
ข่าวที่น่าจะสั่นสะเทือนแวดวงการค้าขายทั่วโลกในขณะนี้ก็คือประเด็นเรื่องการปรับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หรือที่ใช้ชื่อเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ คือภาษีทรัมป์ (Trump Tariffs) ที่ล่าสุดมีการชะลอการขึ้นภาษีอัตราใหม่ให้กับเกือบทุกประเทศในรายการที่ประกาศออกไป 90 วัน ยกเว้นจีนที่ยังคงฟาดฟันกันอยู่ ระหว่างนี้จึงเป็นโอกาสให้บริษัทที่จะได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ โดยเฉพาะบริษัทด้านสินค้าไอทีเร่งนำเข้าผลิตภัณฑ์เข้ามาตุนเพื่อจำหน่ายภายในประเทศกันเป็นชุดใหญ่ โดยมีรายงานว่า Apple ได้เร่งนำเข้า iPhone 600 ตันจากอินเดียเลยทีเดียว
โดยเป็นรายงานจาก Reuters และ The Times of India ที่ระบุว่า Apple ได้สั่งนำเข้า iPhone ที่ผลิตในอินเดียถึงกว่า 600 ตันผ่านการขนส่งโดยเครื่องบิน เพื่อให้สามารถตุนสินค้าไว้ได้มากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่นโยบายอัตราภาษีทรัมป์จะเริ่มมีผล นอกจากนี้ Nikkei Asia ยังรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าทั้ง Apple Dell Microsoft และ Lenovo ในสหรัฐฯ ต่างก็กำลังสั่งเร่งนำเข้าผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม เช่น คอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงกว่า 100,000 บาท ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีใหม่อย่างเห็นได้ชัดที่สุด เข้ามาให้มากสุดเท่าที่จะสามารถทำได้
และยังมีการรายงานว่า Apple ได้ทำการล็อบบี้ฝ่ายศุลกากร มีการจ้างพนักงานเพิ่มชั่วคราวในอินเดียเพื่อทำงานในวันอาทิตย์ ที่จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 20% จากเดิม เมื่อคำนวณถึงความสามารถในการบรรทุกของเครื่องบิน ก็คาดว่า Apple น่าจะสามารถนำเข้า iPhone มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมได้แล้วกว่า 1.5 ล้านเครื่อง ซึ่งน่าจะช่วยชะลอการตัดสินใจปรับราคา iPhone ขึ้นไปได้ซักระยะหนึ่ง
ฝั่งของ HP เองก็มีการปรับตัวจากนโยบายนี้ด้วยเช่นกัน โดยในครั้งแรกสุดได้บอกกับทางซัพพลายเออร์ว่าให้คงรักษายอดส่งออกไว้ตามแผนเดิม แต่หลังจากการพูดคุยไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็มีการเปลี่ยนแผนมาเป็นต้องการให้ส่งออกสินค้าเพื่อนำเข้าสหรัฐฯ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เหมือนกับบริษัทอื่น ๆ รวมถึงยังมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตให้กับโรงงานในเม็กซิโกอีกด้วย ในขณะที่ Samsung มีการปรับลดยอดการสั่งซื้อชิ้นส่วนสำหรับสมาร์ตโฟนในช่วงกลางปีนี้ลง ส่วน Lenovo และ Acer ก็มีทิศทางที่จะไปโฟกัสกับตลาดพีซีในประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ มากขึ้นแทน
ที่มา: The Verge