เปิดตัวสมาร์ตโฟนอย่างต่อเนื่องเลยในช่วงนี้สำหรับ Vivo ล่าสุดกับรีวิว Vivo V20 Pro 5G สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ในซีรี่ส์ยอดนิยม ที่มาพร้อมกับความสามารถในการรองรับ 5G สเปคที่ให้มาแรงเพียงพอต่อการเล่นเกม Snapdragon 765G + RAM 8GB และกล้องหน้า 44MP พร้อมระบบโฟกัสแบบ Eye Autofocus
สเปค Vivo V20 Pro 5G
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 20:9 อัตรารีเฟรช 60Hz
- ดีไซน์หน้าจออยู่ในรูปแบบของ Notch บริเวณกึ่งกลางด้านบน
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G
- RAM 8 GB
- แหล่งเก็บข้อมูลแบบ UFS 2.1 ความจุ 128 GB ไม่สามารถเพิ่มผ่าน microSD Card ได้
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ 5G ทั้ง SA และ NSA (n41, N78)
- รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac และ Bluetooth 5.0
- พอร์ตชาร์จเป็น USB 2.0 Type-C
- กล้องหลังมี 3 เซ็นเซอร์ซึ่งจะแบ่งออกเป็น
- กล้องหลัก 64MP f/1.89
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 MP รองรับการถ่ายมาโคร 5 เซนติเมตร และ Bokeh f/2.2
- กล้อง Mono 2MP f/2.4
- กล้องหลังมาพร้อมฟีเจอร์ Motion Autofocus, Eye Autofocus, Body/ Object Autofocus, Super Night Mode, Super Wide Angle Night Mode, Tripod Night Mode, Ultra Stable Video, Art portrait video, Super Macro, Bokeh Portrait, Multi-Style Portrait, AR Stickers, 3D Sound Tracking
- กล้องหน้าความละเอียด 44 MP Auto Focus f/2.0 + 8MP Super wide-angle
- กล้องหน้ามาพร้อมฟีเจอร์ Eye Autofocus, Super Night Selfie, Selfie Soflight Band, Steadiface Selfie Video, Slo-Mo Selfie Video, Dual-View Video, Art Portrait Video, Multi-Style Portrait, Double Exposure, AR Stickers, 3D Sound Tracking
- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh รองรับการชาร์จไวสูงสุดที่ 33W
- ระบบนำทาง GPS, Beidou, Galileo, GLONASS
- มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11
- มีด้วยกัน 3 สี Midnight Jazz, Moonlight Sonata, Sunset Melody
- ราคาเปิดตัว 14,999 บาท
- สเปคเต็ม ๆ Vivo V20 Pro
กล้องหน้า 44MP ระบบโฟกัสดวงตา Eye autofocus
หัวข้อแรกในการรีวิว Vivo V20 Pro 5G ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องกล้องล่ะครับ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้จะอยู่ที่การมาพร้อมกับกล้องหน้าคู่ ที่เซ็นเซอร์หลักให้ความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล ถ่ายออกมาได้อย่างคมชัด เก็บรายละเอียดได้ดี กับกล้องหน้าตัวที่สอง เป็นเลนส์มุมกว้าง Super wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่ในมุมกว้าง เก็บฉากหลัง หรือเซลฟี่เป็นหมู่คณะ
ไฮไลต์ของเซ็นเซอร์หลักกล้องหน้า 44 ล้านพิกเซล คือการเป็นเซ็นเซอร์ที่มาพร้อมกับความสามารถในการโฟกัสแบบ Autofocus จับโฟกัสในระยะใกล้สุดได้ถึง 15 เซนติเมตร ไปจนถึงระยะไกล ส่วนการจับโฟกัสก็ไม่ได้ล็อกที่ใบหน้า แต่เป็นการล็อกโฟกัสที่ดวงตาขณะเซลฟี่ ด้วยระบบ Eye Autofocus ที่มีความแม่นยำ ทำให้ในการเซลฟี่ ไม่จำเป็นที่จะต้องมองเพ่งไปที่กล้องตอนกดชัตเตอร์ สามารถถ่ายเซลฟี่แบบเผลอ ๆ โดยที่กล้องหน้าก็ยังคงโฟกัสได้แม่นยำ
เซ็นเซอร์กล้องหน้าอีกตัวที่เป็นเลนส์มุมกว้าง Super wide-angle 8 ล้านพิกเซล ให้มุมมองภาพที่กว้างถึง 105 องศา พร้อมอัลกอริทึมแบบพิเศษในการลดความบิดเบี้ยวของภาพถ่าย (แต่บริเวณขอบก็ยังคงมีความโค้งอยู่ตามปกติ) มีข้อสังเกตในการใช้งานเล็กน้อย เรื่องคุณภาพของภาพถ่ายในที่แสงน้อย จะมีคุณภาพที่แตกต่างจากกล้องหน้า 44 ล้านพิกเซลพอสมควร แนะนำให้ใช้กล้องหน้ามุมกว้างในการถ่ายภาพตอนกลางวัน หรือมีสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างมากกว่าครับ
โหมดปกติ (ซ้าย) | โหมด Beauty (ขวา)
โหมดการถ่ายภาพกล้องหน้าที่น่าสนใจของรุ่นนี้ในโหมดแรก ได้แก่ โหมดกลางคืน AI low-light Portrait ที่ช่วยปรับแสงสว่างบริเวณใบหน้า ให้ภาพคมชัดมากกว่าโหมดปกติ และสามารถใช้การเพิ่มแสงหน้าจอแทนแฟลชในโหมด Selfie soft light band ผลที่ได้ก็คือจะให้ภาพเซลฟี่ยามค่ำคืนที่มีความสว่าง ใบหน้าเนียน อุณหภูมิสีที่เที่ยงตรง และให้โทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
กล้องหน้ามุมปกติ | กล้องหน้ามุมกว้าง
ส่วนการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า Vivo V20 Pro 5G รองรับที่ความละเอียดสูงถึง 4K พร้อมโหมด Face Beauty ที่ใช้งานได้ในความละเอียดระดับสูง ตรงนี้เป็นจุดที่แตกต่างจากโหมด Beauty Video ของแบรนด์อื่น ที่มักจะถ่ายได้แค่ความละเอียด Full HD 1080p นอกจากนี้ในโหมดวิดีโอ ยังมีฟังก์ชั่นป้องกันภาพสั่นไหวอีกด้วย
ไม่เพียงถ่ายวิดีโอกล้องหน้าที่ความละเอียดสูงเพียงอย่างเดียว Vivo V20 Pro 5G ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ในการถ่ายวิดีโอกล้องหน้าพร้อมกับกล้องหลัง Dual-View Video หรือจะเป็นการถ่ายวิดีโอแบบ Slo-mo Selfie รวมถึง Art Portrait Video ที่ปรับแต่งรูปลักษณ์ได้ถึง 5 แบบ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Vivo V20 Pro 5G
กล้องหลังจัดเต็ม 64MP + เลนส์มุมกว้าง (Super Wide Angle/Bokeh/Super Macro) + กล้อง Mono
กล้องหลักของ Vivo V20 Pro มีความละเอียดสูงถึง 64MP คมชัดทุกรายละเอียด และมาพร้อมกับกล้องรองที่ทำหน้าที่แบบ 3 in 1 เป็นทั้งกล้องถ่ายภาพมุมกว้าง Super Wide-angle/ Bokeh/ Super Macro ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดยรวมถือว่าให้ระยะทำการเพียงพอต่อการใช้งาน ถ่ายได้ทั้งในระยะปกติ, มุมกว้าง และการซูม อีกทั้งมีลูกเล่นต่าง ๆ มากมายในส่วนของกล้องหลัก ได้แก่
Super night mode
แม้ว่าในโหมด Auto ของกล้อง Vivo V20 Pro 5G จะถ่ายภาพกลางคืนได้ดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการความสว่างที่มากกว่า และต้องการรายละเอียดที่คมชัดขึ้นไปอีกระดับ โหมดกลางคืนอย่าง Super night mode จะทำให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยดีขึ้นอย่างชัดเจน สามารถเลือกได้ด้วยว่าจะถ่าย Super night mode ด้วยมือเปล่า หรือใช้ขาตั้งกล้อง และสามารถใช้งานโหมดนี้ได้กับกล้องทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นระยะกล้องหลัก, กล้องซูม หรือกล้อง Ultra wide angle
Motion Autofocus
ระบบติดตามการเคลื่อนไหวของวัตถุ เพียงแตะที่วัตถุที่ต้องการถ่ายภาพ 2 ครั้ง จากนั้นกล้องของ Vivo V20 Pro 5G จะทำการล็อกจุดโฟกัส และเคลื่อนไปตามวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เหมาะกับการถ่ายภาพที่วัตถุมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น ถ่ายสัตว์เลี้ยง หรือถ่ายรูปเด็ก เป็นต้น
การถ่ายวิดีโอ
ส่วนการถ่ายวิดีโอ รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60fps และแน่นอนว่ามีโหมดกันสั่น Ultra Stable ให้เลือกใช้ในกรณีที่ถ่ายวิดีโอแล้วมีการเคลื่อนไหวเยอะ ๆ รวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ในการถ่ายวิดีโอก็มีให้เลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโหมด Beauty หน้าสวยในวิดีโอ และยังมาพร้อมกับ 3D Sound Tracking ที่เน้นเสียงตัวละครหลักของวิดีโอเสมอ
เปรียบเทียบระหว่างรูปเก่า (ซ้าย) | รูปที่ผ่าน Memory Recaller (ขวา)
ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจในกล้องหลัก Vivo V20 Pro 5G จะเกี่ยวกับการแต่งภาพ ได้แก่ฟีเจอร์อย่าง AI Image Matting ที่สามารถเปลี่ยนท้องฟ้าได้หลากหลายรูปแบบ หรือจะเป็น Memory Recaller ที่ใช้ AI ช่วยในการปรับแต่งภาพเก่า ให้มีความคมชัด และเพิ่มสีสันให้เหมือนภาพเก่ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Vivo V20 Pro 5G
ประสิทธิภาพ การประมวลผล และการรองรับ 5G
รีวิว Vivo V20 Pro 5G ในด้านประสิทธิภาพกันบ้าง รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลที่ให้ประสิทธิภาพดีอย่าง Qualcomm Snapdragon 765G พร้อมกับ RAM 8GB และความจุในตัวเครื่อง 128GB (UFS 2.1) แม้จะไม่รองรับการเพิ่ม microSD Card แต่ความจุที่ให้มาน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานได้ในระดับหนึ่ง
เช่นเดียวกับประสิทธิภาพในการประมวลผล ชิปเซ็ตระดับ Snapdragon 765G นั้นให้ความแรงในระดับที่ใช้งานได้อย่างลื่นไหล รวมถึงการเล่นเกมที่สามารถปรับการตั้งค่าในระดับสูง – สูงสุดได้แทบจะทุกเกมที่มีให้ดาวน์โหลดบน Google Play Store ผมทดสอบกับหลาย ๆ เกมยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น PUBG Mobile, RoV, Free Fire, Call of Duty Mobile หรือจะเป็นเกมออฟไลน์อย่าง Asphalt 9 ก็สามารถปรับตั้งค่าสูงสุด และเล่นได้อย่างลื่นไหลที่เฟรมเรตสูง
ตัวช่วยในการเล่นเกมอย่าง Ultra Game Mode ก็ถูกปรับปรุงใน Funtouch OS 11 มีโหมดทางเลือกอย่าง Esport Mode (รองรับ PUBG Mobile, Free Fire) ที่จะปิดทุกการแจ้งเตือนในคลิกเดียว และทำการปิดแอปที่ทำงานเบื้องหลังทั้งหมด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นเกม หรือจะเป็น Bot Mode หรือโหมดบอทที่จะทำให้เกมเล่นต่อเนื่องแม้จะปิดหน้าจออยู่ เหมาะกับเกมที่สามารถเปิดบอทเพื่อฟาร์มของ ฟาร์มเลเวลได้ และประหยัดพลังงานมากกว่าตอนที่เปิดหน้าจอ
นอกจากนี้ Ultra Game Mode ยังมีฟังก์ชั่นอย่างการเลือกให้ความสำคัญกับเฟรมเรตเป็นอันดับแรก หากตัวเครื่องเกิดความร้อนขึ้นระหว่างเล่น จะทำการลดความละเอียดของเกมลง เพื่อให้เฟรมเรตนิ่ง เล่นได้อย่างลื่นไหล
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมกับระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว D5 สามารถกระจายความร้อนจาก CPU ได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะใช้งานอย่างหนัก และยังเพิ่มอายุการใช้งานของ CPU ให้ยาวนานมากขึ้น
ด้านการเชื่อมต่อของ Vivo V20 Pro 5G ก็ตามชื่อรุ่นเลยครับ สมาร์ตโฟนรุ่นนี้รองรับ 5G ทั้งแบบ SA และ NSA ในคลื่นความถี่ N41 (2600 MHz) และ N78 (3500 MHz) ผมทดสอบกับทั้ง AIS และ TrueMove H พบว่าตัวเครื่องจับสัญญาณ 5G ได้ดี และทำความเร็วได้ในระดับที่ประทับใจ ส่วนการเชื่อมต่อ 4G นั้นรองรับทั้ง FDD-LTE และ TDD-LTE แถมยังรองรับการรวมคลื่น (Carrier Aggregation) อีกด้วย
ส่วนการเชื่อมต่ออื่น ๆ รุ่นนี้มาพร้อมกับ Bluetooth 5.0 และรองรับ Wi-Fi 5 (2.4 GHz + 5 GHz) ระบบนำทาง GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB Type-C 2.0
Design การออกแบบตัวเครื่อง
Vivo V20 Pro 5G มีขนาดตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่จนเกินไป มาพร้อมกับหน้าจอขนาด6.44 นิ้ว ขอบหน้าจอโค้ง 2.5D การวางตำแหน่งของจุดต่าง ๆ ทำได้อย่างสมดุล น้ำหนักตัวเครื่องไม่ทิ้งไปด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป ส่งผลให้จับถือตัวเครื่องสะดวก น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 170 กรัม และมีความบาง 7.39 มม.
รายละเอียดต่าง ๆ ของตัวเครื่อง Vivo V20 Pro 5G บริเวณด้านล่างประกอบไปด้วยพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual Slot (nano SIM) ไม่รองรับ microSD Card, ลำโพงหลักของตัวเครื่องที่เป็นลำโพงเดี่ยว และไมโครโฟนตัวที่ 1 สำหรับสนทนาโทรศัพท์
ด้านบนตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ส่วนปุ่มกดต่าง ๆ จะอยู่บริเวณด้านขวามือทั้งหมด ประกอบไปด้วยปุ่มเปิดปิดหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านหลังตัวเครื่องรีวิว Vivo V20 Pro 5G ที่ได้รับมาเป็นสี Midnight Jazz พื้นผิววัสดุฝาหลังเป็นแบบด้าน AG Matte Glass ไม่เก็บรอยนิ้วมือ และมีการไล่เฉดสีเมื่อตัวเครื่องโดนแสงตกกระทบ ให้ความรู้สึกหรูหรา และเข้ากันกับโมดูลกล้องหลังได้เป็นอย่างดี
โดยตัวกล้องหลังประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์หลัก 64MP, กล้องมุมกว้าง + มาโคร 8MP และกล้อง Mono 2MP ทั้งหมดวางอยู่บนโมดูลสี่เหลี่ยม ตัวโมดูลกล้องนูนขึ้นมาจากฝาหลังเพียงเล็กน้อย เมื่อใส่เคสที่แถมมาให้ ขอบเคสก็จะป้องกันกล้องที่นูนขึ้นมาได้อย่างพอดี
แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ 33W Vivo FlashCharge 2.0
สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh ภายใต้ตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบา และมีความบางทีเดียวครับ ในด้านการใช้งาน ผมอ้างอิงจากตอนที่รีวิว Vivo V20 Pro 5G รุ่นนี้ถือเป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นที่สามารถใช้งานต่อเนื่องหมดวันโดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างวันได้สบาย ๆ อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้งานอย่างหนักหน่วง เช่น เล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือรับชมภาพยนตร์ต่อเนื่องยาวนาน กรณีแบบนั้นก็ไม่น่าจะมีแบตเตอรี่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นไหนก็ตาม
ส่วนเรื่องการชาร์จไฟ รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบชาร์จ 33W Vivo FlashCharge 2.0 สามารถชาร์จไฟกลับได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอะแดปเตอร์ที่แถมมาให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ใช้เวลาชาร์จ 30 นาที ได้แบตเตอรี่คืนมามากกว่า 50% และใช้เวลาชาร์จไฟเต็ม 100% ประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆ ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่แบตอึด และชาร์จเร็วครับ
สรุปภาพรวม รีวิว Vivo V20 Pro 5G ราคา 14,999 บาท
ภาพรวมสำหรับรีวิว Vivo V20 Pro 5G กับราคาค่าตัว 14,999 บาท ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่ได้รับกลับมา โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องหน้าที่ต้องบอกเลยว่า “มาเต็ม” และเป็นสมาร์ตโฟนที่ส่วนตัวผมมองว่าถ่ายรูปได้สนุกมากรุ่นหนึ่ง ระบบโฟกัสดวงตามีความแม่นยำสูง ลูกเล่นของกล้องถ่ายภาพที่มีให้เลือกใช้งานเยอะแยะมากมาย รวมถึงกระบวนการแต่งภาพหลังถ่าย
อีกทั้งรองรับการใช้งาน 5G กับสเปคที่ให้มาก็สามารถเล่นเกมได้สบาย ๆ ด้วยชิปเซ็ตอย่าง Snapdragon 765G + RAM 8GB แม้จะไม่ใช่ชิปเซ็ตระดับท็อปสุดของ Qualcomm แต่ในภาพรวมก็ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ส่วนมากแทบจะ 100% ต่อให้ใช้ในการเล่นเกม รุ่นนี้ก็สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล อันที่จริง Vivo ในช่วงหลัง ๆ มานี้ก็ปรับแต่งซอฟต์แวร์ Funtouch OS ได้ดีมาโดยตลอด