สำหรับมือถือที่เรานำมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันในวันนี้ เป็นมือถือที่ค่อนข้างพิเศษครับ เพราะเป็นมือถือรุ่นที่ขายเฉพาะแถบภูมิภาคเอเชียเท่านั้น เรียกว่าเป็นรุ่น Exclusive แบบสุดๆ จาก HTC กันเลยทีเดียว พอจะนึกออกแล้วใช่ไหมครับ มือถือรุ่นที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้คือ HTC One M9+ (HTC One M9 Plus) มือถือเรือธงประจำภูมิภาคเอเชียของเรานั่นเอง
*สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับ HTC One M9+*
สำหรับมือถือเรือธงประจำปี 2015 ของ HTC จะมาในชื่อรุ่น HTC One M9 ครับ และรุ่นที่เปิดตัวไปในงาน MWC 2015 ที่ผ่านมาก็คือ HTC One M9 นั่นแหละ แต่สิ่งที่แปลกไปจากตอน HTC One M8 คือ HTC One M9 นั้น ทาง HTC ประเทศไทยไม่เอาเข้ามาขายครับ แต่รุ่นที่นำเข้ามาขายในบ้านเรากลับเป็น HTC One M9+ แทน ด้วยเหตุผลว่า HTC One M9+ เป็นมือถือที่ทำออกมาให้เหมาะสมกับคนในภูมิภาคเอเชียอย่างเราๆ มากกว่า HTC One M9 ครับ ไม่ว่าจะเป็นสเปคโดยรวมที่ดูดีกว่า เข้าใจว่าทาง HTC อาจจะมองว่าประเทศแถบบ้านเราการแข่งขันด้านสเปคของมือถือแอนดรอยค่อนข้างสูง เลยต้องจัดเต็มไว้ก่อน….ก็เป็นได้
สเปค HTC One M9+
- หน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว Super LCD 3 ความละเอียด QHD (2560 x 1440)
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio X10 MT6795 Octa-core 2.2 GHz
- Ram 3 GB
- หน่วยความจำภายใน 32 GB รองรับ micro SD สูงสุด 2TB
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop with HTC Sense 7
- กล้องหลัง 20.7 ล้านพิกเซล Duo-camera
- กล้องหน้า UltraPixel 4 ล้านพิกเซล
- รองรับ 4G LTE
- ลำโพงคู่ BoomSound พร้อม Dolby Surround
- แบตเตอรี่ 2,840 mAh
- สเปคเต็มๆ HTC One M9+
- ราคา 24,990 บาท
*สเปคที่ทำตัวหนาเอาไว้ คือสิ่งที่ HTC One M9+ แตกต่างจาก HTC One M9 ครับ
ข้อดี
– ทุกอย่างอยู่ในจุดสมดุล ทั้ง CPU, แรม, หน้าจอ, แบตเตอรี่, กล้อง
– ใช้งาน 3G/4G LTE ได้อย่างไร้ปัญหา
– งานประกอบดีมาก วัสดุพรีเมียมสุดๆ
– ลำโพง BoomSound เสียงดีมาก เป็นเสียงที่หาได้ยากจากลำโพงมือถือทั่วไป
– หน้าจอความละเอียด 2K ชัด และคมกริบ
– ระบบสแกนลายนิ้วมือช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ
ข้อเสีย
– กล้องหลังนูนออกมาจากฝาหลังเล็กน้อย
– ภาพจากกล้องหลัง จัดอยู่ในระดับมาตรฐานเท่านั้น น่าจะทำได้ดีกว่านี้
– ปุ่มสแกนลายนิ้วมือทำให้หน้าตาดรอปลงไปพอสมควร
บทสรุป
BEST DESIGN
Design
ดีไซน์ของ HTC One M9+ ดูเผินๆ อาจจะไม่รู้สึกแตกต่างจาก HTC One M9 หรือ HTC One M8 ที่เป็นมือถือเรือธงเมื่อปีที่แล้วของ HTC สักเท่าไหร่ เข้าใจว่าทาง HTC อาจจะมองว่าบอดี้ที่มีดีไซน์แบบนี้จัดว่าสวย และลงตัวอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดีไซน์ใหม่หมด จะบอกว่า HTC One M9+ เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์จาก HTC One M8 ที่มีการปรับแต่งให้มันสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นก็คงไม่เวอร์จนเกินไปครับ
เพราะฉะนั้นเรื่องดีไซน์ของ HTC One M9 นี่รับรองว่าไม่ใช่ปัญหาแน่นอน อะไรที่เคยประทับใจใน HTC One M8 มาถึง HTC One M9+ ก็ยังอยู่ครบเหมือนเดิม อันที่จริงต้องบอกว่า HTC แทบไม่ได้ยุ่งกับดีไซน์ของ HTC One M9+ ซะด้วยซ้ำ แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อย ให้ดีไซน์ของ HTC One M9+ พรีเมียมและสมบูรณ์แบบมากกว่าเดิม
สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปจาก HTC One M8 คือพื้นผิวครับ จริงอยู่ที่ HTC One M9+ ยังคงใช้วัสดุเป็นโลหะเหมือนเดิม แต่พื้นผิวนี่รู้สึกได้เลยว่าพรีเมียมกว่าตอน HTC One M8 ด้วยพื้นผิวโลหะขัดเงา โดยใช้มาตรฐานเดียวกับพวกเครื่องเพชรราคาแพงๆ เลยหล่ะครับ ความสวยงาม ความพรีเมียมนี่ทะลุหลอดกันเลยทีเดียว
นอกจากพื้นที่ผิวจะพรีเมียมขึ้นแล้ว HTC ก็ทำในสิ่งที่ยังไม่มีใครทำ ซึ่งก็คือมือถือ Unibody ไร้รอยต่อ แต่มีสองสีในเครื่องเดียว อย่างเครื่องรีวิว HTC One M9+ ที่เราได้รับมานั้นจะเป็นสี Gold on Silver หรือสีเงินขอบทอง โดยทาง HTC บอกว่าการที่จะทำมือถือ Unibody แต่มีสองสีเป็นกรรมวิธีที่ยากมากๆ แต่ HTC สามารถทำได้ครับ ส่วนตัวผมว่าก็สวยและดูแปลกใหม่ไปอีกแบบครับ สัมผัสได้เลยถึงความพรีเมียมแบบสุดๆ
อีกหนึ่งรายละเอียดที่เปลี่ยนไปบน HTC One M9+ ก็คือการมีปุ่มโฮมครับ แต่จะบอกว่าเป็นปุ่มโฮมก็ไม่ถูกต้อง 100% เพราะอันที่จริงแล้วมันเป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ใช้งานเป็นปุ่มโฮมได้ด้วย โดยใน HTC One M9+ นั้น HTC จับมาใส่ทางด้านหน้าของตัวเครื่อง ใต้โลโก้ HTC ซึ่งผมว่ามันทำให้หน้าตาของ HTC One M9+ ดรอปลงเยอะเลย และเชื่อว่าสาวก HTC ก็คงขัดใจกับปุ่มโฮมแบบนี้เช่นเดียวกัน
รายละเอียดของ HTC One M9+ เริ่มจากด้านหน้าก็จะเป็นลำโพงคู่ BoomSound ที่อัพเกรดด้วยระบบเสียง Dolby Surround ซะด้วย นอกจากจะเสียงดังแล้ว สิ่งที่รู้สึกได้เลยคือลำโพงของตัวเครื่องนี่ไม่ธรรมดาครับ เป็นลำโพงมือถือที่ให้เสียงที่ดีมาก และฟังเพลงได้สนุกรุ่นหนึ่งเลย ซึ่งหายากในลำโพงจากตัวเครื่องมือถือครับ
นอกจากลำโพงคู่ BoomSound แล้ว ก็ยังมีกล้องหน้า UltraPixel ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล กับหน้าจอ Super LCD 3 ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียดสูงระดับ Quad HD (ละเอียดกว่าหน้าจอ Full HD หรือที่เรียกกันว่าหน้าจอ 2K นั่นแหละครับ) จัดว่าเป็นหน้าจอที่สวยรุ่นหนึ่งเลยครับ เรื่องมุมมองในการใช้งานนี่หายห่วง กว้างสะใจ สีสันสดใสมากๆ ตัวหนังสือ, ไอคอนนี่คมกริบ ไม่ต้องเพ่งหาเม็ดพิกเซลหรอกครับ มันเกินระดับที่สายตาคนปกติจะมองเห็นไปแล้ว เพราะหน้าจอของ HTC One M9+ นี่อัดแน่นไปด้วยเม็ดพิกเซลสูงถึง 534 ppi (มากกว่า iPhone 6 Plus เสียอีก) ส่วนการใช้งาน HTC One M9+ กลางแดดจัดๆ นี่หายห่วงเลยครับ จากการทดสอบของผมในเดือนเมษายนที่ร้อนจัดและแดดแรงมาก หน้าจอของ HTC One M9+ แสดงผลสู้แดดจัดๆ ได้สบายหายห่วง แต่ที่น่าห่วงจะเป็นผู้ใช้มากกว่าครับ ว่าจะทนร้อนได้แค่ไหน 😛
พอร์ตเชื่อมต่อของ HTC One M9+ ก็ให้มาครบครัน และจะอยู่ทางด้านล่างของตัวเครื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และช่องเสียบ USB ที่รองรับสาย MHL สำหรับต่อขึ้นจอแยกด้วยครับ สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ทางด้านขอบข้างของ HTC One M9+ ก็จะประกอบไปด้วยปุ่ม Power, ปุ่มปรับระดับเสียง และช่องเสียบ MicroSD Card ที่รองรับความจุสูงสุดถึง 2TB ทางด้านขวา ด้านซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ด โดย HTC One M9+ รองรับซิมการ์ดขนาด Nano Sim ครับ ส่วนด้านบนนั้นเป็น IR Bluster สำหรับใช้งานแทนรีโมทคอนโทรล
ด้านหลังของ HTC One M9+ ก็ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องอีกตัวเป็น Duo Camera ที่ช่วยในการปรับโฟกัส มาพร้อมกับแฟลช LED 2 ดวง 2 สี และตัวกระจกเลนส์กล้องนูนขึ้นมาเล็กน้อย แต่ HTC ก็แก้ไขด้วยการทำวงแหวนมาล้อมกระจกเลนส์ครับ
สำหรับข้อสังเกตในเรื่องดีไซน์ของ HTC One M9+ ก็คงหนีไม่พ้นความคมของขอบเครื่องนี่แหละครับ เพราะรู้สึกได้เลยว่าเป็นขอบเครื่องที่คมจริงๆ ทำให้เวลาที่เราจับถือตัวเครื่องนี่จะรู้สึกรำคาญได้เลยครับ เวลาที่ลูบๆ ตัวเครื่อง อย่างที่บอกไปว่า HTC One M9+ เป็นมือถือที่ผิวสัมผัสพรีเมียมเอามากๆ แต่มันติดตรงนี้นี่แหละครับ พอลูบมาโดนขอบเครื่องที่ไร รู้สึกหงุดหงิดทุกที มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ใช่ ซึ่งปัญหาตรงนี้แก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการซื้อเคสมาใส่ครับ เห็นว่าเคส Dot View 2 ของ HTC One M9+ นี่สวยใช่เล่น เป็นเคสแบบฝาหลังใสซะด้วยนะ
แล้วก็อีกปัญหาหนึ่งของ HTC One M9+ คือเรื่องน้ำหนักตัวเครื่องครับ ด้วยบอดี้ที่ใช้วัสดุเป็นโลหะอย่างดี ทำให้ HTC One M9+ เป็นมือถือที่มีน้ำหนักพอสมควร เวลาที่ใช้งานมือเดียว โดยเฉพาะการใช้งานโทรศัพท์ในท่าทางโทรเข้า – โทรอออก ตอนที่รีวิวนี่ผมโทรออกด้วย HTC One M9+ ได้ไม่นานครับ เนื่องจาก HTC One M9+ เป็นมือถือที่จับถือนานๆ ด้วยมือเดียวแล้วรู้สึกล้า แต่ถ้าเป็นการใช้งาน 2 มือนี่ถึงไหนถึงกันครับ
ภาพรวมในส่วนของการรีวิวด้านดีไซน์ HTC One M9+ ก็ต้องบอกว่าเป็นมือถือที่พรีเมียมมากๆ ตามที่ HTC ได้คุยไว้นั่นแหละครับ ดีไซน์โดยรวมไม่แตกต่างไปจากรุ่นก่อนอย่าง HTC One M8 มากเท่าไหร่นัก จะไปเน้นความพรีเมียมที่มากกว่าเดิม ส่วนขนาดหน้าจอ 5.2 นิ้วก็ไม่ได้มีผลต่อการพกพาเท่าไหร่ ยังคงเป็นมือถือที่พกพาได้สะดวกพอสมควร ติดที่ว่าตัวเครื่องมีขนาดยาวไปหน่อยเท่านั้นเอง
Software
HTC One M9+ มาพร้อมกับซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ครอบด้วย HTC Sense version 7.0 การใช้งานก็ไม่ได้แตกต่างไปจากมือถือ HTC รุ่นอื่นๆ และถ้าใครที่อัพมาจาก HTC One M8 นี่แทบไม่ต้องปรับตัวเลยแม้แต่น้อย Gesture นี่เหมือนเดิมเป๊ะ ไม่ว่าจะเป็นการปัดหน้าจอไปทางซ้ายมือเพื่อเข้าสู่ BlinkFeed หรือการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุกให้เครื่องตื่น
หน้าตา UI ของ HTC One M9+ เป็น Sense UI ที่ครอบมา 100% ครับ ไม่เหมือนอย่างมือถือ HTC รุ่นอื่นที่ใช้ CPU MediaTek ที่มักจะครอบ UI มาไม่ครบ แต่สำหรับ HTC One M9+ ถ้าครอบไม่ครบนี่สิแปลก หน้าตา Sense UI ก็สวยแบบเรียบๆ ดีครับ ตัวไอคอนสื่อถึงความหมายได้ดี
สำหรับสิ่งที่ผมประทับใจในซอฟท์แวร์ของ HTC One M9+ อยู่ที่ตัวโฟลเดอร์ที่หน้าโฮมครับ ความเจ๋งของมันอยู่ที่จะเปลี่ยนแอปพลิเคชันไปตามสถานที่ๆ เราอยู่ อย่างตอนอยู่บ้าน ก็จะเป็นโฟลเดอร์ Home ที่จะรวมแอปพลิเคชันสำหรับความบันเทิง เช่น เกมที่เล่นบ่อยๆ, Youtube, Music แต่ถ้าเราออกนอกบ้านก็จะเปลี่ยนเป็น Out ซึ่งจะเน้นไปที่การนำทาง และโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook (เอาไว้อัพเดตข่าวสารในวงโซเชียลระหว่างเดินทาง) หรือเวลาไปถึงที่ทำงาน โฟลเดอร์ที่หน้าโฮมก็จะเปลี่ยนไปเป็น Work ซึ่งจะรวมแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Email, Gmail, Google Drive, ปฏิทิน เป็นต้น และเราก็สามารถเลือกได้เองด้วยว่าจะให้โฟลเดอร์ไหนมีแอปพลิเคชันอะไร จัดว่าเป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่ใช้งานได้จริงครับ
Feature
เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
หนึ่งในฟีเจอร์เด็ดของ HTC One M9+ ก็คงหนีไม่พ้นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่ใช้สำหรับปลดล็อกตัวเครื่อง แล้วก็ใช้แทนปุ่มโฮมได้ด้วย โดยตัวเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะมีลักษณะเป็นรูปวงรีครับ การใช้งานก็คือแตะนิ้วที่เราได้ทำการสแกนไว้ลงไป ไม่ต้องรูดให้มันยุ่งยากใจ ซึ่งการใช้งานก็จะเหมือนตอน HTC One Max นั่นแหละครับ เพียงแต่เซนเซอร์ย้ายมาไว้ด้านหน้าเท่านั้นเอง ความเจ๋งอีกอย่างของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ HTC One M9+ คือมันสามารถสแกนมุมไหนก็ได้ครับ จะแนะตั้ง แนวนอน หรือจะสแกนแบบเฉียงๆ ก็สามารถปลดล็อกได้เหมือนกัน
รีโมทคอนโทรล
หนึ่งในฟีเจอร์ที่มักจะพบในมือถือหลายๆ รุ่น โดยใน HTC One M9+ ก็มีกับเขาเหมือนกัน สำหรับอินฟาเรดที่ใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ของ HTC One M9+ จะพิเศษกว่าตรงที่มันสามารถใช้ควบคุมกล่องดาวเทียมในบ้านเราได้ด้วย (ผ่านแอปพลิเคชัน Peel Smart Remote) โดยตอนนี้จะรองรับแค่เพียงกล่องของ TrueVision ทั้งแบบ HD และ SD และนอกจากจะรองรับการควบคุมกล่องดาวเทียมแล้ว ยังรองรับการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อย่างเครื่องปรับอากาศ, เครื่องเล่นดีวีดี, เครื่องเล่นบลูเรย์ เป็นต้น
Camera
กล้องก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ HTC One M9+ จัดเต็มครับ ที่ว่าจัดเต็มที่คือทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยครับ เริ่มจากกล้องหน้ากันก่อนเลย โดยกล้องหน้าของ HTC One M9+ น่าจะเป็นอะไรที่แฟนๆ รอคอยมานาน เพราะ HTC ได้จัดการนำกล้อง UltraPixel ที่เคยอยู่ด้านหลังตอน HTC One M8 มาใช้เป็นกล้องหน้าแล้วครับ เชื่อว่าแฟนๆ น่าจะแฮปปี้มากๆ เลย เพราะกล้อง UltraPixel ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ เพียงแต่ความละเอียดมันยังไม่ถึงเท่าไหร่ และการที่นำมาใช้เป็นกล้องหน้านี่ก็ทำให้กล้องหน้าของ HTC One M9+ เป็นหนึ่งในมือถือที่กล้องหน้าถ่ายรูปได้สวยมากเลย
UltraPixel คือเม็ดพิกเซลขนาดใหญ่มากกว่าปกติครับ ซึ่งทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดีกว่าเดิมพอสมควรเลย และเมื่อมาอยู่ในกล้องหน้าของ HTC One M9+ ก็เลยทำให้การถ่ายรูปด้วยกล้องหน้าทำได้ดีมากๆ เหมือนเอากล้องหลังของ HTC One M8 มาถ่ายอ่ะครับ ทีนี้เวลาไปเที่ยว หรือไปไหนมาไหนตอนกลางคืนก็เซลฟี่ได้อย่างไม่ต้องกลัวหน้ามืดแล้ว แถมยังมีโหมด Beauty ด้วยนะ ถ่ายออกมานอกจากหน้าจะไม่มืดแล้ว ยังสวยฟรุ้งฟริ้งอีกต่างหาก
ขนาดนายแบบเราหน้าโหดๆ เจอกล้องหน้า + โหมดฟรุ้งฟริ้งเข้าไปนี่คาวาอี้กันเลยทีเดียว 😛
ส่วนกล้องหลังของ HTC One M9+ ก็จัดให้ตามคำขอของแฟนๆ HTC ที่ตอน HTC One M8 บอกว่าอยากได้ไฟล์รูปความละเอียดสูงๆ ซึ่งตอนนั้น Duo Camera ของ HTC One M8 ยังไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากใช้กล้องหลังเป็น UltraPixel ที่มีความละเอียดเพียง 4 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่กล้องหลังของ HTC One M9+ จัดเต็มด้วยกล้องหลังความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซล แถมยังเป็น Duo Camera เหมือนเคย ซึ่งตรงนี้พิเศษกว่า HTC One M9 ของฝั่งยุโรปที่มีกล้องหลังเพียงตัวเดียว และด้วยความที่เป็น Duo Camera ทำให้ HTC One M9+ สามารถทำ ReFocus หรือการเลือกจุดโฟกัสหลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จแล้วได้ด้วยนะ
ตัวอย่างการปรับจุดโฟกัสหลังถ่ายครับ Duo Camera ทำให้อะไรๆ ก็ง่ายขึ้น
คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้องหลัง Duo Camera ความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซล สามารถใช้งานได้หลากหลายกว่าตอนใช้กล้อง UltraPixel ความละเอียด 4 ล้านพิกเซลเยอะครับ แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง Samsung Galaxy S6 หรือ iPhone 6 เนี่ย ผมว่ากล้องของ HTC One M9+ ยังห่างชั้นพอสมควร แต่สิ่งที่ HTC One M9+ ทำได้ดีคือเรื่องของสีสันในรูปถ่ายครับ สีสันนี่มาเต็ม สีสดมากๆ ส่วนความคมผมว่าไม่ค่อยเท่าไหร่นะ การถ่ายในที่มืดก็อยู่ในระดับกลางๆ ครับ ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ถึงกับแย่นะ
พาโนรามาก็มา
ตัวอย่างรูปถ่ายจากกล้องของ HTC One M9+ ครับ ไม่ได้ทำการตกแต่งใดๆ แค่ย่อรูป แล้วใส่ลายน้ำเฉยๆ ครับผม
Performance
ผมเชื่อว่ามีเพื่อนๆ หลายคนสงสัยในประสิทธิภาพของ HTC One M9+ เพราะรอบนี้ HTC ดันเลือกใช้เป็นชิปเซ็ตของทาง MediaTek บางคนอาจมองว่าจะแรงพอหรือเปล่า แล้วจะสู้ Snapdragon 810 บน HTC One M9 ได้หรือไม่ แล้วทำไม HTC ไม่ใช้ CPU เป็น Snapdragon 810 ให้เหมือนกันหล่ะ??
คำตอบแรกเลยสำหรับชิปเซ็ต MediaTek Helio X10 MT6795 ในเรื่องของความแรงนั้น ถ้าวัดการการเทส Antutu ก็ไม่ทิ้งจาก Snapdragon 810 ของ HTC One M9 มากนัก คะแนนห่างกันประมาณ 1,000 คะแนนเท่านั้นเองครับ (Snapdragon 810 บน HTC One M9 ทำได้ดีกว่า) แต่ก็อย่าลืมไปว่าหน้าจอของ HTC One M9+ ใช้เป็นหน้าจอความละเอียดสูง QuadHD ซึ่งเป็นความละเอียดหน้าจอที่สูงกว่า HTC One M9 (Full HD) นะครับ ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้า HTC One M9+ ใช้หน้าจอความละเอียด Full HD น่าจะทำคะแนน Benchmark ได้ดีกว่า HTC One M9 พอสมควร
ส่วนคำถามที่ว่า ทำไม HTC One M9+ ถึงไม่ใช้ CPU Snadragon 810 ผมว่าก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความร้อนที่เป็นปัญหามากๆ ในชิปเซ็ต Snapdragon 810 นั่นแหละครับ แล้วอีกอย่าง HTC One M9+ ก็ใช้หน้าจอความละเอียดสูง 2K ด้วย ถ้าใช้ Snapdragon 810 คาดว่าจะมีปัญหาเรื่องความร้อนสูงมาก และน่าจะส่งผลต่อความลื่นของเครื่องด้วยนะ เพราะฉะนั้นดีแล้วครับ ที่ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio X10
ส่วนการใช้งานจริง ผมว่าไม่มีความแตกต่าง แรงสมกับเป็นมือถือตัวท็อปของ HTC นั่นแหละครับ ต่อให้เล่นเกมที่กินสเปคที่สุด ณ ตอนนี้ ผมว่า HTC One M9+ ก็ทำได้สบายๆ แถมเรื่องความร้อนก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ด้วย จะมีปัญหาก็แค่เรื่องแบตไหลนี่แหละครับ เหมือนเป็นปัญหาที่แก้ไม่หายขาดซักที เท่าที่ลองใช้งานดู HTC One M9+ ในเรื่องของการจัดการพลังงานยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ดีที่ให้ความจุแบตเตอรี่มาค่อนข้างเยอะ เกือบๆ 3000 mAh ทำให้ HTC One M9+ ก็ยังพอที่จะใช้งานได้หมดวันโดยไม่ต้องพกแบตเตอรี่สำรอง หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องเปิดโหมดประหยัดพลังงานครับ ก็พอลากยาวไปได้เหมือนกัน