รีวิว Motorola razr 5G โทรศัพท์ฝาพับยุค 5G ที่ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นโมโตฝาพับไว้ได้เหมือนเช่นเคย เรียกได้ว่าเป็นรุ่นสายต่อความสำเร็จจากอดีต ใครที่อยากได้ความแปลกใหม่ ในดีไซน์สุดคลาสสิก รับรองว่ารุ่นนี้ ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะถึงแม้ดีไซน์จะคลาสสิกในแบบฝาพับ แต่สเปค และการใช้งาน ตอบโจทย์ยุค 5G ได้เป็นอย่างดี
สเปค Motorola razr 5G
- ขนาดตัวเครื่อง 91.7 x 72.6 x 16 มม. (ตอนพับ) | 169.2 x 72.6 x 7.9 มม. (ตอนกางออก)
- น้ำหนัก 192 กรัม
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบด้วย My UX
- หน้าจอ
- จอด้านใน OLED ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+
- จอด้านนอก OLED ขนาด 2.7 นิ้ว ความละเอียด SD
- กระจก Corning Gorilla Glass 5
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G
- GPU :Adreno 620
- RAM 8GB LPDDR4X
- พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน ROM 256GB ไม่รองรับ micro SD Card
- ระบบเชื่อมต่อ 5G, 4G LTE, Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac 2.4GHz+5GHz, Bluetooth 5.0, NFC, GPS, GLONASS
- กล้องหลัง ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 มี laser autofocus และระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
- กล้องหน้า ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C 3.0
- แบตเตอรี่ 2,800 mAh
- รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 15W (TurboPower)
- สเปคแบบเต็ม Motorola razr 5G
ความแตกต่างแรกของ Moto razr 5G กับสมาร์ตโฟนปกติทั่วไป ก็คือกล่องใส่ตัวเครื่อง แค่เห็นกล่องก็สัมผัสได้เลยว่าสมาร์ตโฟนที่อยู่ข้างใน จะต้องไม่เหมือนใครแน่ ๆ สำหรับอุปกรณ์ในกล่องให้มาอย่างครบครัน สมกับราคา 44,990 บาท ประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง Motorola razr 5G
- อะแดปเตอร์ TurboPower 15W
- สายชาร์จแบบ USB Type-C to USB Type-C
- หูฟังสมอลทอร์กแบบ In-ear พร้อมจุกซิลิโคนไซส์ S, M, L
- สายแปลง USB Type-C to 3.5 mm.
ข้อสังเกตแรกของ Motorola razr 5G ตอนที่อยู่ในกล่อง ตัวเครื่องจะถูกกางออก ไม่ได้พับครึ่งในลักษณะแบบที่ใช้งาน เนื่องจากสมาร์ตโฟนฝาพับ ไม่ว่าจะพับแบบไหนก็ตาม หากไม่ได้มีการใช้งานเป็นเวลานาน วิธีการเก็บเครื่องที่ถูกต้อง คือต้องกางเครื่องออกครับ เพื่อเป็นการถนอมหน้าจอนั่นเอง
Design – การออกแบบ
Motorola razr 5G ตั้งใจออกแบบให้เหมือนกับรุ่นคลาสสิก Moto razr คือเป็นฝาพับ แล้วกางออกเมื่อต้องการใช้งาน โดยเป็นการพับครึ่ง มีหน้าจอ 2 หน้าจอ ได้แก่ หน้าจอ pOLED ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 2142 x 876 พิกเซล อัตราส่วน 21:9 หน้าจอ pOLED จะใช้วัสดุเป็นพลาสติก เพื่อให้สามารถพับงอได้ ส่วนจอด้านนอก gOLED มีขนาด 2.7 นิ้ว ความละเอียด 800 x 600 พิกเซล อัตราส่วน 4:3 ใช้สำหรับอ่านการแจ้งเตือนเป็นหลัก
วัสดุตัวเครื่อง Motorola razr 5G เป็นโลหะ (สแตนเลสสตีล กับอลูมิเนียม) และกระจกคุณภาพสูง (Gorilla Glass 5) เมื่อสัมผัสตัวเครื่องจะให้ความพรีเมียม หรูหรา สมราคา อีกทั้งงานประกอบก็มีความแน่นหนา แข็งแรง สมราคา 44,990 บาท ขนาดตัวเครื่องถือว่ากะทัดรัด พกพาสะดวก ใช้งานมือเดียวสบายเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นตอนพับ หรือตอนกางหน้าจอออกก็ตาม
รายละเอียดตัวเครื่อง Motorola razr 5G เริ่มจากตอนที่ตัวเครื่องพับ หน้าจออินเทอร์แอคทีฟด้านนอก gOLED 2.7 นิ้ว ความละเอียด SD อย่างที่ได้บอกไป ว่าเป็นหน้าจอสำหรับการแจ้งเตือน อ่านข้อความ แต่ก็รองรับการทัชสกรีน รวมถึงปรับใช้เป็นทางลัดเข้าแอปพลิเคชั่น ใช้ควบคุมเพลง Spotify หรือใช้ในการนำทาง รวมถึงตอบกลับข้อความด้วยการพิมพ์ หรือจะใช้เสียงพูดข้อความก็ได้เช่นกัน
ประโยชน์ของหน้าจออินเทอร์แอคทีฟ gOLED 2.7 นิ้ว ที่อยู่ด้านนอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ ใช้แทนหน้าจอในการเซลฟี่ เนื่องจากรุ่นนี้มีกล้อง 48MP ที่สามารถทำหน้าที่ทั้งการเป็นกล้องหลัง และกล้องหน้า เพราะฉะนั้นในการเซลฟี่ ก็จะใช้กล้อง 48MP กับหน้าจอ gOLED ในการพรีวิวภาพถ่าย
ปุ่มกดต่าง ๆ ในขณะที่พับหน้าจอก็ใช้งานลักษณะเดียวกับตอนที่กางหน้าจอ มีปุ่ม Power อยู่ด้านซ้าย และปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ตรงด้านขวามือ โดยปุ่มปรับระดับเสียง จะปรับรูปแบบการกดได้อัตโนมัติ ระหว่างการพับจอ และกางหน้าจอ
ส่วนพื้นที่ด้านหลัง จะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่มีสัญลักษณ์ของ Motorola ส่วนตัวผมที่ได้ใช้งานเครื่องรีวิว Motorola razr 5G รู้สึกว่าตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ออกแบบมาสำหรับการสแกนตอนที่พับหน้าจอเป็นหลัก เนื่องจากวางนิ้วได้สะดวกกว่า ถ้าสแกนนิ้วในขณะที่กางเครื่อง จะไม่ค่อยถนัดมือสักเท่าไหร่ แต่ถ้าสแกนนิ้วตอนพับหน้าจอ แล้วกางเครื่องออก ก็จะใช้งานต่อได้ปกติ ไม่ต้องปลดล็อกตัวเครื่องซ้ำ
แม้ว่าตัวเครื่อง Motorola razr 5G ในขณะที่พับหน้าจอ จะมีขนาดกะทัดรัดมาก ประมาณครึ่งหนึ่งของสมาร์ตโฟนปกติทั่วไป แต่ในเรื่องของความหนา ก็มีความหนาในระดับหนึ่งเช่นกัน
เมื่อกางหน้าจอของ Motorola razr 5G ออก จะพบกับหน้าจอ pOLED ขนาด 6.2 นิ้ว ที่อัตราส่วนหน้าจอ 21:9 ส่วนตัวผมประทับใจกลไกของฝาพับของรุ่นนี้เป็นพิเศษ จะบอกว่าประทับใจที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟนฝาพับที่เคยได้สัมผัสมาเลยก็ว่าได้ เพราะหน้าจอของรุ่นนี้ เมื่อกางออกมาแล้ว หากมองด้วยตาเปล่า แทบจะไม่เห็นรอยพับเลยครับ เว้นแต่จะสัมผัสบริเวณที่เป็นจุดพับ แต่ก็ไม่ได้มีผลกับการใช้งานมากนัก
กลไกพับของ Motorola razr 5G เวลาที่มีการพับ หรือกางเครื่อง หน้าจอ pOLED ด้านในจะขยับตามกลไก เพื่อให้การพับเป็นไปอย่างลื่นไหลมากที่สุด แทบไม่ต่างจากตอนใช้มือถือฝาพับเมื่อก่อนแม้แต่น้อย แต่ในการพับ หรือกางหน้าจอก็จะเป็นจังหวะเดียว ไม่สามารถกางแค่ครึ่งเดียวเหมือน Galaxy Z Flip ได้
สำหรับหน้าจอ pOLED 6.2 นิ้ว การสัมผัสหน้าจอ การแสดงผลก็ให้ความใกล้เคียงกับหน้าจอกระจกในระดับหนึ่ง ส่วนตัวผมติดแค่เรื่องหน้าจอสะท้อนง่ายไปสักหน่อย กับอัตราส่วนหน้าจอแบบ 21:9 ที่ตอนใช้เครื่องรีวิว Motorola razr 5G ใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่นัก แต่หน้าจออัตราส่วนยาว ๆ แบบนี้ เวลาเปิดไฟล์ภาพยนตร์ใหม่ ๆ จะเต็มจอแบบไร้ขอบบนล่าง และแน่นอนว่าถ้าเปิดดู Youtube หรือภาพยนตร์เก่า ๆ ที่เป็น 16:9 ก็จะมีขอบดำซ้ายขวาเยอะพอสมควร
โดยรวมสำหรับ Motorola razr 5G ในด้านการออกแบบตัวเครื่อง ผมมองว่า Motorola มีแนวทางของรุ่นนี้ค่อนข้างชัดเจน คือการพาตำนาน razr มือถือฝาพับรุ่นคลาสสิก กลับมาในยุคสมัย 5G ด้วยดีไซน์ที่ทำให้นึกถึงอดีต ลักษณะการใช้งานที่เป็นโทรศัพท์ฝาพับมากกว่า Galaxy Z Flip รวมถึงกลไกบานพับที่กางเครื่องแล้วเนียนตา มองไม่เห็นรอยพับหน้าจอ แต่ก็มีข้อสังเกตในเรื่องของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง ที่พอกางเครื่องแล้วใช้งานค่อนข้างลำบาก ตำแหน่งของการวางนิ้วจะแปลก ๆ ไปสักหน่อย แล้วก็ตัวเครื่องที่ผมว่ามันค่อนข้างลื่น โดยเฉพาะในตอนที่พับตัวเครื่อง เวลาใช้งานอาจต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
Software – ระบบปฏิบัติการ
Motorola razr 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android ครอบด้วย My UX ที่เรียกได้ว่าเกือบจะเป็น Pure Android แบบพวก Google Pixel เลยก็ว่าได้ ทั้งในเรื่องหน้าตา และการใช้งาน จะมีเพียงแอปพลิเคชั่น กับฟีเจอร์บางอย่างที่ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษเฉพาะโทรศัพท์ Motorola อย่างท่าทางพิเศษ ที่ใช้งานเขย่าตัวเครื่องเพื่อเปิดไฟฉาย หรือหมุนข้อมือเพื่อเปิดกล้องถ่ายรูป เป็นต้น
Camera – กล้องถ่ายรูป
Motorola razr 5G มีกล้องถ่ายรูปเพียง 1 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ที่เป็นได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังในตัวเดียว ไม่ว่าจะถ่ายอะไรก็ตาม โดยในการเซลฟี่ จะเป็นการเซลฟี่ในขณะที่พับหน้าจอ แล้วตัวกล้อง 48 ล้านพิกเซล ก็จะทำหน้าที่แทนกล้องหน้า ข้อดีก็คือได้รูปถ่ายที่คุณภาพเท่ากันทั้งการถ่ายรูปให้คนอื่น และการเซลฟี่ด้วยตัวเอง แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นเดียวกัน หากต้องการใช้กล้องหลักในการเซลฟี่
ปัญหาที่พบระหว่างการพับหน้าจอ แล้วใช้กล้อง 48 ล้านพิกเซลในการเซลฟี่ ร่วมกับหน้าจอแบบอินเทอร์แอคทีฟ gOLED คือเรื่องของมุมมองในการเซลฟี่ ที่จะแคบกว่ากล้องหน้าสมาร์ตโฟนปกติทั่วไป แต่ก็ชดเชยให้ในเรื่องของคุณภาพรูปถ่าย ที่ดีกว่ากล้องหน้าเซลฟี่ทั่วไปเช่นกัน แล้วก็ข้อสังเกตอีกอย่างในการพับจอเซลฟี่ สำหรับผมแล้ว ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ครับ
ส่วนกล้องหน้าจริง ๆ ที่อยู่ในโหมดกางหน้าจอ จะมีความละเอียดอยู่ที่ 20 ล้านพิกเซล ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ได้มีความโดดเด่นในเรื่องฟีเจอร์ หรือฟังก์ชั่นแปลก ๆ มีโหมดพื้นฐานอย่าง HDR และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด Full HD / 60fps
กลับมาที่กล้องหลังของ Motorola razr 5G ในการใช้งานเป็นกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซลกันบ้าง สิ่งแรกที่เป็นข้อจำกัดเลยของรุ่นนี้ก็คือ ในราคาสี่หมื่นกว่าบาท มีกล้องหลังแค่เพียง 1 ตัวถ้วน ไม่มีเลนส์มุมกว้าง Ultra wide-angle หรือเลนส์ระยะอื่น ๆ มาให้ ตรงนี้คือจุดแรกที่เสียเปรียบสมาร์ตโฟนเรือธงปกติทั่วไป ในช่วงราคาเดียวกัน
ข้อสังเกตถัดมา ผมมองว่ากล้องหลังของรุ่นนี้ แม้จะมีโหมดถ่ายภาพมากกว่ากล้องหน้า แต่ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นแล้ว ก็ยังถือว่ามีลูกเล่นน้อยกว่าอยู่ดี และในการใช้งาน ระบบโฟกัสของ Motorola razr 5G จะโฟกัสได้แม่น และเร็วในที่แสงปกติ แต่พอถ่ายกลางคืน หรือในที่แสงน้อย ความเร็ว ความแม่นในการจับโฟกัสจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะมี laser autofocus มาช่วยแล้วก็ตาม
ด้านคุณภาพของรูปถ่าย ส่วนตัวมองว่ายังไม่ใช่จุดเด่นของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ในราคา 44,990 บาทครับ
Performance – ประสิทธิภาพ
สำหรับการประมวลผลต่าง ๆ ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G + RAM 8GB นั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอยู่แล้วครับ ชิปเซ็ตรุ่นดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าเป็น “รองท็อป” เลยก็ยังได้ เพราะฉะนั้นด้วยขุมพลังที่มีใน Motorola razr 5G มันแรงพอที่จะทำอะไรได้หลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป, เล่นโซเชียลมีเดีย, การทำงาน ใช้เปิดอ่านเอกสาร แก้ไขเอกสารได้สบาย ๆ หรือแม้แต่การเล่นเกม หากคุณมีความพยายามมากพอ
ที่ต้องบอกว่าใช้ความพยายามในการเล่นเกม ไม่ได้หมายความว่า Motorola razr 5G เล่นเกมไม่ไหวนะครับ ด้วยสเปคมันสามารถเล่นเกมได้แทบจะทุกเกมนั่นล่ะ แต่ปัญหาคือในเรื่องการตอบสนองหน้าจอ รวมถึงตัวหน้าจอ pOLED ที่เป็นพลาสติก สัมผัสในการแตะหน้าจอมันจะแปลก ๆ หน่อย แล้วก็เรื่องรอยพับ ที่แม้จะมองไม่เห็น แต่ถ้าสัมผัสไปตรงจุดนั้น ก็จะรู้สึกว่ามันเป็นรอยอยู่ดี
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ ด้วยความจุ 2,800 mAh ซึ่งถือว่าน้อยมาก อีกทั้งตัวเครื่องยังรองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่ขึ้นชื่อเรื่องการซดแบตเตอรี่แบบสุด ๆ ในตอนแรกผมก็กังวลว่ามันจะต้องชาร์จไฟไป ใช้งานไปเลยหรือเปล่า แต่พอได้ใช้งานจริง แบตเตอรี่ของ Motorola razr 5G กลับทำได้ดีกว่าที่คิดไว้พอสมควร มันสามารถใช้งานหมดวันได้สบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องพกแบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ในการชาร์จไฟระหว่างวัน
ทั้งนี้ หากมีการเปิดใช้งานบ่อยมาก ๆ และมีการเล่นเกมด้วย อายุการใช้งานแบตเตอรี่ก็จะลดหลั่นลงมาอีกครับ แต่ด้วยตัวเครื่องมันเอง ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้เล่นเกมเป็นหลักอยู่แล้ว หากซื้อไปใช้งานจริง ๆ เน้นใช้ทำงาน เปิดอีเมล์ เปิดเอกสาร เล่นโซเชียลมีเดีย ยืนยันว่าแบตเตอรี่ 2,800 mAh ใช้งานสบาย ๆ แบบไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างวัน
สำหรับการชาร์จไฟ รุ่นนี้ให้อะแดปเตอร์ 15W TurboPower แม้ตัวเลขของการจ่ายไฟอาจไม่สูงมาก แต่อย่าลืมว่าแบตเตอรี่ของรุ่นนี้ มีความจุเพียง 2,800 mAh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ใช้เวลาราว ๆ 100 นาทีได้ครับ
สรุปภาพรวม รีวิว Motorola razr 5G
ภาพรวมหลังจากที่ผมเล่นเครื่องรีวิว Motorola razr 5G มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ส่วนตัวมองว่ารุ่นนี้มีกลุ่มผู้ใช้ และลักษณะการใช้งานที่ชัดเจนมากทีเดียว แน่นอนว่าจุดเด่นของมันอยู่ที่การเป็นโทรศัพท์ฝาพับ แต่ปรับปรุงด้านใน สเปค และการใช้งานให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบันมากขึ้น ถ้าอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คือการที่จับ Moto razr รุ่นคลาสสิก มาทำเป็นสมาร์ตโฟนนั่นล่ะครับ
เพราะในการใช้งาน มันคือโทรศัพท์ฝาพับในแบบที่คุ้นเคยสมัยก่อนเลย ลักษณะการใช้งานแบบ พับเก็บ และกางออกเมื่อต้องการใช้งานจริงจัง ตรงนี้แตกต่างจาก Galaxy Z Flip ที่จะใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากกว่า แต่ข้อดีของ Motorola razr 5G สำหรับผม คือมันตอบโจทย์คนที่โหยหาความคลาสสิกในยุคมือถือฝาพับครองตลาด ตัวนี้ให้ความรู้สึกแบบนั้นเลย
อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาเปิดตัวที่ผมมองว่า เปิดตัวมาแรงทีเดียว กับราคา 44,990 บาท เรียกได้ว่าหากไม่ใช่คนที่ใจรักโทรศัพท์ฝาพับ คุณสามารถข้ามรุ่นนี้ไปได้เลย แต่ถ้าคุณเป็นสาวกโมโต ที่อยากได้ความเป็นโมโต ในแบบฉบับของสมาร์ตโฟน ในตอนนี้ก็มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ อาจลองดูเป็น Moto G9 Play หรือ Moto G 5G ก็ได้เช่นกัน