รีวิว OnePlus 8T รุ่นใหญ่ไปแล้ว ก็ถึงตาของรุ่นน้องเล็ก รีวิว OnePlus Nord N10 5G สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับกล้อง 64MP ที่ถ่ายได้ชัดสุด ๆ รองรับการใช้งาน 5G ในประเทศไทย และที่สำคัญคือ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ OxygenOS แบบเดียวกับรุ่นพี่
สเปค OnePlus Nord N10 5G
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.49 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรช 90Hz
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 690 5G octa-core (2×2.0 GHz Kryo 560 Gold & 6×1.7 GHz Kryo 560 Silver)
- GPU Adreno 619L
- RAM 6GB
- ROM 128GB เพิ่ม Micro SD Card ได้สูงสุด 512 GB
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล
- ลำโพงคู่ Dual Stereo Speakers
- รองรับการเชื่อมต่อ 5G
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS 10.5
- รองรับ Wi-Fi 5, Bluetooth 5.1
- ขนาดตัวเครื่อง 163 x 74.7 x 8.95 มิลลิเมตร
- หนัก 190 กรัม
- สเปคเต็ม OnePlus Nord N10 5G
- ราคา 9,990 บาท
สำหรับอุปกรณ์ในกล่องของเครื่องรีวิว OnePlus Nord N10 5G ประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, สายชาร์จแบบ USB Type-C to USB Type-A, อะแดปเตอร์ Warp Charge 30T ตัวเครื่องติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่แรก
Design – การออกแบบ
OnePlus Nord N10 5G ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะวางจำหน่ายเฉพาะสี Midnight Ice (สีเดียวกับเครื่องรีวิว OnePlus Nord N10 5G ในบทความ) ที่เป็นรุ่น RAM 6GB/ 128GB ROM เท่านั้น โดยสีสันตัวเครื่องจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม ลวดลายฝาหลังสะท้อนกับแสงแบบไม่คงที่ เพราะฉะนั้นในทุก ๆ มุมมองที่เปลี่ยนไป ลวดลายฝาหลังของรุ่นนี้ก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย ส่วนพื้นผิวฝาหลังเป็นแบบมันเงา หรือ Glossy
รายละเอียดตัวเครื่อง OnePlus Nord N10 5G เริ่มจากด้านหน้า ประกอบไปด้วยหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.49 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีอัตรารีเฟรชหน้าจอ 90Hz ขอบจอค่อนข้างบางทีเดียว ส่วนกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ถูกฝังไว้บริเวณมุมซ้ายบนหน้าจอ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่รบกวนการใช้งานน้อยที่สุด
ด้านข้างของ OnePlus Nord N10 5G เริ่มจากด้านซ้ายมือ ประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่มเสียง ลดเสียง และถาดใส่ซิมการ์ด ถือเป็นครั้งแรกที่สมาร์ตโฟน OnePlus รองรับการเพิ่มความจุด้วย micro SD Card (รองรับสูงสุด 512GB) ถาดซิมเป็นแบบ Hybrid Slot คือต้องเลือกระหว่างซิม 2 หรือ micro SD Card นั่นเอง ขนาดซิมการ์ดที่รองรับเป็น Nano SIM ทั้ง 2 ซิมครับ
รายละเอียดด้านล่างของรุ่นนี้ ให้พอร์ตเชื่อมต่อมาอย่างครบครัน ได้แก่พอร์ตชาร์จไฟแบบ USB Type-C รวมถึงพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ กับลำโพงของตัวเครื่อง โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่แบบ Stereo เสียงจะออกบน – ล่าง เป็นสมาร์ตโฟนที่ลำโพงดังใช้ได้เลย และมีไมโครโฟนอีกตัวอยู่บริเวณด้านบน ใช้สำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านขวามีเพียงปุ่ม Power ที่เมื่อกดค้างจะเป็นการเรียก Google Assistant (ค่าพื้นฐาน) แต่สามารถปรับแต่งให้กดแล้วเลือกปิดเครื่อง, รีสตาร์ตเครื่องได้ในหัวข้อ Buttons & gestures นอกจากนี้การกดปุ่ม Power ติดกันสองครั้ง ยังเป็นการเรียกแอปกล้องถ่ายรูปได้อีกด้วย
ด้านหลังของ OnePlus Nord N10 5G ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 4 กล้อง ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล วางบนฐานโมดูลทรงสี่เหลี่ยมตามสมัยนิยม มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บริเวณตรงกลางฝาหลัง โดยฝาหลังของรุ่นนี้ ออกแบบให้มีความโค้งมน ช่วยให้จับถือตัวเครื่องได้สะดวก
ส่วนเรื่องงานประกอบ และวัสดุของตัวเครื่อง แม้วัสดุหลักของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้จะเป็นพลาสติก แต่ก็เป็นพลาสติกเกรดพรีเมียม รวมถึงงานประกอบที่แน่นหนา เรียกได้ว่าไม่แพ้รุ่นพี่ล่ะครับ เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นกลาง ที่ให้สัมผัสพรีเมียมไม่แพ้พวกรุ่นใหญ่ราคา 20,000 บาทได้สบาย ๆ
Connectivity – การเชื่อมต่อ
หนึ่งในความสามารถเด่นของ OnePlus Nord N10 5G เครื่องนี้ คือในเรื่องการเชื่อมต่อ 5G (โมเด็ม Snapdragon X51) สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ รองรับการใช้งาน 5G ในไทยทันที หลังวางจำหน่าย จากที่ได้ทดสอบเครื่องรีวิว OnePlus Nord N10 5G กับ AIS และ TrueMove H พบว่าสามารถจับสัญญาณ 5G ได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนความเร็วในการเชื่อมต่อ หากแพ็กเกจที่สมัครเป็นแพ็กเกจ 5G ผมทดสอบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เส้นทางรถไฟฟ้า BTS พบว่าทำความเร็วในการ Speed Test ได้เฉลี่ย 300 Mbps ขึ้นไปในการ Download ครับ
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอื่น ๆ รุ่นนี้รองรับ Wi-Fi 2.4 + 5GHz (Wi-Fi 5), Bluetooth 5.1 นอกจากนี้ยังรองรับ Bluetooth Codec ที่เป็น Qualcomm aptX และ Qualcomm aptX HD ด้วยครับ ใครที่มีหูฟังไร้สายที่รองรับ Codec ดังกล่าว จะสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
Camera – กล้องถ่ายรูป
Oneplus Nord N10 5G มาพร้อมกับชุดกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายออกมาได้ชัดมาก ในระดับที่ว่าซูม หรือครอปภาพ 100% จากไฟล์ 64 ล้านพิกเซล สามารถนำมาใช้งานต่อ หรือโพสต์ลงโซเชียลมีเดียวได้สบาย ๆ ส่วนกล้องตัวอื่น ๆ ก็มีระยะที่ครอบคลุมการใช้งานทั่วไป มีสเปคกล้องหลังดังนี้
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79 ระบบกันสั่น EIS
- กล้องมุมกว้าง Ultra Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25 ให้มุมมองภาพกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 โฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร
- กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- สามารถถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 4K 30fps
ในการถ่ายรูปด้วยโหมดปกติ หรือโหมด Photo จะมีการใช้ AI เข้ามาช่วยในการเลือกฉาก และปรับแต่งภาพถ่ายให้เหมาะสมกับฉากนั้น ๆ โดยรวมแล้วในโหมดปกติ ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่ใช้ถ่ายรูปง่ายครับ การใช้งานไม่ซับซ้อน การโฟกัสในที่แสงปกติถือว่ารวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง แต่ถ้าถ่ายในที่แสงน้อย ความเร็วในการโฟกัสก็จะลดลงมา
อย่างไรก็ตาม ในการถ่ายภาพด้วยโหมด Photo จะมีข้อสังเกตเรื่องความละเอียดภาพถ่าย ในการตั้งค่าพื้นฐาน รุ่นนี้จะถ่ายออกมาที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เนื่องจากเซ็นเซอร์ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ถูกออกแบบให้ทำงานแบบ Pixel-binning หรือรวม 4 พิกเซล เข้าเป็น 1 พิกเซล เพื่อให้ได้ภาพที่มีพิกเซลขนาดใหญ่ เก็บแสงได้มากขึ้น เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น วิธีการคำนวณก็ง่าย ๆ ครับ 64 หารด้วย 4 ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาที่ 16 ล้านพิกเซลนั่นเอง
ส่วนใครที่อยากจะถ่ายให้ชัดสุด ๆ ด้วยความละเอียดเต็มเซ็นเซอร์ 64 ล้านพิกเซล ก็สามารถทำได้เช่นกัน ในโหมด Photo ให้เลือกความละเอียดด้านบนเป็น 64MP เท่านี้ก็จะได้ไฟล์ภาพขนาดใหญ่ เหมาะกับการนำมา Crop ภาพเพื่อไปใช้งานต่อ แต่ไม่แนะนำให้ถ่าย 64 ล้านพิกเซลเป็นหลัก เนื่องจากไฟล์ภาพมีขนาดใหญ่ระดับ 10 MB ต่อไฟล์ อีกทั้ง AI ที่ช่วยปรับแต่งภาพถ่าย ไม่สามารถทำงานเต็มประสิทธิภาพ หากถ่ายที่ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
อย่างไรก็ตาม ในโหมด Photo หากถ่ายด้วยกล้องมุมกว้าง Ultra wide-angle (สัญลักษณ์ต้นไม้หลายต้น) ก็จะได้ภาพที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ตามขนาดของเซ็นเซอร์กล้องมุมกว้าง ส่วนการซูมภาพของรุ่นนี้ เป็นการซูมแบบ Digital Zoom ด้วยเซ็นเซอร์หลัก จากที่ลองเล่นมา ผมว่าการซูมระยะสัก 2 เท่า ให้คุณภาพที่ดีเลยทีเดียว
โหมดถ่ายรูปที่น่าสนใจของ OnePlus Nord N10 5G อีกหนึ่งโหมดก็คือ Portrait หรือโหมดถ่ายภาพบุคคล ที่สร้างโบเก้ได้เนียน และเป็นธรรมชาติ โดยวิธีการถ่ายโบเก้ ให้เลือกที่ Portrait จากนั้นเว้นระยะห่างจากตัวแบบประมาณหนึ่ง รอให้คำว่า Depth effect ขึ้นเป็นสีเขียว จากนั้นกดถ่ายรูป จะได้ภาพหน้าชัด – หลังเบลอแบบนี้
ในการถ่ายภาพกลางคืน หรือถ่ายภาพในที่แสงน้อย รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับโหมดกลางคืน Nightscape ที่ช่วยให้ได้ภาพสว่าง เก็บรายละเอียดคมชัด และทำการลด Noise ในรูปภาพ สามารถใช้งานโหมดนี้ได้ทั้งกล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล และกล้องมุมกว้าง Ultra wide-angle 8 ล้านพิกเซลครับ แต่ถ้าเป็นกล้องมุมกว้าง ในการถ่ายกลางคืน คุณภาพของรูปถ่ายอาจจะไม่ได้เทียบเท่ากับกล้องหลัก เนื่องจากข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์
อีกหนึ่งโหมดที่รุ่นนี้สามารถเลือกใช้งานได้ และน่าจะถูกใจมือโปร ก็คือโหมด Pro ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง การตั้งค่าต่าง ๆ ของกล้อง ไม่ว่าจะเป็น ISO, White Balance, ความเร็วชัตเตอร์, การปรับโฟกัส, การชดเชยแสง ไปจนถึงการเลือกบันทึกไฟล์ภาพ ว่าจะเลือกเป็น JPG, JPG 64MP หรือบันทึกไฟล์ RAW DNG ที่เหมาะกับการนำมาแต่งภาพในแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น Lightroom, SnapSeed เป็นต้น
ส่วนกล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลของ OnePlus Nord N10 5G ก็มีโหมดให้เลือกใช้งาน 2 โหมด ได้แก่ Photo ที่สามารถเปิด Beauty ได้ กับโหมด Portrait ที่สามารถทำโบเก้ด้วยกล้องหน้า จากที่ได้ทดสอบมา ผมว่าโหมด Portrait ของรุ่นนี้ ทำโบเก้ได้เนียนทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังเลยครับ
สำหรับการถ่ายวิดีโอ OnePlus Nord N10 5G รองรับการถ่ายวิดีโอ 60 fps ที่ความละเอียด 1080p หรือ Full HD ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง แต่ถ้าต้องการถ่ายวิดีโอ 4K จะทำได้แค่กล้องหลัง และได้เฟรมเรตสูงสุดที่ 30 fps เท่านั้น โดยในการถ่าย 4K นอกจาก 30 fps แล้ว รุ่นนี้ยังเลือกบันทึก 4K CINE 24 fps ที่อัตราส่วนวิดีโอแบบ 21:9 ได้อีกด้วย
ข้อดีอีกอย่างในการบันทึกวิดีโอของ OnePlus Nord N10 5G สามารถสลับระยะได้ตลอดการบันทึก และใช้เลนส์มุมกว้าง Ultra wide-angle ในการบันทึกวิดีโอได้ด้วย แต่มีข้อสังเกตในเรื่องตัวช่วยกันสั่น รุ่นนี้มีเพียงระบบกันสั่นแบบ EIS เท่านั้น และไม่มีตัวช่วยอย่างโหมดกันสั่นเหมือนในรุ่นพี่ ทำให้การเดินถ่ายวิดีโอด้วยรุ่นนี้ อาจจะต้องเคลื่อนไหวน้อย ๆ หรือใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง Gimbal เพื่อให้ถ่ายวิดีโอได้นิ่งมากขึ้น
Performance – ประสิทธิภาพ
สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 690 5G octa-core (Kyro 560) ชิปประมวลผลรุ่นปี 2020 ของทาง Qualcomm ที่ให้ประสิทธิภาพ ในการประมวลผลใกล้เคียงกับรุ่นยอดนิยมอย่าง Snapdragon 765G ที่เป็นชิปเซ็ตปี 2019 โดยชิปรุ่นดังกล่าวผลิตที่เทคโนโลยีการผลิต 8 นาโนเมตร ความเร็วสูงสุด 2.0 GHz พร้อมชิปประมวลผลกราฟฟิก หรือ GPU Adreno 619L
ในการเล่นเกมด้วยเครื่องรีวิว OnePlus Nord N10 5G จากที่ได้ทดสอบกับหลาย ๆ เกม รุ่นนี้สามารถเล่นเกมมือถือ ไม่ว่าจะเป็น ROV, PUBG Mobile, Free Fire หรือเกมใหม่อย่าง Leagues of Legend : Wild Rift ได้อย่างลื่นไหล และปรับตั้งต่าระดับสูง – สูงมาก ในเฟรมเรตสูงด้วยครับ ถือเป็นชิป Series 600 ของ Qualcomm ที่แรงที่สุดในท้องตลาด ณ ตอนนี้เลยก็ว่าได้
ตัวช่วยในการเล่นเกมของ OnePlus Nord N10 5G รุ่นนี้มาพร้อมกับ Game Space และโหมดเกม 2 ระดับ ได้แก่ Gaming Mode ที่เน้นเรื่องการเร่งประสิทธิภาพในการประมวลผลของ CPU, GPU และ RAM กับอีกโหมดขึ้นชื่อ Fnatic Mode ที่ไม่เพียงเร่งประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ แต่ยังรวมถึงการปิดแจ้งเตือน ปิดการทำงานเบื้องหลัง และเร่งประสิทธิภาพในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้สูงขึ้น เพื่อรองรับเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์
Software – ระบบปฏิบัติการ
OnePlus Nord N10 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ OxygenOS 10.5 ที่มีพื้นฐานบน Android 10 ที่ถูกปรับแต่งให้มีความเสถียร ความลื่นไหล ในแบบที่เกือบจะเป็น Pure Android พร้อมการันตีเรื่องการอัพเดตระบบรักษาความปลอดภัย (Security Patch) อย่างต่อเนื่อง
Battery – แบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน
OnePlus Nord N10 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4,300 mAh เมื่อรวมกับชิปประมวลผลอย่าง Qualcomm Snapdragon 690 5G ที่มีการจัดการพลังงานค่อนข้างดี เลยทำให้การใช้งานทั่วไป รุ่นนี้สามารถใช้งานได้ตลอดวันโดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างวัน แม้จะเป็นการเชื่อมต่อ 5G ก็ตาม แต่ก็เหมือนเคยล่ะครับ หากมีการเล่นตัวเครื่องเยอะ เปิดหน้าจอ หรือเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ก็ต้องมีชาร์จไฟระหว่างวันบ้างเป็นเรื่องปกติ
ส่วนระบบชาร์จไฟของรุ่นนี้ รองรับการชาร์จไว Warp Charge 30T (30W) ตามสเปค หากใช้เวลาชาร์จไฟ 30 นาที จะให้แบตเตอรี่มากพอที่จะใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ในการชาร์จไฟ ช่วงแบตเตอรี่จาก 0 – 80% จะจ่ายไฟได้เร็วมาก และค่อย ๆ ลดกำลังไฟเพื่อเป็นการถนอมแบตเตอรี่
สรุปภาพรวม รีวิว OnePlus Nord N10 5G
โดยรวมสำหรับรีวิว OnePlus Nord N10 5G กับค่าตัว 9,990 บาทส่วนตัวผมมองว่าเป็นการเปิดตลาดใหม่ของ OnePlus ที่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ Super Flagship เพียงอย่างเดียว แต่ให้ตัวเลือกผู้ใช้มากขึ้น อย่างรุ่นนี้ก็เปิดราคาในช่วงหมื่นต้น ๆ ได้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Snapdragon 690 รองรับ 5G ได้กล้องหลัง 64 ล้านพิกเซล ถ่ายชัดสุด แบตเตอรี่ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน พร้อมชาร์จเร็ว Warp Charge 30T
อีกหนึ่งสิ่งที่ผมมองว่า น่าสนใจในรุ่นนี้ก็คือ OxygenOS 10.5 ที่มีพื้นฐานบน Android 10 ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหล ปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้ละเอียด รองรับ Bluetooth Codec แทบจะทุกรูปแบบ และมีความเสถียรเป็นอย่างมาก ใครที่อยากลองความลื่นในแบบ OxygenOS ผมว่า OnePlus Nord N10 5G เป็นตัวเริ่มต้นที่ดีเลยครับ
ส่วนเรื่องศูนย์บริการของ OnePlus ประเทศไทย ในตอนนี้ก็ได้มีการจับมือร่วมกับ OPPO เพื่อขยาย Service Center ให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น นอกเหนือจาก OnePlus Service Center ที่ MBK ชั้น 5 ก็สามารถส่งเครื่องเคลมได้ที่ OPPO Service Center ดังนี้
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลพระราม 2
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาอิมพีเรียลฯ สำโรง
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาอยุธยาพาร์ค
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาชลบุรี
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลนครราชสีมา
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลอุบลราชธานี
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ท
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลหาดใหญ่
และสามารถจุด drop-off อีก 29 สาขาทั่วประเทศได้อีกด้วย แต่จะให้บริการเฉพาะเครื่องศูนย์ไทยเท่านั้นนะครับ เครื่องหิ้ว เครื่องนอก เคลมไม่ได้นะ