Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Phone Review»Full»[Review] รีวิว iPhone 7 และรีวิว iPhone 7 Plus กล้องคู่ กันน้ำ กล้องดีขึ้น ไม่มีแจ็ค 3.5 แล้วมันจะเป็น 7 ที่ใช่ จริงหรือ?
    Full

    [Review] รีวิว iPhone 7 และรีวิว iPhone 7 Plus กล้องคู่ กันน้ำ กล้องดีขึ้น ไม่มีแจ็ค 3.5 แล้วมันจะเป็น 7 ที่ใช่ จริงหรือ?

    Jamikorn SingnamthiengBy Jamikorn Singnamthieng16 ตุลาคม 2016Updated:24 สิงหาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    เป็นธรรมดาของ Apple ที่จะต้องเปิดตัวมือถือ iPhone รุ่นใหม่ทุกปี และในปี 2016 นี้ก็ถึงคิวของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus โดย iPhone ทั้งสองรุ่นได้เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนกันยายน แล้วก็วางขายในกลุ่มประเทศแรกไปเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ส่วนประเทศไทย ณ ตอนที่ผมเขียนรีวิว iPhone 7 อยู่นั้น คงต้องร้องเพลงรอไปก่อน เนื่องจาก Apple ได้จัดให้ประเทศไทย เป็นประเทศกลุ่มที่ 3 ที่ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะวางขาย นั่นก็หมายความว่า กว่าเราจะได้ซื้อ iPhone 7 เครื่องศูนย์ไทยจาก dtac, AIS, Truemove-H และ Apple Online Store ก็น่าจะเป็นช่วงปลายเดือนตุลาคม – อัพเดต iPhone 7 และ iPhone 7 Plus วางจำหน่ายในไทยวันที่ 21 ตุลาคม 2559

    ส่วน iPhone 7 ที่ผมจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันนั้น เป็น iPhone 7 ที่ให้น้องทีมงานบินไปซื้อมาจากฮ่องกง สนนราคา iPhone 7 ที่ฮ่องกง รุ่นความจุ 32 GB ก็จะอยู่ที่ HK$5588 หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 25,200 บาท (ราคาในไทยตามสถิติคือแพงกว่านี้ประมาณ 2,000 บาท) โดยเครื่อง iPhone 7 ที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นตัวเครื่องสีดำด้าน (Black) ซึ่งเป็นสีที่มาแทนสีเทาเข้ม Space Grey และนับเป็นสีใหม่ของ iPhone เช่นเดียวกับสี Jet Black แต่ก็ต้องยอมรับว่า iPhone 7 สี Jet Black นี่เป็นอะไรที่หาซื้อยากจริง ๆ ขนาดว่าไม่มีขายในรุ่นความจุ 32 GB ต้องซื้อรุ่นความจุ 128 GB และ 256 GB ขึ้นไปเท่านั้น ส่วนสีดำด้าน Black ก็หาซื้อยากรองลงมา

    • สเปค iPhone 7
    • สเปค iPhone 7 Plus

    อุปกรณ์ในกล่องของ iPhone 7 จะประกอบไปด้วยตัวเครื่อง iPhone 7, อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ, สาย Lightning to USB, หูฟัง Apple EarPod with Lightning Connector และสายแปลง Lightning to 3.5 mm. สำหรับคนที่ต้องการใช้งานหูฟังแบบปกติกับ iPhone 7 เพราะใน iPhone 7 ได้ทำการตัดช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรออกไป และใช้การเสียบหูฟังผ่านพอร์ท Lightning แทน ซึ่งก็มีผู้ผลิตหูฟังหลายเจ้าที่ตอบรับการมาของพอร์ท Lightning สำหรับหูฟังแล้ว หรือไม่ก็ต้องหันไปใช้หูฟังไร้สายแทน โดย Apple ก็ได้ปล่อยหูฟังไร้สายออกมาหลายรุ่น ทั้ง AirPods และหูฟัง Beats รุ่นใหม่ ๆ

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00026

    ข้อดี

    – กล้องหลังดีขึ้นจริง ถ่ายกลางคืนได้ดีขึ้นทั้ง 2 รุ่น ด้วยรูรับแสง f/1.8
    – สเปคโดยรวมดีขึ้น โดยเฉพาะ iPhone 7 Plus ใส่แรมมาให้ 3 GB แล้ว
    – ตัวเครื่องกันน้ำ กันฝุ่น
    – หน้าจอ Retina HD ให้สีที่ดีขึ้น ใช้งานกลางแดดได้ดีขึ้น
    – ลำโพงคู่ ให้เสียงที่เต็มอารมณ์กว่าเดิม
    – ใช้งานร่วมกับ iOS 10 ได้เต็มประสิทธิภาพ
    – แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น

    ข้อสังเกต

    – กล้องคู่ (iPhone 7 Plus) ข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ โหมด Portrait ขณะที่ทดสอบเครื่องก็ยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
    – ตัวเครื่องหนาเท่าเดิม มิติเท่าเดิม แม้จะตัดแจ็ค 3.5 มิลลิเมตรออก
    – ไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
    – ปุ่มโฮมแบบ Force Touch ต้องใช้เวลาปรับตัว
    – สามารถใส่เคส iPhone 6s/ iPhone 6s Plus ได้ หากเป็นเคสเปิดหลัง

    บทสรุป

    สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Apple ในปี 2016 ในแง่ของความเปลี่ยนแปลงภายนอก อาจจะไม่สมกับการเป็นโมเดลใหม่ เพราะไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงเหมือนอย่างตอน iPhone 5s > iPhone 6 แต่ถ้าพูดถึงรายละเอียดอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องกล้อง เป็นอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมมากทีเดียว อย่างตัว iPhone 7 ก็ใช้เซนเซอร์ตัวใหม่ ค่ารูรับแสง f/1.8 ถ่ายกลางคืนได้ดีขึ้น แล้วก็มีกันสั่น OIS เพิ่มมาให้ ส่วนตัว iPhone 7 Plus ก็มาพร้อมกับกล้องคู่ ที่ได้ทั้งการซูมภาพแบบออฟติคอล และถ่ายหน้าชัดหลังเบลอด้วยโหมด Portrait สเปคก็มาพร้อมกับชิปเซ็ตที่แรงขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยรวมก็ทำได้ตามมาตรฐาน iPhone แต่ถ้าพูดถึงความว้าว บอกเลยว่า iPhone 7 ไม่ได้ว้าว แล้วก็การใช้งานโดยรวม ถ้าไม่ถ่ายรูปก็แทบไม่รู้สึกว่าแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 6s เท่าไหร่
    Editor : Jerminalz
    97
    BEST PERFORMANCE

    Design

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00012 เอาจริง ๆ Apple ไม่ควรใช้ชื่อ

    iPhone 7

    จะเรียก iPhone 6x อะไรก็ว่าไป

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00010

    ส่วนตัวผมมองว่าดีไซน์ของ iPhone 7 เป็นอะไรที่น่าผิดหวังที่สุด ในแง่ของการเป็น iPhone 7 เพราะตามปกติแล้ว Apple จะทำการเปลียนโมเดล iPhone ทุก ๆ 2 ปี อย่างเมื่อปี 2014 ก็เปลี่ยนดีไซน์ยกแผง จาก iPhone 5s มาเป็น iPhone 6 ที่หน้าตาเปลี่ยนไป มีขนาดตัวเครื่องให้เลือก 2 ขนาด คือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แม้จะไม่ได้ลองเล่นก็ตาม และพอมาในปี 2015 ก็ได้ทำการเปิดตัว iPhone รหัส s ที่เพิ่มความสามารถในด้าน Performance กับฟีเจอร์อย่าง iPhone 6s ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวแรง และเทคโนโลยี 3D Touch ที่เปลี่ยนวิถีการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนที่ได้ลองใช้ iPhone 6s

    แน่นอนว่า iPhone 7 มันก็ควรเป็น iPhone ที่สดใหม่จริง ๆ ทั้งในแง่ของดีไซน์, สเปค และฟีเจอร์ แต่สิ่งที่เราพบคือ iPhone 7 ดันออกมาในรูปทรงเดียวกับ iPhone 6s ไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวเครื่อง, น้ำหนักที่ใกล้เคียงกัน และการตัดช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรก็ไม่ได้ทำให้ iPhone 7 บางกว่า iPhone 6s มีเพียงแค่ดีไซน์กล้องที่ไม่เหมือนกัน, ทำการตัดช่องเสียบหูฟังออก, ตัดเสาอากาศด้านหลังตัวเครื่อง ที่เคยพาดกลางหลังออกไป ทำให้ฝาหลังของ iPhone 7 จะดูโล่ง ๆ กว่าตอน iPhone 6s แต่ภาพรวม เราสามารถใส่เคสประเภท Bumper (เคสเปิดหลัง) ของ iPhone 6s ให้กับ iPhone 7 ได้

    เพราะฉะนั้นในรีวิว iPhone 7 ผมจะไม่ลงรายละเอียดเรื่องดีไซน์เท่าไหร่ เพราะสามารถหาอ่านจากรีวิว iPhone 6s ได้เลย ความเหมือน, ประสบการณ์ในการใช้งานตัวเครื่อง ในเรื่องการจับถือ การพกพา ผมให้ iPhone 7 มีความคล้ายกับ iPhone 6s ประมาณ 90% ได้ แต่ในรีวิว iPhone 7 เรื่องดีไซน์ เราจะมาพูดถึงความแตกต่าง ที่มีใน iPhone 7 แต่ไม่มีใน iPhone 6s น่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจ iPhone 7 มากกว่า

    สีสันของตัวเครื่อง iPhone 7 เป็นสิ่งแรกที่ทำให้มันแตกต่างจาก iPhone 6s ไม่ใช่แค่มีสีใหม่อย่างสีดำ (Black) และสีดำเปียโน หรือสีดำเงา (Jet Black) เท่านั้น แต่สีอื่น ๆ ของ iPhone 7 ก็ไม่ได้เหมือนกับสีของ iPhone 6s เสียทีเดียว โดยเฉพาะสีชมพู Rose Gold ที่อยู่ใน iPhone 7 เมื่อเทียบกับ iPhone 6s จะเป็น Rose Gold มากกว่า มีการเน้นสีทองเข้าไป ซึ่งเมื่อเทียบกับ iPhone 6s แล้ว จะเหมือนว่าสี Rose Gold ใน iPhone 6s เป็นสีชมพูล้วนไปเลย

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00020

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00019

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00018

    ถ้าพูดถึงความหาซื้อยาก ชั่วโมงนี้ยังไงก็ต้องยกให้กับสี Jet Black ครับ เพราะเป็นสีใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วก็ดูจะ Exclusive ซะด้วย เนื่องจากมีเฉพาะใน iPhone 7 รุ่นความจุ 128 GB กับ 256 GB ขึ้นไปเท่านั้น โดยเฉพาะสีดำ Jet Black บน iPhone 7 Plus นี่เป็นอะไรที่เรียกว่าแรร์ไอเท็มแบบสุด ๆ ในช่วงแรกที่วางขาย ส่วนอีกสีที่น่าสนใจก็คงเป็นสีเดียวกับเครื่องรีวิว iPhone 7 ของเรา นั่นก็คือสีดำ Black ที่ส่วนตัวผมว่ามันสวยขึ้น ดุดันมากขึ้น แล้วก็น่าจะหาอุปกรณ์เสริมที่เข้ากันได้ง่ายกว่าสีอื่น ๆ

    ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่ต้องทราบเกี่ยวกับ iPhone 7 หรือ iPhone 7 Plus สีดำเงา Jet Black ก็คือตัวเครื่องมีสิทธิ์ที่จะเป็นริ้วรอยได้มากกว่าสีอื่น ๆ ด้วยผิวสัมผัสแบบมันเงา ที่เลอะง่ายทั้งรอยนิ้วมือ และไม่ทนรอยขีดข่วนเท่ากับพวกสีแบบด้าน คือต้องบอกว่าความทนทานอาจจะเท่ากัน แต่สีดำ Jet Black จะมองเห็นริ้วรอยได้ง่ายกว่า เนื่องจากตัวเครื่องที่เงานั่นเอง วิธีแก้สำหรับคนที่สนใจ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus สี Jet Black ก็คือซื้อเครื่องมาแล้วใส่เคสซะ

    ถัดมาก็คงเป็นเรื่องช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ที่โดนตัดออกไปใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus และก็ถูกชดเชยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ประเภทเสียง เช่น หูฟัง, ไมโครโฟน ด้วยพอร์ท Lightning แทน ใช่แล้วครับ พอร์ทเดียวกับพอร์ทชาร์จไฟนี่แหละ เพราะฉะนั้น ถ้าต้องการชาร์จไฟไปพร้อม ๆ กับฟังเพลง หรือใช้หูฟังเพื่อสนทนาโทรศัพท์ ก็คงต้องพึ่งอุปกรณ์เสริม 3rd Party ที่จะเพิ่มพอร์ท Lightning ให้เพิ่มขึ้นมา 2 ช่อง แต่ถ้าใครที่มีอุปกรณ์เสียงที่ยังใช้แจ็ค 3.5 มิลลิเมตรอยู่ Apple ก็มีตัวแปลง Lightning to 3.5 mm. แถมมาให้ในกล่องของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ด้วย หรือถ้าทำหายก็สามารถซื้อสายแปลงตัวนี้ได้ในราคา 390 บาทครับ – Apple นี่มัน Apple จริง ๆ

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00032

    Feature

    คีย์ฟีเจอร์หลักของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ก็จะเน้นไปที่การปรับปรุงด้านฮาร์ดแวร์ ให้ทันสมัยมากขึ้น และช่วยให้ใช้งานในชีวิตจริงได้สะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

    ปุ่มโฮมแบบ Force Touch (Tapic Engine)

    ปุ่มโฮมกับ iPhone ถือว่าเป็นของคู่กันมานาน แต่เดิมปุ่มโฮมทำหน้าที่หลายอย่าง แต่ใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แอปเปิ้ลได้ทำการอัพเกรดปุ่มโฮมให้ล้ำเข้าไปอีกขั้น จากที่สแกนนิ้วได้อย่างเดียว ตอนนี้ปุ่มโฮม iPhone 7 จะเป็นปุ่มโฮมแบบ Force Touch แล้ว โดยใช้ Tapic Engine เหมือนกับ Force Touch TrackPad ใน Macbook ข้อดีของการใช้ปุ่มโฮมแบบนี้คือออกแรงกดน้อยลง การตอบสนองทำได้ดีมากขึ้น สามารถเลือกระดับความหนักเบา ในการกดปุ่มโฮมได้ตามที่เราต้องการ

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00009

    นอกจากนี้ Tapic Engine ใน iPhone 7 ยังช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการสั่นเวลาที่เราเล่นเกม อย่างตอนเล่นเกมต่อสู้ แล้วเราโจมตีศัตรู หรือศัตรูโจมตีเรา ตัวหน้าจอ iPhone 7, iPhone 7 Plus จะสั่นเพื่อตอบสนอง อารมณ์เดียวกับเวลาเล่นเกมด้วย Controller แล้วมีการสั่นนั่นแหละครับ

     

    กันน้ำ กันฝุ่นระดับ IP67

    ความสามารถในการกันน้ำ กันฝุ่น ก็เป็นอีกฟีเจอร์หลักของ iPhone 7 และจัดเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่สามารถกันน้ำ กันฝุ่นได้ถึงระดับ IP67 กันน้ำได้ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที โดยที่ไม่ต้องปิดพอร์ทใด ๆ ของตัวเครื่อง สามารถนำลงน้ำได้ทันที

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00025

    อย่างไรก็ตามการรับประกัน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ก็ไม่ได้ครอบคลุม หากแถบความชื้นแจ้งเปลี่ยนสี หรือง่าย ๆ ก็คือ iPhone 7 กันน้ำ แต่ไม่รับประกันถ้าตัวเครื่องพังเพราะของเหลวนะครับ ซึ่งถือเป็นเรื่องมาตรฐานของมือถือกันน้ำอยู่แล้ว โดยการกันน้ำ กันฝุ่นในโทรศัพท์มือถือ จะออกแบบมาสำหรับการป้องกันลักษณะของอุบัติเหตุ มากกว่าการจงใจเอาไปลงน้ำ

     

    หน้าจอแบบใหม่ Retina HD Display

    ถึงแม้ว่าหน้าจอของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะมีขนาดเท่าเดิม คือ หน้าจอขนาด 4.7 และ 5.5 นิ้วตามลำดับ ความละเอียดก็เท่าเดิมกับตอน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือหน้าจอเป็นแบบ Retina HD Display ที่มีค่าความกว้างของสีสูงมาก มีความสว่างมากกว่าเดิม 25% รองรับการใช้งาน 3D Touch มีค่าสีเป็นแบบ Wide Color Gamut คุณภาพระดับเดียวกับเกรดที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เลยทีเดียว

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-5

    ส่วนความแข็งแรงของหน้าจอ iPhone 7 ทาง Apple ไม่ได้ระบุว่า iPhone 7 ใช้หน้าจอนิรภัยแบบไหน รวมถึงหน้าสเปคของ iPhone 7 เองก็ไม่ได้มีการแจ้งว่าใช้กระจกหน้าจอที่ป้องกันรอยขีดข่วน มีเพียงข้อมูลระบุว่า หน้าจอ Retina HD Display มีการเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือที่หน้าจอ แต่จากประสบการณ์ใช้งานส่วนตัว หน้าจอของ iPhone มักจะเป็นกระจกนิรภัยที่ป้องกันรอยขีดข่วนหนัก ๆ ได้ดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว และจากการที่ได้ใช้ iPhone 6s Plus มาครบ 1 ปี แบบไม่ได้ติดกระจกกันรอย หรือฟิล์มกันรอย ก็พบว่ามีรอยขนแมวขึ้นเต็มหน้าจอเต็มไปหมด คาดว่า iPhone 7 ก็คงจะมีความแข็งแกร่งหน้าจอในแบบเดียวกันนี่ล่ะ

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-2

    การติดฟิล์มกันรอย หรือกระจกกันรอยก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ซีเรียสเรื่องริ้วรอยบนหน้าจอ โดยเฉพาะพวกรอยขนแมว เพราะมันมีผลทั้งในเรื่องของจิตใจ และราคาขายต่อ iPhone 7 ในอนาคต ซึ่งตรงนี้เป็นข้อดีของ iPhone 7 และ iPhone รุ่นอื่น ๆ ในเรื่องของอุปกรณ์ ที่มีมาให้พร้อมตั้งแต่ iPhone 7 ยังไม่วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น กระจกและฟิล์มกันรอยโฟกัส ตอนที่เขียนรีวิว iPhone 7 อยู่ก็ได้ข่าวมาว่ามีสินค้าพร้อมวางจำหน่ายทันที เมื่อ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เปิดตัวในประเทศไทย

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-1

    โดยสินค้าที่โฟกัสมีก็ได้แก่ กระจกกันรอยรุ่นใหม่แบบเต็มหน้าจอลงโค้ง 3D ตรงนี้ใครที่เคยใช้ iPhone 6 หรือ iPhone 6s มาจะเข้าใจดี เนื่องจากหน้าจอของ iPhone เหล่านี้จะเป็นกระจกแบบโค้งเล็กน้อย การติดฟิล์ม หรือกระจกกันรอยทั่วไปจะไม่สามารถติดให้มันครอบคลุมหน้าจอได้ 100% แต่ถ้าเป็นกระจกกันรอยตัวใหม่ของ Focus การันตีเลยว่า ปกป้องเต็มจอถึงขอบโค้งหน้าจอแน่นอน แล้วก็มีของรุ่น iPhone 6, iPhone 6s วางจำหน่ายด้วยเช่นกัน

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00052

    ติด Focus กระจกกันรอยลงโค้ง 3D แบบเต็มจอแล้ว!! สวยเนียบเฉียบทุกมุมโค้ง ทัชลื่นไม่สะดุด

     

    ลำโพงคู่ Stereo Speaker

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00023

    ฟีเจอร์สุดท้ายของ iPhone 7 ก็คือลำโพงที่เปลี่ยนมาใช้ลำโพง 2 ตัวแบบ Stereo อยู่บริเวณด้านบนหน้าจอและด้านล่างของตัวเครื่อง ให้เสียงที่ชัดเจน ดังขึ้น และรายละเอียดมาเต็มยิ่งกว่าเดิม ทำให้การรับชมภาพยนตร์ได้อรรถรสมากขึ้น หรือแม้แต่การเล่นเกม ที่แยกเสียงซ้าย – ขวาได้อย่างชัดเจน โดยลำโพงสเตอริโอจะมีทั้งใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus

    Software

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00014

    iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 10 ตั้งแต่อยู่ในกล่อง แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็น iOS 10 ที่เสร็จสมบูรณ์ ขณะที่กำลังเขียนรีวิว iPhone 7 และรีวิว iPhone 7 Plus อยู่ ก็ยังพบว่ามีการอัพเดตซอฟท์แวร์ iOS 10 เวอร์ชันแก้บั๊กอยู่เรื่อย ๆ (ตอนนี้ก็ iOS 10.0.2) นี่ยังไม่รวม iOS 10.1 ที่กำลังจะปล่อยมาให้ใช้งานกันในเร็ว ๆ นี้อีก (หลัก ๆ ก็คือการเพิ่มโหมด Portrait ใน iPhone 7 Plus) โดยล่าสุด สถานะของ iOS 10.1 ยังเป็นตัว Beta 2 อยู่ครับ

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00040

    ส่วนการใช้งาน iOS 10 ผมเชื่อว่าคนที่ใช้งาน iPhone/ iPad อยู่แล้วก็น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะคงจะอัพเดตไปใช้ iOS 10 กันหมดแล้ว อีกทั้ง iOS 10 ก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากตัว iOS 9 เท่าไหร่ จะมีก็แค่หน้า Widget ที่ย้ายไปอยู่ทางด้านซ้าย, Control Center ที่ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย, การปลดล็อกหน้าจอแบบใหม่ ที่ต้องใช้การกดปุ่มโฮมเพื่อปลดล็อก และสามารถลบแอปพลิเคชันติดเครื่องให้ออกไปจากหน้าจอหลักได้แล้ว เอาเป็นว่าคนที่เคยใช้ iPhone อยู่แล้ว เปลี่ยนมาใช้ iPhone 7 หรือ iPhone 7 Plus แทบไม่ต้องปรับตัวอะไร ส่วนคนที่ใช้ Android แล้วเปลี่ยนมาใช้ iOS 10 ก็คงต้องปรับตัวกันหน่อย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ด้วยพื้นฐานของ iOS ที่มี UI ที่ใช้ง่าย และมีความเป็นมิตรกับผู้ใช้ในระดับหนึ่ง

    Camera

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00037

    อีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus และเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ ทั้งผู้ใช้ iPhone รุ่นก่อน ๆ หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยใช้ iPhone ก็ตาม เพราะตอน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus นั้น Apple ได้ทำการเพิ่มความละเอียดของเซนเซอร์จาก 8 ล้านพิกเซล ไปเป็น 12 ล้านพิกเซล แต่ในการใช้งานโดยรวมกล้องของ iPhone 6s ก็ยังไม่ได้แตกต่างจาก iPhone 6 เท่าไหร่

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00033

    พอมาอยู่ใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จึงมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์ขนาด 12 ล้านพิกเซล แต่มีค่ารูรับแสง f/1.8 ซึ่งเป็นค่ารูรับแสงที่กว้าง และทำให้ iPhone 7 ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงมีความแม่นยำในเรื่องสีสันมากขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับ iPhone 6s

    ส่วนกล้องของ iPhone 7 Plus จะเป็นกล้องหลัง 2 ตัวด้วยกัน แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดยกล้องหลักจะมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบเดียวกับในกล้องของ iPhone 7 ภาพที่ถ่ายออกมานี่แทบจะเหมือนกันเลย ส่วนกล้องตัวที่ 2 จะเป็นกล้องสำหรับซูม เลนส์เทเลโฟโต้ ระยะ 56 มิลลิเมตร ใช้สำหรับการซูมภาพ และการถ่ายรูปในโหมด Portrait หรือโหมดหน้าชัดหลังเบลอ

    ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ iPhone 7 Plus ก็ตามนี้เลยครับ

    Performance

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00029

    ประสิทธิภาพของ iPhone 7 กับ iPhone 7 Plus จัดอยู่ในระดับท็อปของมือถือ ณ ช่วงเวลานี้ ตามที่มีข่าวคราวเรื่องการ Benchmark ผลทดสอบก็อยู่ในระดับที่ยังไม่มีชิปเซ็ตตัวไหนของมือถือแอนดรอยทำคะแนนได้แรงเทียบเท่า ด้วยชิปเซ็ต Apple A10 Fusion ชิปเซ็ตแบบ 4 Core ของ Apple ที่แบ่งการทำงานออกเป็น 2 Core + 2 Core เพื่อรองรับการทำงานที่แตกต่างกัน ทำให้ iPhone 7 นอกจากจะแรงแล้ว ยังประหยัดพลังงานมากกว่าเดิมอีกด้วย

    แบตเตอรี่ของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ในแง่ของความจุอาจจะไม่ได้มีความแตกต่างจากตอน iPhone 6s แต่ถ้าวัดกันที่ระยะเวลาในการใช้งาน เท่าที่ลองใช้เครื่องรีวิวเป็นเครื่องหลักมาเป็นเวลา 1 อาทิตย์ เมื่อเทียบกับ iPhone 6s Plus จะรู้สึกได้เลยว่า iPhone 7 Plus มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า เพราะอย่างปกติ ผมจะชาร์จมือถือวันต่อวัน ตอนใช้ iPhone 6s Plus ก็ว่าแบตเตอรี่อึดพอสมควรแล้ว เพราะสามารถใช้งานทั้งวัน ตั้งแต่ 8.00 – 21.00 น. แล้วเหลือแบตเตอรี่ประมาณ 10% (เปิดโหมดประหยัดพลังงานตั้งแต่แบตเหลือ 20%) แต่พอลองใช้ iPhone 7 Plus ในลักษณะใกล้เคียงกัน iPhone 7 Plus จะมีแบตเตอรี่เหลือประมาณ 18 – 20% เมื่อถึงเวลา 21.oo น.

    Review-iPhone-7-and-iPhone-7-Plus-SpecPhone-00027

    ส่วนความแรงของ iPhone 7 Plus เมื่อเทียบกับ iPhone 6s Plus ส่วนตัวยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเท่าไหร่ แม้ว่าตามหน้าสเปคจะชัดเจนว่าชิปเซ็ต Apple A10 Fusion นั้นแรงกว่า Apple A9 ประมาณ 30% ก็ตาม แต่ในแง่ของการใช้งานจริงเมื่อเทียบกับ iPhone 6s Plus ผมก็ยังไม่รู้สึกว่ามันเร็วกว่ากันมากเท่าไหร่ ไม่เหมือนตอนอัพจาก iPhone 6 Plus มาใช้ iPhone 6s Plus อันนี้เห็นความแตกต่างแบบชัดเจนมากกว่า

    Gallery

    iPhone 7 iPhone 7 Plus Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Jamikorn Singnamthieng

    Related Posts

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X