Access Point คืออะไร แนะนำตัวขยายสัญญาณ WiFi ยี่ห้อไหนดีในปี 2021
การใช้งานอินเทอร์เน็ตในบ้าน ส่วนใหญ่ก็มักจะมีตัว Router ที่มีการกระจายสัญญาณเน็ตมาให้ในตัวอยู่แล้ว เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะใช้งานกับคอมฯ โน็ตบุ๊ค หรือว่ามือถือก็ตาม ซึ่งถ้าเป็นการติดเน็ตในพื้นที่ที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก อย่างบ้านที่ไม่ได้มีหลายห้อง หรือไม่ได้มีหลายชั้น การกระจายสัญญาณเหล่านี้ก็คงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้งานเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าเป็นบ้านที่มี 2 ชั้นขึ้นไป หรือว่าเป็นบ้านที่มีหลายห้อง รวมไปถึงคนที่ต้องการใช้เน็ตที่เร็วแรง และกระจายสัญญาณได้ทั่วถึงมากกว่าปกติ (ในกรณีที่คนใช้พร้อมกันเยอะเกินไป จนเน็ตช้าไม่ทันใจ) เชื่อว่าหลายคนก็คงจะต้องนึกถึงตัวขยายสัญญาณ WiFi ที่รู้จักกันดีในชื่อ Access Point กันอย่างแน่นอน ซึ่งตัวนี้จะมีความแตกต่างกับตัว Extender หรือ Repeater อยู่ด้วยในด้านการใช้งาน สำหรับคนที่ต้องการขยายสัญญาณ WiFi หรืออยากกระจายสัญญาณให้เข้าถึงพื้นที่ได้มากขึ้น วันนี้ทาง Specphone จะมาบอกว่า Access Point คืออะไร พร้อมกับแนะนำ 10 ตัวขยายสัญญาณ WiFi ยี่ห้อไหนดีที่น่าใช้งานในปี 2021 ด้วย ไปดูกันเลยว่ามีตัวไหนน่าสนใจบ้าง
Access Point คืออะไร?
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันคร่าวๆ แบบง่ายๆ กันก่อนว่าเจ้าตัว Access Point (AP) มันคืออะไร โดยอุปกรณ์ตัวนี้จะทำหน้าที่ในการกระจายสัญญาณ WiFi จาก Router โดยตรงเป็นหลักเลย ส่วนใหญ่แล้วการใช้งานจะนิยมนำไปใช้งานเพื่อขยายสัญญาณในจุดที่ต้องการใช้จุดนั้น เพื่อให้มีความเร็วเน็ตที่เพิ่มมากขึ้น กระจายการเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ไกลมากขึ้น และรองรับสัญญาณในวงเน็ตเดียวกัน โดยสามารถเชื่อมต่อได้กับสาย LAN มาจากตัว Router โดยตรง รวมไปถึงสามารถนำไปวางไว้นอกบ้าน (บางรุ่น) หรือแค่ในตัวบ้านก็สามารถทำได้อีกด้วย ทั้งนี้ความเร็วเน็ตที่จะมาเชื่อมกับตัว Access Point ก็ต้องดูด้วยว่าตัวที่เชื่อมต่อนั้น สามารถรองรับมาตรฐานการทำงานของระบบไร้สายได้ดีแค่ไหน (เช่นตัวปล่อยออกมาเป็น 802.11n แต่ Access Point เป็น 802.11ax ก็จะไม่ได้ช่วยให้เร็วกว่าเดิมเท่าไหร่นัก) ในปัจจุบันบางรุ่นก็จะเป็นตัว Router ที่มี Access Point มาให้ในตัวอยู่แล้วก็มี
ส่วน Extender หรือ Repeater จะเป็นตัวขยายสัญญาณ WiFi อีกแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้เน็ตเข้าถึงในพื้นที่นั้นได้เหมือนกัน โดยจะเป็นการรับสัญญาณจาก Router หรือ AP มาอีกที แล้วทำการทวนสัญญาณ จากนั้นจึงปล่อยสัญญาณ WiFi ออกมาจากอุปกรณ์ตัวนั้นอีกทีจากตัวอุปกรณ์เองเลย ซึ่งชื่อสัญญาณก็จะเป็นชื่อของอุปกรณ์ที่ใช้งานเลย จะต่างกับตัว AP ที่จะเป็นชื่อเหมือนกันกับตัวเครื่องหลักไปเลย แต่ก็แน่นอนว่าความเร็วเน็ตที่จะได้รับก็จะไม่เร็วเท่ากับของตัว Router หรือ AP ที่ได้รับสัญญาณโดยตรงเลยนั่นเอง
ตัวขยายสัญญาณ WiFi ยี่ห้อไหนดีที่ช่วยเสริมเน็ตแรงในปี 2021
สำหรับตัวขยายสัญญาณ WiFi หรือว่า Access Point ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ทั้ง 10 รุ่น บางตัวนั้นจะเป็น Router ที่สามารถเปลี่ยนเป็น AP ได้ด้วย หรือว่าบางตัวนั้นก็จะเป็น AP ไปเลย ส่วนคุณสมบัติและข้อมูลต่างๆ ก็เลือกกันดูได้เลยว่าต้องการสเปคแบบไหน ที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเอง ถ้าอยากได้เน็ตที่เร็วแรงกระจายสัญญาณได้หลายอุปกรณ์ ก็เลือกตัว AP ที่มีเสาเยอะขึ้นมาหน่อย เพื่อให้รองรับการใช้งานและกระจายสัญญาณได้มากขึ้น รวมไปถึงราคาที่บางตัวนั้นจะมีราคาแค่หลักร้อย และก็มีบางตัวที่มีราคาสูงไปเลยก็มี และราคาทั้งหมดจะอิงมาจากร้ายค้าออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada เป็นหลัก พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย
1. TP-Link Access Point N300 TL-WA801N
มาเริ่มกันที่ตัวแรกกันก่อนเลย ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวประหยัด ที่มีราคาเพียงหลักร้อยก็สามารถซื้อมาใช้งานกันได้แล้ว และด้วยยี่ห้อ TP-Link ที่มั่นใจได้ในระดับนึงเลยว่าดีแน่นอน แถมยังค่อนข้างได้รับความนิยมในการใช้งานด้วย การรองรับสัญญาณของตัวนี้สามารถส่งสัญญาณได้ถึงความเร็ว 300Mbps เรียกได้ว่าเร็วแรงมากนะ สำหรับราคาเท่านี้ สามารถใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นแบบทั่วไป หรือว่าจะเน้นเล่นเกมก็ไม่ทำให้ผิดหวัง อีกทั้งยังรองรับการทำงานโหมด Access Point, Multi-SSID, Client, Universal/ WDS Repeater และ Bridge with AP โดยในโหมด AP เราแค่เพียงนำสาย LAN มาเสียบก็ใช้งานได้ทันทีเลย สะดวกมากๆ นอกจากนี้ยังรองรับ POE ที่เหมาะกับการติดตั้งได้ทั้งอาคาร โรงแรม หรือการติดตั้งในอาคารทั้งหมดเลย และยังรองรับ 4 SSID ตั้งชื่อ Wi-Fi ได้หลายชื่อได้ด้วย รุ่นนี้จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 600-700 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกและดีจริงๆ
2. TP-Link TL-WA901N
เพิ่มความเร็วแรงและการกระจายสัญญาณให้ทั่วถึงมากกว่าเดิมขึ้นมาอีกนิด กับรุ่น TL-WA901N ที่หน้าตาจะคล้ายๆ กันรุ่นด้านบนเลย แต่จะต่างกันที่รุ่นนี้มีเสาขนาด 5 dBi มาให้ถึง 3 เสาช่วยให้การใช้งานเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น รองรับ PoE และที่สำคัญก็คือรุ่นนี้ได้อัพเกรดการส่งสัญญาณให้แรงได้ถึง 450Mbps และด้วยเทคโนโลยี Align™ 1-stream จึงทำให้การเชื่อมต่อไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป เล่นเกม หรือว่าการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ก็จะทำให้ได้รับความเร็วสูงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการทำงานโหมด Access Point, Multi-SSID, Client, Universal/ WDS Repeater, Bridge with AP ได้เหมือนกับตัวปกติทั่วไป และเชื่อมต่อได้ด้วยสาย LAN ง่ายเหมือนกัน หรือจะเปลี่ยนโหมดไปรับสัญญาณ WiFi มาปล่อยอีกทีก็สามารถทำได้ รุ่นนี้มีราคาประมาณ 900-1,200 บาท สำหรับคนที่ต้องการความเร็วเพิ่มขึ้นมาอีกนิด จะอัพเกรดเป็นรุ่นนี้ไปเลยก็ได้นะ
3. TP-Link Archer C6
มาต่อกันที่ TP-Link อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากๆ ด้วยราคาไม่แพง แต่ได้สเปคที่โหดเอาเรื่อง และยังมีหน้าตาการดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความสวยงามมาก โดยรุ่นนี้ได้รองรับมาตรฐาน 802.11ac สามารถกระจาย WiFi ได้พร้อมกันทั้งแบบ 2.4GHz 300 Mbps และ 5GHz 867 Mbps จึงจะความเร็วรวมประมาณ 1200 Mbps เลยทีเดียว และยังมีเสาอากาศกระจายสัญญาณมาให้ถึง 4 ต้นช่วยกระจายสัญญาณ WiFi ได้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมกับ Gigabit LAN 10/100/1000 Mbps 4 ช่อง หรือจะต่อเข้ากับ ADSL/VDSL Modem/Cable Modem (True, 3BB, TOT, AIS Fiber) ก็ยังได้ นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยี MU-MIMO และ Beamforming และรองรับโหมด Access Point ด้วยเช่นกัน ราคาตัวเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,200 บาทเท่านั้น คุ้มค่าต่อการใช้งานมากๆ
4. Mercusys AC12G
มากันที่ยี่ห้อ Mercusys ที่มีรุ่นที่น่าใช้งานอยู่เหมือนกัน แถมยังได้รับความนิยมค่อนข้างสูงมากเลย เพราะราคาที่ไม่แรงมากนัก กับการดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูทันสมัย และใช้งานได้คุ้มค่าจึงทำให้คนสนใจใช้งานกันเยอะ โดบตัวนี้ได้รองรับมาตรฐาน Wi-Fi AC แบบ Dualband ที่ย่านความถี่ 2 แบบคือย่านความถี่ 2.4GHz ได้ 300Mbps และย่านความถี่ 5GHz ได้ 867Mbps จึงได้ความเร็วสูงสุดที่ 1200Mbps เหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ทั้งการใช้งานทั่วไป สตรีมดูหนัง หรือเล่นเกมก็ทำได้ด้วยความเร็วสูงอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีเสาสัญญาณมาให้ถึง 4 เสารองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงสุดมากถึง 60 อุปกรณ์ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งที่ง่าย สามารถเชื่อมต่อสาย Gigabit WAN ได้ 1 Port และสาย Gigabit LAN ได้ถึง 3 Ports ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นราคาประหยัด ที่ส่งสัญญาณได้เร็วแรงและทั่วถึง เหมาะกับการใช้งานที่บ้านหรือว่าสำนักงานได้เป็นอย่างดีเลย รุ่นนี้มีราคาประมาณ 600 บาทเท่านั้น
5. Mercusys MR70X – Wi-Fi6
มีรุ่นธรรมดาไปแล้ว ก็ต้องมีรุ่นเทพกันบ้างซึ่งอุปกรณ์ของ Mercusys ในรุ่นนี้ยังคงมีการดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูทันสมัยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการรองรับ Wi-Fi 6 ที่ความเร็วสูงสุดรวมได้ถึง 1.8Gbps เต็มข้อกับการเล่นเน็ตได้ทุกรูปแบบ ไม่ต้องกลัวเรื่องความเร็วแรงที่จะได้รับเลย โดยการรองรับจะรองรับในช่วงความถี่ 2.4GHz ที่ความเร็ว 574Mbps และย่านความถี่ 5GHz ที่ความเร็ว 1201Mbps และยังมีเทคโนโลยี OFDMA และ MU-MIMO ที่ช่วยให้การรับส่งสัญญาณได้หลายเครื่องไม่มีการติดขัด พร้อมกับเสาสัญญาณที่มีมาถึง 4 ตัวที่มีเทคโนโลยี Beamforming ช่วยส่งสัญญาณได้อย่างสเถียรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมี Gigabit Wired Connections ที่เชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว และมี Eco-Friendly Power Saving ที่ช่วยลดพลังงานที่ไม่จำเป็นออกไป พร้อมกับ Less WiFi Interference ที่ช่วยลดสัญญาณรบกวนและรองรับโหมด Access Point ได้เช่นกัน ราคารุ่นนี้จะมีราคาประมาณ 1,200-1,300 บาท
6. Xiaomi AIoT AX1800
มาถึงทางฝั่งของ Xiaomi กันบ้างที่ชื่อนี้รับรองได้เลยว่าใช้งานได้ดีในราคาสมเหตุสมผลตามชื่อเสียงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำออกมาให้เราได้ใช้งานกันหลายอย่างกันแน่นอน อย่างแรกที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือรูปร่างหน้าตาของตัวเครื่อง ที่ทำออกมาแบบล้ำๆ เป็นแบบทาวเวอร์ หรือทรงตั้งสูงที่ช่วยระบายความร้อน และช่วยหยัดพื้นที่การใช้งานได้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถกระจายสัญญาณได้รอบทิศทางแบบ 360 องศา รองรับการส่งสัญญาณที่ย่านความถี่ 2.4GHz สูงสุด 574Mbps และย่านความถี่ 5GHz สูงสุดถึง 1201Mbps รวมแล้วจะได้การส่งสัญญาณได้รวดเร็วสุดถึง 1775 Mbps พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6 อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีพอร์ต WAN แบบปรับได้ 1 พอร์ตแบบ 10/100/1000M (Auto MDIMDIX) และพอร์ต LAN แบบปรับอัตโนมัติ 3 พอร์ต 10/100/1000M (Auto MDIMDIX) เชื่อมต่อได้ง่ายและรวดเร็วเป็นอย่างมาก แถมยังมีชิป Qualcomm APQ6000 4-core ในตัวและทำเป็น Mesh WiFi ได้อีก เรียกได้ว่าครบเครื่องที่สุดแล้ว ราคารุ่นนี้จะมีราคาประมาณ 1,500-1,800 บาท
7. Xiaomi AIoT AX3600
อุปกรณ์กระจายสัญญาณ WiFi ของ Xiaomi รุ่นที่มีหน้าตาคล้ายๆ กับอีกหนึ่งรุ่นคือ AX6000 แต่สเปคจะค่อนข้างต่างกันอยู่พอสมควร สำหรับตัว AX3600 รุ่นนี้ถ้ามองจากภายนอกก็จะเห็นได้เลยว่า เค้าออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่ครอบคลุมพื้นที่ ไม่ว่าจะใช้งานที่บ้านหรือสำนักงานก็สามารถกระจายสัญญาณได้ดีเยี่ยม ด้วยการรองรับ WiFi 6 กับเสาสัญญาณมากถึง 6 เสาและยังมีเสา IoT ภายในตัวอีก 1 เสาด้วย มาพร้อมกับเทคโนโลยี OFDMA ที่ช่วยส่งข้อมูลได้ทีละหลายเครื่องพร้อมกันได้ภายในครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมี CPU IPQ8071A ในตัว และรองรับการส่งสัญญาณในย่านความถี่ 2.4GHz ที่ความเร็ว 574Mbps กับย่ายความถี่ 5GHz ที่ความเร็ว 2402Mbps รวมแล้วได้ความเร็วสูงสุดมากถึง 2,976 Mbps หายห่วงเรื่องเน็ตช้าไปได้เลย ส่วนการเชื่อมต่อจะมีพอร์ต WAN 10/100/1000 (Auto MDI/ MDIX) 1 พอร์ตและพอร์ต LAN 10/100/1000 (Auto MDI/ MDIX) อีก 3 พอร์ตมาให้เลย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่คุ้มค่าต่อการใช้งานมาก มีราคาที่ประมาณ 2,800 บาท
8. Xiaomi AIoT AX6000
มาถึงอุปกรณ์กระจายสัญญาณ WiFi อีกรุ่นของ Xiaomi ที่มีหน้าตาคล้ายๆ กับรุ่นด้านบนที่ได้บอกไปเลย แต่ความแตกต่างนั้นจะอยู่ที่ตัวเครื่องจะยาวกว่า พร้อมกับสเปคภายในที่ได้รับการอัพเกรดให้ดีและรองรับความเร็วที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น โดยรุ่นนี้จะมีเสาสัญญาณ 6 เสาพร้อมเสา AloT ภายในอีก 1 เสา ความแรงของสัญญาณ +6dB สามารถครอบคลุมพื้นที่ +80% ทำให้สัญญาณส่งผ่านผนังได้ดี และยังรองรับการส่งสัญญาณความเร็วสูง 4K QAM ที่ย่านความถี่ 5G อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการรับส่งสัญญาณที่ย่านความถี่ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz รวมกันสูงสุดมากถึง 6000Mbps ถือว่าแรงมากๆ ในความเร็วนี้ ส่วนช่องเสียบพอร์ตจะเหมือนตัวบนคือ WAN 10/100/1000 (Auto MDI/ MDIX) 1 พอร์ตและพอร์ต LAN 10/100/1000 (Auto MDI/ MDIX) 3 พอร์ต รองรับ MU-MIMO, OFDMA และ Mesh Networking โดยรวมแล้วเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ให้ความเร็วแรงสูงมากๆ ในราคาเพียง 3,300 บาทเท่านั้น บอกเลยว่าคุ้ม
9. ASUS RT-AX55 AX1800
มาที่ยี่ห้อ ASUS กันบ้างที่ได้รับการขนานนามในเรื่องของสเปค และการดีไซน์ตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ค่อนข้างสวยงามเลยทีเดียว จะออกแนวเรียบหรูแต่สเปคไม่เบาเลย รุ่นนี้จะเป็น Dual Band 2×2 ที่ให้แบนด์วิดท์ 80MHz และ 1024-QAM เร็วแรงทะลุฝาผนังได้สบายๆ อีกทั้งยังมีความเร็วเครือข่ายบนย่านความถี่ 2.4GHz สูงสุด 574Mbps และย่านความถี่ 5GHz สูงสุดถึง 1201Mbps เมื่อทำงงานร่วมกันจะได้ความเร็วประมาณ 1800Mbps กันเลย นอกจากนี้ยังมีการรองรับเทคโนโลยี MU-MIMO, OFDMA และเชื่อมต่อ WiFi 6 ได้อีกด้วย ส่วนการกระจายสัญญาณด้วยเสาก็หายห่วงเพราะมีมาให้ถึง 4 เสา พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อสาย WAN Gigabits BaseT 1 พอร์ตกับสาย LAN Gigabits BaseT ถึง 4 พอร์ตเลยทีเดียว จะเชื่อมต่อเพื่อเล่นเกมหรือเข้ากับ TV ไว้ดูสตรีมหนังพร้อมๆ กันก็ไม่ต้องกลัวแย่งกัน และยังเปลี่ยนโหมดการทำงานเป็น Access Point, AiMesh Node, Media Bridge, Repeater, Router ได้อีก รุ่นนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 2,500-2,800 บาท
10. ASUS RT-AX82U AX5400
มาถึงตัวสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำกันแล้ว ซึ่งเรายังขอปิดท้ายด้วย ASUS ที่เหมาะสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสเปคหรือว่าหน้าตาการดีไซน์ภายนอก ที่ทำออกมามองผ่านๆ ยังรู้ว่าใช้สำหรับเกมเมอร์เลย เพราะมีไฟ RGB ที่สามารถปรับได้ด้วย ASUS Aura จะปรับเองหรือตั้งค่าให้เปลี่ยนไปตามการใช้งานก็ได้ สามารถเปลี่ยนโหมดใช้งานเป็น Operation mode, Wireless router mode, Access point mode หรือ Media bridge mode ก็ได้ตามสะดวก อีกทั้งยังรองรับ WiFi 6 และสัญญาณที่ย่านความถี่ 2.4GHz สูงสุด 574Mbps และย่านความถี่ 5GHz ได้สูงสุดถึง 4804Mbps พร้อมหน่วยประมวลผล 1.5 GHz tri-core แบนวิธ 160MHz ได้ความเร็วรวมสูงถึง 5400Mbps เลย ใครที่ใช้เพื่อเล่นเกมนี่หายกังวลเรื่องเน็ตกระตุก เน็ตหลุดไปได้เลย เพราะยังมี Mobile Game Mode ที่ช่วยลดการค้าง กระตุกเวลาเล่นเกมได้ด้วย ส่วนการเชื่อมต่อจะมีพอร์ต WAN 1 พอร์ตกับพอร์ต LAN อีก 4 พอร์ตพร้อมช่องเสียบ USB 3.2 Gen 1 1 พอร์ตด้วย โดยรวมแล้วรุ่นนี้ก็คือใช้งานสำหรับการเล่นเกมได้ดีเยี่ยมแน่นอน มีราคาประมาณ 4,000-7,000 บาท
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลของ Access Point ว่ามันคืออะไร และใช้ทำอะไรได้บ้าง รวมไปถึงตัวขยายสัญญาณ WiFi ที่มีโหมด Access Point ที่เราได้นำมาฝากกันทั้ง 10 ยี่ห้อ 10 รุ่นที่น่าใช้งาน โดยแต่ละรุ่นก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปตามที่บอกเลย ว่าขึ้นอยู่กับการใช้งานของตัวเองล้วนๆ ว่าอยากจะนำไปใช้กับบ้านแบบไหน และใช้งานเพื่ออะไร ถ้าจะใช้งานแบบทั่วไปจะใช้ตัว TP-Link ที่มี 2-3 เสาก็เพียงพอต่อการใช้งานในบ้านมากแล้ว แต่ถ้าเป็นบ้านที่ใหญ่มากๆ หรือทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศอาจจะเพิ่มเป็นตัวของ Xiaomi หรือ Mercusys ที่มีทั้งการรองรับการกระจายสัญญาณได้มากขึ้น และยังรองรับความเร็วที่สูงมาพอสมควรเลย ส่วนใครที่เป็นสายเกมมิ่ง และอยากได้เอาไว้เล่นเกมของ ASUS จะเหมาะมากที่สุดแล้ว แต่ก็ต้องแลกมากับราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คืองบประมาณ และเรื่องของความเร็วเน็ตที่รองรับการใช้งานด้วย แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะเอามาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ