ล่าสุด Apple ได้รายงานเกี่ยวยอดขาย iPhone ในช่วงที่ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยมียอดขายรวมแล้วประมาณ 40.4 ล้านเครื่อง ตามการคาดการณ์ของ Wall Street ที่เคยกล่าวไว้ว่า Apple จะขาย iPhone ได้ประมาณ 40 ล้านเครื่องในช่วงไตรมาสที่สาม ซึ่งถือว่ายอดขาย iPhone ของไตรมาสที่สามลดลงไปประมาณ 11.2 ล้านเครื่องจากไตรมาสที่สอง ที่ขายได้ 51.2 ล้านเครื่อง ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ยอดขายของ iPhone ลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 2 ไตรมาส
จากที่ Apple ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่อัพเกรดสเปคจากโมเดล iPhone 5s เดิมนั่นก็คือ iPhone SE ซึ่งได้ตั้งราคาขายที่ไม่แพงมากเพื่อหวังกอบกู้ยอดขายจากช่วงครึ่งปีแรกซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจในบางประเทศ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถต้านทานสมาร์ทโฟน Android รุ่นใหม่ ๆ ที่เปิดตัวกันเป็นว่าเล่นไว้ไม่ได้ทำให้ยอดขายของ iPhone ในช่วงเดือนเมษายนจนถึงเดือนมิถุนายนลดลงจากปีที่แล้ว จาก 10.68 พันล้านดอลล่าร์ ลดลงเหลือ 7.8 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งลดลงไปกว่า 27 % กำไรต่อหุ้นลดลงจาก 1.82 ดอลล่าร์ เหลือ 1.42 ดอลล่าร์ ทำให้รายได้ลดลงไปกว่า 49.6 พันล้านดอลล่าร์จากปีที่ผ่านมา
สำหรับ iPad มียอดเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วง 10 ควอเตอร์ ซึ่ง iPad มียอดจายเพิ่งขึ้น 7 % หากเปรียบเทียบกับในช่วงปีที่ผ่านมาที่มียอดขายลดลง 8.2 % สำหรับไตรมาสสุดท้ายที่ Apple ตั้งใจที่จะให้ iPhone 7 มากอบกู้สถานการณ์ยอดขายให้เพิ่มขึ้นมา แต่จะมีอะไรดึงดูดผู้บริโภคให้ตัดสินใจซื้อในสถานการณ์ที่เหล่าบรรดาผู้ผลิตต่าง ๆ พากันจัดเต็มให้กับสมาร์ทโฟนของตนเอง คงต้องรอดูกันในวันเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ครับ
ที่มา Phonearena