รวมโปร iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก Apple AIS True dtac
ถ้าพูดถึงอุปกรณ์ที่ช่วยในการเรียน หรือการทำงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี สิ่งหนึ่งนอกเหนือไปจากคอมฯ หรือมือถือนั้นก็คือแท็ปเล็ต ที่ถือว่าเป็นเหมือนคอมฯ และมือถือรวมเข้ามาอยู่ด้วยกัน แถมยังมีความสามารถในการทำงานได้อย่างหลากหลาย พกพาง่าย หยิบไปทำงานสะดวกทุกที่ จะใช้งานเพื่อเรียนออนไลน์ หรือว่าจะใช้ทำงานด้านการออกแบบ จดบันทึก และยังทำได้อีกหลายอย่างก็สามารถทำได้ง่ายๆ บนแท็ปเล็ตตัวเดียว และก็แน่นอนว่าแท็ปเล็ตที่เป็นที่พูดถึง และได้รับความนิยมค่อนข้างสูง ก็คงจะหนีไม่พ้น iPad จากทาง Apple ที่ได้พัฒนาออกมาหลายรุ่นหลายรูปแบบ เพื่อให้เข้ากับการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ทั้ง iPad Air, iPad Pro, iPad mini หรือ iPad ตัวธรรมดาก็ตาม ซึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมในด้านการใช้งานที่เบาบาง และมีสเปคกลางๆ ในราคาที่ไม่สูงมาก ก็คงจะเป็นรุ่น iPad Air ที่มีรุ่นใหม่ออกมาปี 2020 เป็นตัวที่ 4 นั่นเอง สำหรับคนที่กำลังมองหา iPad Air 4 อยู่และอยากจะรู้ราคาล่าสุดจากค่ายต่างๆ เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมารวบรวมโปร iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก Apple, AIS, Truemove H และ dtac มาฝากกัน มาดูว่าซื้อที่ไหนดีคุ้มกว่ากัน
- iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก Apple
- iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก AIS
- iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก Truemove H
- iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก dtac
- สรุป
สเปคของ iPad Air 4 (2020)
ก่อนจะไปดูโปรโมชั่น iPad Air 4 ราคาจากค่ายต่างๆ นั้น เรามาทำความรู้จักกับสเปคคร่าวๆ ของ iPad Air 4 กันก่อนว่ามีอะไรน่าสนใจ และมีความน่าใช้งานแค่ไหนบ้าง อย่างแรกเลยก็คือการดีไซน์ของรุ่นนี้ ที่ยังคงมีความบางเบาเหมือนเดิม ถ้ามองเผินๆ ก็จะมีความคล้ายกันกับ iPad Pro ในรุ่นปี 2018 เลย (ดูราคา iPad Pro 2021 ล่าสุด และเปรียบเทียบรุ่นต่างๆ ที่นี่) ที่มีกล้องด้านหลังเหมือนกัน และให้ความรู้สึกที่คล้ายๆ กันในการใช้งานด้วย ซึ่งรุ่นนี้ตัวเครื่องจะเป็นเหลี่ยมๆ แต่จับได้ถนัดมือเหมือนเดิม ส่วนสีก็จะมีมาให้เลือกทั้งหมด 5 สีคือ เงิน, เทาสเปซเกรย์, โรสโกลด์, เขียว และ สกายบลู
หน้าจอของรุ่นนี้ได้เพิ่มขนาดให้กว้างขึ้นกว่าในตัวที่ 3 นิดหน่อย คือขนาด 10.9 นิ้ว พร้อมกับได้เทคโนโลยี IPS และมีหน้าจอเป็นแบบ Liquid Retina ที่มี Multi Touch แบ็คไลท์แบบ LED ทำให้หน้าจอมีสีสันคมชัดสมจริง ใช้งานได้เต็มตาเต็มจอด้วยขนาดความกว้างที่พอดีๆ ส่วนการปลดล็อคจะใช้เป็น Touch ID mรวมกับปุ่มด้านบน ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังปรับความสว่างได้สูงสุดที่ 500 nits จะน้อยกว่าตัว Pro เล็กน้อย แต่ก็มี Full Lamination, เคลือบสารกันรอยนิ้วมือ, หน้าจอ True Tone และขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 เหมือนรุ่น Pro เลย ที่สำคัญคือตัวนี้ได้ถูกตัด ProMotion ออกไป ทำให้อัตรา Refresh Rate หน้าจอจะได้แค่ 60Hz ซึ่งมีผลเล็กน้อยกับการปัดหน้าจอ และการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil 2 แต่ถ้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรมากนัก
เรื่องความเร็วแรงในการใช้งาน ถึงแม้ว่าจะไปเทียบชั้นกับตัว Pro รุ่นใหม่ล่าสุดไม่ได้ แต่ก็ต่างเวอร์ชันกันแค่รุ่นเดียวเท่านั้น นั่นก็คือชิปของรุ่น iPad Air 4 นี้จะใช้เป็นชิป Apple A14 Bionic พร้อมสถาปัตยกรรม 64 บิต แบบ Neural Engine จึงทำให้ iPad Air ตัวนี้มีประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นในหลายๆ ด้าน ทั้งความเร็วแรงในการใช้งาน รวมไปถึงประหยัดพลังงานที่มากขึ้น ทำให้แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรื่องกราฟิกก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าสามารถเรนเดอร์วัตถุ 3D หรือเล่นเกมได้ไหลลื่นแน่นอน ถึงแม้ว่าจะปรับสุดก็ตาม ตัดต่อวิดีโอก็ได้ถึง 4K ก็เรียกได้ว่าเหมือนมีคอมฯ เครื่องเล็กมาใช้งานอยู่บนมือเลยนั่นแหละ ความจุของรุ่นนี้จะมีอยู่ 2 แบบคือ 64GB และ 256GB รองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) และ Magic Keyboard ได้ทั้งหมด รวมไปถึง Smart Keyboard Folio ด้วย และในรุ่นนี้ก็สามารถเชื่อมต่อด้วย USB-C ได้แล้วเช่นกัน
ปิดท้ายกันด้วยสเปคกล้องที่พูดตามตรง ก็เหมือนจะไม่ได้เน้นตรงจุดนี้มากเท่าไหร่นัก เพราะว่ากล้องหลังมีมาให้เพียงตัวเดียว เป็นกล้องเลนส์ไวลด์ที่ความละเอียด 12MP มี HDR อัจฉริยะ 3 สำหรับภาพถ่าย และถ่ายแบบ Live Photos พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวและออโต้โฟกัสด้วย Focus Pixels ถ่ายแบบทั่วไปได้สบายๆ หายห่วง แต่ก็ยังสามารถถ่ายวิดีโอได้ถึงระดับ 4K ที่ 24 fps หรือจะถ่ายที่ระดับ HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps ก็ยังไหว ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 7MP ถ่าย Live Photos หรือจะถ่ายทั่วไปก็ได้ ถ้าจะใช้งานเพื่อวิดีโอคอลทำงานประชุม หรือเรียนออนไลน์ก็ได้ดีเยี่ยมแน่นอน ใครที่กำลังมองหา iPad รุ่นที่มีราคากลางๆ และสเปคที่ครบครัน ตัวนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากตัวหนึ่งเลยกับ iPad Air 4
iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก Apple
สำหรับราคาของ Apple นั้น จะเป็นราคาเครื่องเปล่าแบบราคาเต็ม แต่ถ้าใครที่ใช้สิทธินักศึกษา จะได้ราคาตัวเครื่องที่ถูกลงไปอีก และในตอนนี้ก็มีโปรสำหรับมหาวิทยาลัยด้วยราคาส่งเสริมการศึกษา ก็จะได้ AirPods แถมไปเลยทันที นักเรียนนักศึกษาที่ต้องใช้งานบอกเลยว่าคุ้มมาก ส่วนราคาอุปกรณ์เสริมอย่าง Apple Pencil (รุ่นที่ 2) จะมีราคา 4,190 บาท และ Magic Keyboard ราคา 9,300 บาท เครื่องเปล่าของ iPad Air 4 ราคามีดังนี้
iPad Air 4 ราคาสำหรับนักศึกษา
รุ่น\ ความจุ | 64GB | 256GB |
iPad Air 4 WiFi | 18,300 บาท | 22,800 บาท |
iPad Air 4 WiFi + Cellular | 23,300 บาท | 27,800 บาท |
iPad Air 4 ราคาปกติ
รุ่น\ ความจุ | 64GB | 256GB |
iPad Air 4 WiFi | 19,900 บาท | 24,400 บาท |
iPad Air 4 WiFi + Cellular | 24,900 บาท | 29,400 บาท |
iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก AIS
มาเริ่มกันที่ค่ายโอเปอร์ค่ายแรกกันก่อนเลย ซึ่งในตอนนี้รุ่นที่วางขายและเหลืออยู่ จะไม่มีรุ่น iPad Air 4 WiFi ความจุ 64GB วางขายแล้ว แถมรุ่น WiFi ความจุ 256GB ก็เหลือแค่แบบราคาเต็มเท่านั้นแล้วด้วย ส่วนในรุ่นอื่นๆ นั้น ก็จะหลงเหลืออยู่แค่เพียงบางสี ใครที่สนใจจะซื้อพร้อมกับแพ็กเกจก็ต้องรีบหน่อยแล้ว ก่อนที่ของจะหมดไปเสียก่อน ใครที่ต้องการซื้อ iPad Air 4 กับทาง AIS พร้อมแพ็กเกจ จะต้องใช้เป็นแพ็กเกจ 5G Hot Deal NET XTreme ราคา 1099 บาท และจ่ายล่วงหน้า 2,675 บาทด้วย ซึ่งราคาที่เราจะมาบอกนี้เป็นราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจเลย ที่ต้องเปิดเบอร์ใหม่เท่านั้นนะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ มีราคาดังนี้
รุ่น\ ความจุ 64GB 256GB iPad Air 4 WiFi สินค้าหมด 24,900 บาท* iPad Air 4 WiFi + Cellular 16,900 บาท 21,900 บาท
iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก Truemove H
เช่นเดียวกันกับของทางฝั่ง Truemove H ที่ในตอนนี้รุ่น iPad Air 4 WiFi ทุกความจุนั้น ไม่มีวางขายแล้วบนช่องทางออนไลน์ แต่ถ้าหากไปหน้าร้านหรือศูนย์บริการก็ต้องสอบถามกันอีกครั้ง ส่วนในรุ่น WiFi + Cellular ก็จะหลงเหลืออยู่เพียงบางสีเท่านั้น อย่างเช่นความจุ 64GB จะเหลือแค่สี Silver ส่วนในรุ่นความจุ 256GB จะเหลือแค่สี Sky Blue กับ Rose Gold เท่านั้น ใครที่ต้องการซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจกับ Truemove H ก็ต้องรีบกันหน่อยเหมือนกัน โดยการใช้งานร่วมกับแพ็กเกจจะคุ้มที่สุดแล้ว เพราะจะได้ลดค่าเครื่อง และยังได้แพ็กเกจเน็ตไปใช้งานด้วย ซึ่งจะต้องใช้แพ็กเกจราคา 1,099 บาทขึ้นไป พร้อมกับจ่ายล่วงหน้าอีก 2,675 บาท โดยราคาที่เราเอามาบอกนี้ จะเป็นราคาเริ่มต้นพร้อมแพ็กเกจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ ส่วนราคาจะมีดังนี้
รุ่น\ ความจุ 64GB 256GB iPad Air 4 WiFi สินค้าหมด สินค้าหมด iPad Air 4 WiFi + Cellular 14,900 บาท 19,900 บาท
iPad Air 4 ราคาล่าสุดจาก dtac
มาถึงค่ายสุดท้าย และเหมือนจะเป็นค่ายเดียวของค่ายโอเปอร์เรเตอร์ทั้งหมด ที่ยังมีครบทุกรุ่นเลยด้วย แต่จะมีแค่เพียงบางสีเท่านั้นนะ แน่นอนว่าถ้าหากซื้อพร้อมโปรร่วมกับ dtac นั้น ก็จะได้รับราคาพิเศษ พร้อมกับแพ็กเกจเน็ตมาให้ใช้งานด้วย ซึ่งวิธีซื้อให้คุ้มและถูกที่สุด ก็คือต้องเป็นลูกค้ารายเดือน dtac อยู่ก่อนแล้ว หรือว่าถ้าใช้งานเกิน 12 เดือนก็จะได้ราคาที่คุ้มเช่นกัน โดยจะต้องใช้ร่วมกับแพ็กเกจราคา 1,099 บาทขึ้นไป และจ่ายล่วงหน้า 2,500 บาท ถ้าไม่อยากจ่ายล่วงหน้าก็จะได้ราคาเครื่องอีกราคาหนึ่งแทน ส่วนราคาที่เราจะมาบอกนี้ จะเป็นราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจใช้งานแล้ว สำหรับคนที่เป็นลูกค้ารายเดือน dtac ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ และมีราคารุ่นต่างๆ เริ่มต้นดังนี้
รุ่น\ ความจุ 64GB 256GB iPad Air 4 WiFi 11,400 บาท 16,400 บาท iPad Air 4 WiFi + Cellular 15,900 บาท 20,900 บาท
สรุป
แล้วทั้งหมดนี้ ก็เป็นข้อมูลสเปคเครื่องของ iPad Air 4 (2020) พร้อมทั้งรคาค่าเครื่องทั้ง iPad Air 4 ราคาเครื่องเปล่าจาก Apple และราคาพร้อมแพ็กเกจจากทาง AIS, Truemove H และ dtac ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่าแต่ละค่ายนั้น ก็จะมีโปรพร้อมแพ็กเกจที่ต่างกันไป แต่ที่ยังมีครบทุกรุ่น ก็จะมีค่ายเดียวคือ dtac ที่คุ้มที่สุดแล้ว เมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจในรุ่น WiFi แต่ถ้าใครอยากจะซื้อแบบคุ้มๆ ในรุ่น WiFi + Cellular ของ Truemove H จะมีราคาค่าเครื่องที่ถูกลงมาอีกนิดหน่อย พร้อมกับแพ็กเกจที่เท่ากัน และจ่ายล่วงหน้าราคาพอๆ กันด้วย ดังนั้นของ Truemove H จะคุ้มกว่าถ้าเป็นรุ่น iPad Air 4 WiFi + Cellular ส่วนของทางด้าน AIS ก็จะมีแพ็กเกจที่ราคาเท่ากัน แต่ราคาค่าเครื่องนั้นมีราคาสูงกว่านิดหน่อย แต่ถ้าใครอยากใช้แพ็กเกจ 5G จะเลือกดูเป็นของ AIS ก็พอได้อยู่เหมือนกัน สุดท้ายคือคนที่อยากเลือกสีได้ทุกสี และมีครบทุกรุ่นแน่นอน แต่ต้องแลกมากับราคาเต็มแบบเครื่องเปล่า แนะนำว่าให้ซื้อกับทาง Apple ไปเลยจะคุ้มที่สุดแล้ว ยิ่งถ้าใครเป็นนักศึกษา หรือนักเรียน ก็จะยิ่งได้ส่วนลดราคาเครื่องลงมาอีก และตอนนี้ก็ยังมีการแถม AirPods มาให้ฟรีๆ อีกด้วย ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่ามาก (ราคา AirPods 5,684 บาท) และถ้าใครอยากจะใช้งานให้ครบๆ ไปเลย และยังมีงบเหลืออยู่ ก็แนะนำว่าให้ซื้อ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) และ Magic Keyboard หรือ Smart Keyboard Folio มาใช้งานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ไปเลยก็ได้ แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจ หรือมีการอัพเดทอะไรอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ