ช้อปดีมีคืน 2565 มีเงื่อนไขการใช้งานยังไง ซื้ออะไรได้บ้าง พร้อมแนะนำเซ็ตโทรศัพท์ในงบ 30000 บาท รีบใช้ภายใน 1 ม.ค.-15 ก.พ. 65
โครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลอีกหนึ่งโครงการ ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่จำเป็นต้องซื้อของใช้สอย หรือว่าช้อปอยู่เป็นประจำนั่นก็คือ “ช้อปดีมีคืน” ที่ออกมาเพื่อให้หลายๆ คนได้ออกมาซื้อของกันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกแบบหนึ่ง ซึ่งโครงการนี้ก็สามารถใช้งานร่วมกับ “คนละครึ่งเฟส 4” ที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนมีนาคม 2565 นี้อีกด้วย แต่ยังไม่ได้กำหนดวงเงินนะ เพราะว่าทั้งสองโครงการนี้มาคนละเวลากัน ดังนั้นใครที่ใช้โครงการช้อปดีมีคืนไปแล้ว ก็ยังคงที่จะใช้งานคนละครึ่งเฟส 4 ได้อีกด้วย เรียกว่าได้สองเด้งไปเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะช้อปให้ได้คืนก็ยังมีเงื่อนไขการใช้งานอยู่ด้วย ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ซื้อครบเต็มเพดาน (30,000 บาท) แล้วจะได้ทุกคนเสมอไป เพราะยังมีข้อกำกัดบางอย่างในการซื้อ และการคำนวณภาษีของตัวเองตอนยื่นประจำปีอยู่ด้วย (ดูวิธียื่นภาษีออนไลน์ที่นี่) สำหรับใครที่สนใจโครงการนี้ และอยากรู้ว่ามีเงื่อนไขการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้ทาง Specphone จะมาบอกข้อมูลของโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ปี 2565 ว่ามีเงื่อนไขการใช้งานยังไง ซื้ออะไรได้บ้างถึงจะขอเงินคืนได้ พร้อมกับแนะนำเซ็ตโทรศัพท์กับอุปกรณ์ต่างๆ ในงบ 30,000 บาท ว่ามีอะไรน่าจับคู่ซื้อบ้างในตอนนี้
ช้อปดีมีคืน 2565 มีเงื่อนไขการใช้งานยังไง และสามารถซื้ออะไรได้บ้าง
สำหรับเงื่อนไขของโครงการช้อปดีมีคืนนี้ สิ่งที่ห้ามลืมก็คือมีระยะเวลาให้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 65 เท่านั้น เกินกว่านี้จะขอคืนไม่ได้แล้ว และหลายคนอาจจะคิดว่ายิ่งใช้งานมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้คืนเยอะเท่านั้น ซึ่งความจริงจะบอกว่าใช่ก็คงไม่ผิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถขอคืนได้ทุกคน เพราะการขอเงินคืนนั้นจะต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนดมาแล้วด้วย อย่างแรกที่ต้องเข้าใจเลยก็คือโครงการนี้ไม่จำเป็นต้องสมัครหรือลงทะเบียนอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่ซื้อสินค้าที่อยู่ในเงื่อนไข และจำเป็นต้อง “ขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปจากร้านค้า” มาด้วยทุกครั้ง เพื่อนำมาประกอบกับการ “ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2565” และใส่ข้อมูลลงไปในส่วนของ “การลดหย่อนภาษี” เพียงเท่านี้ก็จะสามารถขอรับเงินคืนได้ตามเงื่อนไขเบื้องต้นแล้ว
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าซื้อของเยอะมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้คืนเยอะเท่านั้น เพราะเพดานการซื้อของทั้งหมดแล้วจะอยู่ที่ไม่เกิน 30,000 บาท ถ้าหากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาทก็จะมีสิทธิ์คืนภาษีตามเปอร์เซนต์เงื่อนไขที่กำหนดมาแล้ว และจำเป็นต้องสอดคล้องกับรายได้สุทธิ กับอัตราภาษีที่ต้องจ่ายในปี 2565 ของแต่ละคนด้วย พูดง่ายๆ ก็คือถ้าซื้อของเต็ม 30,000 บาท แต่คำนวณภาษีมาแล้วได้รับการยกเว้นภาษีก็จะไม่ได้คืนเลย แต่ถ้าเป็นคนที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้วในระดับที่สูงกว่า ก็จะสามารถลดหย่อนหรือได้เงินคืนที่มากกว่าตามไปด้วยนั่นเอง ถ้าจะให้เข้าใจง่ายกว่านี้ก็ดูตามตารางด้านล่างได้เลย
เงินได้สุทธิ อัตราภาษี ราคาช้อปเต็มจำนวน สิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 0-150,000 บาท ยกเว้นภาษี 30,000 บาท ไม่ได้สิทธิ์คืนภาษี 150,001-300,000 บาท 5% 30,000 บาท 1,500 บาท 300,001-500,000 บาท 10% 30,000 บาท 3,000 บาท 500,001-750,000 บาท 15% 30,000 บาท 4,500 บาท 750,001-1,000,000 บาท 20% 30,000 บาท 6,000 บาท 1,000,001-2,000,000 บาท 25% 30,000 บาท 7,500 บาท 2,000,001-5,000,000 บาท 30% 30,000 บาท 9,000 บาท 5,000,001 บาทขึ้นไป 35% 30,000 บาท 10,500 บาท
ที่สำคัญอีกอย่างของโครงการช้อปดีมีคืน ก็คือสินค้าที่เราช้อปแล้วจะได้ภาษีคืน ก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้ตามเงื่อนไขด้วยเช่นกัน ไม่ใช้ว่าจะหยิบจับซื้ออะไรก็ขอคืนได้หมด เพราะต้องเข้าไปอยู่ในเงื่อนไขสินค้าที่กำหนดมาแล้วด้วย โดยจะสามารถแบ่งได้เป็นสองแบบหลักๆ ก็คือแบบที่ขอคืนภาษีได้ กับแบบที่ซื้อไปแล้วก็ไม่สามารถขอคืนได้ โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้
สินค้าและบริการที่เข้าร่วมเงื่อนไขช้อปดีมีคืน 2565
- สินค้า และบริการทั่วไปที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มปกติ
- หนังสือ (รวมถึง e-book)
- สินค้า OTOP
สินค้าและบริการที่ไม่เข้าร่วมเงื่อนไขช้อปดีมีคืน 2565
- ค่าสุรา เบียร์ ไวน์ และค่ายาสูบ
- ค่าน้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
- ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
- ค่าหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร รวมถึงค่าบริการหนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (แต่หนังสือได้นะคนละแบบกัน อย่างง)
- ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์
- ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม
- ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า
- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
- ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ และค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต
**อย่าลืมว่าต้องช้อปภายในวันที่ 1 ม.ค.65 – 15 ก.พ. 65 เท่านั้น**
แนะนำเซ็ตโทรศัพท์ + แท็ปเล็ตในงบ 30,000 บาท
มาที่เซ็ตโทรศัพท์ Smart Phone ที่เราจะมาแนะนำแบบจับเซ็ตคู่กับแท็บเล็ตกันบ้าง โดยเราจะยกตัวอย่างและแนะนำกันทั้งหมด 3 เซ็ตเอาไว้เป็นตัวเลือกในการเลือกซื้อกัน โดยมือถือนั้นจะเป็นมือถือ Android ที่มีราคาไม่เกิน 10,000 บาทที่เปิดตัวออกมาใหม่ไม่นานนัก ส่วนแท็ปเล็ตที่เอามาจับรวมเซ็ตด้วยจะเป็น iPad ทั้งหมด และเมื่อรวมเซ็ตกันแล้วจะมีราคาไม่เกิน 30,000 บาท พร้อมกับแนะนำเซ็ตที่มีราคารวมกันแล้วเกิน 30,000 บาทไปเล็กน้อยด้วย เผื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้สเปคที่เทพๆ ไปเลยทีเดียวจบ หรือถ้าใครอยากจะลองเปลี่ยนเซ็ตจากที่เราแนะนำสลับไปมาด้วยก็ได้ ซึ่งราคาก็จะไม่ได้ห่างจาก 30,000 บาทเท่าไหร่นัก จะทีเซ็ตไหนน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย
1. เซ็ตมือถือ vivo Y76 5G + iPad Air 4 รุ่น 64GB Wi-Fi: ราคา 29,899 บาท
เริ่มกันที่เซ็ตแรกที่สามารถเข้าร่วมเงื่อนไขช้อปดีมีคืน 2565 ได้แบบพอดิบพอดี ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถใช้งานควบคู่กันได้แน่นอน ถึงแม้ว่าตัว iPad Air 4 รุ่นที่จับคู่ราคาไม่เกิน 30,000 บาทนี้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นก็ตาม แต่ถ้าดูจากสเปคต่างๆ แล้วก็เพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว โดยตัว vivo Y76 5G นี้เป็นมือถือที่เพิ่งเปิดตัวออกมาใหม่ล่าสุดมีหน้าจอกว้าง 6.58 นิ้ว มาพร้อมกับชิป Dimensity 700 5G ที่สามารถใช้งาน 5G ได้ และสามารถเล่นเกมหรือใช้งานได้อย่างไหลลื่น รวมไปถึงกล้องหลังความละเอียด 50MP มาโคร 2MP และชัดลึก 2MP กับกล้องหน้า 16MP ที่เพียงพอต่อการถ่ายรูปทุกแบบ
ส่วนตัว iPad Air 4 รุ่น 64GB แบบ Wi-Fi นั้นถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้นก็จริง แต่ถ้าเน้นพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ด้วยน้ำหนักที่เบาบาง จะเอาไปใช้เรียนหรือว่าทำงานที่บ้านก็ได้หมด ถ้าไม่ติดเรื่องความเร็วเน็ตมากนัก ก็สามารถแชร์ Hotspot จาก vivo Y76 5G มาใช้งานร่วมกันก็ได้สบายๆ ไม่มีปัญหาแน่นอน หรือถ้าอยากจะไปเลือกจับคู่กับ iPad mini หรือ iPad ตัวล่าสุดในรุ่นเริ่มต้นก็ยังมีราคาที่ไม่เกิน 30,000 บาทอยู่ดี แต่ถ้าใครคิดว่าอยากจะใช้งานให้คุ้มค่าไปเลยทีเดียวจบ ก็สามารถเลือกซื้อเป็นรุ่น Wi-Fi + Cellular ได้ด้วยในราคา 34,399 บาท หรือรุ่นอื่นที่มีราคาเกินมานิดหน่อยเช่นกัน
2. เซ็ตมือถือ OPPO A95 + iPad mini 6 รุ่น 64GB Wi-Fi: ราคา 27,399 บาท
เซ็ตต่อมานี้เป็นเซ็ตที่มีราคาถูกลงหน่อย แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าสามารถสลับเซ็ตจากด้านบนได้เหมือนกัน ถ้ารวมกับ iPad Air 4 รุ่น 64GB Wi-Fi จะได้ราคา 29,399 บาทเท่านั้น เซ็ตนี้จะเหมากับคนที่ต้องการใช้ iPad เอาไว้เพื่อทำงานเบาๆ อย่างเช่นเปิดดูหนัง หรือว่าเล่นเกมในบ้าน รวมไปถึงสามารถนำไปใช้ประชุมงาน และเรียนเพื่อจดบันทึกได้ด้วย เพราะ iPad mini 6 รุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่ที่มีสเปคโหดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ทั้งหน้าจอที่สเปคเท่ากับ iPad Air แต่ได้ชิปใหม่ตัวแรงเป็น Apple A15 จะเอามาตัดต่อหรือออกแบบชิ้นงานก็สบาย แถมยังมีกล้องหลัง และกล้องหน้าที่ทรงพลัง ใช้งานได้ดีเยี่ยมอีกด้วย
ส่วนสเปคของ OPPO A95 ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ไม่ธรรมดาเลย เพราะเป็นรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวออกมาใหม่ และได้รับความสนใจจากหลายๆ คน ด้วยสเปคที่สามารถใช้งานได้ทั่วไป ในราคาที่ไม่สูงมาก มีหน้าจอเป็น AMOLED กว้าง 6.43 นิ้วพร้อมชิป Snapdragon 662 ที่เล่นเกมได้ลื่นๆ แถมยังมีฟีเจอร์ Extened Ram ที่ดึงความจุมาเปลี่ยนเป็นความจำ RAM ที่เพิ่มได้มากถึง 5GB เป็นทั้งหมด 13GB ช่วยให้การทำงานหลายๆ แอพหรือว่าทำงานพร้อมกันได้อย่างไม่มีสะดุด ส่วนกล้องรุ่นนี้จะมีความละเอียด 48MP เลนส์มาโคร 2MP และชัดลึก 2MP กับกล้องหน้าความละเอียด 16MP สเปคกล้องพอๆ กับรุ่นด้านบนเลย ดังนั้นใครที่อยากใช้งานทั่วไปก็สามารถเลือกซื้อเซ็ตนี้ หรือถ้าอยากจะใช้ 5G ก็เลือกมือถือ vivo Y76 5G มารวมกับเซ็ตนี้ก็ได้ในราคา 27,899 บาทเท่านั้น รวมไปถึงสามารถรวมกับเซ็ต OPPO A95 + iPad mini 6 รุ่น 64GB Wi-Fi + Cellular ได้ในราคา 32,899 บาท
3. เซ็ตมือถือ Samsung Galaxy M32 + iPad 9 รุ่น 256GB Wi-Fi + Cellular: ราคา 29,899 บาท
เซ็ตที่สามารถเข้าร่วมเงื่อนไขช้อปดีมีคืน 2565 เซ็ตสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำนี้ เป็นเซ็ตที่ค่อนข้างคุ้มมากเลยทีเดียว เพราะว่าจะได้ทั้งมือถือที่ใช้งานได้ครอบคลุมทุกรูปแบบ และยังได้ใช้ iPad 9 ตัวรุ่นสเปคสูงสุดอีกด้วยในราคาที่ไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งสเปคของรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ใช้ทำงาน เรียนออนไลน์ ดูหนัง ตัดต่อ หรือจดบันทึกแบบทั่วไปได้ดีเลย ด้วยตัวเครื่องที่ใหญ่ดูได้เต็มตากว้าง 10.2 นิ้ว และก็ได้ปรับกล้องหน้าเป็นกล้องอัลตร้าไวด์ 12MP พร้อมกับคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลางแบบเดียวกับ iPad Pro 2021 เลย เหมาะกับการใช้งานทั่วไป พกพาไปใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาเพราะรุ่นนี้สามารถใส่ซิมใช้งานได้เลย ไม่ต้องแชร์ Hotspot แบบรุ่น WiFi ทั่วไป
ส่วนสเปคของ Samsung Galaxy M32 ถึงแม้ว่าจะมีราคาที่ต่ำกว่าสองรุ่นด้านบน แต่ก็มีสเปคที่ใช้งานได้ทั้งเล่นเกม หรือว่าจะเน้นถ่ายรูปก็ทำได้ดี ด้วยสเปคที่มีหน้าจอ Super AMOLED กว้าง 6.4 นิ้วกับชิป Helio G80 เล่นเกมได้สบายๆ และยังเน้นเรื่องการถ่ายรูปที่กล้องหลังมีความละเอียด 64MP อัลตร้าไวลด์ 8MP มาโคร 2MP และชัดลึก 2MP มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียดถึง 20MP จะถ่ายมุมแคบมุมกว้าง หรือจะเน้นเซลฟี่ทำคอนเทนต์ก็ได้หมดเลย ราคาเครื่องของรุ่นนี้จะอยู่ที่ 7,999 บาท จึงสามารถนำไปซื้อร่วมกับเซ็ต iPad Air 4 หรือ iPad mini6 รุ่น 64 WiFi ได้ในราคาเบาๆ หรือจะจัดหนักรุ่น Wi-Fi + Cellular ไปเลยก็ยังมีราคาที่เกิน 30,000 บาทไปเล็กน้อยเท่านั้น รวมไปถึงใครอยากจะใช้ iPad 9 กับมือถือสองรุ่นด้านบนก็มีราคาเกินไป 1-2 พันบาทเช่นกัน
ตารางเปรียบเทียบราคาในแต่ละเซ็ต
เซ็ตมือถือ + แท็ปเล็ต | ราคารวม |
vivo Y76 5G + iPad Air 4 รุ่น 64GB Wi-Fi | 29,899 บาท |
OPPO A95 + iPad mini 6 รุ่น 64GB Wi-Fi | 27,399 บาท |
Samsung Galaxy M32 + iPad 9 รุ่น 256GB Wi-Fi + Cellular | 29,899 บาท |
จากตารางด้านบนนี้จะเห็นได้ว่าราคาหนักๆ ส่วนใหญ่แล้วจะไปอยู่ที่ตัวแท็ปเล็ตอย่าง iPad มากกว่ามือถือ (ดูเปรียบเทียบสเปค iPad ทุกรุ่นที่นี่) ดังนั้นการสลับเซ็ตไปมาจากที่เราแนะนำไปนั้นก็จะสามารถทำได้ แต่ต้องเพิ่มราคาอีกนิดหน่อย ถ้าใครที่มีงบถึงและมีรายได้สุทธิเกิน 150,001-300,000 บาทต่อปีอยู่แล้วก็แนะนำว่าให้เพิ่มสเปค จัดรุ่นตัวท็อปไปเลยจะดีกว่า เพื่อความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถซื้อ iPhone 11 หรือว่า iPhone 12 mini ในรุ่นเริ่มต้นพร้อมกับมือถือของ Android ที่มีราคาไม่เกิน 10,000 บาทได้ด้วย สำหรับคนที่ต้องการซื้อมือถือแบบทีเดียวจบและอยากได้ภาษีคืน ก็สามารถจัดเซ็ต iPhone กับ Android ได้เหมือนกัน
และทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลของโครงการช้อปดีมีคืน 2565 ว่ามีเงื่อนไขการใช้งานยังไง ซื้ออะไรได้บ้าง และใครมีสิทธิ์ได้รับเงินคืนบ้างตามที่เราได้บอกไป ทั้งนี้ใครที่อยากจะซื้ออุปกรณ์อย่าง Smart Phone หรือแท็ปเล็ตนั้น ถ้าอยู่ในเงื่อนไขก็จะสามารถรับภาษีคืนได้แน่นอน ส่วนใครอยากจะซื้อของอย่างอื่นนอกจากนี้ก็ได้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขสินค้าตามที่เราได้บอกไปทั้งหมดแล้วด้านบน ใครสนใจก็รีบหน่อยนะ เพราะต้องใช้ภายในวันที่ 1 ม.ค.65 – 15 ก.พ. 65 เท่านั้น ห้ามลืมเด็ดขาดไม่งั้นจะขอคืนไม่ได้ แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันอีกเรื่อยๆ เลยนะครับ