เปรียบเทียบ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14 สเปคต่างกันแค่ไหน ราคาเท่าไหร่ จะซื้อรุ่นไหนดีปลายปี 2022
ถ้าพูดถึงรุ่นพื้นฐานของ iPhone ก็ต้องนึกถึงรุ่นประจำตำแหน่ง หรือว่ารุ่นที่เปิดตัวออกมาเป็นรุ่นปกติทั่วไปโดยไม่มีชื่อต่อท้าย ไม่ว่าจะเป็น iPhone 4-8, X, 11 มาจนถึงรุ่นปัจจุบัน (ดูสเปค iPhone 1 ถึงรุ่นล่าสุดที่นี่) ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นปกติทั่วไป แต่ด้วยความน่าสนใจของสเปคแต่ละเวอร์ชั่นที่ออกมานั้น หลายๆ คนก็ยังคงหาซื้อมาใช้งานกันอยู่เรื่อยๆ ที่สำคัญก็คือ Apple มักจะเหลือรุ่นปกติแบบนี้ทิ้งไว้บน Apple Store เสมอเมื่อมีรุ่นใหม่ๆ ออกมา แต่ปลดรุ่นโปรออกไปแทน โดยตอนนี้บนหน้าเว็บของ Apple จะมีขายอยู่เพียงรุ่น iPhone SE, iPhone 12, iPhone 13 และ iPhone 14 Series เท่านั้น สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อ iPhone รุ่นปกติรุ่นไหนดีช่วงปลายปีนี้ วันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบสเปคของ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14 ว่ามีสเปคต่างกันมากน้อยแค่ไหน ราคาล่าสุดของแต่ละรุ่นเท่าไหร่บ้าง และจะเลือกซื้อรุ่นไหนดีในช่วงปลายปี 2022 นี้
เปรียบเทียบสเปคของ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14 ซื้อรุ่นไหนดีปี 2022
- เปรียบเทียบตัวเครื่อง iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
- เปรียบเทียบหน้าจอ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
- เปรียบเทียบชิปและการทำงาน iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
- เปรียบเทียบกล้องหน้าและหลัง iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
- เปรียบเทียบแบตและราคา iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
- สรุปจะซื้อรุ่นไหนดีในปี 2022
เปรียบเทียบตัวเครื่อง iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
เริ่มต้นกันที่การเปรียบเทียบตัวเครื่องหรือว่าการดีไซน์ตัวเครื่องของ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14 ทั้งสี่รุ่นนี้กันก่อนเลย ที่ต้องบอกว่าดูเผินๆ ไม่ได้สังเกตอะไรก็แทบไม่ต่างอะไรมากในเรื่องของขนาด ยกเว้นตัว iPhone 11 ที่มีตัวเครื่องแบบโค้งมนและมีขนาดและน้ำหนักมากกว่ารุ่นใหม่ทั้งสามรุ่น เนื่องจาก iPhone 12-14 นั้นเปลี่ยนตัวเครื่องเป็นแบบขอบแบนแทน อีกจุดหนึ่งที่แตกต่างกันแบบเห็นได้ชัดเลยก็คือโมดูลกล้องที่ iPhone 11 นั้นจะเล็กกว่าแต่ก็ยังมีเลนส์กล้องเรียงกันลงมาเหมือนกับ iPhone 12 ส่วน iPhone 13 และ 14 นั้นได้เปลี่ยนรูปแบบการวางเป็นแนวทแยง 45 องศา
แต่ทั้งหมดก็ยังเป็นกล้องคู่เหมือนกัน รวมไปถึงวัสดุตัวเครื่องที่เป็นอะลูมิเนียมเหมือนกัน ส่วนรายละเอียดอื่นที่ต่างกันก็คือ iPhone 11 นั้นจะมีหน้าหลังแบบกระจก แต่รุ่น iPhone 12 ขึ้นไปจะเปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบ Ceramic Shield ที่มีความแข็งแรงกว่าเดิมเยอะมาก และถึงแม้ว่าทุกรุ่นจะสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ที่ระดับ IP68 แต่ iPhone 11 ก็ลงน้ำได้แค่ความลึกไม่เกิน 2 เมตรเท่านั้น ในขณะที่รุ่นใหม่ทั้งหมดได้ความลึกถึง 6 เมตรเลยทีเดียว ในส่วนของดีไซน์ตัวเครื่องนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนเลยว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน เพราะจุดต่างจริงๆ จะอยู่ที่สเปคด้านในมากกว่า
iPhone 11 iPhone 12 iPhone 13 iPhone 14 ขนาด 150.9×75.7×8.3 มม. 146.7×71.5×7.4 มม. 146.7×71.5×7.65 มม. 146.7×71.5×7.8 มม. น้ำหนัก 194 กรัม 162 กรัม 173 กรัม 172 กรัม วัสดุ หน้าหลังแบบกระจก
ตัวเครื่องอะลูมิเนียมด้านหน้า Ceramic Shield
ตัวเครื่องอะลูมิเนียมด้านหน้า Ceramic Shield
ตัวเครื่องอะลูมิเนียมด้านหน้า Ceramic Shield
ตัวเครื่องอะลูมิเนียมสี ม่วง, เหลือง, เขียว, ดำ, ขาว, แดง ดำ, ขาว, แดง, เขียว, น้ำเงิน, ม่วง แดง, สตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน, ชมพู, เขียว มิดไนท์, ม่วง, สตาร์ไลท์, แดง, ฟ้า
เปรียบเทียบหน้าจอ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
มาดูที่จุดต่างกันแบบพอสมควรเลยสำหรับการเปรียบเทียบหน้าจอของ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14 ที่ถึงแม้ว่าทุกรุ่นนั้นจะมีขนาดหน้าจอกว้าง 6.1 นิ้วเท่ากัน แต่สเปคหน้าจอของ iPhone 11 จะเป็น Liquid Retina HD แบบ LCD ที่ความละเอียดน้อยกว่าและสว่างได้แค่ 625 นิต อีกทั้งยังไม่ได้เป็นหน้าจอแบบ HDR อีกด้วย ส่วนอีกสามรุ่นคือ iPhone 12, 13 และ 14 นั้นจะมีหน้าจอที่เหมือนกันเกือบทั้งหมดที่เป็น Super Retina XDR แบบ OLED รองรับ HDR ที่สว่างได้ 1,200 นิต และแบบทั่วไปได้ 800 นิต ยกเว้นแต่ iPhone 12 ที่สว่างทั่วไปได้เพียง 625 นิตเท่านั้น นอกจากนี้ทั้งสี่รุ่นยังมีรูกล้องหน้าแบบรอยบากเหมือนกัน และมี Face ID สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคเหมือนกันด้วย ในส่วนของหน้าจอนี้ถ้าใครชอบความคมชัดและจอสว่างแนะนำ iPhone 13, 14 ทำได้ดีกว่าค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
iPhone 11 iPhone 12 iPhone 13 iPhone 14 หน้าจอ Liquid Retina HD (LCD)
6.1 นิ้วSuper Retina XDR (OLED)
6.1 นิ้วSuper Retina XDR (OLED)
6.1 นิ้วSuper Retina XDR (OLED)
6.1 นิ้วความละเอียด 1792 x 828 พิกเซล
326 ppi2532 x 1170 พิกเซล
460 ppi2532 x 1170 พิกเซล
460 ppi2532 x 1170 พิกเซล
460 ppiความสว่าง 625 นิต 625 นิต
1,200 นิต (HDR)800 นิต
1,200 นิต (HDR)800 นิต
1,200 นิต (HDR)HDR ไม่มี มี มี มี
เปรียบเทียบชิปและการทำงาน iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
จุดแตกต่างหลักๆ จะอยู่ที่ประสิทธิภาพการทำงานของ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14 ทั้งสี่รุ่นนี้ เริ่มที่ตัว iPhone 11 ที่ใช้ชิปเป็น A13 Bionic ที่เก่าที่สุดแล้วของทั้งสี่รุ่นทำให้ในด้านการใช้งานต่างๆ จะไม่เร็วแรงเท่ารุ่นใหม่แน่นอน ที่สำคัญคือยังรองรับได้แค่ 4G LTE เท่านั้นและยังมีความจุเริ่มต้นเพียง 64/128GB อีกด้วย ส่วนที่รองลงมาก็ต้องเป็น iPhone 12 ที่ใช้ชิป A14 Bionic และมี Neural Engine แบบ 16-core แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้งาน 5G ได้แล้วด้วยแต่ก็ยังมีความจุเริ่มต้นที่ 64GB เหมือนเดิมแต่สูงสุดที่ 256GB แล้ว
ส่วนอีกสองรุ่นใหม่คือ iPhone 13, iPhone 14 นั้นได้ใช้ชิป A15 Bionic เหมือนกัน แน่นอนว่า iPhone 13 ถ้าเทียบกับ 12 แล้วก็ต้องแรงกว่าอีกทั้งยังประหยัดพลังงานได้มากกว่าด้วย เพราะได้เปลี่ยนจากโมเด็ม Snapdragon X55 มาเป็น Snapdragon X60 แทน แต่ว่าของ iPhone 14 นั้นได้มีการปรับปรุงการใช้งานให้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือจะบอกว่ามากกว่าหรือเท่ากับ iPhone 13 Pro ได้เลยทีเดียว ที่สำคัญคือทั้งสองรุ่นนี้ยังมีความจุเริ่มต้นที่ 128GB สูงสุดถึง 512GB แล้ว จึงเหมาะกับการใช้งานในปัจจุบันที่เน้นการถ่ายรูปหรือเล่นเกมได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ iPhone 14 รุ่นใหม่ยังมีฟีเจอร์ตรวจจับการชนกันเพิ่มเข้ามาใหม่ด้วยไจโรช่วงไดนามิกสูงและการจับความเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง ส่วนเรื่องของเสียงจะเหมือนกันหมดยกเว้น iPhone 11 ที่ไม่รองรับเสียง HDR
iPhone 11 iPhone 12 iPhone 13 iPhone 14 ชิป A13 Bionic A14 Bionic A15 Bionic A15 Bionic
(ปรับปรุงใหม่)การเชื่อมต่อ 4G LTE, Wi‑Fi 6 5G, Wi‑Fi 6 5G, Wi‑Fi 6 5G, Wi‑Fi 6 CPU/GPU 6/4 Core 6/4 Core 6/4 Core 6/5 Core Neural Engine 8 Core 16 Core 16 Core 16 Core ROM 64/128GB 64/128/256GB 128/256/512GB 128/256/512GB
เปรียบเทียบกล้องหน้าและหลัง iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
สำหรับกล้องหน้าและกล้องหลังของ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14 ทั้งสี่รุ่นนี้จะบอกว่าคล้ายกันในหลายๆ ด้านเลยก็ว่าได้ แต่แน่นอนว่ารุ่นใหม่นั้นก็ย่อยดีกว่าในด้านฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ ด้วย โดยกล้องหน้าของ iPhone 11, 12 และ 13 นั้นจะเป็นแบบ TrueDepth 12MP (ƒ/2.2) เท่ากัน แต่ว่า iPhone 12, 13 สามารถถ่ายแบบ Deep Fusion และมี HDR อัจฉริยะในเจนที่ต่างกันด้วย รวมไปถึงการถ่ายวิดีโอที่ถ่ายแบบ HDR ได้แล้ว แต่ตัว iPhone 13 นั้นจะมีคุณสมบัติสไตล์ภาพถ่ายและโหมดภาพยนตร์ด้วย ส่วน iPhone 14 ได้ปรับปรุงกล้องหน้าใหม่แบบ TrueDepth 12MP (ƒ/1.9) รูรับแสงกว้างขึ้นและยังมี Photonic Engine กับโหมดภาพยนตร์ที่ถ่ายได้ถึง 4K แล้ว
ส่วนกล้องหลังทั้งหมดจะเป็นกล้องคู่ที่มีเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP (ƒ/2.4) เท่ากันหมด แต่กล้องไวด์หลักถึงแม้จะมี 12MP เท่ากันแต่ก็มีรูรับแสงที่ต่างกันอย่าง iPhone 11 จะมี ƒ/1.8 และ iPhone 12, 13 มี ƒ/1.6 ส่วนด้านของ iPhone 14 รุ่นใหม่นั้นมี ƒ/1.5 เลยทีเดียวอีกทั้งยังมี Photonic Engine และโหมดแอ็คชั่นที่ถ่ายได้นิ่งกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยกันสั่นที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์พร้อมโหมดภาพยนตร์ 4K เช่นกัน รวมไปถึง iPhone 12 ขึ้นไปนั้นจะสามารถ่ายวิดีโอแบบ HDR ได้ทั้งหมด ตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเรื่องกล้อง iPhone 11 นั้นสู้ใครไม่ได้เลย ถ้าใครที่เน้นการถ่ายรูปเป็นหลักก็ยังคงแนะนำ iPhone 13 หรือ 14 จะยังคงดีกว่ามากๆ แต่ถ้าไม่ได้เน้นมาก iPhone 12 ก็ยังถ่ายได้ดีพอไหว
iPhone 11 iPhone 12 iPhone 13 iPhone 14 กล้องหน้า TrueDepth 12MP (ƒ/2.2) TrueDepth 12MP (ƒ/2.2) TrueDepth 12MP (ƒ/2.2) TrueDepth 12MP (ƒ/ƒ/1.9) กล้องหลัง Wide: 12MP (ƒ/1.8)
Ultra-wide: 12MP (ƒ/2.4)Wide: 12MP (ƒ/1.6)
Ultra-wide: 12MP (ƒ/2.4)Wide: 12MP (ƒ/1.6)
Ultra-wide: 12MP (ƒ/2.4)Wide: 12MP (ƒ/1.5)
Ultra-wide: 12MP (ƒ/2.4)
Photonic Engineวิดีโอ 4K, HD 1080p 4K, HD 1080p
HDR, Deep Fusion4K, HD 1080p
HDR, Deep Fusion
โหมดภาพยนตร์ (1080p)4K, HD 1080p
HDR, Deep Fusion
โหมดแอ็คชั่นและโหมดภาพยนตร์ (4K)
เปรียบเทียบแบตและราคา iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14
ปิดท้ายด้วยเรื่องแบตและราคาล่าสุดของ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14 ถึงแม้ว่าทาง Apple จะไม่ได้บอกความจุออกมาว่ามีเท่าไหร่ แต่ก็มีข้อมูลบอกออกมาหมดแล้ว ซึ่งจริงๆ ต้องดูตามการใช้งานเป็นหลักด้วยเช่นกัน เพราะ iPhone 11, 12 จะเล่นวิดีโอนานสูงสุด 17 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ถ้าใช้งานจริงเมื่อเปิด 5G บน iPhone 12 ก็อาจทำให้แบตลดฮวบแบบน่าตกใจได้เลยทีเดียว ส่วน iPhone 13 นั้นอยู่ได้ถึง 19 ชม. และ iPhone 14 อยู่ได้มากถึง 20 ชม. เพราะได้โมเด็มชิปที่ปรับปรุงดีกว่าเดิมแล้วนั่นเอง ส่วนราคามีราคาเครื่องเปล่าและติดโปรล่าสุดดังนี้
iPhone 11 iPhone 12 iPhone 13 iPhone 14 Apple – 64GB : 24,900
128GB : 26,900
256GB : 30,900128GB : 29,900
256GB : 33,900
512GB : 42,900128GB : 32,900
256GB : 36,900
512GB : 45,900AIS 128GB : 9,200 64GB : 14,000
128GB : 18,000128GB : 25,200
256GB : 26,900
512GB : 25,900128GB : 16,500
256GB : 20,500
512GB : 29,500Truemove H 64GB : 9,900
128GB : 9,100– 256GB : 24,900 128GB : 13,400
256GB : 17,400
512GB : 26,400dtac 64GB : 4,990
128GB : 6,990128GB : 16,200 128GB : 17,000
256GB : 21,000128GB : 8,900
256GB : 22,500
**ดูราคา iPhone ทุกรุ่นที่นี่ หรือดูราคา iPhone เครื่องเปล่า และ iPhone แบบติดโปรทั้งหมดที่นี่**
สรุปจะซื้อรุ่นไหนดีในปี 2022
สำหรับข้อสรุปของ iPhone 11 vs iPhone 12 vs iPhone 13 vs iPhone 14 นั้นก่อนอื่นอยากให้ดูที่งบประมาณของตัวเองกันก่อนเลยว่ามีงบถึงรุ่นไหนบ้างตามตารางราคาด้านบน เพราะถ้ามีไม่เกินหมื่นหรือหมื่นต้นๆ ยังพอซื้อ iPhone 11, 12 พร้อมแพ็กเกจจากค่ายต่างๆ ได้อยู่บ้าง แต่ถ้างบมีถึงนั้นก็ให้เลือกดูตามการใช้งานของตัวเองเป็นหลักได้เลย ว่าต้องการใช้ทำอะไรบ้าง ถ้าเน้นการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอลงสตอรี่ไอจี หรือว่าเน้นการถ่ายทำคอนเทนต์ต่างๆ นั้นตัว iPhone 13 กับ iPhone 14 จะทำได้ดีที่สุด และถ้าจะให้สุดไปเลยก็คงต้องเป็น iPhone 14 ที่มีกันสั่นสามารถเดินถ่ายได้แบบชิวๆ อีกทั้งยังมีความจุเริ่มต้นที่สูงเหมาะกับการถ่ายรูปหรือวิดีโอเก็บไว้เยอะโดยไม่มีปัญหา รวมไปถึงแบตที่ใช้งานได้ดีกว่าทั้งสองรุ่นก่อนหน้าด้วย ที่สำคัญคือราคา iPhone 13 นั้นสูงกว่า iPhone 12 เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่ถ้าใครที่ไม่ได้เน้นการถ่ายรูปมากนัก หรือจะเอามาไว้ถ่ายทั่วไปกับการใช้งาน 5G ได้ด้วย iPhone 12 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ยังใช้งานได้ดี เล่นเกมได้ลื่นอยู่เหมือนกัน ส่วนใครที่จะเอามาใช้งานทั่วไปได้ไหลลื่นไม่ได้เน้นเรื่องการใช้งานหลักอะไรมากนัก iPhone 11 ที่ซื้อพร้อมแพ็กเกจก็คุ้มมากเลยทีเดียว