รีวิว Samsung Galaxy A32 4G LTE มาแล้วครับ สำหรับใครที่กำลังสนใจสมาร์ตโฟนซัมซุงราคาไม่เกินหมื่น ในต้นปี 2021 รับรองว่ารุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะจัดเต็มสเปค (ยิ่งกว่ารุ่น 5G) ทั้งหน้าจอ sAMOLED 90Hz รวมถึงกล้องหลัง 64MP ทั้งยังเอาใจสายเซลฟี่ ด้วยกล้องหน้าความละเอียด 20MP อีกด้วย
สเปค Samsung Galaxy A32 LTE
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรช 90Hz
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio G80
- RAM 8GB
- ความจุ ROM 128GB, รองรับ microSD card สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง 4 ตัว
– กล้องหลัก 64MP, ISOCELL GW3, ระบบโฟกัสแบบ PDAF
– กล้อง Ultra-wide 8MP
– กล้อง Macro 5MP
– กล้อง Depth 5MP - กล้องหน้าความละเอียด 20MP
- Dolby Atmos
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0
- พอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ + ปลดล็อกด้วยสแกนใบหน้า
- แบตเตอรี่ 5000mAh, รองรับชาร์จเร็ว 15W
- ระบบปฏิบัติการ Samsung One UI 3 บน Android 11
- ราคา 8,499 บาท
รีวิว Samsung Galaxy A32 4G
ส่วนใครที่ไม่ถนัดชมรีวิว Samsung Galaxy A32 4G แบบวิดีโอ สามารถเลื่อนลงมาอ่านรีวิวแบบบทความได้ทางด้านล่างเลยครับ ผมสรุปจากในวิดีโอรีวิวไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับความแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy A32 LTE กับ Galaxy A32 5G (และ Galaxy A42 5G) ทีมงานเราได้เขียนบทความเปรียบเทียบสเปคไว้เรียบร้อย สามารถกดเข้าไปอ่านได้ที่นี่
หน้าตาของ Samsung Galaxy A32 LTE หากมองผ่าน ๆ ก็จะคล้ายกับรุ่น 5G แทบจะทุกด้าน จะมีความแตกต่างเล็กน้อยในเรื่องขนาดตัวเครื่อง, ตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และดีไซน์หน้าจอบริเวณกล้องหน้า โดย Galaxy A32 LTE จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว แบบ Infinity-U Display ประเภทหน้าจอเป็น Super AMOLED ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรชสูงสุด 90Hz Advanced Integrated Display กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5
รุ่นนี้ยังคงมีขอบจอให้เห็นพอประมาณ ด้านบนหน้าจอ Infinity-U เป็นตำแหน่งของกล้องหน้า ความละเอียด 20MP ส่วนเรื่องสีสันหน้าจอก็ทำได้ดี ตามสไตล์ของจอซัมซุง sAMOLED ก็คือให้สีที่สดกว่าหน้าจอ IPS ทั่วไป และการแสดงผลสีดำ จะดำสนิทมากกว่า ด้านความลื่นไหลหน้าจอนี่หายห่วง เพราะมีอัตรารีเฟรชสูงถึง 90Hz ปัดหน้าจอไปมาก็ให้ความรู้สึกที่ลื่นมากกว่าจอ 60Hz และยังส่งผลไปถึงการเล่นเกม ที่ให้อัตราการตอบสนองหน้าจอที่ดีกว่าอีกด้วย
รายละเอียดด้านข้าง ในมุมต่าง ๆ ของ Galaxy A32 LTE เริ่มจากด้านขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่ม Sleep/ Wake | ด้านล่างเป็นลำโพง, พอร์ต USB Type-C, ไมโครโฟนสนทนา, พอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร | ด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน | ด้านซ้ายเป็นถาดใส่ซิมการ์ด ท่ีรองรับการใช้งาน 3 Card Slot (2 นาโนซิม + 1 microSD Card)
สำหรับการปลดล็อกตัวเครื่อง Galaxy A32 LTE สามารถปลดล็อกได้ 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ การปลดล็อกด้วยสแกนใบหน้า และการปลดล็อกด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ทั้งสองรูปแบบการปลดล็อก ควบคุมความปลอดภัยด้วย Samsung Knox เพราะฉะนั้นการปลดล็อก อาจไม่ได้รวดเร็วในระดับแตะปุ๊บ ปลดล็อกทันที แต่ถ้าเรื่องความปลอดภัย ความแม่นยำนี่หายห่วง สามารถใช้ในการทำธุรกรรมได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ
ด้านหลังของ Samsung Galaxy A32 LTE ออกแบบมาได้แปลกตากว่าซัมซุงรุ่นที่ผ่านมา เพราะไม่มีการวางฐานที่โมดูลกล้อง แต่เป็นตัวกล้องโผล่ขึ้นมาตรง ๆ เลย ให้ความรู้สึกเรียบ ๆ ลงตัวไปอีกแบบ โดยชุดกล้องหลังของ Galaxy A32 LTE ประกอบไปด้วย
- กล้องหลัก 64MP, ISOCELL GW3, ระบบโฟกัสแบบ PDAF
- กล้อง Ultra-wide 8MP
- กล้อง Macro 5MP
- กล้อง Depth 5MP
สำหรับกล้องหลังของ Galaxy A32 LTE ที่มีด้วยกันทั้งหมด 4 กล้อง ก็ถือว่าให้ระยะมาเหมาะสมกับการใช้งานปกติทั่วไป เน้นที่การใช้งานระยะ Wide และ Ultra wide-angle เป็นหลัก ส่วนการซูม รุ่นนี้ซูมเป็น Digital Zoom ในทุกระยะ แต่ส่วนตัวมองว่าในระยะ 2x ที่เป็นระยะใช้งานจริงนั้น การใช้เซ็นเซอร์ 64MP ในการซูม ก็ให้คุณภาพของรูปถ่ายในระดับใช้งานได้ สำหรับการอัพขึ้นโซเชียลมีเดีย
ส่วนการถ่ายวิดีโอ Samsung Galaxy A32 LTE รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p / 30fps ไม่มีโหมดกันสั่นให้ เนื่องจากเป็น Galaxy A-Series รุ่นกลางนั่นเอง แต่ในการถ่ายวิดีโอ หากเป็นการเดินถ่ายปกติ ไม่ได้เคลื่อนไหวเร็ว ๆ ก็พอที่จะควบคุมกล้องวิดีโอให้นิ่งได้ในระดับหนึ่ง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Galaxy A32 4G
ด้านการประมวลผล รุ่นนี้ใส่ชิปเซ็ตเกมมิ่ง (ระดับกลาง) อย่าง MediaTek Helio G80 + RAM 8GB และความจุในตัวเครื่อง 128GB ก็ถือว่าเป็นสเปคระดับมาตรฐาน ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป เล่นโซเชียลมีเดีย, รับชมวิดีโอสตรีมมิ่ง NetFlix, Youtube รวมถึงเล่นเกมได้ แต่อาจต้องปรับตั้งค่าในเกมระดับ Medium หรือกราฟฟิกกลาง ๆ ก็พอที่จะเล่นได้ลื่นไหล ส่วนระบบปฏิบัติการ รุ่นนี้มาพร้อม Android 11 ครอบด้วย OneUI 3.0 ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่จากทาง Samsung และน่าจะรองรับการอัพเดตข้ามรุ่นอีกด้วย
แบตเตอรี่ในตัวเครื่องมีความจุอยู่ที่ 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องหมดวัดสบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างวัน ด้วยชิปเซ็ตที่จัดการพลังงานค่อนข้างดี และหน้าจอ sAMOLED ที่มีอัตราการบริโภคพลังงานไม่สูงมาก แต่จะมีข้อสังเกตในเรื่องการชาร์จไฟ ที่รองรับชาร์จเร็วเพียง 15W เลยทำให้การชาร์จไฟใช้เวลามากสักหน่อย
ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อ รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ด รองรับการรวมคลื่น Carrier Aggregation ในพื้นที่ ๆ รองรับ การเชื่อมต่อจะขึ้นเป็น 4G+ อีกทั้งรองรับ VoLTE, VoWiFi (ทดสอบกับซิม AIS) ด้านการเชื่อมต่อ Wi-Fi รุ่นนี้รองรับสูงสุดที่ Wi-Fi 5 ได้ทั้งคลื่น 2.4GHz และ 5GHz การเชื่อมต่อบลูทูธเป็น Bluetooth 5.0
โดยรวมสำหรับ Samsung Galaxy A32 4G LTE กับราคาเปิดตัว 8,499 บาท ก็ถือเป็นเซอร์ไพรส์เบา ๆ จากทางซัมซุงอยู่เหมือนกัน ที่ช่วงหลังมานี้ก็เริ่มโดดเข้ามาเล่นเรื่องราคา ทำสมาร์ตโฟนให้ราคาใกล้เคียงกับแบรนด์จีนมากขึ้น และรุ่นนี้เองก็ถือว่าทำการบ้านมาดี หลายสเปค ๆ หากตัดเรื่อง 5G ออกไป ก็มีความน่าสนใจ ทั้งเรื่องหน้าจอ 90Hz sAMOLED รวมถึงกล้องหลัง 64MP