iPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปีนี้ซื้อรุ่นไหนดี หลังจากที่ Apple เปิดตัว iPhone 14 Series ไปแล้ว iPhone รุ่นก่อนหน้าก็มีการลดราคาลง ซึ่งตอนนี้ iPhone 12 และ iPhone 13 นั้นราคาลงมาในระดับที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเยอะแล้ว วันนี้เราเลยจะลองมาเทียบสเปคดูว่า iPhone 12 หรือ iPhone 13 ตัวไหนน่าซื้อกว่ากัน ซึ่งตอนนี้ iPhone 12 จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 24,900 บาท มือสองอยู่ที่ 15,000 – 18,000 บาท ส่วน iPhone 13 จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 29,900 บาท มือสองอยู่ที่ 22,900 – 26,900 บาท ด้วยราคาที่ห่างกันราวๆ 5,000 บาทเป็นอย่างน้อยจะเลือกตัวไหนดีถึงจะคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป สำหรับความแตกต่างด้านสเปคเราจะมาพูดกันไปทีละจุดเลย
ขนาด, น้ำหนัก และวัสดุ
iPhone 12 | iPhone 13 | |
---|---|---|
ขนาด | 146.7 x 71.5 x 7.4 มม. | 146.7 x 71.5 x 7.65 มม. |
น้ำหนัก | 162 กรัม | 173 กรัม |
วัสดุ | ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield อะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมอวกาศ | ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield อะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมอวกาศ |
สี | ดำ, ขาว, แดง, เขียว, น้ำเงิน, ม่วง | แดง, สตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน, ชมพู, เขียว |
เมื่อพูดถึงขนาดและน้ำหนักแล้ว iPhone 12 จะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยด้วยความบางกว่าและเบากว่า iPhone 13 ซึ่งทั้งนี้ก็มาจากปริมาณแบตเตอรี่ที่ต่างกันนั่นเอง ในเรื่องของความทนทานนั้นทั้งคู่ก็ใช้หน้าจอเคลือบ Ceramic Shield โครงเป็นอะลูมิเนียมเหมือนๆ กัน เรียกได้ว่าไม่ได้แตกต่างกันเลย ซึ่งถ้าให้เทียบกันแล้ว iPhone 12 จะได้เปรียบ iPhone 13 เล็กน้อยในเรื่องของการพกพา แต่ทว่าความหนาและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้มากมายนัก ทำให้ในการใช้งานจริงๆ ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น จะมีก็แค่การที่ไม่สามารถใช้เคสร่วมกันได้เท่านั้น
หน้าจอ
iPhone 12 | iPhone 13 | |
---|---|---|
พาแนล | Super Retina XDR (OLED) | Super Retina XDR (OLED) |
ขนาด | 6.1 นิ้ว | 6.1 นิ้ว |
ความละเอียด | 2532 x 1170 พิกเซล | 2532 x 1170 พิกเซล |
ความหนาแน่น | 460 ppi | 460 ppi |
อัตราส่วนคอนทราสต์ | 2,000,000:1 | 2,000,000:1 |
HDR | รองรับ | รองรับ |
ความสว่างสูงสุด | 625 นิต | 800 นิต |
ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด (HDR) | 1,200 นิต | 1,200 นิต |
ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นเมื่อดูจากสเปคแล้วยังไงๆ iPhone 12 และ iPhone 13 ก็ไมไ่ด้แตกต่างกันเท่าไร จุดที่แตกต่างกันก็มีเพียงความสว่างที่มากขึ้นเล็กน้อย เรีกยได้ว่าในส่วนของหน้าจอแทบไม่จำเป็นต้องเอามาตัดสินนักก็ได้ ถึงแม้ iPhone 13 จะมีความสว่างปกติมากกว่า iPhone 12 ก็ตาม แต่เวลาเราใช้จริงก็ไม่ได้มีการปรับให้สว่างสุดแน่นอนอีกทั้งแดดเมืองไทยก็สุดยอดมาก ต่อให้หน้าจอมือถือจะสว่างขนาดไหนก็สามารถบดบังจนแทบไม่เห็นเหมือนๆ กัน
ชิปประมวลผล
iPhone 12 | iPhone 13 | |
---|---|---|
ชิปประมวลผล | A14 Bionic | A15 Bionic |
CPU | ประสิทธิภาพ 2 core @3.1 GHz ประหยัดพลังงาน 4 core @1.8 GHz | ประสิทธิภาพ 2 core @3.23 GHz ประหยัดพลังงาน 4 core @1.82 GHz |
GPU | 4 core | 4 core |
Neural Engine | 16 core | 8 core |
แรม | 4GB | 4GB |
ความจุ | 64GB / 128GB / 256GB | 128GB / 256GB / 512GB |
ในเรื่องของชิปประมวลผลนั้นเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าชิป A15 Bionic นั้นย่อมต้องแรงกว่า A14 Bionic ด้วยการที่เป็ฯชิปตัวใหม่ที่อัพเกรดชิป A14 Bionic ให้แรงขึ้นและจัดการพลังงานได้ดีขึ้น โดยมีการเพิ่มความเร็ว CPU ให้สูงขึ้น เพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ให้มากขึ้นจาก 11.8 พันล้านเป็น 15 พันล้าน ช่วยให้การประมวลผลมีความรวดเร็วที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนชิปโมเด็ม 5G จาก Snapdragon X55 ที่กินพลงงานสูงมาเป็น Snapdragon X60 แทน ช่วยให้ตัวชิปบริโภคพลังงานน้อยลง ส่งผลให้แบตเตอรี่อึดขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเอาจริงๆ แล้วเรื่องการซดแบตเตอรี่จากการใช้ 5G ของ iPhone 12 น่าจะเป็นจุดอ่อนหลักๆ เลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ในเรื่องของความจุ iPhone 12 ที่เริ่มด้วยความจุ 64GB นั้นยังไงก็เสียเปรียบ iPhone 13 ที่เริ่มต้น 128GB เนื่องมาจากในปัจจุบันนี้ความจุ 64GB เป็นอะไรที่ใช้ยากมากๆ ทั้งนี้ก็เพราะแอปฯ ต่างๆ ก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ โซเชียลหรือเกมก็ตาม และยิ่งหลายๆ คนไม่ค่อยชอบลบรูปที่ถ่ายด้วยแล้วก็ยิ่งกินพื้นที่อีก ดังนั้นการที่ iPhone 13 ได้ตัวเลือกความจุสูงกว่าจึงได้เปรียบแบบสุดๆ
กล้องถ่ายภาพ
iPhone 12 | iPhone 13 | |
---|---|---|
กล้องหลัง | Wide : 12MP, f/1.6, OIS Ultra-wide : 12MP, f/2.4 | Wide : 12MP, f/1.6, Sensor-Shift OIS Ultra-wide : 12MP, f/2.4 |
กล้องหน้า | TrueDepth : 12MP, f/2.2 | TrueDepth : 12MP, f/2.2 |
การบันทึกวิดีโอ | บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps บันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 30 fps | บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps บันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 30 fps |
Deep Fusion | กล้องหน้า กล้องหลัง | กล้องหน้า กล้องหลัง |
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้นทั้งคู่ใช้กล้องตัวเดียวกัน แต่ iPhone 13 จะมี Sensor-Shift OIS ที่ช่วยเรื่องกันสั่นได้ดียิ่งกว่า ซึ่งใน iPhone 12 ก็มีแต่จะอยู่ในรุ่น Pro Max เท่านั้น ซึ่งถ้าพูดถึงการถ่ายภาพแล้ว iPhone 13 ที่มี Sensor-Shift จะได้เปรียบกว่าเรื่องความนิ่งของกล้อง เนื่องจากเวลาใช้มือถือตัวเครื่องแล้วยังไงก็ต้องมีอาการสั่นแน่นอน ซึ่งตัว Sensor-Shift นี้จะมาช่วยชดเชยแรงสั่นนั้นให้เลนส์นิ่งแบบสุดๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะ ข้อเสียของ Sensor-Shift ก็คือเวลาได้รับการสั่นไหวที่รุนแรงและต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้ตัวกล้องพังได้เลย อย่างเช่นเอาไปใส่ที่วางมือถือติดรถมอเตอร์ไซค์เป็นต้น แรงสั่นสะเทือนจากการวิ่งสามารถทำให้กล้องพังได้เลยทีเดียว ทำให้สายไบค์เกอร์ไม่วามารถเอา iPhone ที่มี Sensor-Shift มาวางบนรถได้ ถ้าให้สรุปสั้นๆ เลยก็คือถ้าเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป/วิดีโอในที่ๆ แสงน้อยๆ iPhone 13 จะได้เปรียบกว่า แต่ถ้าไม่ได้ได้ภาพในที่แสงน้อยมากนักกล้องของ iPhone 12 ก็เพียงพอแล้ว
แบตเตอรี่
ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นถ้าจะเทียบกันมันก็กะไรอยู่เพราะในเรื่องระยะเวลาในการใช้งานรวมนั้นมันมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าต่างๆ, ชิปประมวลผลที่มี, หรือแม้กระทั่งความร้อนจากการใช้งาน จึงไม่สามารถเอามาเทียบกับจริงจังมากนักได้ แต่จากที่ได้ลองเล่นหลายๆ ครั้งมาจากความรู้สึกแล้วถ้า iPhone 12 เปิดใช้งานแค่ 5G แล้วจะอยู่ได้สั้นกว่า iPhone 13 อย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่า iPhone 12 กินแบตมากกว่า iPhone 13 นั่นเอง ส่วนในเรื่องของความเร็วการชาร์จนั้นด้วยเทคโนโลยีการชาร์จแบบเดียวกัน iPhone 12 จะเต็มเร็วกว่า iPhone 13 เนื่องด้วยขนาดแบตเตอรี่ที่น้อยกว่า
สรุป iPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปี 2022 ซื้อรุ่นไหนดี
iPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปีนี้ซื้อรุ่นไหนดี ในที่นี้คงได้แต่ต้องบอกว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับเงินของเพื่อนๆ เลยว่าพอจะซื้อได้ตัวไหน เพราะตามหลักแล้ว iPhone นั้นเป็นมือถือที่มีระยะเวลาในการใช้งานที่ค่อนข้างยาวนาน ถ้าเป็นคนที่เอามาใช้งานทั่วๆ ไป ไม่ได้แคร์เรื่อง 5G หรือไม่ได้แคร์เรื่องแบตหมดเร็ว iPhone 12 แบบมือสองก็ดูน่าสนใจดีด้วยราคาที่นับว่าค่อนข้างถูกเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปและค่อนข้างซีเรียสเรื่องความอึดของแบตเตอรี่แล้วยังไง iPhone 13 ก็กินขาด เพียงแต่ราคาก็จะสูงกว่า iPhone 12 พอสมควรไม่ว่าจะเป็นราคามือ 1 หรือมือสองก็ตาม
ถ้าให้สรุปสั้นๆ เลยก็คือถ้าต้องการ iPhone ที่รองรับ 5G ในราคาไม่แพง ให้เลือก iPhone 12 ไปเลย แต่ต้องเป็นรุ่น 128GB ขึ้นไปนะ ส่วนถ้าต้องการ iPhone ที่รองรับ 5G แล้วแบตอึดๆ iPhone 13 จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก ถึงตอนนี่ราคาจะยังดูสูงพอสมควร แต่เวลาขายต่อก็จะได้ราคาที่สูงกว่าด้วย ช่วยให้เวลาเปลี่ยนเครื่องแล้วเจ็บน้อยกว่าเยอะเลย