ในปัจจุบันนี้มือถือเรือธงมีการแข่งขันกันพอสมควร ทำให้สเปคออกมาค่อนข้างจะคล้ายๆ กัน ทำให้จุดแตกต่างหลักๆ ไปลงที่กล้องเสียมากกว่า วันนี้เราเลยจะมาแนะนำมือถือเรือธงน่าซื้อของปี 2564 ให้กับเพื่อนๆ กัน ซึ่งในบทความนี้จะมีรุ่นใหม่ล่าสุดที่ยังไม่ได้วางขายในจังหวะที่เขียนบทความนี้ขึ้นด้วย (แต่ก็น่าจะวางขายในอีกไม่กี่วัน)
- แนะนำ 5 มือถือเรือธงที่น่าสนใจ
- เทียบสเปคมือถือเรือธงทั้ง 5 เครื่อง
- สรุปมือถือเรือธงทั้ง 5 เครื่อง ตัวไหนน่าสนใจกว่ากัน
แนะนำ 5 มือถือเรือธงที่น่าสนใจ
1. Apple iPhone 13 Pro / Pro Max
iPhone 13 Pro / Pro Max มือถือเรือธงตัวล่าสุดของ Apple ที่พึ่งจะเปิดตัวไปหมาดๆ มาพร้อมชิปประมวลผลที่แรงที่สุดในตอนนี้อย่าง Apple A15 Bionic และระบบกันสั่น Sensor-Shift OIS ที่ช่วนลดการสั่นไหวของภาพได้อย่างมาก โดยในคราวนี้ Apple ทำการใส่ Sensor-Shift OIS ให้กับ iPhone ทุกรุ่นเลย อีกทั้งยังทำการเพิ่มปริมาณแบตเตอรี่ของ iPhone ให้เยอะขึ้นเพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วย
นอกเหนือจากสิ่งที่เพิ่มมาใหม่แล้ว สิ่งที่ iPhone ในรุ่น Pro นั้นค่อนข้างได้เปรียบมือถือรุ่นอื่นๆ เลยก็คือ LiDAR Scanner ที่เป็นเซ็นเซอร์แบบ 3D ถูกเอามาใช้ร่วมกับการถ่ายภาพ / บันทึกวิดีโอ พร้อมทั้งยังถูกนำไปใช้กับการวัดระยะต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งในด้านการถ่ายภาพนั้น LiDAR จะช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลหรือการถ่ายภาพแบบละลายหลังทำได้แม่นยำและเนียนตาขึ้น ส่วนในด้านการบันทึกวิดีโอนั้นจะช่วยให้การโฟกัสมีความลื่นไหลมากขึ้น และยังสามารถใช้ในสภาพแสงน้อยได้อีกด้วย
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ : Super Retina XDR, ProMotion 120Hz
- รุ่น Pro : ขนาด 6.1 นิ้ว
- รุ่น Pro Max : ขนาด 6.7 นิ้ว
- ชิปประมวลผล : Apple A15 Bionic
- แรม / หน่วยความจำ : 6GB / 128GB, 6GB / 256GB, 6GB / 512GB, 6GB / 1TB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 12 MP f/1.5 (wide) + sensor-shift stabilization (IBIS)
- ตัวที่ 2: 12 MP f/2.8 (telephoto) 3x Optical Zoom + OIS
- ตัวที่ 3: 12 MP f/1.8 (ultrawide)
- ตัวที่ 4: LiDAR scanner
- กล้องหน้า : 12 MP f/2.2 (wide)
- แบตเตอรี่ : รองรับชาร์จเร็ว 20W
- รุ่น Pro : ขนาด 3,150 mAh (ยังไม่ยืนยันแน่นอน)
- รุ่น Pro Max : ขนาด 4,352 mAh (ยังไม่ยืนยันแน่นอน)
ราคาเริ่มต้น : 38,900 บาท สำหรับรุ่น Pro และ 42,900 บาท สำหรับรุ่น Pro Max
สเปคเต็ม (iPhone 13 Pro) / สเปคเต็ม (iPhone 13 Pro Max) / รีวิว
2. OPPO Find X3 Pro
OPPO Find X3 Pro มือถือเรือธงของ OPPO ที่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม เป็นมือถือที่เรียกได้ว่าน่าสนใจและเป็นจุดเริ่มต้นของการใส่หน้าจอพันล้านสีลงในมือถือเลยก็ว่าได้ แถมด้วยการที่หน้าจอสามารถแสดงสีได้มากมาย ทำให้สามารถปรับค่าสีให้ตรงกับสายตาคนใช้ได้ด้วย (ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากกับคนที่ตาบอดสี) นอกจากนี้ด้วยการที่มีหน้าจอที่สามารถแสดงผลสีได้ถึงพันล้านสี ก็จำเป็นต้องมีกล้องที่สามารถบันทึกภาพได้พันล้านสีเช่นกัน ซึ่งทาง OPPO ก็จัดเต็มให้ด้วยการใส่กล้องหลักความละเอียด 50 MP มาให้ถึง 2 เลนส์ ประกอบไปด้วยเลนส์ wide และ ultrawide ซึ่งตัวเลนส์ ultrawide นี้จะสามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้แล้วยังสามารถถ่ายภาแบบมาโครได้อีกด้วย
ส่วนเลนส์ตัวที่ 3 นั้นก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจาก OPPO ใส่เลนส์แบบแหวกแนวไม่เหมือนใครมาให้ นั่นก็คือเลนส์ micro ที่มีความละเอียด 3 MP โดยตัวเลนส์นี้จะทำงานแตกต่างจากเลนส์ macro ปกติ ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือตัวเลนส์นี้ทำหน้าที่เหมือนกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขาย 60 เท่านั่นเอง แถมบริเวณรอบเลนส์ยังมีหลอดไฟ LED แบบวงแหวนมาช่วยส่องสว่างให้ด้วย ทำให้สามารถเอาไปถ่ายจอติดกับวัตถุได้
ด้วยการที่ Find X3 Pro ตัวนี้มีกล้องมากความสามารถก็จำเป็นต้องมีโหมดกล้องมากความสามารถด้วยเช่นกันอย่าง AI Highlight Video เป็นการนำ AI ที่ปกติจะถูกใช้ในการประมวลผลภาพถ่าย มาใช้ประมวลผลวิดีโอ สามารถเปิด HDR, โหมดกลางคืน, ซูมเสียง และ Ultra Steady Stabilization ได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถตรวจจับฉากต่างๆ ได้
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว มีอัตรารีเฟรช 120Hz แบบไดนามิก รองรับการแสดงผลแบบ 10-bit
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 888 5G
- แรม / หน่วยความจำ : 12GB / 256GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 50 MP f/1.7 (wide), Laser AF, OIS
- ตัวที่ 2: 50 MP f/2.2 (ultrawide)
- ตัวที่ 3: 13 MP f/3.0 (periscope telephoto)
- ตัวที่ 4: 3 MP (micro)
- กล้องหน้า : 32 MP f/2.4
- แบตเตอรี่ : 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0
ราคา : 33,990 บาท
3. Samsung Galaxy S21 Ultra 5G
Samsung Galaxy S21 Ultra 5G มือถือเรือธงรุ่นเดียวในปี 2021 ของ Samsung ซึ่งคราวนี้ Samsung จับเอาจุดเด่นของมือถือเรือธงทั้ง 2 ตระกูลอย่าง S และ Note มาผสมเอาไว้ในเครื่องเดียว (แต่ก็ต้องจ่ายเพิ่มอะนะเพื่อที่จะได้ใช้ฟีเจอร์ของ Note) ไม่ว่าจะเป็นกล้องความละเอียดสูง, การรองรับ S Pen, การเชื่อมต่อรุ่นใหม่ล่าสุด และชิปประมวลผลที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากรุ่นก่อนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ร้อนน้อยลง และเพื่อการประหยัดพลังงานสำหรับคนที่ต้องการหน้าจอลื่นๆ ก็ได้มีการใส่ฟีเจอร์ Adaptive Display ที่จะช่วยปรับอัตรารีเฟรชให้เข้ากับการใช้งานในขณะนั้น ซึ่งอัตรารีเฟรชจะอยู่ในช่วง 10 – 120Hz
ในเรื่องของกล้องถ่ายภาพนั้นก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยเลนส์หลักความละเอียด 108MP ที่สามารถถ่ายภาพแบบความละเอียดเต็มได้ และด้วยเทคโนโลยี Nona Super-PD ทำให้ภาพที่ได้นั้นมีความสว่างมากขึ้น Noise น้อยลง และสามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังสามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดถึง 8K ด้วย แถมในระหว่างบันทึกก็สามารถถ่ายภาพออกมาเป็นช็อตที่มีความละเอียด 33 MP ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีเลนส์ telephoto ที่ค่อนข้างน่าสนใจด้วยเนื่องจากทาง Samsung ต้องการให้เครื่องสามารถถ่ายภาพแบบซูมระยะไกลให้มีรายละเอียดมากที่สุด จึงได้ทำการใส่เลนส์ telephoto มาถึง 2 ตัว โดยตัวหนึ่งจะเป็นเบนส์ซูมระยะใกล้ อีกตัวเป็นเลนส์ซูมระยะไกล ซึ่งระยะซูมสูงสุดที่ตัวเครื่องสามารถทำได้คือ 100 เท่า (Spacezoom) ซึ่งการซูมขนาดนั้นจะเป็นการซูมแบบ Hybrid
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว มีอัตรารีเฟรช 120Hz แบบ Adaptive Display
- ชิปประมวลผล : Samsung Exynos 2100
- แรม / หน่วยความจำ : 12GB / 128GB, 12GB / 256GB, 16G / 512GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 108 MP (2nd gen) f/1.8 (wide)
- ตัวที่ 2: 10 MP f/4.9 (periscope telephoto), Optical Zoom 10x
- ตัวที่ 3: 10 MP f/2.4 (telephoto), Optical Zoom 3x
- ตัวที่ 4: 12 MP f/2.2 (ultrawide)
- กล้องหน้า : 40 MP f/2.2
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 45W
ราคาเริ่มต้น : 39,900 บาท
4. Sony Xperia 1 III
Sony Xperia 1 III มือถือเรือธงตัวล่าสุดของ Sony ที่ออกมาพร้อมจัดเต็มด้านเทคโนโลยีต่างๆ จนคุ้มกับเงิน 40,000 บาทที่ต้องจ่ายไปเลย โดยเฉพาะหน้าจอแสดงผลและกล้องที่ใส่มาในเครื่องนั้นมีความโดดเด่นจนเรื่องอื่นเป้นเรื่องเล็กน้อยไปเลย สำหรับหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว อัตราส่วน 21:9 แบบที่ใช้มาหลายรุ่นแล้ว แต่ที่น่าสนใจคือตัวหน้าจอสามารถแสดวงผลสีได้ถึงพันล้านสี, มีอัตรารีเฟรชที่ 120Hz พร้อมด้วย Touch Sampling Rate 240Hz และมีเทคโนโลยี Motion Blur Reduction 240Hz ที่ช่วยลดความเบลอของภาพที่เคลื่อนไหวรวดเร็วได้ นอกจากนี้ยังมี Video image enhancement ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงผลวีดีโอได้ (เฉพาะแอพที่รองรับเท่านั้นนะ)
ในส่วนของกล้องนั้นจะมีทั้งหมด 4 เลนส์เป็นเลนส์ความละเอียด 12 MP ทั้งหมด 3 เลนส์ และเลนส์ 3D ToF โดยเลนส์ 12 MP ทั้ง 3 เลนส์นี้จะประกอบไปด้วยเลนส์หลัก, เลนส์ ultrawide และเลนส์ telephoto Optical zoom 4.4 เท่า ซึ่งถ้ามองเผินๆ ก็ไม่น่าแปลกอะไร แต่ทว่าทั้ง 3 เลนส์ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS ทั้งหมด และยังเคลือบผิวเลนส์ด้วย ZEISS T* Coating ซึ่งจะช่วยลดแสงสะท้อนบนหน้าเลนส์ ทำให้ภาพที่ได้ออกมาดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ด้วยการพัฒนาร่วมกับทีมวิศวกรจากทีมกล้อง Alpha Series ทำให้มีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่รวดเร็วและแม่นยำ มีทั้ง Real-time Eye AF ที่จับโฟกัสดวงตาได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ มี Real-time Tracking และ AF ที่มีการล็อคเป้าติดตามความเคลื่อนไหวของแบบได้ต่อเนื่องและรวดเร็วแม่นยำ และสามารถรัวชัตเตอร์ต่อเนื่องได้ 20 เฟรมต่อวินาที พร้อมลด Noise เวลาถ่ายในที่แสงน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะชิปประมวลผลภาพอย่าง BIONZ X ทำให้ Xperia 1 III แทบจะเรียกได้ว่าเป็นกล้องมากกว่ามือถือแล้ว
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ : OLED ขนาด 6.5 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอ 21:9 มีอัตรารีเฟรช 120Hz Touch-sampling Rate 240Hz และ Motion Blur Reduction 240Hz
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 888 5G
- แรม / หน่วยความจำ : 12GB / 256GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 12 MP f/1.7 (wide)
- ตัวที่ 2: 12 MP f/2.3, 70mm (telephoto), f/2.8, 105mm (telephoto)
- ตัวที่ 3: 12 MP f/2.2, 124˚ (ultrawide)
- ตัวที่ 4: 0.3 MP TOF 3D
- กล้องหน้า : 8 MP f/2.0
- แบตเตอรี่ : 4,500 mAh รองรับระบบชาร็จเร็ว 30W
ราคา : 42,990 บาท
สเปคเต็ม / รีวิว
5. Xiaomi 11T Pro
Xiaomi 11T Pro มือถือตัวเทพรุ่นใหม่ของ Xiaomi ที่พึ่งเปิดตัวไปหมาดๆ และกำลังเตรียมเปิดตัวในไทยในเร็วๆ นี้ (ในตอนที่เขียนยบทความนี้ยังไม่เปิดตัวในไทยนะ) ซึ่งในด้านสเปคนั้นก็จัดเต็มมาเหมือนเดิม พร้อมด้วยสิ่งที่หลายๆ คนเรียกร้องอย่างหน้าจอ AMOLED ก็มาด้วยเช่นกัน และด้วยการที่ได้หน้าจอ AMOLED แบบ TrueColor มาทำให้ทำให้การแสดงผลแบบ Dilby Vision ด้วย อีกทั้งยังมีการใส่ AdaptiveSync มาด้วย ทำให้ปรับอัตรารีเฟรชได้ตามการใช้งานจริง (สูงสุด 120Hz) และในเมื่อได้หน้าจอดีแล้วก็ต้องมีระบบเสียงดีด้วย โดยลำโพงคู่ที่มีนั้นได้รับการปรับแต่งโดย Harman Kardon และมีระบบเสียงแบบ Dolby Atmos มาช่วยเพิ่มมิติของเสียงให้อีกด้วย
ทางด้านกล้องเองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยกล้องหลักความละเอียด 108 MP ที่สามารถบันทึกวิดีโอแบบ HDR10+ ได้ และเลนส์ telemacro ที่สามารถทำได้ทั้งซูมภาพและถ่ายภาพระยะใกล้ได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การบันทึกวิดีโอดูมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยไม่ว่าจะเป็น Magic Zoom ที่จะทำการซูมภาพพื้นหลังให้เข้ามาในขณะที่วัตถุด้านหน้ายังอยู่ที่เดิม และยังมี Audio Zoom ที่จะทำการขยายเสียงในบริเวณที่ซูมภาพเข้าไป ไม่ใช่แค่ซูมภาพอย่างเดียวแล้วเก็บเสียงจากรอบเครื่อง อีกสิ่งที่น่าสนใจที่ทำให้ดูล้ำกว่าใครเลยก็คือระบบชาร์จเร็วขนาด 120W ที่ Xiaomi ใส่เข้ามา เพราะนอกจากจะใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ได้ใน 17 นาทีแล้ว ยังมี Charge Cycle ถึง 800 Cycle ทำให้ตัวแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว มีอัตรารีเฟรช 120Hz
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 888 5G
- แรม / หน่วยความจำ : 8GB / 128GB, 8GB / 256GB, 12GB / 256GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 108 MP f/1.8 (wide)
- ตัวที่ 2: 8 MP f/2.2 (ultrawide)
- ตัวที่ 3: 5 MP f/2.4 (telephoto macro)
- กล้องหน้า : 16 MP f/2.5
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 120W
ราคา : ยังไม่เปิดตัวในไทย
สเปคเต็ม / รีวิว
เทียบสเปคมือถือเรือธงทั้ง 5 เครื่อง
iPhone 13 Pro / Pro Max | OPPO Find X3 Pro | Samsung Galaxy S21 Ultra 5G | Sony Xperia 1 III | Xiaomi 11T Pro | |
---|---|---|---|---|---|
ขนาด | 146.7 x 71.5 x 7.7 มม. (Pro) 160.8 x 78.1 x 7.7 มม. (Pro Max) | 163.4 x 74.0 x 8.3 มม. | 165.1 x 75.6 x 8.9 มม. | 165.0 x 71.0 x 8.2 มม. | 164.1 x 76.9 x 8.8 มม. |
น้ำหนัก | 204 กรัม (Pro) 240 กรัม (Pro Max) | 193 กรัม | 227 กรัม | 186 กรัม | 203 กรัม |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 15 | ColorOS 11.2 (Android 11) | OneUI 3.1 (Android 11) | Android 11 | MIUI 12.5 (Android 11) |
หน้าจอ | Super Retina XDR (OLED) ขนาด 6.1 นิ้ว 2532 x 1170 พิกเซล (Pro) ขนาด 6.7 นิ้ว 2778 x 1274 พิกเซล (Pro Max) ProMotion 120Hz | AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว 3216 x 1440 พิกเซล อัตรารีเฟรช 120Hz 1B colors | Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว 3200 x 1440 พิกเซล อัตรารีเฟรช 120Hz | OLED ขนาด 6.5 นิ้ว 3840 x 1644 พิกเซล อัตรารีเฟรช 120Hz 1B colors | AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว 2400 x 1080 พิกเซล อัตรารีเฟรช 120Hz 1B colors |
ชิปประมวลผล | Apple A15 Bionic | Qualcomm Snapdragon 888 5G | Samsung Exynos 2100 | Qualcomm Snapdragon 888 5G | Qualcomm Snapdragon 888 5G |
แรม / หน่วยความจำ | 6GB / 128GB 6GB / 256GB 6GB / 512GB 6GB / 1TB | 12GB / 256GB | 12GB / 128GB 12GB / 256GB 16GB / 512GB | 12GB / 256GB | 8GB / 128GB 8GB / 256GB 12GB / 256GB |
กล้องหลัง | 12 MP f/1.5 (wide) + Sensor-Shift OIS 12 MP f/2.8 (telephoto) 12 MP f/1.8 (ultrawide) LiDAR Scanner | 50 MP f/1.7 (wide) 13 MP f/3.0 (periscope telephoto) 50 MP f/2.2 (ultrawide) 3 MP f/3.0 (microscope) | 108 MP f/1.8 (wide) 10 MP f/4.9 (periscope telephoto) 10 MP f/2.4 (telephoto) 12 MP f/2.2 (ultrawide) | 12 MP f/1.7 (wide) 12 MP f/2.3 + f/2.8 (telephoto) 12 MP f/2.2 (ultrawide) 3D ToF | 108 MP f/1.8 (wide) 8 MP f/2.2 (ultrawide) 5 MP f/2.4 (telemarco) |
กล้องหน้า | 12 MP f/2.2 | 32 MP f/2.4 | 40 MP f/2.2 | 8 MP f/2.0 | 16 MP f/2.5 |
แบตเตอรี่ | 3,150 mAh (Pro) 4,352 mAh (Pro Max) รองรับชาร์จเร็ว 20W | 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 | 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W | 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W | 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 120W |
ราคา | 38,900 บาท (Pro) 42,900 บาท (Pro Max) (ราคาเริ่มต้น) | 33,990 บาท | 39,900 บาท (ราคาเริ่มต้น) | 42,900 บาท | ยังไม่เปิดตัวในไทย |
สรุปมือถือเรือธงทั้ง 5 เครื่อง ตัวไหนน่าสนใจกว่ากัน
สรุปมือถือเรือธงทั้ง 5 เครื่องตัวไหนน่าโดนสุดนั้นนาทีนี้ยังไงก็ต้องยกให้กับ Xiaomi 11T Pro ผู้มาพร้อมกับสเปคสุดคุ้มที่ถึงแม้จะยังไม่รู้ราคาขาย แต่ถ้าอิงจากรุ่นก่อนอย่าง Xiaomi Mi 10T Pro แล้วยังไงราคาก็ไม่น่าเกิน 20,000 บาทแน่นอน และนั่นทำให้กลายเป็นเรือธงสเปคแรงที่ราคาถูกที่สุดเลย นอกจากนี้ถึงแม้ราคาจะถูกกว่าใครแต่สเปคก็ไม่น้อยหน้าเลย
สำหรับใครที่ชื่อชอบการถ่ายรูปแล้วตอนนี้ผมอยากแนะนำ Sony Xperia 1 III ที่สุดแล้ว ด้วยเซ็นเซอร์ Exmor RS ทุกเลนส์ ทั้งยังได้รับการพัฒนาร่วมกับทีมวิศวกรของกล้อง Sony ซีรี่ส์ Alpha ที่เป็นกล้องถ่ายรูประดับเรือธงของ Sony อีกด้วย ทำให้ภาพที่ได้นั้นออกมาเหมือนใช้กล้อง DSLR ถ่ายเลยทีเดียว อีกตัวที่มีกล้องน่าสนใจก็คือ OPPO Find X3 Pro ที่มาพร้อมกล้องความละเอียด 50 MP ทั้งเลนส์หลักและเลนส์ ultrawide นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit แท้ๆ ได้อีกด้วย แถมยังมีกล้อง micro สำหรับใช้ส่องของที่ต้องการกำลังขยายสูงๆ ได้ด้วย
แต่ถ้าใครชื่นชอบการถ่ายภาพระยะไกลแล้วยังไงก็ต้อง Samsung Galaxy S21 Ultra 5G ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Spacezoom ทำให้สามารถซูมได้ถึง 100 เท่า จนสามารถถ่ายภาพดวงจันทร์ดวงโตๆ ได้เลย นอกจากนี้ S21 Ultra 5G ยังสามารถถ่ายภาพที่ความละเอียด 108 MP ได้เต็มความละเอียดอีกด้วย (ปกติถึงจะมีความละเอียดสูง แต่ภาพจะถูกแบ่งความละเอียดแล้วทำการถ่ายภาพเดียวกันซ้ำๆ เพื่อนำมาซ้อนให้ได้รายละเอียดที่ดีขึ้นแทน)
ท้ายที่สุดนี้สำหรับ iPhone 13 Pro / Pro Max นั้นคือมือถือสำหรับคนที่ต้องการความโปรเพื่อใช้งานแบบมืออาชีพ หรือต้องการมือถือที่มีระบบปฏิบัติการที่มีความสเถียรและมีการอัพเดตระบบเป็นระยะเวลานานๆ iPhone ก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะเงื่อนไขในการอัพเดต iOS จะอยู่ที่ขนาดของแรม (ในปัจจุบันนี้ขั้นต่ำคือต้องมีแรม 2GB)