เปรียบเทียบ iPad 9, iPad Air 4, iPad mini 6, iPad Pro 2021 ทุกรุ่นที่วางขายตอนนี้ รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง?
อุปกรณ์เพื่อการประชุม จดบันทึก วาดเขียนออกไอเดีย หรือว่าเอาไว้เพื่อการศึกษา และสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะต้องนึกถึงอุปกรณ์ของ Apple อย่าง iPad เป็นอันดับต้นๆ ในการเลือกใช้งานกันอย่างแน่นอน เนื่องจาก iPad นั้นทำออกแบบมาหลายรุ่นหลายรูปแบบให้ผู้ใช้งานอย่างเราได้เลือกใช้กัน และที่สำคัญก็คือเรื่องของราคาที่เริ่มต้นมาแค่หลักหมื่นต้นๆ เท่านั้นสำหรับรุ่นที่เอาไว้ใช้งานแบบทั่วไป ไปจนถึงรุ่นที่มีราคาสูงสำหรับคนที่ต้องการใช้งานแบบโปรมาขึ้น ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อแต่ละรุ่น การนึกถึงจุดประสงค์ในการใช้งานของตัวเองนั้นสำคัญที่สุด ส่วนรุ่นที่ยังวางขายอยู่บนหน้าเว็บของ Apple ในตอนนี้จะมีรุ่น iPad 9th, iPad Air 4, iPad mini 6 และ iPad Pro 2021 สำหรับใครที่กำลังมองหา iPad มาใช้งานแต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดีที่เหมาะกับตัวเอง วันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบ iPad แต่ละรุ่นทั้ง iPad 9th, iPad Air 4, iPad mini 6 และ iPad Pro 2021 รวมไปถึงรุ่นที่ค้างสต็อกอยู่อย่างรุ่นเก่ากว่านี้ด้วย เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากใช้งานในราคาไม่แพงมากนัก ไปดูกันเลยว่ามีรุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง
- ตารางเปรียบเทียบ iPad 9th, iPad Air 4, iPad mini 6 และ iPad Pro 2021
- ตารางเปรียบเทียบ iPad 8th, iPad Air 3, iPad mini 5 และ iPad Pro 2020
- สเปค iPad 9th
- สเปค iPad Air 4
- สเปค iPad mini 6
- สเปค iPad Pro 2021
- สเปค iPad 8th
- สเปค iPad Air 3
- สเปค iPad mini 5
- สเปค iPad Pro 2020
- สรุปการเปรียบเทียบ iPad
ตารางเปรียบเทียบ iPad 9th, iPad Air 4, iPad mini 6 และ iPad Pro 2021
ข้อมูล\ รุ่น | iPad 9 (10.2 นิ้ว) | iPad Air 4 (10.9 นิ้ว) | iPad mini 6 (8.3 นิ้ว) | iPad Pro 2021 (11 นิ้ว) | iPad Pro 2021 (12.9 นิ้ว) |
หน้าจอ | Retina | Liquid Retina | Liquid Retina | Liquid Retina ProMotion | Liquid Retina XDR ProMotion แบ็คไลท์ 2D |
ขนาด | 250.6 x 174.1 x 7.5 มม. | 247.6 x 178.5 x 6.1 มม. | 195.4 x 134.8 x 6.3 มม. | 247.6 x 178.5 x 5.9 มม. | 280.6 x 214.9 x 6.4 มม. |
น้ำหนัก | WiFi : 487g Cellular : 498g | WiFi : 458g Cellular : 460g | WiFi : 293g Cellular : 297g | WiFi : 466g Cellular : 468g | WiFi : 682g Cellular : 684g |
ชิปประมวลผล | Apple A13 Bionic | Apple A14 Bionic | Apple A15 Bionic | Apple M1 | Apple M1 |
RAM | 3GB | 4GB | 4GB | 8GB/ 16GB | 8GB/ 16GB |
ROM | 64GB/ 256GB | 64GB/ 256GB | 64GB/ 256GB | 128GB/ 256GB/ 512GB/ 1TB/ 2TB | 128GB/ 256GB/ 512GB/ 1TB/ 2TB |
กล้องหน้า | Ultrawide 12MP | FaceTime HD 7MP | Ultrawide 12MP | Ultrawide TrueDepth 12MP | Ultrawide TrueDepth 12MP |
กล้องหลัง | 12MP ƒ/2.4 | 12MP ƒ/1.8 | 12MP ƒ/1.8 | 12MP + 10MP LiDAR scanner | 12MP + 10MP LiDAR scanner |
Apple Pencil | Apple Pencil (รุ่นที่ 1) | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) |
Keyboard | Smart Keyboard | Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio | Keyboard Bluetooth | Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio | Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio |
แบตเตอรี่ | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต Lightning | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต USB-C | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต USB-C | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต USB-C Thunderbolt / USB 4 | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต USB-C Thunderbolt / USB 4 |
การเชื่อมต่อ | 4G, WiFi | 4G, WiFi 6 | 5G, WiFi 6 | 5G, WiFi 6 | 5G, WiFi 6 |
ตารางเปรียบเทียบ iPad 8th, iPad Air 3, iPad mini 5 และ iPad Pro 2020
ข้อมูล\ รุ่น | iPad 8 (10.2 นิ้ว) | iPad Air 4 (10.5 นิ้ว) | iPad mini 5 (7.9 นิ้ว) | iPad Pro 2020 (11 นิ้ว) | iPad Pro 2020 (12.9 นิ้ว) |
หน้าจอ | Retina | Retina | Retina | Liquid Retina ProMotion | Liquid Retina ProMotion |
ขนาด | 250.6 x 174.1 x 7.5 มม. | 250.6 x 174.1 x 6.1 มม. | 203.2 x 134.8 x 6.1 มม. | 247.6 x 178.5 x 5.9 มม. | 280.6 x 214.9 x 5.9 มม. |
น้ำหนัก | WiFi : 490g Cellular : 495g | WiFi : 456g Cellular : 464g | WiFi : 300.5g Cellular : 308.2g | WiFi : 641g Cellular : 643g | WiFi : 471g Cellular : 473g |
ชิปประมวลผล | Apple A12 Bionic | Apple A12 Bionic | Apple A12 Bionic | A12Z Bionic | A12Z Bionic |
RAM | 3GB | 3GB | 3GB | 6GB | 6GB |
ROM | 32GB/ 128GB | 64GB/ 256GB | 64GB/ 256GB | 128GB/ 256GB/ 512GB/ 1TB | 128GB/ 256GB/ 512GB/ 1TB |
กล้องหน้า | 1.2MP | FaceTime HD 7MP | FaceTime HD 7MP | TrueDepth 7MP | TrueDepth 7MP |
กล้องหลัง | 8MP ƒ/2.4 | 8MP ƒ/2.4 | 8MP ƒ/2.4 | 12MP + 10MP LiDAR scanner | 12MP + 10MP LiDAR scanner |
Apple Pencil | Apple Pencil (รุ่นที่ 1) | Apple Pencil (รุ่นที่ 1) | Apple Pencil (รุ่นที่ 1) | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) |
Keyboard | Smart Keyboard | Smart Keyboard | Keyboard Bluetooth | Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio | Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio |
แบตเตอรี่ | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต Lightning | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต Lightning | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต Lightning | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต USB-C | ดูวิดีโอ 10 ชม. ท่องเน็ต 9 ชม. พอร์ต USB-C |
การเชื่อมต่อ | 4G, WiFi | 4G, WiFi | 4G, WiFi | 4G, WiFi6 | 4G, WiFi6 |
สเปค iPad 9th
มาเริ่มกันที่การเปรียบเทียบ iPad ตัวใหม่ล่าสุดของ Apple กันก่อนเลย ซึ่งตัวนี้เป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้งานไปทางด้านกราฟิกหนักๆ หรือว่าต้องการสเปคที่สูงมากนัก ถ้าเอาไว้ใช้เรียนออนไลน์ ดูหนัง ตัดต่อ หรือจดบันทึกแบบทั่วไปรุ่นนี้จะเหมาะกว่า โดยการดีไซน์ของตัวเครื่องนี้จะยังคงเป็นแบบโค้งมมนเหมืนกับรุ่นก่อนหน้า และยังมีปุ่ม Touch ID สุดคลาสสิคให้ใช้อยู่ด้วย ส่วนหน้าจอของตัวนี้จะยังเป็นแบบ Retina ที่แสดงผลแบบ True Tone กว้าง 10.2 นิ้ว พร้อมกับการรองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 1) และ Smart Keyboard อีกด้วย และถึงแม้ว่าจะเป็นตัวใหม่ แต่ชิปประมวลก็ยังใช้เป็นตัว Apple A13 Bionic ที่ใช้งานได้แบบทั่วไป ตัดต่อวิดีโอพอไหว ดูหนังได้ปกติ หรือจะใช้เพื่อการเรียนก็ทำได้ดีแน่นอน
สิ่งที่น่าสนใจในรุ่นนี้ก็คือกล้องหน้าที่เป็นกล้องอัลตร้าไวด์ 12MP ที่สามารถซูมได้ถึง 2 เท่าและมาพร้อมกับคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลาง ที่เวลาประชุมหรือเปิดกล้องหน้าคุยกันแล้วกล้องจะจัดตัวเราให้อยู่ตรงกลางเสมอ ส่วนกล้องหลังจะเป็นกล้องไวด์ตัวเดียวที่ความละเอียด 8MP รูรับแสงขนาด ƒ/2.4 และถ่ายได้ถึงระดับ HDR กับถ่ายวิดีโอได้เพียงระดับ HD เท่านั้น นอกจากนี้รุ่นนี้ยังมีพอร์ตเป็น Lightning และมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 อยู่ด้วยเหมือนเดิม โดยรวมแล้วอย่างที่บอกเลยว่ารุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานแบบเริ่มต้นที่มีราคาถูกมาก เหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นใช้งานตัดต่อหรือออกแบบหนักๆ
เปรียบเทียบ iPad ราคา iPad 9th
- Wi-Fi
- 64GB ราคา 11,400 บาท
- 256GB ราคา 16,400 บาท
- Wi-Fi + Cellular
- 64GB ราคา 16,900 บาท
- 256GB ราคา 21,900 บาท
สเปค iPad Air 4
มาต่อกันกับเปรียบเทียบ iPad รุ่นที่หลายคนให้ความสนใจกันมากเป็นอันดับต้นๆ ของตระกูล iPad กันบ้าง ที่รุ่นนี้จะเป็นรุ่นบางเบาสเปคแรง สามารถใช้ตัดต่อหรือว่าออกแบบได้ดีเยี่ยม ที่สำคัญก็คือเรื่องของน้ำหนักที่เบาพกพาไปไหนมาไหนสะดวก พร้อมกับรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เหมาะกับสายคอนเทนต์หรือใช้เพื่อดูหนังได้หมดเลย ยิ่งถ้าใช้ร่วมกับ Apple Pencil และ Magic Keyboard ก็แทบจะเป็นคอมฯ เคลื่อนที่ดีๆ ตัวนึงได้เลย หน้าจอของรุ่นนี้จะเป็นแบบ Liquid Retina แสดงผลได้แบบ True Tone กว้าง 10.9 นิ้ว และเป็นจอแบบ Full Lamination ขอบเขตสีกว้างระดับ P3 และป้องกันแสงสะท้อนได้ด้วย และมีปุ่ม Touch ID อยู่ด้านบนตัวเครื่องไม่มีอะไรมารบกวนสายบนหน้าจอ นอกจากนี้ยังมีการรองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) และ Magic Keyboard แถมยังสามารถแปะตัว Pencil ไปกับตัวเครื่องได้แล้วสะดวกกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เยอะมากๆ และด้วยพลังของ Apple A14 Bionic จึงทำให้รุ่นนี้สามารถตัดต่อหรือออกแบบกราฟิกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
เรื่องของกล้องในรุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าถ้าเปรียบเทียบ iPad Air 4 ตัวี้กับรุ่นใหม่ๆ จะยังไม่มีคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลางก็ตาม แต่ว่ากล้องหน้าก็ยังเป็น FaceTime HD 7MP ระดับมาตรฐานที่ใช้ประชุมหรือ FaceTime ได้ปกติ ส่วนกล้องหลังจะเป็นกล้องไวด์ 12MP ที่มีรูรับแสงขนาด ƒ/1.8 ถ่ายได้ถึงระดับ HDR อัจฉริยะ 3 และยังถ่ายวิดีโอได้ถึง 4K เลย ใครที่ต้องการจะถ่ายทำคอนเทนต์ก็สามารถถ่ายและตัดต่อไปในตัวได้เลยเหมือนกัน หรือว่าจะเน้นไปที่ด้านการพิมพ์งาน เน้นพกพาออกไปใช้นอกสถานที่แทนคอมฯ ก็ทำได้ง่ายๆ เพราะรุ่นนี้เป็นพอร์ต USB-C แล้ว
เปรียบเทียบ iPad ราคา iPad Air 4
- Wi-Fi
- 64GB ราคา 19,900 บาท
- 256GB ราคา 24,900 บาท
- Wi-Fi + Cellular
- 64GB ราคา 24,400 บาท
- 256GB ราคา 29,400 บาท
สเปค iPad mini 6
มาถึงตัวน้องเล็กแต่สเปคอย่างใหญ่กับรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวออกมาพร้อมๆ กับ iPad 9th และทำสเปคออกมาได้ดีงามสุดๆ โดยรุ่นนี้แน่นอนว่าเป็นรุ่นที่เหมาะกับการพกพาไปไหนมาไหน เก็บใส่กระเป๋าเล็กๆ ก็ยังสะดวก ที่เพิ่มเติมมาก็คือความเทพของสเปคในตัวเครื่องนี่แหละ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบ iPad กับตัวอื่นหน้าจอของตัวนี้จะเป็น Liquid Retina แสดงผลได้แบบ True Tone กว้าง 8.3 นิ้วและเป็นจอแบบ Full Lamination ขอบเขตสีระดับ P3 และป้องกันแสงสะท้อนได้แบบเดียวกับตัว iPad Air 4 เป๊ะๆ แค่นี้ก็เทพระดับนึงแล้ว แต่ยังใส่ชิป A15 Bionic มาเพิ่มความเร็วแรง พร้อมให้ใช้งานทั้งตัดต่อหรือว่าจะออกแบบกราฟิกก็ทำได้ดีเยี่ยมแน่นอน แต่รุ่นนี้จะไปดรอปตรงที่รองรับได้แค่คีย์บอร์ด Bluetooth เท่านั้น รุ่นนี้จึงไม่เหมาะกับคนที่เน้นด้านการพิมพ์เป็นหลัก รวมไปถึงการประชุมงานที่ต้องการหน้าจอที่ใหญ่เพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ด้วย
ส่วนกล้องรุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยถ้าเปรียบเทียบ iPad mini 6 กับตัวอื่นๆ เพราะรุ่นนี้ได้อัพเกรดกล้องหน้าเป็นอัลตร้าไวด์ 12MP พร้อมกับคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลางได้เรียบร้อยแล้ว แถมหล้องหลังก็ยังได้สเปคพอๆ กับ iPad Air 4 ที่เป็นกล้องไวด์ 12MP ถ่ายได้ระดับ HDR อัจฉริยะ 3 และถ่ายวิดีโอได้ถึง 4K เหมือนกัน แต่ว่า iPad mini 6 จะเด่นกว่าตรงที่มีแฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวงมาให้แล้ว พร้อมกับพอร์ตที่เป็น USB-C และใช้ 5G ได้แล้วด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นตัวที่สเปคพอๆ กับ iPad Air 4 ก็ตาม แต่ก็ยังไม่เหมาะกับงานพิมพ์หรือสายคอนเทนต์อย่างที่บอกไปนั่นแหละ ด้วยเรื่องคีย์บอร์ดและหน้าจอ แต่ถ้าจะเน้นเรื่องออกแบบ ดูหนัง เล่นเกม จดบันทึกโดยใช้ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) และเน้นพกพาสะดวกอันนี้ต้องบอกว่าเทพกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เปรียบเทียบ iPad ราคา iPad mini 6
- Wi-Fi
- 64GB ราคา 17,900 บาท
- 256GB ราคา 23,400 บาท
- Wi-Fi + Cellular
- 64GB ราคา 23,400 บาท
- 256GB ราคา 28,900 บาท
สเปค iPad Pro 2021
เปรียบเทียบ iPad รุ่นสุดท้ายที่ยังมีการวางขายอยู่ในปัจจุบันของ Apple ที่เป็นตัวเทพเทียบเท่า MacBook หรือพูดง่ายๆ ว่าแทบจะเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วของจริง รุ่นนี้เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานแบบเต็มรูปแบบของ iPad ที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะตัดต่อ ทำงานกราฟิก ประชุม จดบันทึก ออกแบบ งานคอนเทนต์ ได้หมดทุกอย่างเลย พก iPad Pro ก็เหมือนพกคอมฯ เทพติดตัวไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลาเลยนั่นแหละ โดยหน้าจอของรุ่นนี้จะมีสองขนาดคือรุ่น 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้วที่สเปคต่างกันเล็กน้อยด้วย อย่างแรกคือหน้าจอที่เป็น Liquid Retina ในรุ่น 11 นิ้วและหน้าจอแบบ Liquid Retina XDR ในรุ่น 12.9 นิ้วดู 6K ได้สบายๆ ซึ่งทั้งสองรุ่นมีเทคโนโลยี ProMotion เหมือนกันหมด แต่รุ่น 12.9 นิ้วจะมีความสว่างมากกว่าในแบบเต็มจอสูงสุดที่ 1,000 นิต และแบบ HDR ความสว่างสูงสุดที่ 1,600 นิต ทำให้เวลาดูหนังหรือว่าตัดต่อแบบ HDR จะแสดงผลได้ดีกว่าด้วย
ที่สำคัญคือความแรงของชิปประมวลผลที่ได้เอาชิป M1 บน Mac มาใส่ไว้ใน iPad Pro 2021 ทั้งสองรุ่นเลย ถ้าเปรียบเทียบ iPad รุ่นอื่นก็หายห่วงเรื่องความช้า ความหน่วงไปได้เลย ไม่ว่าจะใช้งานตัดต่อหนักๆ หรือใช้กราฟิกระดับสูงแค่ไหนก็ตาม แถมยังมี RAM สูงสุดให้ถึง 16GB กับความจุสูงสุด 2TB เรื่องกล้องก็เทพไม่แพ้กันด้วยกล้องหน้า TrueDepth 12MP พร้อมคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลาง และกล้องหลัง 2 ตัวที่ความละเอียดเลนส์ไวด์ 12MP และเลนส์อัลตร้าไวด์ 10MP พร้อมกับแฟลช True Tone ที่สว่างกว่าเดิมแถมยังถ่ายวิดีโอได้ถึง 4K และด้วยสแกนเนอร์ LiDAR จึงทำให้การวัดแสงหรือเก็บรายละเอียดก็ทำได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับสร้างแผนผังบนพื้นที่นั้นได้เลยแบบง่ายๆ นอกจากนี้รุ่นนี้ยังมีพอร์ตเป็น USB-C และรองรับ Thunderbolt ที่เชื่อมต่อได้อย่างเร็วแรงด้วย แน่นอนว่าใช้งาน 5G ได้แล้วเช่นกัน โดยรวมแล้วรุ่นนี้ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ สำหรับคนที่ต้องการตัดต่อหรือออกแบบเป็นอาชีพ รวมไปถึงงานคอนเทนต์จะเหมาะกับการใช้งานมากที่สุดแล้ว
ราคา iPad Pro 2021
เปรียบเทียบ iPad Pro 2021 รุ่น 11 นิ้ว
- Wi-Fi
- 128GB ราคา 27,900 บาท
- 256GB ราคา 31,400 บาท
- 512GB ราคา 38,400 บาท
- 1TB ราคา 52,400 บาท
- 2TB ราคา 66,400 บาท
- Wi-Fi + Cellular
- 128GB ราคา 32,900 บาท
- 256GB ราคา 36,400 บาท
- 512GB ราคา 43,400 บาท
- 1TB ราคา 57,400 บาท
- 2TB ราคา 71,400 บาท
เปรียบเทียบ iPad Pro 2021 รุ่น 12.9 นิ้ว
- Wi-Fi
- 128GB ราคา 37,900 บาท
- 256GB ราคา 41,400 บาท
- 512GB ราคา 48,400 บาท
- 1TB ราคา 62,400 บาท
- 2TB ราคา 76,400 บาท
- Wi-Fi + Cellular
- 128GB ราคา 42,900 บาท
- 256GB ราคา 46,400 บาท
- 512GB ราคา 53,400 บาท
- 1TB ราคา 67,400 บาท
- 2TB ราคา 81,400 บาท
สเปค iPad 8th
มาต่อกันกับรุ่นที่ไม่ได้มีการวางขายบนหน้าเว็บของ Apple แต่ว่าก็ยังมีขายทั่วไปอยู่บ้าง สำหรับคนที่ต้องการใช้รุ่นเริ่มต้นของ iPad ในราคาที่ถูกลงมาอีก ซึ่งในรุ่นนี้ถ้าเปรียบเทียบ iPad 8th กับรุ่นใหม่กว่าก็คงเทียบกันไม่ติดอยู่แล้ว เพราะรุ่นนี้ยังไงก็ยังเป็นรุ่นเก่ากว่าอยู่ดี แต่ถ้าใครคิดว่าอยากจะใช้ iPad ในราคาประหยัด และใช้งานแบบทั่วไปอย่างดูหนัง ฟังเพลง หรือว่าเรียนออนไลน์เฉยๆ รุ่นนี้ก็ยังพอทำได้อยู่ โดยหน้าจอรุ่นนี้จะมีความกว้าง 10.2 นิ้วและเป็นจอแบบ Retina ยังไม่ได้รองรับการแสดงผลแบบ True Tone และได้ใส่ชิปประมวลผล A12 Bionic ที่เร็วแรงพอสมควร
ที่น่าสนใจก็คือถ้าเปรียบเทียบ iPad รุ่นนี้รองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 1) และ Smart Keyboard ได้ด้วย จึงเหมาะกับการใช้จดบันทึกเวลาเรียนได้เป็นอย่างดีเลย ส่วนกล้องรุ่นนี้อาจจะยังไม่ได้เน้นมากเท่าไหร่นัก เพราะกล้องหน้าจะเป็นกล้อง FaceTime HD ที่มีความละเอียดเพียง 1.2MP เท่านั้น รวมไปถึงกล้องหลังที่เป็นกล้องไวด์ 8MP ถ่ายแบบทั่วไปหรือถ่ายวิดีโอระดับ HD ก็ยังพอไหวอยู่ ส่วนใครที่ยังชอบปุ่ม Touch ID บนหน้าจออยู่รุ่นนี้ตอบโจทย์แน่นอน แต่ก็อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาไม่แรงมาก เรียกว่าราคาถูกกว่าทุกรุ่นเลยแหละ เลยเหมาะกับการใช้งานแบบทั่วไปที่ไม่ได้เน้นการตัดต่อหรือใช้งานหนักมากๆ นั่นเอง
เปรียบเทียบ iPad ราคา iPad 8th
- Wi-Fi
- 32GB ราคาประมาณ 13,000 บาทขึ้นไป
- 128GB ราคาประมาณ 16,000 บาทขึ้นไป
- Wi-Fi + Cellular
- 32GB ราคาประมาณ 16,000 บาทขึ้นไป
- 128GB ราคาประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป
**ราคา iPad 8th ปัจจุบันเริ่มหายากและไม่ค่อยมีการวางขายแล้ว**
สเปค iPad Air 3
มาต่อกันที่ iPad Air ในรุ่นที่ 3 ที่ต้องบอกว่าสเปคเกือบจะพอๆ กับ iPad 8th เลย ถ้าเปรียบเทียบ iPad Air 3 กับ 4 แน่นอนว่าไม่ได้เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียว แต่ถ้าเปรียบเทียบ iPad ในรุ่นที่อยู่ในช่วงเจนฯ เดียวกันอาจจะพอไหว ซึ่งรุ่นนี้หน้าจอจะเล็กกว่ารุ่นใหม่ที่กว้างเพียง 10.5 นิ้วและยังเป็นหน้าจอแบบ Retina อยู่ แต่ว่าก็มีหน้าจอแบบ Full Lamination แสดงผลแบบ True Tone และมีการเคลือบกันแสงสะท้อนแล้ว และรุ่นนี้ก็ยังมีปุ่ม Touch ID ที่หน้าจอเหมือนเดิม ส่วนชิปนั้นจะใช้ตัวเดียวกับ iPad 8th ที่เป็น Apple A12 Bionic ที่ให้ความเร็วแรงพอใช้งานได้ดี เหมาะกับการพกพาไปไหนมาไหนด้วยน้ำหนักที่เบาบางกว่ารุ่นอื่นๆ
ส่วนกล้องของตัวนี้จะได้กล้องหน้าเป็นสเปคเดียวกับ iPad Air 4 ที่เป็น FaceTime HD 7MP แต่ว่ายังถ่ายได้แค่ระดับ HDR อัตโนมัติเท่านั้น รวมไปถึงกล้องหลังที่ยังไม่ได้เท่าตัวใหม่แต่เป็นกล้องไวด์ที่ความละเอียด 8MP ที่ถ่ายได้ระดับ HDR อัตโนมัติและถ่ายวิดีโอได้สูงสุดได้ระดับ HD เท่านั้น ที่สำคัญก็คือรุ่นนี้ยังคงรองรับแค่ Apple Pencil (รุ่นที่ 1) และ Smart Keyboard จึงอาจจะเหมาะกับการใช้งานที่ยังไม่ได้ถึงระดับโปรมากนัก ถ้าเอามาใช้แบบทั่วไปหรือว่าเรียนออนไลน์ พกพาได้แบบเบาๆ กับสเปคที่ยังพอไหวอยู่รุ่นนี้ก็ยังเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
เปรียบเทียบ iPad ราคา iPad Air 3
- Wi-Fi
- 64GB ราคาประมาณ 11,000 บาทขึ้นไป
- 256GB ราคาประมาณ 13,000 บาทขึ้นไป
- Wi-Fi + Cellular
- 64GB ราคาประมาณ 14,000 บาทขึ้นไป
- 256GB ราคาประมาณ 14,000 บาทขึ้นไป
**ราคา iPad Air 3 ปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีขายเป็นมือสองตามร้านค้าออนไลน์**
สเปค iPad mini 5
ต้องบอกว่าในช่วงที่ iPad รุ่นเจนฯ ต่ำกว่าปัจจุบันนี้ที่ทำออกมาสเปคจะค่อนข้างคล้ายกันมากเลยทีเดียวถ้าไม่ใช่รุ่น Pro เช่นเดียวกันกับ iPad mini 5 ที่เปรียบเทียบ iPad mini ด้วยกันเองยังไงก็ไม่มีทางไปเทียบรุ่นใหม่ได้อยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่กำลังมองหารุ่นที่เก่ากว่าลงมา 1 รุ่นอย่าง iPad mini 5 รุ่นนี้และอยากได้ iPad เครื่องเล็กพกพาได้สะดวก ใช้งานแบบทั่วไปหรือเรียนออนไลน์ได้สบายๆ ในราคาที่ตอนนี้ไม่ได้แรงมาก ก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ ด้วยหน้าจอแบบ Retina ขนาด 7.9 นิ้ว (เล็กกว่ารุ่นใหม่) และใช้ชิปตัวเดียวกันกับสองรุ่นด้านบนคือ A12 Bionic และยังคงมี Touch ID ที่หน้าจอเหมือนกัน รวมไปถึงการรองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 1) และใช้ได้เพียงคีย์บอร์ด Bluetooth เท่านั้น
ส่วนกล้องหน้าและกล้องหลังของรุ่นนี้จะมีสเปคพอๆ กับ iPad Air 3 เลยถ้าเปรียบเทียบ iPad กันหรือจะบอกว่าเหมือนกันเลยก็ว่าได้ คือกล้องหน้าแบบ FaceTime HD 7MP ถ่ายรูปได้ระดับ HDR อัตโนมัติ รวมไปถึงกล้องหลังที่เป็นเลนส์ไวด์ 8MP ที่ถ่ายได้ระดับ HDR อัตโนมัติและถ่ายวิดีโอได้สูงสุดได้ระดับ HD เหมือนกันหมดเลย โดยรวมแล้วก็เหมือนเป็น iPad Air 3 ที่เครื่องเล็กลงมา พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกกว่า แต่ก็ยังไม่ได้รองรับ Keyboard เหมือนรุ่นอื่นๆ เขา ถ้าเอามาใช้ดูหนัง หรือว่าเล่นเกม ไม่ก็ใช้จดบันทึกในการเรียนออนไลน์ก็ยังพอไหวอยู่เหมือนกัน
เปรียบเทียบ iPad ราคา iPad mini 5
- Wi-Fi
- 64GB ราคาประมาณ 13,000 บาทขึ้นไป
- 256GB ราคาประมาณ 18,000 บาทขึ้นไป
- Wi-Fi + Cellular
- 64GB ราคาประมาณ 16,000 บาทขึ้นไป
- 256GB ราคาประมาณ 18,000 บาทขึ้นไป
**ราคา iPad mini 5 ยังมีขายมือหนึ่งอยู่บนร้านค้าออนไลน์ หรือร้านค้า IT ชั้นนำ**
สเปค iPad Pro 2020
มาถึงการเปรียบเทียบ iPad แต่ละรุ่นในรุ่นสุดท้ายของวันนี้กันแล้วกับตัว iPad Pro 2020 ที่ปล่อยออกมา 2 ขนาดเช่นกันคือหน้าจอ 11 นิ้วและ 12.9 นิ้ว แต่ว่าทั้งสองตัวนี้จะมีสเปคที่เหมือนกันทั้งหมด ต่างกันเพียงขนาดหน้าจอเท่านั้น จะไม่เหมือนกับ iPad Pro 2021 ที่มีสเปคต่างกันด้วย แต่ถ้าจะเทียบเจนฯ กันแน่นอนว่ายังคงต้องตอบว่ารุ่นใหม่เทพกว่าเยอะแน่นอน แต่ถ้าเทียบในรุ่นต่ำลงมา 1 รุ่นของตระกูล iPad ทั้ง 3 รุ่นด้านบนรุ่นนี้ยังคงใช้งานได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อหรือว่างานทางด้านกราฟิกหนักๆ ก็ยังคงพอไหวอยู่เหมือนกัน โดยหน้าจอของทั้งสองรุ่นจะเป็น Liquid Retina พร้อมเทคโนโลยี ProMotion และแสดงผลแบบ True Tone เหมือนกันและยังได้ชิปตัวแรงอย่าง A12Z Bionic ที่มาช่วยเสริมให้รุ่นนี้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนกล้องหลังของทั้งสองรุ่นจะเป็นกล้อง 2 ตัวที่ความละเอียดกล้องไวด์ 12MP และกล้องอัลตร้าไวด์ 10MP พร้อมกับสแกนเนอร์ LiDAR ที่มีประสิทธิภาพเกือบจะพอๆ กับตัวใหม่เลย ต่างกันแค่รุ่นเก่านี้ถ่ายรูปได้แค่ระดับ HDR อัจฉริยะเท่านั้น แต่อย่างน้อยก็ถ่ายวิดีโอได้ถึงระดับ 4K แล้ว ส่วนกล้องหน้าจะเป็นกล้อง TrueDepth 7MP คล้ายๆ กับรุ่นเจนฯ เก่าตัวเดียวกัน ที่สำคัญก็คือรุ่นนี้รองรับ Face ID และรองรับพอร์ตแบบ USB-C เรียบร้อยแล้ว โดยรวมแล้วเหมาะกับการใช้งานในแบบโปรได้อยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ยังไม่ได้เท่ารุ่นใหม่ ถ้าจะซื้อมาตัดต่อหรือทำงานด้านกราฟิก ออกแบบผลงานก็ยังทำได้ดีอย่างแน่นอนแทบจะไม่ต้องไปเปรียบเทียบ iPad รุ่นไหนเลย
ราคา iPad Pro 2020
เปรียบเทียบ iPad Pro 2020 รุ่น 11 นิ้ว
- Wi-Fi
- 128GB ราคาประมาณ 18,000 บาทขึ้นไป
- 256GB ราคาประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป
- 512GB ราคาประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป
- 1TB ราคาประมาณ 25,000 บาทขึ้นไป
- Wi-Fi + Cellular
- 128GB ราคาประมาณ 27,000 บาทขึ้นไป
- 256GB ราคาประมาณ 31,000 บาทขึ้นไป
- 512GB ราคาประมาณ 42,000 บาทขึ้นไป
- 1TB ราคาประมาณ 49,000 บาทขึ้นไป
เปรียบเทียบ iPad Pro 2020 รุ่น 12.9 นิ้ว
- Wi-Fi
- 128GB ราคาประมาณ 18,000 บาทขึ้นไป
- 256GB ราคาประมาณ 22,000 บาทขึ้นไป
- 512GB ราคาประมาณ 24,000 บาทขึ้นไป
- 1TB ราคาประมาณ 25,000 บาทขึ้นไป
- Wi-Fi + Cellular
- 128GB ราคาประมาณ 39,000 บาทขึ้นไป
- 256GB ราคาประมาณ 40,000 บาทขึ้นไป
- 512GB ราคาประมาณ 45,000 บาทขึ้นไป
- 1TB ราคาประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป
**ราคา iPad Pro 2020 ยังมีขายมือหนึ่งอยู่บนร้านค้าออนไลน์ หรือร้านค้า IT ชั้นนำในบางรุ่น**
สรุปการเปรียบเทียบ iPad
จากการเปรียบเทียบ iPad แต่ละรุ่นตั้งแต่การเปรียบเทียบ iPad รุ่นใหม่ๆ กับรุ่นเก่าทั้ง iPad, iPad Air, iPad mini และ iPad Pro นั้น เราขอสรุปโดยแบ่งเป็นรุ่นใหม่ก่อน สำหรับ iPad 9th นั้นจะเหมาะกับคนที่ต้องการใช้งาน iPad แบบเริ่มต้น ที่ไม่ได้เน้นการใช้ฟีเจอร์มากเท่าไหร่นัก หรือพูดง่ายๆ ก็คือการใช้งานแบบทั่วไป ใช้จดบันทึก ดูหนัง หรือว่าเรียนออนไลน์ได้ในราคาที่ไม่แพงมาก ถือว่าถูกที่สุดในรุ่นแล้วก็ว่าได้ ส่วนใครที่อยากจะอัพเกรดขึ้นมาหน่อย ให้ลองดูว่าเราชอบแบบเครื่องเล็กหรือเครื่องหน้าจอใหญ่ ที่สำคัญคือจะใช้ทำงานในด้านไหน เพราะว่าถ้าเน้นไปทางด้านการพิมพ์ เขียนคอนเทนต์หรือจำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดในการทำงานแนะนำว่าควรซื้อ iPad Air 4 จะเหมาะสมกว่า แต่ถ้าเน้นเครื่องเล็กพกพาง่ายแต่ได้สเปคแรงๆ แนะนำว่าให้ซื้อ iPad mini 6 ไปเลยก็คุ้มอยู่เหมือนกัน เพราะว่าราคาทั้งสองตัวนี้ไม่ห่างกันมาก ขึ้นอยู่กับการใช้งานของตัวเองเป็นหลัก
แต่สำหรับใครที่เป็นสายกราฟิกหรือนักออกแบบ รวมไปถึงสายอาชีพที่ต้องการตัดต่อวิดีโอเป็นหลัก แนะนำว่าให้ซื้อ iPad Pro 2021 ที่งบถึงๆ หน่อยก็จัดตังสเปค 12.9 นิ้วไปเลย แต่ถ้ากลัวมันจะใหญ่เทอะทะเกินไป จะลดสเปคมาใช้งานตัว 11 นิ้วก็มีสเปคต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนรุ่นเก่าที่ต่างเจนฯ ลงมาทั้ง 4 รุ่นนั้นจริงๆ แต่ละรุ่นก็ค่อนข้างหาซื้อพอสมควรเลย ส่วนใหญ่จะเป็นมือสองที่เอามาวางขายกัน ซึ่งคุณสมบัติและสเปคในการใช้งานนั้น ถ้าจะใช้แบบทั่วไปหรือทำงานปกติก็สามารถเลือกซื้อตัว iPad 8th, iPad Air3 หรือ iPad mini 5 ก็ได้ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความชอบ แต่ถ้าจะใช้งานที่หนักกว่าปกติแนะนำว่าให้ลองหา iPad Pro 2020 มาใช้งานดูก็ได้เหมือนกัน เพราะยังคงมีสเปคที่เร็วแรงและใช้งานได้ดีเยี่ยมอยู่เหมือนเดิม แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ