เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Samsung Galaxy Tab S10 Series ที่คราวนี้ตัดรุ่นเล็กสุดออกไป ทำให้ในซีรี่ส์นี้จะประกอบไปด้วย Galaxy Tab S10+ หน้าจอ 12.4 นิ้ว และ Galaxy Tab S10 Ultra ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว โดยจุดเด่นของทั้งสองรุ่นคือมาพร้อมกับ Galaxy AI เต็มรูปแบบ ตอบโจทย์การทำงาน ไปจนถึงความบันเทิงได้ดีขึ้น รวมถึงชิปเซ็ตก็มีการอัพเกรดไปใช้ Dimensity 9300+ รุ่นท็อปสุดของทาง MediaTek ที่สำคัญคือโปรโมชั่นรอบนี้ดุดันมากๆ ครับ
สเปค Samsung Galaxy Tab S10 Ultra
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X, ขนาด 14.6 นิ้ว, ความละเอียด 2960 x 1848 พิกเซล (WQXGA+), Refresh Rate 120Hz, รองรับปากกา S-Pen
- ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 9300+
- แรม : 12GB
- หน่อยความจำ : 512GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1.5TB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 13MP, f/2.0, AF (wide)
- ตัวที่ 2 : 8MP, f/2.2 (ultrawide)
- กล้องหน้า :
- ตัวที่ 1 : 12MP, f/2.2 (wide)
- ตัวที่ 2 : 12MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)
- แบตเตอรี่ : 11,200 mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W Super Fast Charge
- ระบบปฏิบัติการ : One UI 6.1.1 บนพื้นฐาน Android 14 พร้อม Galaxy AI
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 5.3
- GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS
- USB Type-C 3.2 Gen 1
- ราคา 52,900 บาท
สเปค Samsung Galaxy Tab S10+
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X, ขนาด 12.4 นิ้ว, ความละเอียด 2800 x 1752 พิกเซล (WQXGA+), Refresh Rate 120Hz, รองรับปากกา S-Pen
- ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 9300+
- แรม : 12GB
- หน่อยความจำ : 256GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1.5TB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 13MP, f/2.0, AF (wide)
- ตัวที่ 2 : 8MP, f/2.2 (ultrawide)
- กล้องหน้า : 12MP, f/2.2 (wide)
- แบตเตอรี่ : 10,900 mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W Super Fast Charge
- ระบบปฏิบัติการ : One UI 6.1.1 บนพื้นฐาน Android 14 พร้อม Galaxy AI
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 5.3
- GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS
- USB Type-C 3.2 Gen 1
- ราคา
- Galaxy Tab S10+ Wi-Fi ราคา 36,900 บาท
- Galaxy Tab S10+ 5G ราคา 41,900 บาท
Design – การออกแบบตัวเครื่อง
Samsung Galaxy Tab S10+ และ Samsung Galaxy Tab S10 Ultra ในด้านการดีไซน์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Galaxy Tab S9+ และ Galaxy Tab S9 Ultra จะมีความเปลี่ยนแปลงภายนอกที่น้อยมาก ดีไซน์ยังคงใช้เป็นแบบเดิม ส่วนตัวผมก็รู้สึกว่าไม่ได้ติดขัดอะไร เพราะดีไซน์เดิมก็ถือว่าออกแบบมาได้ดีอยู่แล้ว แต่ก็มีการเพิ่มความแข็งแรงของวัสดุตัวเครื่อง ให้ทนทานต่อการกดทับมากขึ้นถึง 10%
ที่สำคัญคือยังคงความสามารถในการกันน้ำ กันฝุ่นมาตรฐาน IP68 เหมือนเช่นเคย เรื่องน้ำหนักตัวเครื่อง หากเป็น Galaxy Tab S10+ จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 576 กรัม ส่วน Galaxy Tab S10 Ultra มีน้ำหนักอยู่ที่ 723 กรัม
Galaxy AI จัดเต็ม และรองรับภาษาไทย
Samsung Galaxy Tab S10 Ultra และ Galaxy Tab S10+ จะมาพร้อมกับ Galaxy AI ที่ติดตั้งมาให้แต่แรก ไม่จำเป็นต้องรออัพเดตเฟิร์มแวร์ และที่สำคัญคือ Galaxy AI รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ และยังรองรับการใช้งานภาษาอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่าเป็นจุดแข็งของ Galaxy AI ที่ไม่น่าจะมีแบรนด์ไหนให้ได้ในตอนนี้
โดยการใช้งานหลักๆ ของ Galaxy AI จะเข้ามาช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นมากๆ เพราะรอบนี้ไม่ใช่แค่แปลภาษา แต่ยังสามารถตรวจคำ, เช็คไวยากรณ์ และสร้างข้อความขึ้นใหม่ได้เองอีกด้วย และที่ตัว Book Cover Keyboard Slim ยังมีปุ่ม AI ที่กดเรียก Gemini ได้ตลอดเวลา เมื่อกดแล้วก็จะแบ่งเป็นหน้าจอเล็กๆ เพื่อเรียกใช้ Gemini ในการช่วยตอบคำถามต่างๆ ได้ทันที
การแปลภาษาด้วย Galaxy AI
จุดเด่นแรกที่ผมชอบมากๆ ใน Galaxy AI คือเรื่องการแปลภาษาครับ เหมือนว่า Galaxy Tab S10+ และ Galaxy Tab S10 Ultra จะทำงานเป็นเครื่องแปลภาษาได้ตลอดเวลาจริงๆ ยิ่งเป็นการแปลแบบเฉพาะคำ จะสามารถแปลได้หลายท่ามากๆ ตั้งแต่การเลือกคำ ลากคลุมแล้วกดแปล หรือจะใช้ปากกา S-Pen ชี้คำศัพท์ที่ต้องการแปล ไปจนถึงการใช้ Circle to Search วงแล้วแปล ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
หรือในกรณีที่ต้องการแปลภาษาแบบทั้งหน้ากระดาษ ก็สามารถใช้ Circle to Search ด้วยการกดปุ่มโฮมค้างไว้ แล้วกดแปลภาษาทั้งหน้าได้เช่นกัน เหมาะกับการแปลเอกสารทั้งชุด แถมยังสามารถปรับเข้าการใช้งานได้หลากหลาย เช่น เพื่อนส่งเอกสารให้ใน LINE ก็เปิดเอกสารแล้วกด Circle to Search เพื่อแปลภาษาแล้ว Screenshot ส่งเอกสารที่แปลเสร็จแล้ว (ภายในไม่กี่วินาที) กลับไปให้เพื่อนได้ทันที หรือจะเป็นการแปลเอกสาร แปลจดหมายในซีรี่ส์เกาหลี ก็สามารถใช้ Circle to Search เพื่อแปลได้เช่นกันครับ
การแปลภาษาด้วย S-Pen Translate ก็ยกระดับไปอีกขั้นด้วย Galaxy AI เพราะตอนนี้เอาปากกา S-Pen ไปชี้ที่ไหน ก็สามารถแปลภาษาให้ได้แบบทันที รองรับทั้งตัวหนังสือที่เป็นไฟล์ หรือแม้แต่บนรูปภาพก็สามารถแปลได้
Composer เขียนให้ได้แม้จะเป็นอีเมล์
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ของ Galaxy AI ก็คือการสร้างข้อความ ในลักษณะของการ Prompt คำสั่งให้ Galaxy AI แต่งประโยคให้ตามความต้องการของเราได้เลย จากที่เมื่อก่อน Galaxy AI จะทำได้แค่การตรวจสอบไวยากรณ์ หรือปรับรูปแบบข้อความเดิมที่เราเขียนไว้ก่อนหน้านี้ โดย Composer จะช่วยเราสร้างประโยค ได้ทั้งข้อความสั้นๆ หรือจะเป็นงานใหญ่อย่างการเขียนอีเมล์ แถมยังเลือกรูปแบบการเขียนได้ด้วย ว่าอยากได้แบบเป็นกันเอง, เป็นทางการ, มืออาชีพ
AI Summarize สรุปเนื้อหายาวๆ ให้กระชับในไม่กี่วินาที
การสรุปข้อความ อีกหนึ่งฟีเจอร์ใน Galaxy AI ที่ผมมองว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม และช่วยในการทำงานได้มาก รองรับการทำงานทั้งบนแอป Note และ Samsung Internet Browser หากเป็นใน Note ก็จะสามารถสรุปเนื้อหาจากไฟล์ PDF ได้ในเวลาไม่กี่วินาที หรือในกรณีที่อ่านบทความยาวๆ บนอินเทอร์เน็ต แล้วต้องการให้สรุปความ ก็เลือกใช้ AI Summarize ใน Samsung Internet Browser ได้ และยังคอมโบกับการแปลภาษา หรือ AI Translate ได้อีกด้วยครับ จะเลือกให้สรุปเนื้อหาก่อนแล้วแปล หรือจะแปลก่อนแล้วสรุปเนื้อหา Galaxy AI รับจบได้หมด
Transcript Assist ขั้นกว่าของการอัดเสียง เพราะถอดเทป และสรุปให้ได้ด้วย
การถอดไฟล์เสียง พร้อมสรุป และแปลภาษาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Galaxy AI ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่ในหัวข้อของการบันทึกเสียงเพียงอย่างเดียว แต่ในแอป Note ก็สามารถบันทึกเสียง ไปพร้อมๆ กับการจดบันทึกพร้อมกันได้เลย และเมื่อบันทึกเสียงเรียบร้อย ก็สามารถคอมโบเข้ากับการสรุปความ และแปลภาษาได้อีกด้วย
ความบันเทิงจัดเต็ม ทั้งจอใหญ่ เสียงดี และมี AI
ในด้านความบันเทิง Samsung Galaxy Tab S10 Series ก็ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ดีทั้งสองรุ่น เพราะเป็นขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มตา โดย Galaxy Tab S10+ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 12.4 นิ้ว ส่วน Galaxy Tab S10 Ultra มาในขนาดหน้าจอใหญ่เบิ้มๆ 14.6 นิ้ว ทั้งคู่เป็นหน้าจอตัวท็อป Dynamic AMOLED 2x อัตรารีเฟรชหน้าจอ 120Hz รองรับ HDR เต็มรูปแบบ และในรอบนี้หน้าจอเคลือบสารกันแสงสะท้อน ทำให้อ่าน E-Book, PDF หรือแม้แต่ดูหนัง ก็ทำได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีการสะท้อนแสงมารบกวน
อีกจุดเด่นก็คือเรื่องอัตราส่วนหน้าจอที่ Samsung คิดมาแล้วว่าเหมาะกับทั้งการทำงาน ที่เป็นการแบ่งหน้าจอแบบ Multi-task ไปจนถึงการรับชมคอนเทนต์บนวิดีโอสตรีมมิ่ง ทั้ง YouTube, Netflix, Google Movie, Prime Video เพราะให้อัตราส่วนหน้าจอ 16:10 ที่เวลาเปิดภาพยนตร์จะมีขอบดำบนล่างน้อยมากๆ ทำให้การแสดงผลเต็มตามากขึ้น อีกทั้งมีการใส่ฟีเจอร์ AI อย่าง AI Dialogue Boost ที่เป็นการบูสเสียงพูดให้ดังขึ้น แม้ว่าในฉากนั้นๆ จะมี Sound Effect ดังกระหึ่มก็ตาม โดยฟีเจอร์นี้จะเห็นผลมากเวลาที่รับชมคอนเทนต์พากย์ไทย แล้วดูภาพยนตร์ Action ที่มีเสียงระเบิด เสียงปืน หรือเสียงเครื่องบินดังๆ เมือเปิด AI Dialogue Boost จะได้ยินเสียงพูดชัดขึ้นมากๆ
เล่นเกมลื่นๆ ภาพสวยด้วย Ray Tracing
การเล่นเกมด้วย Galaxy Tab S10 Series ก็ทำได้สมกับที่เป็นแท็บเล็ตเรือธง ด้วยชิปเซ็ตตัวแรงจาก MediaTek Dimensity 9300+ ชิปที่ใส่มาให้แต่ BigCore ทั้ง Cortex-X4 และ Cortex-A720 ให้ประสิทธิภาพโดยรวมที่สูงกว่ารุ่นก่อนหน้า CPU เร็วขึ้น 18%, GPU เร็วขึ้น 28% และ NPU ประมวลผล AI ได้ดีขึ้นถึง 14%
ชิปที่แรงขนาดนี้ ความร้อนระหว่างการประมวลผลหนักๆ มีให้เห็นแน่นอน แต่จุดนี้ Samsung ก็แก้เกมได้ดี ด้วยการอัพเกรดชุดระบายความร้อนใหม่ เพิ่มขนาดของแผงระบายความร้อน Vapor Chamber ให้มากกว่าเดิม 1.48 เท่า ผมทดสอบด้วยการเปิด 3D Mark Wildlife Extreme Stress Test ที่เป็นการทดสอบยาวๆ 20 รอบ พบว่าอุณหภูมิตัวเครื่องสูงสุดอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียสเท่านั้น (ทดสอบในอุณหภูมิห้อง 29 องศา) เรื่องประสิทธิภาพก็ลดลงไปไม่มาก แม้จะทดสอบต่อเนื่องเป็นเวลานานก็ตาม
นอกจากชิปจะแรงแล้ว Dimensity 9300+ ยังรองรับ Ray Tracing ในระดับฮาร์ดแวร์ ทำให้การคำนวณแสงเงา, เงาสะท้อนต่างๆ ในเกมมีความสมจริงมากขึ้น ส่วนการเล่นเกม ผมลองทดสอบกับเกมหลายๆ รูปแบบ ทั้งเกมพื้นฐานอย่าง RoV ปรับสุด 60fps, เกมที่กินสเปคอย่าง Genshin Impact ก็เล่นได้ที่ปรับสุด 60fps หรือเกม Shooting ยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile ถ้าเอาภาพสวยก็ปรับได้ระดับ Ultra HDR ตรงนี้จะเห็นผลของ Ray Tracing อย่างชัดเจน หรือถ้าจะเอาลื่นๆ ก็ปรับเฟรมเรตได้สุดถึง 120fps
แบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน
Samsung Galaxy Tab S10+ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 10,900 mAh ส่วน Galaxy Tab S10 Ultra มีแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 11,200 mAh จากที่ได้ลองใช้งานทั้งสองรุ่น ผมว่าแบตเตอรี่อึดพอที่จะใช้ทำงานหมดวัน โดยที่ไม่ต้องชาร์จระหว่างวันครับ ถึงบ้านยังได้แบตเตอรี่เหลือๆ ไว้เล่นโซเชียลได้อีก ส่วนการชาร์จไฟ ทั้งสองรุ่นรองรับชาร์จเร็ว 45W แบบ PPS สามารถใช้อะแดปเตอร์เดียวกับ Samsung Galaxy S24 Ultra ได้เลย ใช้เวลาชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ก็ได้แบตเตอรี่เต็มแล้ว (Galaxy Tab S10 Ultra) ถือว่าเร็วสำหรับแท็บเล็ตที่ให้แบตเตอรี่ความจุสูงขนาดนี้ครับ
กล้องถ่ายภาพ
Samsung Galaxy Tab S10 Series มาพร้อมกับชุดกล้องหลัง 2 ตัว แบ่งเป็นเลนส์ Wide และเลนส์มุมกว้าง Ultrawide คุณภาพของรูปถ่ายอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ เมื่อเทียบกับกล้องแท็บเล็ต และการมีเลนส์มุมกว้างนี่ถือเป็นอีกจุดแข็งของรุ่นนี้ก็ว่าได้ ส่วนกล้องหน้าจะมีสเปคที่ต่างกันเล็กน้อย หากเป็น Galaxy Tab S10+ จะมีกล้องหน้าตัวเดียว ส่วน Galaxy Tab S10 Ultra จะใส่กล้องหน้าให้ 2 ตัว มีเลนส์หลัก กับเลนส์มุมกว้าง ใช้ในการวิดีโอคอล หรือใช้ในการเซลฟี่ก็ถือว่าโอเคเลยครับ
สรุปภาพรวม Samsung Galaxy Tab S10 Series
ภาพรวมของแท็บเล็ตเรือธง Samsung Galaxy Tab S10+ และ Samsung Galaxy Tab S10 Ultra รอบนี้ผมว่าน่าสนใจขึ้นมากด้วยฟีเจอร์อย่าง Galaxy AI โดยเฉพาะในด้านการแปลภาษา ที่รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ การใช้งาน AI มีความหลากหลาย ตอบโจทย์การทำงาน การเรียนได้อย่างเต็มที่ ทั้งการสรุปเนื้อหา, การแปลภาษา รวมถึงการใช้ AI แต่งข้อความ แก้ไขไวยากรณ์ ล้วนแต่ทำได้เป็นอย่างดี และทำได้เร็วมากๆ ด้วย
สเปคด้านอื่นๆ ที่ดีอยู่แล้ว ก็ยังคงมาตรฐานเดิมไว้ได้ดีเช่นเคย ทั้งหน้าจอ Dynamic AMOLED 2x ที่แสดงผลได้อย่างยอดเยี่ยม ก็เสริมเรื่องการลดแสงสะท้อนหน้าจอเข้าไป, ลำโพงที่ดังกระหึ่ม เสริมด้วยฟีเจอร์อย่าง AI Dialogue Boost, ตัวเครื่องที่กันน้ำกันฝุ่น IP68 ก็ถูกเสริมความแข็งแกร่งของวัสดุให้ทนขึ้นไปอีก ส่วนเรื่องการเล่นเกมก็หายห่วง Dimensity 9300+ เล่นได้ทุกเกม และเล่นได้แบบภาพสวยด้วย Ray Tracing ระดับฮาร์ดแวร์
นอกจากนี้ หากพูดในแง่ของความคุ้มค่า Galaxy Tab S10 Series ทั้งสองรุ่นก็มาพร้อมกับปากกา S-Pen ตั้งแต่ในกล่อง ไม่ต้องซื้อแยก และยังมาพร้อมกับโปรแรงช่วงเปิดตัว ที่แถม Book Cover Keyboard Slim จะซื้อรุ่นไหนก็แถมคีย์บอร์ดตรงรุ่นให้ฟรีไปเลย รวมถึงโปร Trade-in นำแท็บเล็ตเก่า หรือมือถือเก่ามาแลกซื้อ ตีราคาได้เท่าไหร่ มีโปร On-top ให้อีก 6,000 บาทไปเลย โปรโมชั่นมีตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2567
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy Tab S10 Series จะมีดังนี้ครับ
- Galaxy Tab S10+ Wi-Fi (12GB + 256GB) ราคา 36,900 บาท
- Galaxy Tab S10+ 5G (12GB + 256GB) ราคา 41,900 บาท
- Galaxy Tab S10 Ultra 5G (12GB + 512GB) ราคา 52,900 บาท