Samsung Galaxy S24 Ultra สมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Samsung ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาพร้อมเสียงตอบรับที่ล้นหลาม แน่นอนว่าทางผู้เขียนเองก็ไปซื้อมาใช้เองเช่นกันและใช้มาจนเกือบจะครบ 1 เดือนแล้ว โดยเป็นการอัปเกรดขึ้นมาจาก Samsung Galaxy S22 Ultra วันนี้เราเลยจะมารีวิวให้ทุกท่านได้อ่านกันว่ามันรู้สึกอย่างไร แตกต่างกันยังไง แล้วมันคุ้มไหมที่จะเปลี่ยนจากใจคนที่ใช้ Galaxy S22 Ultra มา 2 ปี
สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Samsung Galaxy S24 Ultra หน้าตาเป็นอย่างไร และมีสเปคอะไรบ้างสามารถเข้าไปดูได้ในบทความพรีวิว Sasmung Galaxy S24 Ultra ที่เราได้ทำเอาไว้ก่อนแล้วได้เลยตามลิ้งด้านล่างนี้
พรีวิว Samsung Galaxy S24 Ultra
รีวิว Samsung Galaxy S24 Ultra ฉบับซื้อเอง ใช้เอง รีวิวเอง
สำหรับตัว Galaxy S24 Ultra นั้นในรอบนี้ผมมองว่าทาง Samsung ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่ใส่มา หรือแม้กระทั่งวัสดุกรอบตัวเครื่องที่เปลี่ยนจากอะลูมิเนียมมาเป็นไทเทเนียม ทำให้คราวนี้ Galaxy S24 Ultra มีความหรูหรามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมสมกับราคาค่าตัวที่แค่รุ่นเริ่มต้นก็เกือบครึ่งแสนแล้ว อารัมภบทกันพอประมาณแล้วเราไปดูกันดีกว่าว่าการใช้งานในรูปแบบต่างๆ นั้นเป็นอย่างไร
การจับถือ
เริ่มด้วยการจับถือตัวเครื่องกันก่อนเลย โดยครั้งนี้ตัวเครื่องทำออกมามีความโค้งน้อยลง ทำให้เวลาจับถือแล้วมั่นใจขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ เพราะมีพื้นที่สัมผัสเยอะขึ้น นอกจากนี้ตัววัสดุยังให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมมากขึ้นด้วย ถึงแม้ตัววัสดุไทเทเนียมจะเป็นเกรด 2 ที่เป็นรอยได้ง่ายกว่าฝั่ง iPhone ที่ใช้ไทเทเนียมเกรด 5 แต่ก็ยังถือว่าแข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนๆ ที่ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม
แต่จุดหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนเลยก็คือขอบหน้าจอด้านข้างที่โค้งน้อยลง โดยเมื่อเทียบกับ Galaxy S23 Ultra แล้วจะน้อยลงไม่มาก แต่เมื่อเทียบกับ Galaxy S22 Ultra แล้วหายไปเยอะมาก ซึ่งสำหรับหลายๆ คนแล้วมันทำให้ความพรีเมี่ยมแบบเรือธงหายไปเลยไม่ค่อยชอบกัน แต่สำหรับตัวผู้เขียนแล้ว อยากจะบอกว่าดีใจมากที่ขอบโค้งหายไป ทั้งนี้เนื่องมาจากเวลาใช้ปากกา S Pen เขียนไปจนถึงขอบจอแล้วมันค่อนข้างลำบาก พอปลายปากกาเลื่อนไปจนถึงขอบจอแล้วมันจะหลุดขอบบ่อยๆ อีกทั้งเวลาไปหาฟิล์มและเคสมาเพิ่มจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างลำบากพอสมควร เพราะเคสแบบกันกระแทกที่สามารถปกป้องตัวเครื่องได้นั้นส่วนใหญ่จะกินขอบหน้าจอด้านข้างขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถใช้ฟิล์มทั่วไปได้ ลำบากซ้ำซ้อนพอสมควร แต่พอเปลี่ยนมาเป็นจอเรียบแล้ว ก็ช่วยให้หาฟิล์มและเคสได้ง่ายขึ้นเยอะ
การเล่นโซเชียล / ดูหนัง / ซีรี่ส์ / เพลง
สำหรับการเล่นโซเชียลนั้นจากที่ลองเล่นมาในด้านความลื่นไหลนั้นเรียกได้ว่าหาความแตกต่างไม่เจออย่างแน่นอนเพราะเป็นหน้าจอแบบ 120Hz มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่จุดที่อาจจะทำให้ต่างไปหน่อยก็คือความสว่างของหน้าจอที่ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาเป็น 2,600 nits ถึงแม้ในการใช้งานจริงจะไม่ถึงก็ตาม แต่จากที่ได้ประสบมาก็ต้องบอกว่ามันช่วยได้มากเลย เนื่องจากตอน Galaxy S22 Ultra นั้นถึงแม้จะสามารถถือใช้งานกลางแดดได้ แต่ความคมชัดของภาพก็ดรอปลงไปตามแดดที่ส่องมา ซึ่งเมื่อเทียบกับ Galaxy S24 Ultra แล้วภาพที่แสดงบนหน้าจอสามารถเห็นได้ชัดเจนกว่ามาก
ส่วนเรื่องเสียงนั้นไม่ว่าจะเป็นการดูหนังหรือฟังเพลง รอบนี้ทาง Samsung ทำลำโพงออกมาได้ดีกว่าเดิมพอสมควร ได้ยินเสียงเบสและเสียงแหลมชัดเจนขึ้นกว่าเดิม แต่ดันมาดรอปเอาตรงภาพที่สีในโหมดสีสันดูจืดจนแยกกับโหมดธฑรรมชาติไม่ออก ซึ่งตรงนี้ทาง Samsung ได้ออกมาแจ้งถึงปัญหานี้แล้วและจะมีการแก้ไขในอัพเดตแรกที่กำลังจะมาถึง โดยการเพิ่มโหมด Vividness เข้ามา (สีสันภาพจะเป็นสีสันของโหมด Vivid ในตอนนี้) แล้วปรับสีสันของโหมด Vivid ให้กลับไปเป็นดังเดิม
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมบน Galaxy S24 Ultra นั้นเมื่อเอาไปเทียบกับ Galaxy S22 Ultra แล้วบอกเลยว่าแตกต่างกันเยอะมาก ไม่รวมเรื่องความลื่นไหลนะ เพราะชิปในปัจจุบันนี้มันแรงเกินกว่าที่ตัวเกมต้องการแล้ว ดังนั้นเราจะมาพูดถึงเรื่องอื่นๆ กัน โดยประเด็นหลัก 2 เรื่องที่เด่นชัดเลยก็คือเรื่องความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างเล่นเกม
โดยในเรื่องของความร้อนนั้นตอนที่ใช้ Galaxy S22 Ultra อยู่นั้นไม่ว่าจะเกมอะไรก็ตามพอเล่นไปได้สักพักเครื่องจะร้อนขึ้นมาในระดับที่รู้สึกได้เลย ขนาดเป็นเกม Idle ที่เป็นเกมเบาๆ เน้นเปิดโฆษณา แค่ 10 นาทีเครื่องก็เริ่มร้อนแล้ว ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องปกติของชิป Snapdragon 8 Gen 1 แต่พอเปลี่ยนมาเล่นเกมบน Galaxy S24 Ultra แล้วเรื่องความร้อนนับว่าเป็นอะไรที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดพอสมควรเลย เพราะด้วยระยะเวลาเท่าๆ กันราว 30 นาที Galaxy S24 Ultra จะแค่อุ่นๆ ในขณะที่ Galaxy S22 Ultra นั้นจะร้อนแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ Galaxy S24 Ultra สามารถเล่นเกมได้ยาวนานกว่า Galaxy S22 Ultra พอสมควรเลยครับ
แต่ๆ สิ่งที่เจอแล้วทำให้ประหลายใจอยู่หน่อยๆ ก็คือบางเกมเวลาเล่นๆ ไปสักพักอยู่ดีๆ จะค้างไปเลยหรือไม่ก็เด้งออกเลยก็มี ตรงนี้ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นปัญหาที่ตัว One UI หรือเป็นที่ตัวเกมยังไม่อัพเดต แต่ที่แน่ๆ คาดว่าอีกไม่นานปัญหานี้ก็น่าจะหมดไป เพราะฉะนั้นก็อดทนรอกันอีกหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
การถ่ายภาพ
ในเรื่องการถ่ายภาพนั้นทั้ง Galaxy S24 Ultra และ Galaxy S22 Ultra นั้นก็มาพร้อมกล้อง 4 ตัวเช่นกันที่ประกอบไปด้วยกล้องหลัก, กล้องอัลตร้าไวด์, กล้องเทเลโฟโต้ และกล้องเพอริสโคป โดยกล้องที่ยังคงเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยก็คือกล้องอัลตร้าไวด์และกล้องเทเลโฟโต้ที่ยังใช้กล้องความละเอียด 12MP และ 10MP เหมือนเดิม จุดที่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือกล้องหลักที่เปลี่ยนมาใช้กล้องความละเอียด 200MP ตั้งแต่ Galaxy S23 Ultra และกล้องเพอริสโปคที่คราวนี้ลดระยะซูมลงจากเดิม 10 เท่าลงมาเหลือ 5 เท่า แล้วเพิ่มความละเอียดขึ้นจาก 10MP เป็น 50MP พร้อมใส่เทคโนโลยีให้สามารถซูมแบบ 10 เท่าได้โดยที่ยังคงความคมชัดเช่นเดิม
ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองถ่ายภาพมานั้นบอกเลยว่าภาพที่ได้นั้นดูดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ทั้งนี้ก็น่าจะได้อานิสงส์มาจาก AI ที่ฉลาดขึ้นด้วยนั่นเอง และที่ประทับใจอีกอย่างเลยก็คือเวลาถ่ายภาพแบบพอร์ตเทรดสามารถใช้กล้องเพอริสโคป 50MP ถ่ายได้ด้วย ทำให้ภาพที่ได้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี เรื่องที่น่าหนักใจก็มีเช่นกัน ถึงอันนี้จะแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนก็ตาม ก็คือเวลาถ่ายคนไม่ว่าจะด้วยโหมดไหน ตัวคน ผิวคน ที่อยู่ในภาพจะดูไม่เป็นะธรรมชาติเลยสักนิด ด้วยผิวที่ดูคล้ำขึ้น แถมเหมือนถูกเพิ่มความคม (หรือที่เรียกบ้านๆ ว่าอัดชาร์ป) หนักจนดูแปลกพิลึกไปเลย ต้องเอาไปแต่งต่อถึงจะเอาไปใช้ได้
นอกจากนี้อีกหนึ่งปัญหาที่เจอคือคุณภาพของภาพที่ได้จากการซูมระยะไกลเกินกว่า 10 เท่าขึ้นไป คุณภาพของรูปเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ แล้วดูด้อยลงไปพอสมควร ความคมชัดด้อยกว่า แถมภาพยังดูฟุ้งด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ทาง Samsung ได้ทราบปัญหาและได้แก้ไขในอัพเดตแรกที่จะมาถึงเรียบร้อยแล้วครับ เราแค่ต้องรอสักหน่อยเดี๋ยวก็ได้
ตัวอย่างภาพถ่าย
แบตเตอรี่
ในเรื่องแบตเตอรี่นั้นนอกเหนือจากการจัดการพลังงานที่ดีของตัวชิปแล้วแน่นอนว่ามันสัมพันธ์กับเรื่องความร้อนด้วย ซึ่งสิ่งที่พบแบบสังเกตเห็นได้แบบชัดๆ เลยก็คือระยะเวลาใช้งานโดยรวมของตัวเครื่องที่เพิ่มมากขึ้นทั้งๆ ที่ขนาดแบตเตอรี่ก็เท่าเดิม โดยตอนที่ใช้งาน Galaxy S22 Ultra อยู่นั้นเวลาไปออกงานข้างนอกที่ต้องมีการถ่ายรูปเยอะๆ หรือทำข่าว / บทความ ผ่านสมาร์ทโฟนราวๆ ครึ่งวัน แบตเตอรี่นั้นไม่เคยอยู่กลับบ้านได้เลยแถมระหว่างใช้งานเครื่องก็จะร้อนมากพอๆ กับเอาไปใช้เล่นเกมแบบต่อเนื่องเลยทีเดียว ต้องมีการชาร์จอย่างน้อยๆ ก็ 1 ครั้ง เพื่อยืดการใช้งานให้ยาวนานขึ้น ทำให้ต้องคอยพกแบตเตอรี่สำรองไปไหนมาไหนด้วยเสมอ แต่พอเปลี่ยนมาใช้เป็น Galaxy S24 Ultra แล้วก็ไม่ได้พกแบตเตอรี่สำรองอีกเลย นอกเสียจากว่าต้องไปงานนอกสถานที่ทั้งวันจริงๆ โดยจากที่เอาไปใช้งานมาแบบค่อนข้างหนักนั้นถ้าไปงานครึ่งวันแบตเตอรี่จะเหลือตอนถึงบ้านราวๆ 30% ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่เยอะมากเมื่อเทียบกับ Galaxy S22 Ultra ที่เหลือราวๆ 10% เอง (แถมเป็นการใช้แบบประหยัดสุดๆ ด้วยนะ)
การใช้ฟีเจอร์ AI ต่างๆ
สำหรับฟีเจอร์ AI นั้นคือจุดเด่นที่ทาง Samsung ภูมิใจนำเสนอในรุ่นนี้ที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น AI แปลภาษาแบบเรียลไทม์, AI สำหรับปรับแต่งภาพ, AI สำหรับใช้ค้นหา และ AI สำหรับใช้สรุปข้อมูล โดยจากที่ได้ลองใช้มาต้องบอกว่าทางผู้เขียนยังไม่มีโอกาสได้ลองใช้บางฟีเจอร์ในสถานการณ์จริง ได้แค่ลองเล่นกับตัวเองเท่านั้น แต่ก็มองว่ามันน่าสนใจอยู่ดี
โดยอย่างแรกที่จะขอพูดถึงเลยและได้ใช้บ่อยที่สุดก็คือ AI แต่งภาพ เพราะโดยทั่วไปแล้วเวลาเราถ่ายภาพยังไงเราก็จัดองค์ประกอบภาพให้ลงตัวหรือถ่ายในช่วงที่ไม่มีคนยาก ยิ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ซึ่ง AI นี้จะเข้ามาช่วยให้ภาพเราดูดีขึ้น สามารถลบวัตถุแล้วแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์ ย้ายวัตถุที่ต้องการ หรือวัตถุส่วนเกินได้ แม้กระทั้งแก้ภาพเบี้ยวยังทำได้ บอกเลยว่าใครที่ถ่ายรูปไม่เก่ง หรือจังหวะถ่ายไม่ได้แต่ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว AI ก็สามารถช่วยแก้ให้ได้ในระดับหนึ่งเลย
อีกฟีเจอร์ที่ได้ใช้บ่อยอีกตัวก็คือฟีเจอร์ช่วยสรุปเนื้อหา (ชื่อจริงๆ คือ Note Assist) สำรับคนที่ชอบอ่านเนื้อหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวหรือบทความ ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศหรือของไทยก็ตาม หากเราไม่มีเวลาค่อยๆ อ่านจริงๆ ฟีเจอร์นี้ช่วยได้เยอะเลย เพราะตัว AI สามารถสรุปเนื้อหาออกมาได้กระชับเข้าใจง่าย ช่วยประหยัดเวลาในการอ่านได้เยอะเลย
ส่วนฟีเจอร์ที่น่าจะได้ใช้บ่อยในช่วงท่องเที่ยวเลยก็คือฟีเจอร์ Circle to Search ซึ่งจะเป็นฟีเจอร์ที่จะให้ AI ช่วยค้นหาสิ่งที่เราวงไว้ ซึ่งในโลกโซเชียลที่มีคลิปหรือรูปต่างๆ อยู่เต็มไปหมด ก็จะมีหลายๆ ครั้งที่ไม่มีการบอกชื่อสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ให้เราได้รู้ ฟีเจอร์นี้ก็จะมาช่วยเราได้มากเลย เพราะเมื่อวงให้ค้นหาแล้วตัว AI จะแสดงภาพสถานที่นั้นๆ พร้อมชื่อออกมาให้เราได้รู้เลย แถมบางครั้งยังมาพร้อมลิ้งสำหรับจองที่พักให้ด้วย เรียกได้ว่าเบ็ดเสร็จจบในครั้งเดียวเลย เป็นอะไรที่สะดวกสุดๆ
ส่วนฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์นั้นตอนนี้ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ แต่จากดที่ลองเล่นกับตัวเองแล้วก็ต้องบอกว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะความเร็วในการแปลภาษานั้นเร็วมาก แค่พูดใส่เครื่องปุ๊บมันก็จะแปลให้ทันทีเลย ต่อให้ไม่ได้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตก็ยังสามารถใช้ได้แค่ต้องโหลดแพ็คภาษามาติดตั้งในเครื่องก่อน นอกจากจะใช้แปลภาษาแบบเรียลไทมืแล้ว ยังสามารถใช้แปลภาษาในแชทได้ด้วย โดยแค่พิมพ์เป็นภาษาไทยตามปกติแล้วค่อยแปลเป็นภาษาที่ต้องการ รวมถึงสามารถปรับแต่งประโยคให้ดูหลากหลายทั้งแบบเป็นทางการหรือแบบสบายๆ เป็นต้น
โดยภาษาที่รองรับจะมีตอนนี้จะมีทั้งหมด 17 ประเทศ 13 ภาษา ซึ่งนับเป็นประเทศหลักๆ ดังนี้ ไทย, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน, ฝรั่งเศษ, สเปน, อิตาลี, ฮินดี, เกาหลี, เยอรมัน, เวียดนาม, โปรตุเกส และ โปแลนด์
สรุป Samsung Galaxy S24 Ultra น่าสนใจไหม
จากที่ได้กล่าวมาด้านบนนั้นสำหรับตัวผู้เขียนมองว่า Samsung Galaxy S24 Ultra เป็นเครื่องที่เรียกได้ว่าครบเครื่องทั้งการทำงานและความบันเทิง แบบจบได้ในเครื่องเดียว เพียงแต่ในปัจจุบันนี้ยังคงมีบัคหลายๆ อย่างที่รอการอัพเดตอยู่ แต่โดยทั่วไปแล้วก็สามารถใช้งานได้ดี ถ้าได้อัพเดตแก้บัคต่างๆ ตอนนี้เมื่อไรก็จะคุ้มค่าราคาค่าตัวครึ่งแสนทันที
หากถามว่าแล้วคนที่ใช้รุ่นก่อนหน้าควรจะเปลี่ยนไหม ก็ต้องบอกเลยว่าสำหรับผู้ที่ใช้งาน Galaxy S23 Ultra อยู่ในปัจจุบันนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็ได้ เนื่องจากในอนาคตจะได้อัพเดตฟีเจอร์ AI มาใช้ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับผู้ที่ใช้งานรุ่นที่เก่ากว่าตั้งแต่ Galaxy S22 Ultra ลงมาหากเปลี่ยนได้ก็ควรเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรดสเปคให้ทันสมัยหรือการเพิ่มฟีเจอร์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น
และหากถามว่าใครที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้รุ่นนนี้ก็ต้องบอกเลยว่าเครื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานแล้วและนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยใช้มากกว่าจะให้นักเรียน ด้วยสเปคที่ครอบคลุมทุกการใช้งานในทุกสายอาชีพ อีกกลุ่มที่น่าใช้ก็คือผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ หรือชอบเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ แต่ไม่เก่งภาษามากนัก พูดได้แค่ภาษาอังกฤษ แต่ต้องไปที่ๆ ใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้
สำหรับคนที่สนใจก็สามารถเข้าไปลองเล่นเครื่องก่อนได้ตาม Samsung Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ก่อนได้ หากถูกใจค่อยซื้อก็ไม่เสียหายเพราะค่าตัวนั้นนับว่าเอาเรื่องทีเดียว หรือจะซื้อผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง samsung.com/th, Shopee, Lazada ก็ได้เช่นกัน
สำหรับคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ทางทีมงานได้ทำบทความเทียบสเปค Galaxy S24 Ultra กับรุ่นอื่นๆ เอาไว้ด้วยสามารถเลือกดูได้จากด้านล่างดังต่อไปนี้
เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy S24 Ultra vs S24+ vs S24 ต่างกันยังไง รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้างปี 2024