Samsung มักจะใช้ชื่อรุ่นมือถือเป็นรุ่นต่อยอดจากรุ่นเดิม อาทิเช่น Samsung Galaxy S รุ่นต่อมาก็เป็น S2, S3, S4 และ Samsung Galaxy S5 ตามลำดับ Samsung Galaxy Core 2 Duos ก็เช่นกันครับ มันมีเจนเนอร์เรชันที่ 1 เป็น Samsung Galaxy Core นั่นเอง โดย Samsung Galaxy Core 2 Duos เปิดตัวมาด้วยคอนเส็ปจั่วหัวไว้ว่า “ลื่นกว่าเดิม” เพราะเจ้า Samsung Galaxy Core 2 Duos ได้อัพเกรด CPU จากรุ่นแรกที่เป็น Dual Core เป็น CPU Quad Core อีกทั้งยังมีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ปัญหาอยู่ที่สเปคอื่นๆ กลับลดลงจากรุ่นแรก ไม่ว่าจะเป็น Ram ที่เหลือ 768 MB จากรุ่นแรกที่ให้แรมมาที่ 1 GB เป็นต้น สำหรับสเปคของ Samsung Galaxy Core 2 Duos ก็จะประมาณนี้ครับ
สเปค Samsung Galaxy Core 2 Duos
- ชิปประมวลผล Spreadtrum SC8830 Quad-Core ความเร็วสูงสุด 1.2 GHz
- แรม 768 MB
- หน้าจอ TFT ขนาด 4.5 นิ้ว ความละเอียด 800×480 พิกเซล
- รอมในตัว 4 GB
- Android 4.4.2 Kitkat?ครอบมาดัวยอินเตอร์เฟส TouchWiz
- ใช้งานได้ 2 ซิมแบบ Always on
- รองรับ 3G แยกเครือข่าย (มี 2 โมเดล)
- กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล Auto Focus พร้อมแฟลช
- กล้องหน้าความละเอียด VGA
- แบตเตอรี่ 2000 mAh
- ราคาอยู่ที่ 6,590 บาท
- สเปค Samsung Galaxy Core 2 Duos เต็มๆ
วีดีโอรีวิว Samsung Galaxy Core 2 Duos
Design
การออกแบบของ Samsung Galaxy Core 2 Duos เนี่ยเรียกว่าจับ Samsung Galaxy Note 3 มาย่อส่วนของย่อส่วนอีกทีได้เลยครับ (ย่อส่วนครั้งแรกเป็น Samsung Galaxy Note 3 Neo Duos ไง) ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงเหลี่ยม, ขอบเครื่องที่ออกแบบมาให้คล้ายกับสมุด และฝาหลังที่มี Texture เหมือนเครื่องหนัง แต่จะบอกว่าเหมือนทั้งหมดก็คงไม่ได้ครับ เอาจริงๆ Samsung Galaxy Core 2 Duos แค่ออกแบบมาได้ “ดูเหมือน” Samsung Galaxy Note 3 เพราะด้วยช่วงราคาที่แตกต่างกันมาก ทำให้วัสดุของเจ้า Samsung Galaxy Core 2 Duos ยังห่างชั้นกับ Galaxy Note 3 หลายเท่า เอาง่ายๆ คือสัมผัสของ Texture ที่ฝาหลังก็คนละเรื่องแล้ว
สำหรับรายละเอียดของตำแหน่งต่างๆ บน Samsung Galaxy Core 2 Duos เริ่มจากด้านหน้าก็จะประกอบไปด้วยหน้าจอ TFT ขนาด 4.5 นิ้ว ด้านบนหน้าจอประกอบไปด้วยโลโก้ Samsung, ลำโพงสำหรับใช้สนทนา, กล้องหน้าความละเอียด VGA สำหรับใช้งาน Video Call และโลโก้ Duos แสดงว่ารองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบ Dual Sim Always on ได้แน่นอน (จุดเด่นของการใช้งาน 2 ซิมแบบ Always on คือสามารถรับสายเรียกเข้าขณะที่กำลังเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งในกรณีที่กำลังพูดสายโดยใช้ซิมการ์ดอีกอันหนึ่ง ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อ) ถัดมาที่ด้านล่างของหน้าจอจะประกอบไปด้วยปุ่มกด 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่ม Recent App (ตรงนี้เป็นจุดสังเกตของมือถือ Samsung ที่เกิดมาพร้อมกับ Android 4.4 Kitkat เพราะถ้าเป็นรุ่นก่อนๆ จะเป็นปุ่ม Menu), ปุ่มโฮม และปุ่ม Back ครับ
ขอบข้างของ Samsung Galaxy Coe 2 Duos จะใช้เป็นแบบเดียวกับใน Galaxy Note 3 คือจะมีการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับหนังสือ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือขอบเครื่องที่เป็นโครเมียมนี่แหละครับ เพราะมันเสี่ยงต่อการลอกมากๆ ทางที่ดีใส่เคสป้องกันไว้จะดีที่สุด ส่วนตำแหน่งของปุ่มต่างๆ บริเวณขอบเครื่องไล่จากทางด้านขวาก็จะเป็นปุ่ม Power ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ถัดมาทางด้านขวาจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องเสียบสาย USB กับไมค์สำหรับใช้สนทนาโทรศัพท์ครับ
จับ Galaxy Note 3 ย่อส่วน 2 ทีก็เป็น Samsung Galaxy Core 2 แล้ว
พูดถึงด้านหน้า และด้านข้างไปแล้ว เรามาดูกันต่อที่ด้านหลังของ Samsung Galaxy Core 2 Duos กันบ้าง สำหรับ Samsung Galaxy Core 2 Duos สามารถแกะฝาหลังได้ และเมื่อเปิดฝาหลังมาก็จะพบกับแบตเตอรี่ความจุ 2000 mAh, ช่องใส่ซิม 1 พร้อมช่องใส่ MicroSD Card และช่องใส่ซิม 2 โดย Samsung Galaxy Core 2 Duos จะรองรับซิมแบบไมโครซิมทั้ง 2 ซิมครับ และยังมีข้อสังเกตนิดหน่อยตอนซื้อ เพราะเจ้า Samsung Galaxy Core 2 Duos จะมีด้วยกัน 2 โมเดลครับ คือรุ่นที่รองรับ 3G ความถี่ 900/2100 และความถี่ 850/2100 สำหรับใครที่ใช้บริการของ 365 หรือ My by Cat ต้องเลือกเป็นรุ่นรองรับ 3G ความถี่ 850/2100 นะครับ ถ้าไปใช้รุ่นที่รองรับ 3G คลื่น 900/2100 จะใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ได้เลย โดยเครื่องรีวิว Samsung Galaxy Core 2 Duos ของเราจะเป็นโมเดลที่รองรับ 3G คลื่น 900/2100 แต่สามารถใช้อ้างอิงกับอีกโมเดลได้เช่นกันครับ ไม่ได้มีความแตกต่างในด้านอื่นๆ
สำหรับฝาหลังของ Samsung Galaxy Core 2 Duos อย่างที่ได้บอกไปว่ามันถูกออกแบบให้มี Texture หรือผิวสัมผัสคล้ายกับหนัง แต่ความเป็นจริงก็คือพลาสติกนี่แหละครับ สำหรับผมแล้ว นอกจากการป้องกันรอยขีดข่วนและรอยนิ้วมือ ก็ยังไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไร เนื่องจากมันให้สัมผัสที่กระด้างมือพอตัวเลย ไม่เหมือนอย่างใน Samsung Galaxy Note 3 เอาเป็นว่ายังเทียบกับฝาหลังของ Samsung Galaxy Grand 2 ไม่ติดเลยดีกว่าครับ ตรงนี้ก็พอเข้าใจว่าคงเป็นเรื่องของราคาที่แตกต่างกันพอสมควรนั่นเอง ส่วนรายละเอียดด้านหลังของ Samsung Galaxy Core 2 Duos จะประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, แฟลช LED, ลำโพงหลักของตัวเครื่องและโลโก้ Samsung ครับ
แต่เอาเข้าจริง Galaxy Core 2 ก็แค่ “ดูเหมือน” Galaxy Note 3 เท่านั้นแหละ
หน้าจอของ Samsung Galaxy Core 2 Duos สำหรับผมแล้วเป็นอะไรที่ “ไม่ผ่านอย่างแรง” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาค่าตัว 6,590 บาทของมันด้วยแล้ว ทั้งความละเอียดหน้าจอที่ให้มาเพียง 800×480 พิกเซล (ไม่ถึง HD) แถมพาแนลที่ใช้ยังเป็นแบบ TFT ที่ต้องบอกว่า “จอไม่สวย” เอาซะเลย ทั้งสีซีดและจอสะท้อนแสงมากเป็นพิเศษ เอาเป็นว่าถ้าใช้งานกลางแจ้งที่มีแสงแดดจัดๆ ไม่ต้องพยายามเพ่งจอเลยครับ มองแทบไม่เห็นอะไรเลยดีกว่า อันที่จรงมือถือที่ใช้จอภาพที่มีคุณภาพประมาณนี้ก็มีให้เห็นเยอะแยะทั่วไป แต่ประเด็นคือมือถือเหล่านั้นไม่ได้มีราคา 6,590 บาทไงครับ ตรงนี้ผมรู้สึกแปลกใจมากๆ เพราะเทียบกันกับรุ่นที่ราคาถูกกว่าอย่าง Samsung Galaxy S Duos 2 ยังรู้สึกได้เลยว่ารุ่นหลังทำหน้าจอออกมาได้ดีกว่าเยอะ
สำหรับภาพรวมของการออกแบบและวัสดุใน Samsung Galaxy Core 2 Duos ความจริงมันก็มีข้อดีนะครับ เพราะผู้ใช้จะได้ดีไซน์แบบเดียวกับเรือธงอย่าง Samsung Galaxy Note 3 ย่อส่วนของย่อส่วนอีกทีในราคาไม่ถึงหมื่นบาท ถ้าใครที่ชอบดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note 3 ก็คงจะหลงรักเจ้า Samsung Galaxy Core 2 Duos ได้ไม่ยากนัก แต่ก็ด้วยราคาที่แตกต่างกันมากเกินไป ทำให้วัสดุที่เลือกใช้แตกต่างกันพอสมควร ส่วนข้อสังเกตที่ทำให้ต้องคิดดีๆ ก่อนจะซื้อ Samsung Galaxy Core 2 Duos ก็คงไม่พ้นเรื่องหน้าจอนี่แหละครับ ส่วนตัวผมมองว่ามือถือราคา 6,590 บาทเนี่ย ไม่ต้องให้จอ IPS ก็ได้ (แต่ถ้าได้ก็จะดีมาก) แต่อย่างน้อยควรเลือกใช้พาเนลจอที่ดีกว่านี้ครับ
Software
Samsung Galaxy Core 2 Duos มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 Kitkat ครอบด้วย TouchWiz UI ที่มองๆ แล้วก็คล้ายกับ Samsung Galaxy S5 ครับ ซึ่งอันที่จริงมือถือ Samsung ถ้าอัพเดตเป็น Android 4.4 Kitkat ก็จะมีหน้าตาของ UI ประมาณนี้นั่นแหละ การใช้งานทั่วไปก็ต้องบอกว่าใช้งานได้ง่ายครับ ไม่มีอะไรซับซ้อน ส่วนการตอบสนองของตัวซอฟท์แวร์ยังไม่เข้าขั้นประทับใจเท่าไหร่ มีอาการหน่วงให้เห็นบ้าง ตามสเปคของตัวเครื่อง แต่ข้อดีของ TouchWiz UI เวอร์ชั่น Android 4.4 Kitkat คือจะไม่มีปัญหาเรื่อง App ที่ทาง Samsung บังคับใส่ไว้ในตัวเฟิร์มแวร์แล้ว ซึ่งตรงนี้หากผู้ใช้ต้องการจะดาวโหลดแอพของ Samsung ก็สามารถเข้าไปดาวโหลดผ่านแอพพลิเคชัน Galaxy App Center และเลือกโหลดเฉพาะแอพที่ต้องการใช้จริงๆ ทำให้ผู้ใช้ได้ใช้พื้นที่หน่วยความจำได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นครับ
ความพิเศษของของแอพพลิเคชันใน Galaxy App Center ที่เป็นประโยชน์อย่างมากในชีวิตจริงก็คือ แอพพลิเคชัน Galaxy Gift ครับ โดยแอพพลิเคชันดังกล่าวจะรวมส่วนลดจากร้านอาหารชั้นนำ รวมถึงส่วนลดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความงาม, ท่องเที่ยว ไปจนถึงการออกกำลังกาย เป็นต้น?นอกจากนี้แอพพลิเคชัน Galaxy App Center ยังมีสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า Samsung เช่น แอพพลิเคชันลดราคา หรืออย่างเกมดังๆ ก็มีลดราคาให้เลือกซื้อกันด้วยครับ
Camera
กล้องหลังของ Samsung Galaxy Core 2 Duos จะเป็นกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus และแฟลช LED ซึ่งประเด็นอยู่ที่ระบบออโต้โฟกัสของเจ้า Samsung Galaxy Core 2 Duos นี่แหละครับ เพราะตอนรีวิว Samsung Galaxy Core 2 Duos เวลาถ่ายภาพนี่ต้องเลือกจุดโฟกัสให้มันตลอดเลย ตามความเข้าใจของผมคือกล้อง Samsung Galaxy Core 2 Duos ยังไม่ฉลาดพอที่จะหาจุดโฟกัสด้วยตัวเอง ผู้ใช้เลยต้องกำหนดจุดโฟกัสให้มันครับ และเมื่อได้จุดโฟกัสที่เราต้องการแล้วถึงจะคิดต่อได้ด้วยตัวมันเอง
ซึ่งตรงนี้จะกลายเป็นข้อเปรียบเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกับค่าตัวของ Samsung Galaxy Core 2 Duos ไปทันที เพราะมือถือส่วนมากในช่วงราคา 6,000 – 7,000 บาทเนี่ย ถ้าให้กล้องแบบออโต้โฟกัสมา อย่างน้อยตัวแอพฯ กล้องเองก็จะทำการหาจุดโฟกัสอัตโนมัติให้ครับ ส่วนโหมดถ่ายรูปก็มีให้เลือกมากมาย เรียกว่ามีมาให้ไม่แพ้รุ่นใหญ่ๆ เลยครับ
สำหรับตัวอย่างรูปถ่ายจากกล้องหลังของ Samsung Galaxy Core 2 Duos สามารถรับชมได้จาก Gallery เลยครับ
Performance
ประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Core 2 Duos สำหรับการใช้งานทั่วไปก็ถือว่าตอบโจทย์ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเล่น Social Network, เล่นอินเทอร์เน็ต, การใช้งานเป็นโทรศัพท์ หรือแม้แต่จะเล่นเกมยอดฮิตในเวลานี้อย่าง Line เกมเศรษฐีก็ยังพอไหวครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องหมั่นเคลียร์ Ram บ่อยๆ เพราะตัว Samsung Galaxy Core 2 Duos เองก็ไม่ได้ให้แรมมาเยอะพอที่จะใช้งานหนักๆ สิ่งที่ผมคาใจคือทำไมไม่ใส่แรมมาให้ 1 GB ไปเลย กลับให้แรมมาครึ่งๆ กลางๆ ที่ 768 MB ถึงแม้จากการทดสอบหลายๆ ที่ว่ากันว่าแรม 768 MB กับแรม 1 GB เวลาใช้งานจริงแตกต่างกันไม่มากเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการปรับแต่งตัว UI จากผู้ผลิตมากกว่า แต่ความรู้สึกที่จะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสักเครื่องมันต่างกันมากครับ ระหว่างแรม 768 MB กับแรม 1 GB เนี่ย
อย่าเอา Ram ชั้นไป !!!
อีกทั้ง CPU ก็ยังไม่ค่อยประทับใจ แม้จะปรับมาใช้เป็น CPU Quad Core แล้วก็ตาม แต่ดันเลือกใช้ CPU Spreadtrum ซึ่งเป็นซีพียูที่อาจจะไม่คุ้นหูนัก เพราะส่วนมากมันจะอยู่ในมือถือแอนดรอยจากจีนครับ ความลื่นก็ไม่ต้องพูดถึง เอาเป็นว่าจะซื้อ Samsung Galaxy Core 2 Duos อาจจะต้องทำใจล่วงหน้าเรื่องอาการหน่วงเวลาเปิด-ปิดแอพเลยหล่ะ และนอกจาก Ram กับ CPU แล้ว หน่วยความจำภายในก็เป็นจุดสังเกตของมือถือรุ่นนี้เช่นกัน เพราะให้มาแค่เพียง 4 GB เท่านั้นเอง ใส่แอพอะไรนิดหน่อยก็แทบจะไม่มีพื้นที่เหลือแล้วครับ ยังดีที่สามารถเพิ่มการ์ดความจำภายนอกได้ แต่ก็นั่นแหละครับ ราคาระดับนี้น่าจะให้ความจุสัก 8 GB จะดูดีกว่าเยอะ
ส่วนการจัดการพลังงานของ Samsung Galaxy Core 2 Duos ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มา 2000 mAh ถ้าใช้งานจริงๆ เปิด 3G ไว้ตลอด คงต้องพก Powerbank เอาไว้ เพราะไม่น่าจะอยู่รอดหมดวันแน่ๆ แต่ก็ยังถือว่าทำได้ดีกว่าบางแบรนด์นะครับในจุดนี้
Overall
มาถึงส่วนก่อนสุดท้ายของบทความรีวิว Samsung Galaxy Core 2 Duos ก็คือในส่วนของการสรุปภาพรวมอีกที หลังจากที่เราได้ทำการรีวิว Samsung Galaxy Core 2 Duos ไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับค่าตัวที่ 6,590 บาท เมื่อเทียบกับมือถือที่มีราคาใกล้เคียงกัน (ช่วงราคา 5,000 – 7,000 บาท) บอกเลยครับว่างานหนักแน่ๆ หากถามผมว่า Samsung Galaxy Core 2 Duos เหมาะกับใคร คำตอบก็คงจะเป็นผู้ใช้ที่ชื่นชอบในการออกแบบสไตล์ Samsung และต้องการใช้งานมือถือ 2 ซิมแบบ Always on นั่นแหละครับ
ข้อดี
- การออกแบบทำออกมาได้ดี หน้าตาเหมือน Note 3 ย่อส่วนในราคา 6,590 บาท
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบ Always on
- ให้แบตเตอรี่มาถึง 2000 mAh
- แอพพลิเคชัน Galaxy Gift ให้ส่วนลดค่าอาหารเยอะดี ^^
ข้อสังเกต
- สเปคโดยรวมยังดูกั๊กๆ อยู่ อาทิเช่น Ram 768 MB เป็นต้น
- การใช้งานพบอาการหน่วงตอนเปิด-ปิดแอพบ่อยมาก
- หน้าจอทำออกมาได้ไม่ประทับใจ จอสะท้อน, สีซีด
- วัสดุตัวเครื่องโดยรวมยังไม่ค่อยประทับใจ
- ราคา 6,590 มีคู่แข่งเพียบ
Compare
มาถึงส่วนสุดท้ายจริงๆ ของรีวิว Samsung Galaxy Core 2 Duos ซึ่งก็คือการเปรียบเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy Core 2 Duos ที่ราคา 6,590 บาท จำนวน 5 รุ่นด้วยกัน
ถ้าเทียบบรรดาคู่แข่ง 5 รุ่นของ Samsung Galaxy Core 2 Duos ก็ต้องบอกว่า Samsung อาจจะต้องปาดเหงื่อหลายรอบหน่อยครับ เพราะมือถือในช่วงราคาประมาณนี้ล้วนแต่ให้อะไรเยอะกว่า Samsung Galaxy Core 2 Duos ด้วยกันทั้งนั้น เอาเป็นว่าสิ่งที่ Samsung Galaxy Core 2 Duos เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ก็คงจะเป็นคอนเท้นพิเศษจากทาง Samsung อย่างแอพ Galaxy Gift และการเป็น Android 4.4 Kitkat นี่แหละครับ แต่ถ้าให้พูดกันตรงๆ หากมีงบประมาณเท่านี้ซื้อรุ่นอื่นจะสบายใจกว่าครับ
ส่วนตัวเลือกอื่น นอกเหนือจาก Samsung Galaxy Core 2 Duos ก็ขอสรุปง่ายๆ ดังนี้ครับ
- Asus Zenfone 5 ถ้าตัดปัญหาเรื่อง Wifi ออกไปก็ถือว่าตีตลาดมือถือในช่วงราคานี้แตกกระจายครับ ให้ทุกอย่างคุ้มค่าจริงๆ
- ถ้าต้องการมือถือดูทีวีดิจิตอลได้ก็จัด I-Mobile IQ 6.9 DTV ไปครับ สเปคก็พอตัวเลย
- Huawei Honor 3C สเปคอัดมาให้แรงไม่แพ้ Asus Zenfone 5 เลยครับตัวนี้ แถมแบตเตอรี่ยังให้มาเยอะที่สุดในบรรดา 5 รุ่นด้วย
- Vivo Y22 สำหรับขาเซลฟี่ต้องรุ่นนี้เลยครับ ด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูงและเลนส์ Wide มั่นใจว่าเก็บภาพได้ครบแน่นอน