ไม่ปล่อยให้แฟน ๆ OnePlus รอนาน สำหรับ OnePlus ประเทศไทย ที่ชิงเปิดตัว OnePlus 8T 5G หลังจากงาน Global Launched ได้ไม่กี่วัน และสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก็เตรียมที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทย เร็ว ๆ นี้แล้วด้วย โดยสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ มาพร้อมกับสโลแกน Ultra Fast. Ultra Smooth. หรือถ้าให้แปลเป็นไทยแบบตรง ๆ ให้ได้อารมณ์หน่อยก็ “โคตรแรง โคตรลื่น” ว่าแต่จะลื่น จะแรงขนาดไหน อ่านได้ในรีวิว OnePlus 8T 5G เลยครับ
สเปค OnePlus 8T 5G
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 20:9 อัตรารีเฟรช 120Hz, อัตราตอบสนอง 240Hz, 100% DCI-P3, HDR10+
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865
- RAM 8GB/ 12GB LPDDR4x
- ROM 128GB/ 256GB UFS 3.1
- ระบบปฏิบัติการ OxygenOS 11 บน Android 11
- กล้องหลัง
- กล้องหลัก 48MP, ƒ/1.7, เซ็นเซอร์ Sony IMX586, PDAF+CAF, OIS + EIS
- กล้องอัลตร้าไวด์ 16MP, ƒ/2.2, มุมกว้าง 123 องศา
- กล้องมาโคร 5MP, ƒ/2.4
- กล้อง Monochrome 2MP, ƒ/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 16MP, ƒ/2.4, เซ็นเซอร์ Sony IMX471
- ลำโพงคู่สเตอรีโอ, รองรับ Dolby Atmos
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, NFC, USB Type-C
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ)
- แบตเตอรี่ 4500mAh, รองรับชาร์จไว Warp Charge 65 (10V/6.5A)
อุปกรณ์ในกล่องของ OnePlus 8T 5G ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ Warp Charge 65 ที่จ่ายไฟได้แรงถึง 65W และสายชาร์จแบบ USB Type-C to USB Type-C สีแดง หัวต่อสีขาว อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ แต่คราวนี้ไม่มีเคสแถมมาให้ในกล่องครับ
Display – หน้าจอ
จุดเด่นแรกของ OnePlus 8T 5G อยู่ที่หน้าจอ 120Hz Fluid AMOLED Display ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รองรับ HDR 10+ และมีความหนาแน่นของพิกเซลต่อตารางนิ้ว 402 ppi ทำให้เหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป, เล่นโซเชียลมีเดีย, รับชมภาพยนตร์ ไปจนถึงการเล่นเกม
เรื่องสีสันหน้าจอ อันที่จริงสมาร์ตโฟน OnePlus ก็มีความโดดเด่นเรื่องหน้าจอสวยอยู่แล้ว และแน่นอนว่าหน้าจอของ OnePlus 8T 5G ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เพราะเป็นหน้าจอที่ให้สีที่แม่นยำ ด้วยการการันตีค่า JNCD 0.3 (ยิ่งน้อย สีที่แสดงผลยิ่งแม่นยำ) และยังรองรับการแสดงช่วงสีแบบ DCI-P3 Color Gamut อีกด้วย
ส่วนเรื่องการปรับตั้งค่าหน้าจอ Screen Calibration ของแบรนด์นี้ สามารถเลือกค่าการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ เริ่มจากแบบพื้นฐานสุด ๆ อย่าง Vivid (สีสด), Natural (ธรรมชาติ) หรือจะเลือกแบบ Advanced (ขั้นสูง) ที่ลงรายละเอียดลึกไปอีกอย่าง AMOLED Wide Gamut, sRGB และ Display P3 รวมถึงปรับโทนสีหน้าจอ ให้เป็นโทนอุ่น หรือโทนเย็นได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้
ไฮไลต์ของหน้าจอ OnePlus 8T 5G อยู่ที่การมีอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงถึง 120Hz ทำให้การใช้งานสมาร์ตโฟนเครื่องนี้ ให้ความรู้สึกลื่นไหล และเนียนตาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปัดหน้าจอไปมา, การไล่ Feed บน Social Media และส่งผลอย่างมากในการเล่นเกม เพราะนอกจากจะเล่นเกมที่รองรับอัตรารีเฟรชสูง ๆ ได้ลื่นไหลแล้ว ยังมาพร้อมกับการตอบสนองหน้าจอ 240Hz Touch Sampling Rate ที่ตอบสนองหน้าจอได้รวดเร็ว ถูกใจสายเกมอย่างแน่นอน
ด้านความสว่างหน้าจอ OnePlus 8T 5G สามารถเร่งความสว่างหน้าจอได้สูงสุดที่ 1,100 nits มั่นใจได้เลยว่าสามารถใช้งานกลางแดดตอนเที่ยงประเทศไทยได้สบาย ๆ ส่วนใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัยของดวงตาขณะใช้งาน หน้าจอสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ปล่อยแสงสีฟ้าน้อยกว่าหน้าจอ AMOLED ทั่วไปถึง 40% เนื่องจากใช้พาแนลแบบ E3 AMOLED และยังมีโหมดสำหรับการอ่านหนังสือโดยเฉพาะ ที่จะเปลี่ยนสีหน้าจอให้เป็นแบบกระดาษถนอมสายตา หรือเป็นขาวดำแบบการใช้เครื่องอ่าน E-Book
Design – การออกแบบ
ต่อเนื่องจากการรีวิว OnePlus 8T 5G เรื่องหน้าจอ ก็เข้าสู่เรื่องการดีไซน์ ที่มีผลต่อการใช้งานโทรศัพท์ไม่แพ้สเปคเครื่อง โดยส่วนตัวผม ค่อนข้างที่จะประทับใจการออกแบบของ OnePlus 8T 5G ที่ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 188 กรัม และการกระจายน้ำหนักทำได้ดี ไม่เทน้ำหนักไปทางด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป เช่นเดียวกับวัสดุตัวเครื่อง ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม
ดีไซน์ตัวเครื่องด้านหน้าก็แทบจะเป็นหน้าจอทั้งหมด ด้วยการออกแบบให้ขอบจอมีความบางแบบ Edge-to-edge โดยกล้องหน้าถูกฝังไว้ใต้หน้าจอบริเวณมุมซ้ายบน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีผลต่อการใช้งานน้อยที่สุด อีกอย่างหนึ่งคือหน้าจอไม่ได้เป็นแบบโค้ง ซึ่งน่าจะถูกใจคอเกมได้เป็นอย่างดี
บริเวณด้านข้างของรุ่นนี้ เริ่มจากด้านขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่ม Power และ Alert Slider ปุ่มที่เปลี่ยนโหมดเสียงได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างโหมดเสียง, โหมดสั่น และปิดเสียง เพียงเลื่อนปุ่มดังกล่าว ส่วนด้านขวาเป็นตำแหน่งของปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านล่างตัวเครื่องประกอบไปด้วยพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 3.1 Gen 1, ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 2-Card Slot รองรับ 2 nano SIM, ไมโครโฟน และลำโพงตัวแรก ส่วนลำโพงตัวที่สองจะอยู่บริเวณด้านบนตัวเครื่อง เช่นเดียวกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
สีสันของ OnePlus 8T 5G วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 สี และมีสเปคที่แตกต่างกัน ดังนี้
- Aquamarine Green สีเขียวน้ำทะเล (สีเครื่องรีวิว OnePlus 8T 5G ในบทความ) จะเป็นรุ่น RAM 12GB | ROM 256GB
- Lunar Silver สีเงิน ที่เครื่องจริงจะออกไปโทนสีเทามากกว่า เป็นรุ่น RAM 8GB | ROM 128GB มาพร้อมกระจกหลัง AG texture ที่ดูแลรักษาง่าย ไม่เก็บรอยนิ้วมือ
สำหรับสาเหตุที่ OnePlus เปลี่ยนดีไซน์ของโมดูลกล้องในรุ่นนี้ จากที่รุ่นก่อน ๆ จะวางอยู่บริเวณกึ่งกลางแบบสมมาตร เนื่องจากต้องการวางวัสดุระบายความร้อน เพื่อให้ตัวเครื่องรองรับการประมวลผลหนัก ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
Performance – ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ
OnePlus 8T 5G มาพร้อมกับชิปประมวลผล Snapdragon 865 + โมเด็ม X55 5G รุ่นท็อปของโลก Android ในขณะนี้ และหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ที่ให้ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลสูงมาก เพราะฉะนั้นในเรื่องการเล่นเกม สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ตอบโจทย์การเล่นเกมได้ทุกเกมแบบปรับสุด รวมถึงเล่นที่เฟรมเรตสูงสุด เท่าที่เกม ๆ นั้นจะรองรับบน Android Smartphone
ส่วนเรื่องความร้อนจากการประมวลผล OnePlus 8T 5G มีระบบระบายความร้อนแบบ Multi-layer Game-grade Cooling System ที่ช่วยในการกระจายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ จากที่ได้ทดสอบกับเครื่องรีวิว OnePlus 8T 5G ในการเล่นเกมหลาย ๆ เกม ที่ปรับตั้งค่าระดับสูง + เฟรมเรตมาตรฐาน 60fps ได้แก่ RoV, LoL Wild Rift สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ความร้อนที่ออกจากตัวเครื่องก็แค่อุ่น ๆ เท่านั้น แม้จะเล่นต่อเนื่องหลายเกมก็ตาม
แต่ถ้าเป็นการเล่นเกมที่กินสเปคสูงขึ้นมาอีกหน่อยอย่าง PUBG Mobile ที่ปรับตั้งค่ากราฟฟิก HDR เฟรมเรต Extreme (60 fps) รวมถึงเกม Fortnite ที่ Exclusive เฉพาะ OnePlus ในการปรับตั้งค่าเฟรมเรตที่ 90fps ถึงแม้จะเล่นได้อย่างลื่นไหล เฟรมเรตแทบจะไม่แกว่ง แต่ความร้อนที่ออกมาจากตัวเครื่องอยู่ในเกณฑ์ที่พูดได้เลยว่าเครื่องร้อน อย่างไรก็ตาม พอหยุดเล่นเกมได้ไม่นาน อุณหภูมิที่บริเวณฝาหลังก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว
ข้อดีอีกอย่างของหน้าจอ 120Hz Fluid AMOLED Display คือการได้ 240Hz Touch Sampling Rate ทำให้การตอบสนองหน้าจออยู่ในระดับที่รวดเร็ว แทบจะไร้ดีเลย์เลยก็ว่าได้ และมีผลมากในการเล่นเกม ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งอย่างชัดเจน เวลากดสกิล หรือเล็งสกิลช็อต หน้าจอมีการตอบสนองที่รวดเร็ว แม่นยำเป็นอย่างมาก
ด้านการเชื่อมต่อไร้สาย OnePlus 8T 5G รองรับการใช้งาน 5G ในประเทศไทยทันที (N41 – 2600MHz) หลังจากได้อัพเดตเฟิร์มแวร์ โดยในเครื่องทดสอบ ผมใช้งานร่วมกับซิม AIS 5G ตัวเครื่องจับสัญญาณ 5G ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่จะมีบางช่วงที่หลุดไป 4G บ้าง คาดว่าจะได้รับการแก้ไขปัญหาตรงนี้หลังจากอัพเดตเฟิร์มแวร์ก่อนวางจำหน่ายจริงอีกครั้ง ส่วนความเร็วในการเชื่อมต่อ 5G เท่าที่ลอง Speed test ตามแนวรถไฟฟ้า BTS ส่วนมากจะทำความเร็วขั้นต่ำได้ประมาณ 300Mbps ในขาดาวน์โหลด และทำได้สูงกว่านั้น หากอยู่ในพื้นที่ ๆ สัญญาณแรง
การเชื่อมต่อ Wi-Fi รุ่นนี้รองรับ Wi-Fi 6 ที่เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดในตอนนี้ ผมทดสอบร่วมกับ Linksys Velop MX5300 ที่เป็น Mesh Wi-Fi 6 และอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็ว 550/ 550Mbps สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ หากใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณเป็น Wi-Fi 6 และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตระดับ Gigabit อัตราดาวน์โหลดมีสิทธิไปถึง 1Gbps ก็เป็นได้
Battery – แบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน
OnePlus 8T 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,500 mAh ถือว่าไม่มาก ไม่น้อยสำหรับสมาร์ตโฟนระดับเรือธงในยุคปัจจุบัน ส่วนอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เป็นหลักเลยครับ หากใช้งานทั่วไปตามปกติ ไม่ได้เปิดหน้าจอต่อเนื่อง หรือเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผมว่าแบตเตอรี่ของรุ่นนี้อยู่ในเกณฑ์แบตอึดทีเดียว ใช้งานหมดวันได้สบาย ๆ แต่ถ้ามีการเล่นเกมต่อเนื่อง รวมถึงเปิดโหมดเกมขั้นสูงอย่าง Fnatic Mode แบตเตอรี่จะไหลเร็วมาก เนื่องจากตัวเครื่องมีการเร่งประสิทธิภาพในการประมวลผลขึ้นแทบจะทุกด้านนั่งเอง
สิ่งที่ OnePlus แก้เกมเรื่องแบตเตอรี่หมดไวหากเล่นเกมต่อเนื่องนาน ๆ คือการใส่ระบบชาร์จ (โคตร) ไว Warp Charge 65 ที่สามารถจ่ายไฟได้แรงถึง 65W ผ่านสาย USB Type-C to USB Type-C มีระดับการจ่ายไฟที่หลากหลาย จึงทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนยี่ห้ออื่น, แท็บเล็ต, โน้ตบุ๊ก และเครื่องเล่นเกมพกพาอย่าง Nintendo Switch
- 5V 3A (15W), 10V 6.5A (65W)
- PDO: 5V 3A, 9V 3A, 12V 3A, 15V 3A, 20V 2.25A
- PPS 3.3-16V 3A Max (45.0W Max)
เมื่อชาร์จ OnePlus 8T 5G ด้วยอะแดปเตอร์ Warp Charge 65 จะสามารถชาร์จไฟจาก 0 – 100% ได้ในเวลาเพียง 39 นาทีเท่านั้น สามารถชาร์จไป เล่นไปได้ แต่จะไม่ได้ชาร์จเร็วเท่ากับตอนทิ้งเครื่องไว้เฉย ๆ และมีข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง คือในตอนชาร์จไฟ ผมว่าตัวเครื่องปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก ตรงนี้ถือว่าทำได้ดี แม้จะเป็นการอัดไฟที่มีกำลังสูงถึง 65W ก็ตาม
Camera – กล้องถ่ายรูป
สเปคกล้องถ่ายรูปของ OnePlus 8T 5G ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ในส่วนของฮาร์ดแวร์แทบจะไม่ได้มีความหวือหวาเท่าไหร่นัก ชุดกล้องหลังยังคงเป็นชุดเซ็นเซอร์หลัก 48MP Sony IMX586 ค่ารูรับแสง ƒ/1.7 + กล้องมุมกว้าง 123 องศา Ultra wide-angle 16MP ƒ/2.2 + กล้องมาโคร 5MP ถ่ายระยะใกล้ได้ 3 เซนติเมตร และกล้อง Monochrome 2MP ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16MP ƒ/2.4 เซ็นเซอร์ Sony IMX471
แต่เรื่องกล้องถ่ายรูปเนี่ย ตัดสินกันที่ฮาร์ดแวร์อย่างเดียวไม่ได้ครับ ผมว่ากล้องสมาร์ตโฟนเดี๋ยวนี้ ส่วนมากก็ใช้ชุดฮาร์ดแวร์คล้าย ๆ กัน แต่อยู่ที่ ISP (Image Signal Processors) และซอฟต์แวร์ประมวลผลของใครจะเก่งกว่ากัน สำหรับ OnePlus 8T 5G ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 865 ที่ใช้ Spectra 480 ISP นั้นเก่งในเรื่องการประมวลผลภาพถ่ายอยู่แล้ว ส่วนซอฟต์แวร์ของกล้อง OnePlus ก็น่าจะให้โทนสีของภาพถูกใจแฟน ๆ เป็นอย่างดี
เรื่องการถ่ายภาพ รุ่นนี้โฟกัสได้เร็วทั้งตอนกลางวันและกล้องคืน แม้ตอนกลางคืน หรือแสงน้อย ความเร็วในการโฟกัสจะลดลงมาบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเร็วและแม่นอยู่ ส่วนการกดชัตเตอร์ ก็แทบจะไร้ดีเลย์ กดปุ๊บ ก็บันทึกภาพได้ในทันที มีการใช้ AI เข้ามาช่วยปรับแต่งฉากในภาพถ่าย และที่สำคัญคือในโหมด Portrait หรือถ่ายภาพบุคคลให้มีโบเก้ ส่วนตัวมองว่า OnePlus 8T 5G ให้โบเก้ที่เป็นธรรมชาติ และมีความสมจริงเป็นอย่างมากครับ
ส่วนการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ในโหมด Auto ก็จะมีการปรับแต่งภาพในระดับหนึ่ง ให้มีความสว่าง และคมชัดอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการความสว่าง คมชัดขึ้นไป อีกระดับ สามารถเลือกโหมด Nightscape ที่ใช้เวลาในการประมวลผลภาพถ่ายจากเดิมประมาณ 3 วินาที ก็จะให้ภาพกลางคืนที่เก็บรายละเอียดได้ดีมากยิ่งขึ้น
สำหรับการถ่ายวิดีโอ OnePlus 8T 5G รองรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลัง ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60fps แต่ถ้าต้องการถ่ายด้วยลูกเล่นในโหมดวิดีโอ ได้แก่ Video Portrait, Video Nightscape และโหมดกันสั่น Super Stable จะถูกล็อกความละเอียดไว้ที่ 1080p 30 fps
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง OnePlus 8T 5G
Software – ระบบปฏิบัติการ
OnePlus 8T 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ OxygenOS 11 ที่มีพื้นฐานบน Android 11 ที่ถูกปรับแต่งให้มีความเสถียร ความลื่นไหล ในแบบที่เกือบจะเป็น Pure Android พร้อมการันตีเรื่องการอัพเดตระบบรักษาความปลอดภัย (Security Patch) อย่างต่อเนื่อง
สรุปภาพรวม รีวิว OnePlus 8T 5G
โดยรวมสำหรับ OnePlus 8T 5G เป็นการอัพเกรดสเปคจากรุ่นก่อนหน้า ให้มีความทันสมัย พร้อมลุยในตลาดพรีเมียมสมาร์ตโฟนในช่วงปลายปี 2020 มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ 120Hz Fluid AMOLED Display ที่ให้ความลื่นไหลในการใช้งาน ชิปประมวลผลตัวท็อปอย่าง Snapdragon 865 + โมเด็ม X55 5G ที่รองรับการใช้งาน 5G ในไทยทันที รวมถึงแบตเตอรี่และระบบชาร์จเร็วที่อัพขึ้นเป็น Warp Charge 65 ที่จ่ายไฟจาก 0 – 100% ในเวลาเพียง 39 นาที
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้แฟน ๆ OnePlus ไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้สมาร์ตโฟนแบรนด์อื่นได้ก็คงหนีไม่พ้น OxygenOS ที่ในรุ่นนี้ก็มาพร้อม OxygenOS 11 ที่มีพื้นฐานบน Android 11 ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหล ปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้ละเอียด รองรับ Bluetooth Codec แทบจะทุกรูปแบบ และมีความเสถียรเป็นอย่างมาก
ส่วนเรื่องศูนย์บริการของ OnePlus ประเทศไทย ในตอนนี้ก็ได้มีการจับมือร่วมกับ OPPO เพื่อขยาย Service Center ให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น นอกเหนือจาก OnePlus Service Center ที่ MBK ชั้น 5 ก็สามารถส่งเครื่องเคลมได้ที่ OPPO Service Center ดังนี้
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลพระราม 2
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาอิมพีเรียลฯ สำโรง
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาอยุธยาพาร์ค
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาชลบุรี
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลนครราชสีมา
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลอุบลราชธานี
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ท
- ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลหาดใหญ่
และสามารถจุด drop-off อีก 29 สาขาทั่วประเทศได้อีกด้วย แต่จะให้บริการเฉพาะเครื่องศูนย์ไทยเท่านั้นนะครับ เครื่องหิ้ว เครื่องนอก เคลมไม่ได้นะ