มือถือที่เราจะมารีวิวให้รับชมกันในวันนี้คือ OPPO Mirror 3 มือถือระดับราคากลางๆ จาก OPPO มาพร้อมกับสเปคที่ใช้งานทั่วไปได้สบายๆ หน้าจอ 4.7 นิ้ว ขนาดกำลังพอดีมือ รองรับ 4G LTE และที่สำคัญคือกล้องของ OPPO Mirror 3 ใช้เทคโนโลยี Pure Image 2.0+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับมือถือราคาหมื่นอัพของ OPPO อย่าง OPPO R5 และ OPPO N3 เลยครับ
สเปค OPPO Mirror 3
- ระบบปฏิบัติการ Color OS 2.0.0i (Android 4.4)
- หน้าจอ 4.7 นิ้ว ความละเอียด HD 1280×720
- ชิพเซ็ต Qualcomm Snapdragon 410 Quad Core ความเร็ว 1.2 GHz
- Ram 1 GB
- หน่วยความจำภายใน 8 GB
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Beauty
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล + LED Flash
- แบตเตอรี่ 2,000 มิลลิแอมป์ (ถอดเปลี่ยนได้)
- รองรับ 3G ทุกเครือข่าย, รองรับ 4G คลื่น 2100 ที่ใช้งานในประเทศไทย และใช้งานได้ 2 ซิม
- มี IR Blaster ใช้งานเป็น Universal Remote ได้
- ราคาเปิดตัว 7,990 บาท
- สเปคเต็มๆ OPPO Mirror 3
สำหรับอุปกรณ์ที่อยู่ในกล่องของ OPPO Mirror 3 ก็จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเหมือนสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป ได้แก่ หูฟังสมอลทอร์ค, สาย USB และอแดปเตอร์แบบพิเศษที่รองรับเทคโนโลยี VOOC Fast Charge ที่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 2A ทำให้ OPPO Mirror 3 สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่ามือถือปกติทั่วไปถึง 60% เลยทีเดียว และนอกจากนี้ OPPO Mirror 3 ยังติดฟิล์มกันรอยที่หน้าจอมาให้ตั้งแต่แรกด้วยนะครับ ซื้อเสร็จก็พร้อมใช้งานทันที
จุดเด่น
– ColorOS 2.0 ค่อนข้างเสถียร Ram 1 GB ก็ไม่ใช่ปัญหา
– รองรับ 4G LTE และรองรับ 2 ซิม
– มีระบบชาร์จเร็ว VOOC
– กล้องหลังค่อนข้างฉลาด มีโหมดให้เลือกเยอะ
– กล้องหน้าทำได้ดีมาก ไม่ว่าจะถ่ายปกติ หรือถ่ายฟรุ้งฟริ้ง การวัดแสงทำได้เป๊ะมาก
– ฟีเจอร์รีโมทใช้งานได้จริง และทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นมาก
ข้อสังเกต
– ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่าย
– แบตเตอรี่ไม่ค่อยอึดเท่าไหร่ แต่ชดเชยได้ด้วยระบบชาร์จเร็ว
– กล้องหลังนูนออกมาจากฝาหลัง
บทสรุป
BEST PRICE
Design
OPPO Mirror 3 ใช้วัสดุหลักของตัวเครื่องเป็นพลาสติกครับ แต่ด้วยดีไซน์ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี ส่งผลให้ OPPO Mirror 3 เป็นมือถือที่ภาพรวมในเรื่องของดีไซน์ทำออกมาได้ดีครับ หน้าตานี่ดูดีใช้ได้เลย ขนาดตัวเครื่องก็กำลังพอดีมือ ด้วยขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ใช้งานมือเดียวสบายๆ ครับ และด้วยอานิสงฆ์ของการใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นพลาสติก ทำให้ OPPO Mirror 3 นอกจากจะใช้งานมือเดียวได้สะดวกแล้ว ยังมีน้ำหนักเบาอีกด้วย
รายละเอียดด้านหน้าของ OPPO Mirror 3 ประกอบไปด้วยหน้าจอ IPS ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด HD ด้านบนหน้าจอประกอบไปด้วยลำโพงสำหรับสนทนา, กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และเซนเซอร์วัดแสงครับ ส่วนด้านล่างของหน้าจอก็จะเป็นปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับที่ไม่มีไฟใต้ปุ่มครับ
รายละเอียดด้านข้างของ OPPO Mirror 3 เริ่มจากทางด้านขวามือจะประกอบไปด้วยปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง ด้านบนจะเป็นช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร, ไมค์ตัดเสียงรบกวน และ IR Bluster ใช้สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าครับ ส่วนด้านล่างก็จะเป็นไมค์สำหรับสนทนา และช่องเสียบ USB สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลและชาร์จไฟ โดยใช้เป็นพอร์ทเชื่อมต่อแบบ Micro USB เช่นเดียวกับมือถือแอนดรอยทั่วไปครับ
ฝาหลังของ OPPO Mirror 3 ใช้วัสดุเป็นพลาสติกแบบผิวมัน ข้างในมีลวดลายจุดๆ ดูแปลกตาดีครับ รายละเอียดด้านหลังของ OPPO Mirror 3 ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED, โลโก้ OPPO และลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ โดยการออกแบบด้านหลังของ OPPO Mirror 3 นี่ค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียดพอสมควร อย่างลำโพงด้านหลังเนี่ยจะมีพลาสติกที่ช่วยยกให้ตัวเครื่องนูนขึ้นมา เวลาที่เราวางตัวเครื่องไว้กับพื้น ลำโพงก็ยังทำงานได้ดีเหมือนเดิมครับ
วัสดุเป็นพลาสติกก็จริง แต่ก็เป็นพลาสติกเกรดดีนะยูวว
โดยฝาหลังของ OPPO Mirror 3 สามารถถอดได้ครับ และเมื่อถอดฝาหลังออกมาก็จะพบกับแบตเตอรี่ความจุ 2000 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้, ช่องใส่ซิมการ์ดจำนวน 2 ช่อง เป็นซิมการ์ดแบบไมโครซิมทั้งคู่ครับ และด้านข้างจะเป็นช่องใส่การ์ด MicroSD Card รองรับความจุสูงสุดที่ 128 GB ครับ วิธีการแกะฝาหลังก็ไม่ยากเท่าไหร่ ให้เริ่มจากการแซะที่ช่องทางด้านล่างครับ แล้วก็ค่อยๆ ไล่เปิดไปเรื่อยๆ งานประกอบโดยรวมของ OPPO Mirror 3 ก็แน่นหนาและแข็งแรงดีครับ ถึงแม้จะเป็นมือถือที่ถอดฝาหลังได้ก็ตาม
หน้าจอของ OPPO Mirror 3 อย่างที่บอกไปว่าเป็นหน้าจอ IPS ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด HD ซึ่งมีค่า ppi ที่สูงถึง 320 ppi รับรองว่ามองไม่เห็นเม็ดพิกเซลแน่ๆ ภาพที่ให้ก็คมชัดสมกับความละเอียด HD บนหน้าจอ 4.7 นิ้วครับ สีสันของหน้าจออยู่ในโทนปกติ มุมมองของหน้าจอค่อนข้างกว้างตามสไตล์มือถือหน้าจอ IPS การใช้งานกลางแดดจัดๆ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ OPPO Mirror 3 ครับ สามารถเร่งแสงหน้าจอสู้ได้สบายๆ แต่โหมดปรับแสงหน้าจออัตโนมัติยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ครับ
ภาพรวมของวัสดุและงานประกอบของ OPPO Mirror 3 ก็ถือว่าคุ้มค่ากับราคา 7,990 บาทครับ วัสดุตัวเครื่องที่เป็นพลาสติกก็เป็นพลาสติกอย่างดี งานประกอบแน่นหนา แข็งแรง ขนาดตัวเครื่องกำลังพอดีมือ ใช้งานได้สะดวกมาก ทุกอย่างสามารถควบคุมได้ด้วยมือข้างเดียว ใครที่ต้องการมือถือขนาดจอกำลังพอดีๆ เน้นใช้งานคล่องตัวแนะนำ OPPO Mirror 3 เลยครับ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
Software
OPPO Mirror 3 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.0.0i ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 4.4.4 Kitkat ซึ่งทาง OPPO ได้จัดการเปลี่ยนหน้าตาจากตอนเป็นรอมเดิมๆ ให้มีหน้าตาที่สดใส สวยงามและน่าใช้ยิ่งขึ้น โดยตัว ColorOS จะทำการตัดหน้า App Drawer ทิ้งไป การใช้งาน OPPO Mirror 3 จะคล้ายๆ กับการใช้ iOS ที่สามารถเพิ่ม Widget ที่หน้าโฮมได้ และมี Quick Setting ที่ใช้งานได้หลากหลายกว่ามากครับ จะบอกว่าเป็นการรวมข้อดีของลักษณะการใช้งานทั้ง iOS และ Android ไว้ใน ColorOS ก็ว่าได้นะ
หน้าตา UI ใน Theme เริ่มต้นของ OPPO Mirror 3 ก็ดูสวยงาม และแตกต่างไปจากไอคอนของรอม Stock ของ Android ทั่วไปพอสมควร แต่ทีเด็ดของ ColorOS คือสามารถเปลี่ยน Theme ได้หลากหลายมาก (ก ไก่ หลายตัว) ใครที่เบื่อง่าย หรือชอบอะไรแปลกใหม่ แนะนำเลยครับ ส่วนตัวผมว่า OPPO Mirror 3 นี่เปลี่ยน Theme ได้วันต่อวันเลยหล่ะ เพราะมีให้เลือกโหลดเยอะจริงๆ
Feature
ฟีเจอร์ของ OPPO Mirror 3 นอกจาก Gesture อันเป็นเอกลักษณ์ของ ColorOS แล้ว ใน OPPO Mirror 3 ยังมีอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เราไม่ค่อยได้เห็นในมือถือช่วงราคานี้ด้วย ซึ่งก็คือ IR Bluster ที่สามารถใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า ลักษณะการทำงานนี่จะเหมือนกับรีโมทคอลโทรลเลยครับ โดยแอปพลิเคชันรีโมทของ OPPO Mirror 3 สามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้แทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, DVD, โปรเจคเตอร์ หรือแม้แต่เครื่องเสียงก็สามารถคุมได้ครับ
ฐานข้อมูลรีโมทก็ถือว่าครอบคลุมหลายยี่ห้อทีเดียว แต่ถ้าไม่มีฐานข้อมูลก็ยังสามารถทำการคัดลอกรีโมทได้ครับ โดยการยิงรีโมทเข้ากับ IR Bluster ของ OPPO Mirror 3 ซึ่งก็ถือว่าใช้งานได้สะดวกเลย ใช้มือถือเครื่องเดียวคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้แทบจะทุกชนิด แถมยังแยกห้องได้ด้วยนะครับ แต่ข้อสังเกตของแอปพลิเคชันรีโมทใน OPPO Mirror 3 คือการควบคุมยังทำได้ไม่ละเอียดมาก โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศจะทำได้แค่การควบคุมขั้นพื้นฐานเท่านั้น ไม่สามารถเลือกโหมดบางโหมดได้ครับ
ส่วน Gesture ของ OPPO Mirror 3 ก็มีมาให้ไม่แพ้มือถือรุ่นอื่นๆ ของ OPPO เลยหล่ะ ไม่ว่าจะเป็น Gesture ตอนเปิดหน้าจอ เช่นการลาก 2 นิ้วลงเพื่อลดเสียง, ขยุ้มหน้าจอเพื่อเปิดกล้อง หรือ Gesture ตอนปิดหน้าจอ อย่างการวาดรูปตัว C เพื่อเปิดกล้อง, วาดรูปตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย เป็นต้น โดย Gesture บน OPPO Mirror 3 ช่วยให้ใช้งานมือถือได้สะดวกขึ้นเยอะเลยครับ
Camera
กล้องของ OPPO Mirror 3 ใช้เป็นกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED จำนวน 1 ดวง มาพร้อมซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพอัจฉริยะ Pure Image 2.0+ ทำให้มีโหมดการถ่ายภาพที่หลากหลายกว่าสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป อาทิ โหมดการถ่ายภาพแบบ ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ (Slow Shutter) สำหรับการถ่ายภาพเส้นไฟสวย ๆ บนท้องถนนยามค่ำคืน, โหมดการถ่ายแบบ รับแสง 2 ครั้ง (Double Exposure) สร้างสรรค์ภาพถ่ายแนวใหม่ด้วยการนำ 2 ภาพมาซ้อนกัน, โหมดการถ่าย HDR (High Dynamic Range) ที่เก็บรายละเอียดในส่วนมืดและส่วนสว่างของภาพได้ดีกว่าปกติ, โหมดผู้เชี่ยวชาญ (Manual Mode) ควบคุมค่าการถ่ายได้ใกล้เคียงกล้องโปร
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลของ OPPO Mirror 3 ก็ยังคงเน้นไปที่ความฟรุ้งฟริ้งเหมือนเคย ด้วยโหมด Beauty ที่ปรับได้ละเอียดมากขึ้น นอกจากจะสวยฟรุ้งฟริ้งแล้ว ยังเลือกได้ด้วยว่าอยากสวยแบบไหน ด้วยฟิลเตอร์หน้าเนียนที่สามารถเลือกแต่งสวยแต่งหล่อกันได้ถึง 8 แบบ มีฟิลเตอร์แบบ ธรรมชาติ, ความทรงจำ, ญี่ปุ่น, วาเลนเซีย, ผู้เชี่ยวชาญ, ทะเลทราย, สายรุ้ง และ โมโน โดยที่ฟิลเตอร์แต่ละแบบนั้นเลือกระดับความเนียนได้ตั้งแต่ 0-100 อยากให้เนียนมากเนียนน้อยก็ปรับเอาได้ตามใจชอบครับ
การใช้งานกล้องของ OPPO Mirror 3 มีจุดเด่นอย่างหนึ่งที่ผมค่อนข้างประทับใจ คือการจับภาพและประมวลผลครับ OPPO Mirror 3 สามารถจับภาพได้ไวมาก เรียกว่าคิดไว ทำไวสุดๆ กดปุ๊บถ่ายปั๊บกันเลยทีเดียว และยังมีโหมดต่างๆ ให้เลือกเยอะแยะเต็มไปหมด ส่วนตัวผมชอบโหมดความเร็วชัตเตอร์ต่ำมากที่สุดครับ เพราะสามารถใช้สร้างสรรค์ภาพถ่ายแปลกๆ ที่มือถือรุ่นอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ เช่นการถ่ายไฟรถตอนกลางคืน และก็มีอีกโหมดที่น่าสนใจครับ ซึ่งก็คือโหมดถ่ายภาพแบบรับแสง 2 ครั้งนี่ก็เจ๋งไม่เบา ใช้สร้างสรรค์ภาพชิคๆ ไว้อวดเพื่อนๆ ได้ด้วยนะ
ตัวอย่างการถ่ายภาพจากโหมดความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ใช้ถ่ายรถตอนกลางคืนก็ได้ภาพที่แปลกดีนะ
ตัวอย่างรูปถ่ายจากกล้องของ OPPO Mirror 3 สามารถรับชมได้จากใน Gallery เลยครับ
Performance
OPPO Mirror 3 เป็นมือถือที่ใช้ CPU ในระดับกลางอย่าง Qualcomm Snapdragon 410 Quad Core ความเร็ว 1.2 GHz ซึ่งเป็นชิปเซ็ตยอดนิยมสำหรับมือถือช่วงราคาประมาณนี้เลยหล่ะครับ แต่ต้องชมทาง OPPO ที่เลือกปรับแต่งรอมได้เป็นอย่างดี ทำให้ OPPO Mirror 3 กับ ColorOS สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล Ram 1 GB ดูจะไม่ใช่ปัญหาของ OPPO Mirror 3 แต่อย่างใดครับ จะมีอาการกระตุกบ้างเล็กน้อยเวลาที่เราทำการสลับแอปพลิเคชันเท่านั้น แต่ก็เล็กน้อยจริงๆ จนแทบไม่รู้สึกเลยหล่ะ
การเล่นเกม OPPO Mirror 3 ก็พอที่จะใช้เล่นเกมได้ครับ เห็น CPU ความเร็วแค่ 1.2 GHz แต่เทคโนโลยีจัดว่าค่อนข้างใหม่ เพราะเป็นชิปเซ็ตที่พึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง ทำให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลนี่ผมว่าเผลอๆ จะทำได้ดีกว่าพวก 1.7 GHz รุ่นเก่าๆ ซะอีก ถ้าเอาไว้เล่นเกมประเภท Puzzle หรือเกม Line นี่ OPPO Mirror 3 ทำได้แบบไม่มีปัญหาครับผม
แบตเตอรี่ของ OPPO Mirror 3 ให้มาที่ความจุ 2000 mAh ซึ่งเพียงพอกับมือถือสเปคประมาณนี้แน่นอนครับ แต่ถ้าใช้งานหนักๆ อันนี้คงต้องพก Powerbank สำรองไว้บ้างก็พอไหวอยู่ครับ แต่ OPPO Mirror 3 ก็ชดเชยในส่วนของแบตเตอรี่ด้วยฟีเจอร์ชาร์จไฟเร็วอย่าง VOOC Fast Charge ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็สามารถอัดไฟจนเต็มแบตเตอรี่ได้สบายๆ (OPPO เคลมว่าชาร์จได้ไวกว่ามือถือปกติ 60%) ทำให้เรื่องการจัดการพลังงานของ OPPO Mirror 3 สำหรับผมดูจะไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ครับ