Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»iOS Platform»[Review] รีวิว iPad Air 2 ที่สุดของแท็บเล็ตบางเบาพร้อมกับชิป Apple A8X Triple Core ตัวแรกจาก Apple
    iOS Platform

    [Review] รีวิว iPad Air 2 ที่สุดของแท็บเล็ตบางเบาพร้อมกับชิป Apple A8X Triple Core ตัวแรกจาก Apple

    Jamikorn SingnamthiengBy Jamikorn Singnamthieng29 พฤศจิกายน 2014Updated:24 สิงหาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    สำหรับเจ้า iPad Air 2 ก็ถือเป็นการปรับปรุงจาก iPad Air รุ่นแรกทั้งในเรื่องของสเปคที่แรงขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งการปรับเปลี่ยนดีไซน์ในบางส่วนและเพิ่มเติมสียอดฮิตของพี่น้องชาวไทยอย่างสีทองเข้ามาเพิ่มอีกด้วย โดยสเปคที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นหลักๆ ก็จะอยู่ที่ตัว CPU ที่ใช้เป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Apple A8X ที่แรงยิ่งกว่าใน iPhone 6 เสียอีกครับ เพราะชิปเซ็ต Apple A8X บน iPad Air 2 นั้นเป็นชิปเซ็ตแบบ Triple Core ตัวแรกของค่ายเลยทีเดียว (ปกติจะเป็น Dual Core) ส่วนสเปคอื่นๆ ก็จะประมาณนี้ครับสำหรับ iPad Air 2

    สเปค iPad Air 2 Wifi

    • ชิปประมวลผล Apple A8X Triple-Core ความเร็วสูงสุด 1.5 GHz
    • ชิปกราฟฟิค?PowerVR GXA6850 ตัวท็อปสุดในซีรี่ส์ และ Apple ได้นำมาปรับแต่งเพิ่มเติม
    • มีชิปประมวลผล M8 ช่วยจับและประมวลผลการเคลื่อนไหว
    • แรม 2 GB
    • หน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว Retina 264?PPI กระจกจอเคลือบสารกันสะท้อน
    • มีความจุให้เลือกทั้ง 16, 64 และ 128 GB
    • กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f2.2 ถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p
    • กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล ถ่ายรูปได้สว่างขึ้นกว่าเดิม
    • มาพร้อม iOS 8 (รองรับการอัพเดตเป็น iOS 8.1.1 และ iOS 8.2 ในอนาคต)
    • แบตเตอรี่ความจุ 7340 mAh
    • มาพร้อม Touch ID ที่ปุ่มโฮม

    แพคเกจกล่องที่บรรจุ iPad Air 2 ก็ยังคงออกแบบมาในสไตล์คล้ายรุ่นเดิม จะมีที่แตกต่างจากเดิมก็ตรงรูปด้านหน้านี่แหละครับ โดยรูปติดกล่อง iPad Air 2 จะเน้นโชว์ความบางที่ด้านข้าง ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องนี่ก็เหมือนเดิมเลย คือมีสาย Lightning กับอแดปเตอร์จ่ายไฟ 10W แล้วก็พวกคู่มือกับสติ๊กเกอร์รูปแอปเปิ้ลครับ

    Unbox-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 004

    ส่วน iPad Air 2 รุ่น Wifi + Cellular หรือรุ่นที่ใส่ซิมเพื่อเล่นเน็ตได้นั้น ก็จะมีความแตกต่างจาก iPad Air 2 ที่เรารีวิวแค่เพียงช่องใส่ซิมเท่านั้นเองครับ ส่วนที่เหลือสามารถใช้อ้างอิงด้วยกันได้หมด เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงครับ อ่านรีวิว iPad Air 2 Wifi ก็ทดแทนกันได้สบายๆ

    Design

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 007

    Air สมชื่อจริงๆ

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 014

    ภาพรวมในส่วนของรูปร่างหน้าตา iPad Air 2 ถ้ามองผ่านๆ (และไม่นับปุ่ม Touch ID) นั้นแทบจะแยกไม่ออกระหว่าง iPad Air กับ iPad Air 2 เลยครับ แต่สิ่งที่แตกต่างในส่วนของการดีไซน์ระหว่าง iPad Air กับ iPad Air 2 จะอยู่ที่รายละเอียดปลีกย่อย เช่น ใน iPad Air 2 จะตัดปุ่มปิดเสียงด้านข้างออก แล้วเปลี่ยนมาปิดเสียงใน Control Center แทน ส่วนกล้องหลังก็มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยทั้งในตัวฮาร์ดแวร์เอง และการจัดวางตำแหน่งครับ เพราะกล้องหลังของ iPad Air 2 จะใช้เป็นกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และมีตำแหน่งการวางที่ชิดมุมเครื่องมากกว่าเดิม รวมถึงขนาดตัวเครื่องโดยรวมมีความบางขึ้น และน้ำหนักเบาลงกว่าใน iPad Air รุ่นแรกอีกพอสมควร

    ทีนี้ปัญหามันจะอยู่ที่การเลือกซื้อเคสมาใส่ครับ จริงอยู่ที่ iPad Air 2 มีรูปร่างต่างจาก iPad Air เพียงเล็กน้อย แต่ในเรื่องของเคสนี่จะใช้ร่วมกันไม่ได้ครับ จริงอยู่ที่เราสามารถยัดเจ้า iPad Air 2 เข้าไปในเคสของ iPad Air รุ่นแรกได้สบายๆ อาจจะมีอาการหลวมนิดหน่อย แต่ปัญหาหลักก็คือตำแหน่งของกล้องหลังที่เปลี่ยนไปนี่แหละครับ เพราะตำแหน่งของเคสที่เจาะรูไว้สำหรับกล้องหลังมันจะไม่ตรงกัน และเคสของ iPad Air รุ่นแรกก็จะบังเลนส์กล้องบางส่วนของ iPad Air 2 เพราะฉะนั้นใครที่ใช้ iPad Air รุ่นแรกอยู่แล้วอยากเปลี่ยนมาใช้ iPad Air 2 แนะนำให้ขายเครื่องเก่าพร้อมเคสไปเลยครับ

    นอกเรื่องไปไกลเลย กลับมาที่รีวิว iPad Air 2 ของเรากันต่อครับ อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าดีไซน์ของ iPad Air 2 ก็ยังคงคล้ายกับ iPad Air รุ่นแรกอยู่ สำหรับผมก็ยังรู้สึกว่ามันสวยเหมือนเดิมครับ และยิ่งมีความบางกว่าเดิม รวมถึงน้ำหนักที่เบากว่าเดิม ทำให้การดีไซน์ของมันค่อนข้างใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบขึ้นไปทุกที เอาเป็นว่าแค่ได้จับก็รู้สักประทับใจแล้วสำหรับแท็บเล็ต?9.7 นิ้ว?แต่การจับถือด้วยมือข้างเดียวนี่ทำได้สบายเลย ถือนานๆ ก็ไม่ได้รู้สึกล้ามือแต่อย่างใด ต่อให้ใส่เคสที่มีฝาปิดก็ยังมีน้ำหนักในอยู่ระดับที่รับได้ ตรงนี้ต้องชมการเลือกใช้วัสดุและการออกแบบที่มีจุดศูนย์ถ่วงค่อนข้างดีครับ

    ipad-air-2-1

    อยากจะได้แท็บเล็ตแรงๆ เล่นเกม

    เนียนๆ น้ำหนักเบา พกพาง่ายใช่

    ไหม….ก็ iPad Air 2 ไง!!

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 020 ถามว่า iPad Air 2 งอได้ไหม

    ก็ต้องบอกว่างอได้

    ถ้าพยายามจะงอมันอะนะ

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 017

    สำหรับรายละเอียดด้านหน้าของ iPad Air 2 ออกแบบมาได้เรียบๆ เช่นเคยครับ นอกจากหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ Retina Display ที่มีการปรับปรุงจากรุ่นเดิม ด้านหน้าก็มีเพียงแค่ปุ่มโฮมที่เป็น Touch ID กับกล้องหน้าสำหรับ Facetime รุ่นปรับปรุงใหม่ ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซลเท่านั้นเอง ส่วนพื้นที่ขอบจอก็ถือว่าแคบกว่าแท็บเล็ตทั่วไปครับ แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้ได้จับถือตัวเครื่องสะดวกอยู่ ตรงนี้เชื่อว่าบางคนอาจจะสงสัยว่าทำไม Apple ไม่ทำให้ขอบจอมันบางกว่านี้ ก็ต้องบอกว่าพื้นที่ขอบจอสำหรับแท็บเล็ตถือว่าสำคัญนะครับ เพราะในการจับถือตัวเครื่องแท็บเล็ตเราจะใช้การจับในลักษณะที่ใช้มือข้างหนึ่งถือเครื่อง แล้วใช้มืออีกข้างในการจิ้มหน้าจอ หรือในการอ่าน E-Book บนแท็บเล็ตส่วนมากก็จะใช้มือข้างเดียวในการถืออ่าน ซึ่งการมีขอบจอจะช่วยให้จับถือตัวเครื่องแท็บเล็ตได้สะดวกยิ่งขึ้นครับ โดยที่มือเราจะได้ไม่ไปรบกวนพื้นที่หน้าจอ ไม่เหมือนอย่างมือถือที่จะทำขอบจอบางแค่ไหนก็ได้ เพราะพื้นที่ขอบจอสำหรับสมาร์ทโฟนนั้นถือว่าไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่นัก

    มาถึงด้านข้างของ iPad Air 2 กันบ้างครับ กรอบด้านข้างของ iPad Air 2 จะเป็นชิ้นเดียวกับฝาหลัง อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเครื่องแบบ Unibody ที่จะใช้การขึ้นรูปด้วยโลหะเพียงชิ้นเดียว รายละเอียดด้านข้างของ iPad Air 2 เริ่มจากด้านขวามือ (หันหน้าจอเข้าหาตัว) จะประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียง (ไม่มีปุ่มตัดเสียง) ด้านล่างจะเป็นลำโพงหลักของตัวเครื่อง ที่ดีไซน์เป็นแบบใหม่ คือออกมาเป็นรูๆ แถวเดียว กับช่องเสียบสาย Lightning ไว้สำหรับ Sync กับคอมพิวเตอร์ ส่วนปุ่ม Sleep/Wake หรือปุ่ม Power กับช่องเสียบหูฟังจะอยู่ทางด้านบนของตัวเครื่องครับ โดยขอบด้านข้างของ iPad Air 2 เหมือนจะออกแบบมาให้ทนรอยขีดข่วนมากกว่าเดิมพอสมควรครับ เพราะตอนที่รีวิว iPad Air 2 นี่ผมก็ไม่ได้ใส่เคสแต่อย่างใด เท่าที่เล่นมาประมาณ 2 สัปดาห์ก็ไม่พบว่าขอบตัวเครื่องมีรอยขนแมวนะครับ

    ด้านหลังของ iPad Air 2 ก็จะคล้ายๆ กับรุ่นก่อนครับ ไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรมากมาย มีเพียงกล้องหลัง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กับไมค์ตัดเสียง แล้วก็โลโก้ Apple ตรงกลางเท่านั้นเอง วัสดุก็อย่างที่บอกไปว่าใช้เป็นอลูมิเนียมชิ้นเดียวขึ้นรูปแบบ Unibody ให้สัมผัสในการจับที่ค่อนข้างดีครับ แต่ปัญหาของฝาหลัง iPad Air 2 จะอยู่ที่มันเป็นรอยได้ค่อนข้างง่าย และที่สำคัญใน iPad Air 2 เนี่ย Apple พยายามทำให้มันบางกว่าเดิม ทีนี้มันเลยมีปัญหาเวลาที่เราเปิดเสียงจากลำโพงหลักของ iPad Air 2 เพราะตัวเครื่องบริเวณลำโพงนั้นจะสั่นจนรู้สึกได้เลยหล่ะ ส่วนในเรื่องความแข็งแรง ที่ว่างอได้งอไม่ได้ ตรงนี้บอกเลยครับว่าถ้าพยายามจะงอเครื่องยังไง iPad Air 2 ก็ไม่รอดครับ งอแน่นอน 100% แต่เท่าที่ดูคลิปทดสอบ หากเป็นการงอเครื่องจากด้านหลังเหมือนจะทำได้ยากมาก เพราะตัววัสดุที่ใช้มีความยืดหยุ่นพอสมควรเลย แต่ถ้างอจากหน้าจอหล่ะก็…ไม่เหลือครับ เอาเป็นว่าถ้าไม่มันมือหยิบขึ้นมางอเล่นเนี่ย iPad Air 2 ก็ถือเป็นแท็บเล็ตที่แข็งแรงมากรุ่นหนึ่งเลยครับ งานประกอบนี่อย่างเนียน

    สเปคแรง น้ำหนักเบา แบตอึด จอสวย พกพาสะดวก ยังจะอยากได้อะไรอีกไหม?

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 003

    จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ iPad Air 2 ที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้นั่นก็คือหน้าจอครับ หน้าจอของ iPad ตั้งแต่รุ่นที่ใช้จอ Retina เป็นต้นมา (รู้สึกจะเป็น Gen 3 The New iPad ที่ตกรุ่นเร็วๆ นั่นแหละ) จะค่อนข้างได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดีจากยูสเซอร์อยู่เสมอ และใน iPad Air 2 นี่ก็ไม่น่าจะทำให้ผิดหวังกันครับ สำหรับจอภาพ Retina Display ขนาด 9.7 นิ้ว ความละเอียด 2048×1536 พิกเซล 264 ppi ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เรียกว่าออกแบบใหม่เลยจะดีกว่าครับ เพราะ Apple ต้องการทำให้ตัวเครื่อง iPad Air 2 มีความบางมากกว่าเดิม จึงได้เริ่มปฏิวัติตั้งแต่หน้าจอที่เป็นการรวมเลเยอร์ที่แต่เดิมมี 3 เลเยอร์เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งนอกจากจะได้จอภาพที่บางกว่าเดิมแล้ว ยังส่งผลดีต่อการแสดงผลด้วยครับ สีสันที่ได้จากหน้าจอมีความสดใสยิ่งขึ้น คอนทราสต์จัดกว่าเดิม และที่สำคัญมีการเคลือบสารกันสะท้อน โดย Apple เคลมว่าจอภาพของ iPad Air 2 เนี่ยเป็นจอภาพที่มีแสงสะท้อนน้อยที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ ซึ่งจากการใช้งานก็ต้องบอกว่าจริงอย่างที่ว่าครับ เพราะหน้าจอของ iPad Air 2 นี่ทำออกมาได้เนียนจริงๆ แสงสะท้อนที่หน้าจอมีน้อยกว่าเดิมมาก ต่อให้ใช้งานกลางแดดจัดก็ยังเร่งแสงหน้าจอสู้แดดได้สบายๆ

    ภาพรวมในส่วนของการดีไซน์ iPad Air 2 ก็ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานของ Apple ครับ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ความบางและน้ำหนักของตัวเครื่องที่พัฒนาไปจากเดิม ทำให้การจับถือ iPad Air 2 ทำได้ค่อนข้างสะดวก ถือนานๆ ไม่ค่อยล้าเหมือนรุ่นก่อน วัสดุที่ใช้ก็จัดว่าพรีเมียมสมราคาค่าตัว และยังมีการพัฒนาขึ้นไปจากรุ่นก่อนๆ เพราะนอกจากจะบางและเบากว่าเดิมแล้ว หน้าจอก็ถือว่าอยู่ในระดับท็อปของแท็บเล็ต ณ เวลานี้ เป็นจอภาพที่มีคุณภาพดีทีเดียวครับ ไม่ว่าจะใช้ทำงาน หรือจะใช้เป็นเครื่องเอ็นเตอร์เทน เช่น เล่นเกม, อ่าน E-Book, เล่นอินเทอร์เน็ต และดูหนัง ด้วยการแสดงผลที่ให้สีสันสดใสและเป็นธรรมชาติของจอภาพ Retina Display ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่บน iPad Air 2 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การซื้อแท็บเล็ตซักเครื่องมันมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะครับ แค่การดีไซน์อาจจะไม่สามารถบอกได้ว่ามันดีพอที่เราจะจ่ายเงินซื้อหรือไม่ เพราะฉะนั้นเลื่อนลงมาดูรีวิว iPad Air 2 ในส่วนของซอฟท์แวร์ตัวระบบปฏิบัติการต่อเลยครับ

    Software

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 022 เป็น Tablet ที่ทำอะไรได้มากกว่า

    Tablet ก็เพราะมันคือ iPad ไง

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 004

    สำหรับซอฟท์แวร์หรือระบบปฏิบัติการของ iPad Air 2 นั้นจะใช้เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดของ iOS อย่าง iOS 8.1.1 (แกะเครื่องออกมาจะเป็น iOS 8) และด้วยความเป็น Apple ทำให้เราสามารถการันตีได้เลยว่า iPad Air 2 จะอัพเดตเป็น iOS รุ่นใหม่ๆ ได้อีกอย่างน้อย 2 – 3 ปี เรียกว่าอัพกันยาวๆ เลยหล่ะ (แต่อัพแล้วจะลื่นไม่ลื่นนั่นอีกเรื่องนะครับ) โดยหน้าตาของตัวระบบปฏิบัติการ iOS 8.1.1 ก็จะประมาณนี้ครับ

    เห็นหน้าตาแล้วก็ต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึกแตกต่างจาก iOS 8 เท่าไหร่นัก (อันที่จริงก็ถือว่าแตกต่างจาก iOS 7 ไม่มากด้วยซ้ำ) การดีไซน์ภาพรวมและตัวไอคอนออกแบบมาในแนวเรียบๆ ส่วนในแง่ของการใช้งานนั้น ถ้าพูดเรื่องความยากง่ายในการใช้งาน ส่วนตัวผมมองว่าระบบปฏิบัติการ iOS นี่ใช้งานง่าย และเข้าใจง่ายที่สุดในบรรดาระบบปฏิบัติการมือถือแล้วครับ หลักๆ เลยก็แค่ปัด แล้วจิ้มแค่นั้นเอง อยากจะเข้าแอพไหนก็แค่จิ้มที่ไอคอน การตั้งค่าอะไรก็ไม่ได้ยุ่งยากด้วยความที่เป็นระบบปิด ส่วนไฮไลท์ของ iOS 8 อย่างพวก Handoff นี่ผมจะขอยกไปพูดในรีวิว iPad Air 2 ในส่วนของ Feature ก็แล้วกันครับ ในการรีวิว iPad Air 2 ส่วน Software จะเน้นพูดถึงภาพรวมของ iOS 8.1.1 บน iPad Air 2 มากกว่า

    สำหรับความลื่นไหลและความเสถียรของ iOS 8.1.1 บน iPad Air 2 นั้นต้องบอกว่าหายห่วงครับ เพราะเจ้า iPad Air 2 เองก็เกิดมาเพื่อรองรับ iOS 8.1.1 อยู่แล้ว การเข้ากันได้ระหว่างซอฟท์แวร์กับฮาร์ดแวร์จึงค่อนข้างดีเลยหล่ะ การใช้งานอยู่ในระดับที่ลื่น – ลื่นมาก และการจัดการแรมบน iOS 8.1.1 ก็ทำได้ดีทีเดียว เพราะถึงแม้ว่า iPad Air 2 จะมาพร้อมกับ Ram 2?GB (แอนดรอยเดี๋ยวนี้ไป 3 GB กันแล้ว) แต่ไม่ว่าจะเปิดแอพไว้เยอะแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่เคยค้างหรือแอพเด้งให้เห็น เรียกว่าใช้กันไม่ต้องกลัวรีเซ็ตเลยหล่ะ ส่วนความเข้ากันได้กับแอพพลิเคชันนั้น ถ้าแอพพลิเคชันไหนอัพเดตตัวเองให้รองรับ iOS 8 ก็ถือว่าทำงานบน iPad Air 2 ได้ทั้งหมดครับ ไม่มีอาการหน่วง หรือแอพเด้งกวนใจแน่นอน เพราะจุดแข็งของ iOS ก็คือเรื่องความเข้ากันได้ของแอพพลิเคชันกับตัวระบบนี่แหละครับ อีกอย่างหนึ่งคือในเรื่องของจำนวนแอพที่มีให้เลือกดาวโหลดใน App Store ก็ถือว่ามีให้เลือกค่อนข้างเยอะทีเดียว

    ส่วนแอพพลิเคชันจาก Apple ที่ใช้ในการจัดการเอกสารอย่าง Pages, Numbers และ Keynote เมื่ออยู่บน iOS 8.1.1 ก็ต้องบอกว่าใช้ทำงานแทนพวก Netbook ได้สบายๆ ครับ อย่างรีวิว iPad Air 2 ที่อ่านกันอยู่นี่ผมก็ใช้ Apple Wireless Keyboard เชื่อมต่อกับตัว iPad Air 2 แล้วก็พิมพ์เป็นโครงร่างด้วย Pages นี่แหละครับ เพราะเดี๋ยวนี้ Pages ออกแบบมาให้รองรับภาษาไทยค่อนข้างเต็มรูปแบบ ไม่มีอาการพิมพ์แล้วหน่วงเหมือนสมัย iOS 7 แล้ว เวลาไปนั่งทำงานนอกสถานที่นี่ถือว่าสะดวกพอสมควรเลย พกไอแพดไปพร้อมกับคีย์บอร์ด Bluetooth ก็สามารถทำงานได้ดีไม่แพ้การพกโน้ตบุ๊คเครื่องเล็กๆ เลยหล่ะ เพราะแอพพลิเคชันบน iPad ส่วนมากก็จะแสดงผลในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับบนคอมพิวเตอร์ครับ อย่างเช่น Facebook นี่เหมือนเล่นบนคอมเลย หรือแม้แต่การเข้าหน้าเว็บก็เช่นกัน โดยเฉพาะ WordPress (ที่ใช้เขียนบทความขึ้นเว็บ) เวลาแสดงผลบน iPad Air 2 นี่เหมือนใช้งานในคอมเลยครับ เดี๋ยวนี้บางบทความผมก็เขียนผ่าน iPad Air 2 นี่แหละ

    Feature

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 025

    สำหรับฟีเจอร์ของ iPad Air 2 ก็คงไม่พ้นเป็นฟีเจอร์ของตัวระบบปฏิบัติการ iOS 8.1.1 ครับ โดยทีเด็ดของ iOS 8.1.1 นอกจากเรื่องความลื่นไหลแล้ว Handoff นี่จัดเป็นทีเด็ดในงานเปิดตัว iOS 8 เลยหล่ะ

    Handoff

    Handoff iPad Air 2 Specphone

    Handoff ?เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ของ Apple ภายใต้ Apple ID เดียวกัน อย่างเช่นผมมี iPhone, iPad และ Mac ทั้งสามเครื่องก็จะลิ้งข้อมูลถึงกันอยู่ตลอดเวลาครับ โดยเฉพาะเวลาที่เชื่อมต่อ Wifi วงเดียวกันจะเป็นการรีดประสิทธิภาพของ Handoff ออกมาได้ดีที่สุด เพราะอุปกรณ์เหล่านี้แทบจะใช้แทนกันได้หมดเลยครับ อย่างเช่นเวลาที่มีคนโทรเข้า iPhone แต่ผมนั่งเล่น iPad Air 2 อยู่ ผมก็สามารถรับสายจากตัว iPad Air 2 ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเดินไปหยิบ iPhone ให้เสียเวลา รวมถึงสามารถโทรออกผ่าน iPad Air 2 ได้ด้วย (แต่ใช้เบอร์ของ iPhone) หรืออย่างกรณีที่เปิดเว็บไซต์ผ่าน Safari ไว้บน iPhone พอมาหยิบ iPad Air 2 แล้วเปิด Safari ก็จะเป็นการเรียกหน้าที่เราเปิดค้างไว้บน iPhone ขึ้นมาได้ด้วยครับ และนอกจากนี้ Handoff ยังทำงานผ่านแอพพลิเคชันอื่นๆ ได้อีก เช่น Messages, Mail, Calendar, Pages, Numbers, Keynote รวมถึงแอพพลิเคชันอื่นๆ นอกเหนือจากแอพของทาง Apple ด้วยครับ (ขึ้นอยู่กับนักพัฒนา)

     

    Touch ID

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 006

    เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาบน iPad Air 2 ครับ แน่นอนว่าของดีก็ต้องต่อยอด เพราะระบบสแกนลายนิ้วมือของ Apple อย่าง Touch ID ก็ถือว่าเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือที่ฉลาด มีความปลอดภัยสูง และที่สำคัญคือมันง่ายครับ แค่แตะนิ้วไปที่ Touch ID เท่านั้นเอง ไม่ต้องมาคอยรูดคอยเลื่อนให้เสียอารมณ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับผมแล้ว Touch ID บน iPad Air 2 มีประโยชน์แค่การกดซื้อของบน App Store และ iTunes Store เท่านั้นเองครับ เพราะไม่ต้องเสียเวลากรอกพาสเวิร์ด Apple ID ให้วุ่นวาย ส่วนการใช้งาน Touch ID สำหรับปลดล็อกเครื่องนั้นผมคิดว่ามันยังไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่ เนื่องด้วยขนาดของ iPad Air 2 ที่ค่อนข้างใหญ่ด้วยแหละครับ ตำแหน่งมันจะดูแปลกๆ เวลาที่ใช้ Touch ID ในการปลดล็อก เพราะผมว่าใช้รหัสผ่าน 4 หลักน่าจะปลดล็อกได้สะดวกกว่านะ เว้นแต่ว่าจะเป็นคนที่ชอบใส่พาสเวิร์ดเครื่องยาวๆ อันนี้ผมว่า Touch ID ก็จะมีประโยชน์ขึ้นมาทันที ทั้งนี้ทั้งนั้น Touch ID เวลาที่เราเก็บลายนิ้วมือจะมีอายุการใช้งานที่แม่นยำประมาณ 2 – 3 เดือนเท่านั้น เนื่องจากลายนิ้วมือของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นก็แนะนำให้สแกนลายนิ้วมือใหม่ทุกๆ 2 เดือนก็จะช่วยให้การปลดล็อกทำได้แม่นยำขึ้นครับ

    Camera

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 016

    กล้องก็จัดเป็นอีกหนึ่งสิ่งใน iPad Air 2 ที่พัฒนาขึ้นจากเดิม และเป็นการใส่เซนเซอร์ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลลงไปใน iPad เป็นครั้งแรกซะด้วย โดยกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลบน iPad Air 2 นั้นนอกจากจะโฟกัสได้ดีขึ้นแล้ว ยังลดนอยซ์บนภาพได้ดีขึ้นอีก เพื่อให้ได้คุณภาพของรูปถ่ายที่สดใสและคมชัดไม่แพ้กล้องมือถือบางรุ่นเลย

    โดยโหมดต่างๆ ที่มีในกล้องของ iPad Air 2 นี่จัดว่าใกล้เคียงกับใน iPhone มากครับ ไม่ว่าจะเป็น

    • โหมดปกติ
    • Time Lapse
    • Video
    • Slo-Mo
    • Panorama

    ฟีเจอร์อื่นๆ ในกล้องของ iPad Air 2 ก็ทำได้ไม่น้อยหน้ากล้องไอโฟนเช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพต่อเนื่อง (Burst Shot) การควบคุมค่าแสง (ปรับ f-stop) ส่วนการใช้งานกล้อง iPad Air 2 นั้นทำได้ง่ายมากครับ แค่กดเข้าแอพกล้อง เลือกจุดโฟกัส แล้วก็กดถ่ายเท่านั้นเอง เป็นความง่ายที่ไม่น่าจะมีกล้องอะไรทำได้ง่ายกว่านี้อีกแล้วหล่ะครับ เรียกว่าตัวซอฟท์แวร์กล้องเป็นมิตรกับผู้ใช้แบบสุดๆ การถ่ายรูปบน iPad Air 2 ให้สวยเนี่ยแค่จัดองค์ประกอบภาพเป็นก็เพียงพอแล้วครับ และสำหรับการถ่ายรูปในเวลากลางคืนด้วย iPad Air 2 ก็พบว่า Apple ไม่ได้โม้ไว้เกินจริง จากที่เราลองนำเครื่องรีวิว iPad Air 2 ไปถ่ายรูปตอนกลางคืนที่มีแสงน้อยดู พบนอยซ์ในรูปน้อยมากครับ น้อยจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือกล้องจากแท็บเล็ต

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 008

    ส่วนกล้องหน้าของ iPad Air 2 ที่แต่เดิมตั้งใจเอาไว้สำหรับ Facetime ก็อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะจะเอามาใช้ถ่ายรูปเซลฟี่ก็ยังไหว ถึงจะมีความละเอียดแค่เพียง 1.2 ล้านพิกเซลก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นครับ เพราะคุณภาพของรูปถ่ายจากกล้องหน้าของ iPad Air 2 ส่วนตัวผมว่ามันตีกล้องหน้ามือถือที่ความละเอียดเยอะกว่าได้สบายๆ เอาเป็นว่ากล้องหน้าของ iPad Air 2 นี่แสดงให้เห็นเลยว่าพิกเซลไม่ใช่ทุกสิ่งจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อด้อยสำหรับกล้องหน้า iPad Air 2 อยู่ที่มุมมองภาพเป็นมุมมองแบบปกติครับ ไม่ได้เป็นเลนส์ Wide หรือเลนส์มุมกว้างอย่างที่นิยมใช้ในมือถือรุ่นใหม่ๆ กัน

    สำหรับตัวอย่างรูปถ่ายจากกล้องของ iPad Air 2 สามารถรับชมได้จาก Gallery เลยครับ

    Performance

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 011

    ประสิทธิภาพของ iPad Air 2 นี่ต้องพูดกันถึง 2 ส่วนครับ เพราะเบื้องหลังความลื่น, ความแรงและกราฟฟิคอันสุดยอดนั้นมาจากแหล่งพลังงานหลักๆ 2 แห่ง ได้แก่ตัวฮาร์ดแวร์ กับซอฟท์แวร์ โดยในฮาร์ดแวร์นั้น Apple เลือกใช้ชิปเซ็ต Apple A8X ที่เป็นชิปเซ็ตแบบ 64 Bit รุ่นที่สองของแอปเปิ้ล แต่ทีเด็ดของ Apple A8X นั้นไม่ได้มีแค่สัญญาณนาฬิกาที่แรงกว่าชิปเซ็ต Apple A8 นะครับ แต่ชิปเซ็ต Apple A8X บน iPad Air 2 นั้นเป็น CPU แบบ Triple Core (3 Core) ถ้าวัดกันแค่ที่ผล Benchmark ก็ต้องบอกว่ามันแรงกว่าชิป Apple A8 บน iPhone 6 พอสมควร และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ iPad Air 2 ทำงานได้ลื่นไหล รวมถึงแสดงผลกราฟฟิคออกมาได้สวยงาม สมจริงมากขึ้นต้องยกความดีความชอบให้กับตัวระบบปฏิบัติการ iOS 8 ครับ เพราะใน iOS 8 นั้นมีการปรับเปลี่ยน API ใหม่ ที่เรารู้จักกันในชื่อ Metal โดยไอ้เจ้า Metal เนี่ยจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถรีดประสิทธิภาพของชิปกราฟฟิคใน Apple A8X ออกมาให้ได้มากที่สุด

    ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่นั้น ถึง iPhone จะเป็นมือถือที่มีแบตเตอรี่สุดเห่ย ใช้งานได้ไม่ค่อยจะพ้นวัน แต่ในการทำ iPad ของ Apple นี่มีจุดเด่นในเรื่องของแบตเตอรี่นะครับ โดยตามสเปคแล้ว iPad Air 2 สามารถใช้งานได้นานสูงสุดที่ 10 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งมาจากชิปร่วม M8 ที่แอบอยู่ใน Apple A8X ที่คอยช่วยในการประมวลผลเล็กๆ ได้แก่ บารอมิเตอร์, ไจโรสโคป, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว, GPS และเข็มทิศ โดยในการประมวลผลเซ็นเซอร์ทั้ง 5 นี้จะใช้ชิป M8 ในการประมวลผลทั้งหมด เพื่อเลี่ยงการเสียพลังงานมากเกินจำเป็นจากชิป Apple A8X ผลก็คือทำให้ iPad Air 2 มีอายุการใช้งานต่อครั้งที่ค่อนข้างนาน อย่างผมใช้ iPad Air 2 นี่วันนึงชาร์จตอนก่อนนอนก็เพียงพอสำหรับ 1 วันแล้วครับ กลับถึงบ้านสี่ทุ่มยังมีแบตเตอรี่เหลือใช้สบายๆ ทำไมไม่ทำไอโฟนให้แบตอึดๆ แบบนี้บ้างนะ!!!

    Overall

    Review-Apple-iPad-Air-2-SpecPhone 001

    เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับรีวิว iPad Air 2 สุดยอดแท็บเล็ตจาก Apple ที่มารอบนี้ค่อนข้างครบถ้วนทั้งฮาร์ดแวร์และฟีเจอร์ มีการปรับปรุงสเปคจากรุ่นก่อนหน้านี้พอสมควร อะไรที่เคยอยากให้มีใน iPad Air ก็จัดให้มีทั้งหมดใน iPad Air 2 ไม่ว่าจะเป็น Touch ID และกล้องที่มีความละเอียดของเซ็นเซอร์มากขึ้นกว่าเดิมเป็น 8 ล้านพิกเซล และยังคงความเป็น iPad ด้วยแอพพลิเคชันที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ส่วนการดีไซน์ก็ยังถือว่าสวยงามตามมาตรฐานของ Apple และยังได้ในเรื่องของความบางที่บางกว่าเดิม และน้ำหนักที่ยังเบากว่าตอน iPad Air รุ่นแรกอีกต่างหาก เอาเป็นว่าถ้าอยากได้แท็บเล็ตแรงๆ ดีไซน์สวยงามที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการเอ็นเตอร์เทน iPad Air 2 คือคำตอบเลยครับ

    ข้อดี

    • ดีไซน์ออกแบบมาได้ดีเช่นเคย ตัวเครื่องบาง น้ำหนักเบา ถือนานๆ ไม่ค่อยล้า
    • เป็นแท็บเล็ตที่หน้าจอสวยมาก แสงสะท้อนก็น้อย ใช้งานกลางแดดได้สบาย
    • มาพร้อมกับ Touch ID ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นเยอะ
    • กล้องหลังพัฒนาขึ้นไปจากรุ่นก่อนค่อนข้างมาก จับโฟกัสไว ถ่ายง่าย
    • แบตเตอรี่อึดสำหรับแท็บเล็ต
    • ถ้าใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของ Apple จะเป็นอะไรที่สะดวกมากๆ ด้วยฟีเจอร์ Handoff

    ข้อสังเกต

    • ฝาหลังค่อนข้างบาง ทำให้เวลาเปิดเสียงลำโพงจะรู้สึกเลยว่าฝาหลังสั่น
    • ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเคส iPad Air รุ่นแรกได้ เนื่องจากช่องของกล้องไม่ตรงกัน
    Apple iPad Air 2 Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Jamikorn Singnamthieng

    Related Posts

    ลือ iPhone รุ่นครบรอบ 20 ปี ใช้จอไร้ขอบ และแบต solid-state

    15 พฤษภาคม 2025

    Universal Music Group ร่วมกับ Apple Music เปิดตัว Sound Therapy

    15 พฤษภาคม 2025

    วิธีปิดไอจีชั่วคราวในโทรศัพท์ทำยังไงในปี 2025 ปิดโปรไฟล์ IG ชั่วคราวไม่ให้คนอื่นเห็นแบบง่ายๆ

    14 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    แนะนำ 5 ฟีเจอร์โฟนราคาไม่เกิน 1,500 เน้นโทร ปุ่มใหญ่ USB-C

    15 พฤษภาคม 2025

    ลือ iPhone รุ่นครบรอบ 20 ปี ใช้จอไร้ขอบ และแบต solid-state

    15 พฤษภาคม 2025

    MediaTek เปิดตัวชิป Dimensity 9400e จับตลาดมือถือเรือธงรุ่นรอง

    15 พฤษภาคม 2025

    Universal Music Group ร่วมกับ Apple Music เปิดตัว Sound Therapy

    15 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X