็น RAM 4GB + 64GB ROM และกล้องหลังที่มีด้วยกันถึง 3 กล้อง พร้อมติดตั้งเลนส์มาโคร ว่าแต่สมาร์ตโฟนรุ่นนี้จะใช้งานเป็นอย่างไร ดีไหม คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่ และเหมาะกับใคร เลื่อนไปอ่านในรีวิว Vivo Y20 ได้เลยครับ
สเปค Vivo Y20
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 460 octa-core ความเร็ว 1.8GHz
- RAM 4GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 64GB รองรับ MicroSD ได้สูงสุด 256 GB
- หน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1600 x 720 pixel)
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 13MP f/2.2
- กล้องเลนส์ Bokeh 2MP f/2.4
- กล้องเลนส์ Macro 2MP f/2.4 ถ่ายภาพระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร
- กล้องหน้า 8MP f/1.8
- รองรับ 2 ซิม ถาดซิมแบบ 3 Slot
- Android 10 ครอบด้วย FunTouch OS 10
- แบตเตอรี่ 5000 mAh พร้อมอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 10W
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง
- พอร์ตชาร์จแบบ micro USB
- สเปคเต็ม ๆ Vivo Y20
- ราคาเปิดตัว 5,299 บาท
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องของเครื่องรีวิว Vivo Y20 ประกอบไปด้วยฟิล์มกันรอยด้านหน้าที่ติดมาให้จากโรงงาน, เคส TPU แบบใส, สายชาร์จ USB to micro USB, อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 10W และเหมือนเช่นเคยคือไม่แถมหูฟังมาให้ครับ
รีวิว Vivo Y20 แบบวิดีโอ
Design – การออกแบบ
แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ในด้านการออกแบบ Vivo Y20 ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่หน้าตาสวยงามรุ่นหนึ่ง โดยเฉพาะด้านหลังที่มาในดีไซน์แบบ 2.5D ส่งผลให้จับถือตัวเครื่องได้สะดวก รวมถึงสีสันตัวเครื่องที่วางจำหน่าย อย่างเครื่องรีวิว Vivo Y20 ที่ผมได้รับมาเป็นสีขาว Dawn White ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแสงยามเช้า ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีชีวิตชีวา หรือจะเป็นสี Nebula Blue ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากห้วงจักรวาล
งานประกอบตัวเครื่องมีความแน่นหนา จับแล้วดูแข็งแรง เรียกได้ว่างานออกแบบทำมาได้ดีเกินราคาด้วยซ้ำไป ส่วนเรื่องวัสดุฝาหลัง ด้วยข้อจำกัดด้านราคา จึงใช้วัสดุเป็นพลาสติกทั้งหมด แต่ก็เป็นพลาสติกที่ให้สัมผัสที่ดีเยี่ยม โดยรวมถือว่าผ่านเมื่อเทียบกับโทรศัพท์แบรนด์อื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน
ส่วนด้านหน้าตัวเครื่อง Vivo Y20 มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว บรรจุกล้องหน้าความละเอียด 8MP อยู่บริเวณกึ่งกลางตรงด้านบนหน้าจอ ตัวหน้าจอเป็นแบบ IPS ที่ให้มุมมองที่กว้าง อีกทั้งมาพร้อมเทคโนโลยี In-cell ที่ทำให้จอแสดงผลมีสีสัน ความคมชัด และรายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ความหนาของตัวเครื่อง Vivo Y20 ในตอนแรกผมนึกว่าการที่ใส่แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh จะทำให้ตัวเครื่องทั้งหนา และหนัก แต่เมื่อได้สัมผัสตัวเครื่องจริง พบว่ามันไม่ได้หนาไปกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปเลยแม้แต่น้อย เผลอ ๆ ความหนาตัวเครื่องยังอยู่ในระดับเดียวกับพวกแบตเตอรี่ 4,000 mAh ด้วยซ้ำไป
รายละเอียดต่าง ๆ บนตัวเครื่อง Vivo Y20 เริ่มจากด้านข้างขวา ประกอบไปด้วย ปุ่ม Power ที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และปุ่มปรับระดับเสียง ด้านล่างเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ micro USB ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ และลำโพงหลักของตัวเครื่อง ถาดใส่ซิมของ Vivo Y20 อยู่บริเวณด้านซ้ายมือ เป็นถาดซิมแบบ Triple Slot รองรับซิมการ์ดแบบ nano SIM 2 ซิม และรองรับ micro SD Card
ด้านหลังตัวเครื่อง Vivo Y20 ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Macro Camera และแฟลช LED โดยบริเวณด้านหลังตัวเครื่องของรุ่นนี้จะเน้นโชว์สีสัน และลวดลายฝาหลังได้เต็มที่ เนื่องจากเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ถูกจับไปใส่ไว้บริเวณด้านข้างตัวเครื่องนั่นเองครับ
หน้าจอ Vivo Y20 เป็นหน้าจอแบบ Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) มุมมองการแสดงผลกว้าง สีสันหน้าจอแม้จะไม่ได้สดจัดแบบจอ OLED แต่ด้วยเทคโนโลยีแบบ In-cell ก็ให้การแสดงสีสันหน้าจออยู่ในมาตรฐานที่เหมาะสมกับการดูรูปภาพ หรือรับชมวีดีโอ ส่วนเรื่องความละเอียดหน้าจอ HD+ หากไม่ได้เพ่งหน้าจอแบบ
จับผิด ความละเอียดระดับนี้สามารถใช้งานได้สบาย ๆ ครับ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมดถนอมสายตา ที่ปรับสีหน้าจอแสดงผลเพื่อลดแสงสีฟ้า ช่วยให้ใช้งานได้สบายตามากยิ่งขึ้น
ภาพรวมสำหรับ Vivo Y20 ในส่วนของการออกแบบ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ดีไซน์สวย งานประกอบมีความแน่นหนา การใช้งาน การจับถือตัวเครื่องทำได้สะดวก ที่สำคัญคือตัวเครื่องไม่ได้หนาจนเกินไป แม้จะใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh ก็ตาม
ส่วนเรื่องหน้าจอก็มีขนาดใหญ่ถึง 6.51 นิ้ว เหมาะกับการใช้งานในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
Software – ระบบปฏิบัติการ
Vivo Y20 มาพร้อมกับ Android 10 ครอบด้วย Funtouch OS 10.5 ที่ได้รับการปรับแต่งมาให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่าย แต่คราวนี้การใช้งานจะแตกต่างไปจากรุ่นก่อน ๆ พอสมควร มีหน้า App Drawer แยกออกมาต่างหาก แต่ก็ปรับตัวให้ใช้งานได้ไม่ยากครับ ส่วนแอปติดเครื่องนอกเหนือจากแอปของ Google ก็มีให้มาพอสมควร เช่น แอปปฏิทิน แอปช่วยจัดการระบบ แอปจัดการไฟล์ แอปสำหรับการแชร์ไฟล์ระหว่างเครื่อง แอปจดบันทึก เป็นต้น
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาใน FunTouch OS 10.5 ก็คือ เอฟเฟ็กต์แบบไดนามิก ที่เพิ่มลูกเล่นบริเวณหน้าจอมากขึ้น ทั้งในการเปิดปิดหน้าจอ, การชาร์จไฟ, หรือถ้าใครที่เปลี่ยนโทรศัพท์มาใช้ Vivo Y20 ก็มีตัวช่วยในการถ่ายโอนข้อมูลด้วย EasyShare ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น หรือมานั่งเก็บรายชื่อผู้ติดต่อใหม่ และตัว EasyShare เองก็มีฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจอย่าง Web Share ทำให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลจาก Vivo Y20 เข้าคอมพิวเตอร์แบบไร้สายได้โดยที่ไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม
วิธีการใช้งาน Web Share อันดับแรกต้องเชื่อมต่อ Vivo Y20 กับคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในวงเดียวกัน (Wi-Fi หรือ LAN เดียวกัน) ทำการเปิดแอปพลิเคชั่น EasyShare บน Vivo Y20 จากนั้นเลือกหัวข้อ Web Share แล้วเข้าไปที่เว็บไซต์ as.vivo.com จากในคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ แล้วทำการสแกน QR Code เป็นอันเรียบร้อย ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลขึ้นอยู่กับความเร็วอินเทอร์เน็ตที่คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเลยครับ
I Manager อีกหนึ่งตัวช่วยในการจัดการ ตั้งค่าการดูแลระบบต่าง ๆ ในตัวเครื่อง ไปจนถึงการทำความสะอาดไฟล์ขยะ และการตรวจสอบด้านความปลอดภัย รวมถึงการสแกนหาปัญหาในเวลากลางคืน ทำให้โทรศัพท์ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเป็นเครื่องใหม่ตลอดเวลา
Camera – กล้องถ่ายภาพ
กล้องหลังของ Vivo Y20 เป็นกล้องหลังแบบ AI Triple Macro Camera หรือกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบไปด้วย
- กล้องหลัก 13MP f/2.2
- กล้อง Bokeh 2MP f/2.4
- กล้อง Macro 2MP f/2.4
สำหรับ 2 กล้องที่เพิ่มขึ้นมาอย่างกล้อง Bokeh 2MP ก็จะไว้ช่วยเสริมประสิทธิภาพในด้านการเบลอฉากหลังเมื่อถ่ายภาพด้วยโหมดภาพคน ส่วนกล้อง Macro 2MP ออกแบบมาให้ถ่ายของชิ้นเล็ก ๆ หรือถ่ายใกล้ได้ถึง 4 เซนติเมตร เหมาะกับการเก็บภาพรายละเอียดของดอกไม้ หรือจะเอาไว้ส่องพระเครื่องก็ได้เช่นกันครับ
เลนส์มาโครถ่ายใกล้ได้ถึง 4 เซนติเมตร สามารถเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างลายผ้าได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างภาพถ่ายในโหมด Portrait
โหมด Portrait ละลายฉากหลังได้ดีทีเดียว
ภาพถ่ายทั่วไปที่ได้จากกล้องของ Vivo Y20 ก็อยู่ในระดับมาตรฐานสมาร์ตโฟนในปัจจุบันที่ราคาไม่แพงครับ สีสันไม่จัดจ้านเกินไป การตัดขอบเบลอในโหมดภาพคน (Portrait) ก็ทำได้ค่อนข้างดี ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน ต้องระวังเรื่องแสงไฟที่จะทำให้ภาพฟุ้ง อีกอย่างคือ Vivo Y20 ไม่มีโหมดกลางคืนนะครับ Auto ล้วน ๆ เลย แล้วก็มีอีกข้อสังเกตในเรื่องการโฟกัสภาพ ที่ส่วนตัวผมมองว่ารุ่นนี้ยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก ตอนถ่ายต้องใจเย็น ๆ ครับ
นอกจากนี้ยังมีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้หลายรูปแบบ
ความน่าเสียดายของกล้อง Vivo Y20 คือรุ่นนี้ไม่มีเลนส์มุมกว้าง Ultra wide-angle มาให้ มีแค่เลนส์หลัก 13MP ที่รองรับการซูมแบบ Digital Zoom กับเลนส์มาโครสำหรับถ่ายใกล้เท่านั้น หากต้องการใช้เลนส์มุมกว้างด้วย แนะนำให้เพิ่มเงินไปเป็น Vivo Y30 หรือ Vivo Y50 แทน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Vivo Y20
กล้องหน้าของ Vivo Y20 มีความละเอียด 8MP มีโหมดถ่ายภาพแบบปกติ แล้วก็โหมดใบหน้าสวย พร้อมละลายฉากหลังเบลอ ทำให้ตัวแบบโดดเด่น เรื่องความสวยงามน่าจะเป็นความชอบส่วนบุคคลล่ะครับ หลัก ๆ จะเป็นการปรับให้ผิวกระจ่าง แล้วก็เพิ่มความคมชัดบริเวณดวงตาให้โดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Vivo Y20
Performance – ประสิทธิภาพ
ในส่วนของการประมวลผล Vivo Y20 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 460 ซึ่งเป็นรุ่นแรก ๆ ในไทยเลยก็ว่าได้ที่ใช้ชิปเซ็ตซีรี่ส์ 400 ของทาง Qualcomm มาพร้อมกับ Ram 4GB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่อง 64GB โดยรวมสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดีเล่นโซเชียล, เล่นอินเทอร์เน็ต หรือจะใช้รับชม Youtube, LINE TV, Netflix ก็สามารถทำได้
ส่วนการเล่นเกมด้วย Vivo Y20 กับชิปประมวลผล Snapdragon 460 และชิปกราฟฟิก Adreno 610 GPU ผมลองทดสอบกับเกมอย่าง ROV การตั้งค่าสามารถปรับทุกอย่างสูงได้ เรียกว่าเป็นหนึ่งในเซอร์ไพรส์ระหว่างการรีวิว Vivo Y20 อยู่เหมือนกันครับ ที่รุ่นเล็ก ชิปเล็กอย่าง Vivo Y20 สามารถเล่นเกม ROV ปรับสุดได้ลื่นไหลในโหมด 60fps โดยทำเฟรมเรตระหว่างเล่นได้เฉลี่ยที่ประมาณ 59 – 60 fps การตอบสนองหน้าจอดีใช้ได้เลยทีเดียว
การเชื่อมต่อแบบไร้สายของ Vivo Y20 รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 และที่สำคัญคือรองรับ Wi-Fi 5 นั่นหมายความว่า รองรับทั้งการเชื่อมต่อแบบ 2.4GHz และ 5GHz ส่วนการเชื่อมต่อ 4G รองรับการใช้งาน 4G ทั้งสองซิม รองรับ VoLTE (ทดสอบกับซิม TrueMove H) แต่ไม่รองรับการรวมคลื่นแบบ CA ครับ
ด้านการจัดการพลังงานและการชาร์จไฟ ด้วยแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh และสเปคที่มีอัตราการใช้พลังงานไม่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอความละเอียด HD+ หรือชิป Snapdragon 460 และตัว FunTouch OS 10.5 ที่มีการจัดการพลังงานที่ดี เมื่อรวมปัจจัยทั้งหมดที่ว่ามา จึงไม่แปลกที่ Vivo Y20 จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก ตอนที่ทดสอบ Vivo Y20 ผมชาร์จไฟนับครั้งได้เลยครับ โดยเฉลี่ยจะชาร์จไฟ 2 วันครั้ง เพราะแบตเตอรี่อึดจริง ๆ
ข้อสังเกตของแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ใน Vivo Y20 อยู่ที่การชาร์จไฟกลับเข้าไป ด้วยความที่สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ไม่รองรับระบบชาร์จเร็ว และรับไฟขาเข้าได้มากสุด 10W (5V: 2A) พอต้องชาร์จแบตเตอรี่ที่มีความจุถึง 5,000 mAh กว่าจะเต็มเลยใช้เวลานานพอสมควรเลยล่ะครับ
สรุปภาพรวม รีวิว Vivo Y20
Vivo Y20 ถือเป็นอีกหนึ่งมือถือรุ่นเล็กที่น่าสนใจ ด้วยราคา 5,299 บาท ได้สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับ RAM 4GB และความจุในตัวเครื่องที่สูงถึง 64GB สเปคที่พอจะเล่นเกมได้ในบางเกม และยังมาพร้อมระบบสแกนนิ้วด้านข้างตัวเครื่อง ที่ทำให้การใช้งานตัวเครื่องสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงามทั้ง 2 สี ไม่ว่าจะเป็น Dawn White หรือจะเป็น Nebula Blue
จุดเด่น
- มีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.51 นิ้ว Halo FullView Display เหมาะสมกับการรับชมคอนเทนต์ในยุคปัจจุบัน
- ดีไซน์สวยงาม จับถือตัวเครื่องสะดวกด้วยฝาหลังแบบ 2.5D
- กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมเลนส์ Macro ถ่ายใกล้ได้ 4 เซนติเมตร
- ความจุในตัวเครื่อง 64GB
- แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh ใช้งานข้ามวันได้สบาย ๆ
- รองรับการสแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง และการปลดล็อคด้วยใบหน้า
ข้อสังเกต
- ไม่มีเลนส์มุมกว้าง
- ไม่มีโหมดกลางคืน
- ไม่รองรับชาร์จเร็ว
- พอร์ตเชื่อมต่อเป็น micro USB