เชื่อว่าคงมีหลายคนที่กำลังอยากจะซื้อ iPhone 12 สักเครื่อง แต่ด้วยราคาที่ไม่ใช่น้อย ๆ พร้อมด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้การตัดสินใจซื้อยากขึ้นไปด้วย ทำให้จำเป็นต้องจ่ายให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงเลือกที่จะซื้อเครื่องเปล่าเพื่อที่จะได้ใช้แพ็กเกจเดิม หรือไม่ก็ซื้อแบบติดโปรเพื่อให้ค่าเครื่องถูกลง ไม่ว่าจะเป็นการย้ายค่าย, เปิดเบอร์ใหม่หรือเปลี่ยนแพ็กเกจให้เป็นไปตามโปร ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนต่างก็มีข้อดีที่แตกต่างกันไป
โดยส่วนตัวแล้วในปัจจุบันนั้นการซื้อแบบติดสัญญา อาจจะเป็นการดีกว่าก็ได้ เนื่องด้วยการที่เข้าสู่ยุค 5G แล้ว แถมแพ็จเกจเดิม ๆ ที่เราใช้กันมานั้นก็ไม่สามารถใช้งาน 5G ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นในช่วงเวลานี้การซื้อแบบติดสัญญาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการซื้อแบบเครื่องวเปล่าก็ได้
สำหรับเหตุผลที่ผมมองว่าการซื้อ iPhone 12 แบบติดสัญญาดีกว่าการซื้อแบบเครื่องเปล่าก็ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. iPhone 12 ติดโปรมีราคารวมที่ไม่ได้ต่างจากเครื่องเปล่ามากนัก
สิ่งแรกที่คนอยากได้ iPhone นอกจากการผ่อนแล้วก็คือการซื้อเครื่องแบบติดโปร เพราะการซื้อแบบติดโปรนั้นจะมีการลดค่าเครื่องลงสูงสุด xxxx บาท ตามแต่แพ็กเกจที่เราเลือก แต่สิ่งที่ต้องแลกมาตอนไปรับเครื่องก็คือการที่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้าและการที่ต้องติดสัญญาใช้งานตามแต่โปรโมชั่นที่ผู้ให้บริการกำหนด
สำหรับการซื้อเครื่องแบบติดโปรนั้นการลดราคาตัวเครื่องจะแปรผันกับราคาแพ็กเกจที่เลือก ยิ่งแพ็กเกจแพง ราคาเครื่องก็จะยิ่งลดเยอะตามไปด้วย นอกจากนี้หลัง ๆ มาก็มีการลดค่าเครื่องให้เลยหากเป็นกลุ่มลูกค้าเดิม แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้แพ็กเกจที่มีราคาตั้งแต่ 899 ขึ้บาทขึ้นไป หรือบางทีอาจจะเริ่มที่ 1,199 บาทขึ้นไปก็มี
หากให้ยกตัวอย่างโปรจะขอยกโปรของค่ายหนึ่งที่ให้ส่วนลดค่าเครื่องถึง 7,200 บาท และมี 2 รูปแบบให้เลือกคือแบบติดสัญญาและไม่ติดสัญญา ในราคาเริ่มต้นที่ 29,700 บาท พร้อมด้วยแพ็กเกจราคา 1,199 บาท (เมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วจะต้องจ่าย 1282.93 บาท) ซึ่งในที่นี้จะคำนวนจากโปรแบบที่ติดสัญญา เนื่องมาจากแบบติดสัญญานั้นจะเป็นโปรที่ไม่มีเงื่อนไขขั้นต่ำในการสมัคร (แบบไม่ติดสัญญาต้องเป็นลูกค้าเดิมที่มียอดใช้ขั้นต่ำ) โดยแบบติดสัญญานั้นจะมีการจ่ายค่าบริการล่างหน้าเพิ่มเข้ามาอีก 3,000 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)
ในวันที่ต้องไปรับเครื่องไม่ว่าจะจ่ายด้วยเงินสด หรือใช้บัตรเครดิตรูดก็ตาม จะต้องใช้เงินทั้งสิ้น 32,700 บาท เท่ากับว่าเราจะซื้อเครื่องได้ถูกลง 4,200 บาท (ลดมากกว่าซื้อราคานักศึกษาเล็กน้อย)
2. เน็ตเยอะก็ราคาแพง พอราคาถูกก็เน็ตน้อยไป
ตอนยุค 4G การเลือกแพ็กเกจจะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของเราเป็นหลัก แต่ทว่าในยุค 5G นี้การเลือกแพ็กเกจตามที่ใช้อาจจะไม่สามารถทำได้แล้วเนื่องด้วยคลื่น 5G นั้นจะวิ่งด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้มีการใช้ปริมาณดาต้าเยอะขึ้นตามไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นราคาแพ็กเกจที่เรา ๆ ใช้กันเฉลีร่ยแล้วจะอยู่ที่ 500 – 600 บาทเสียมากกว่า
ทว่าแพ็กเกจ 5G ที่มีราคาประมาณ 500 – 600 บาทนั้นจะถูกจำกัดปริมาณดาต้าที่สามารถใช้ได้ หากเป็นคนที่ใช้ดาต้าไม่เยอะอาจจะไม่เท่าไร แต่หากเป็นคนที่ใช้มือถือดูหนัง / คลิปบ่อย ๆ หรือไม่ก็เอามาใช้ดาวน์โหลด / อัพโหลดไฟล์บ่อย ๆ ปริมาณดาต้าที่มีจะหมดลงอย่างรวดเร็วแน่นอน
นอกเหนือจากปริมาณเน็ตที่ใช้ได้จะลดลงเร็วมากแล้ว อีกสิ่งที่เปลี่ยนแปลงของแพ็กเกจ 5G คือปริมาณการโทรที่ลดลงเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้แพ็กเกจราคา 500 – 600 บาทนั้นจะได้ค่าโทรถึง 300 นาที แต่ปัจจุบันนี้เริ่มค้นแค่ 120 นาทีเท่านั้น หากต้องการค่าโทรให้เท่าเดิมก็ต้องขยับราคาแพ็กเกจขึ้นไปหลักพันเท่านั้น
อีกทั้งด้วยการที่ต้องติดสัญญาการใช้งานเป็นระยะเวลา 1 ปี หากเรามีเรื่องให้จำเป็นต้องย้ายค่ายหรือต้องเปลี่ยนเบอร์ใหม่ก็จะไม่สามารถทำได้ ทำให้จำเป็นต้องใช้งานไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบสัญญา แถมในบางเครื่อง บางยี่ห้อ หากซื้อพร้อมแพ็กเกจกับโอเปอร์เรเตอร์ จะมีการค้างค่าบริการ ตัวเครื่องจะถูกล็อกไปจนกว่าจะไปจ่ายอีกด้วย
3. iPhone 12 ติดโปรมีสิทธิพิเศษที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้
เวลาเราไปซื้อมือถือพ่วงแพ็กเกจไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตามกฌมักจะมีของพ่วงติดไม้ติดมือมาด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นบัตรสมาชิก, ส่วนลดอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมายตามแต่โอเปอร์เรเตอร์จะจัดมาให้ ซึ่งของพ่วงพวกนี้จะจะช่วยให้เราประหยัดเงินไปได้หลายบาทเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับการซื้อ iPhone ที่อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ นั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงด้วยแล้ว การได้ส่วนลดนี้จะช่วยเราได้มากเลย
นอกเหนือจากส่วนลดอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่เราจะได้มาและได้ใช้ประโยชน์บ่อย ๆ ก็คือบัตรสมาชิก โดยของ AIS จะเรียกว่า Serenade, ของ True คือ True Card และ DTAC เรียกว่า Member ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่จะได้นั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่สีที่กำหนด ทว่าเวลาซื้อ iPhone นั้นเราจะได้บัตรสมาชิกในระดับที่ค่อนข้างสูงเลย ซึ่งบัตรพวกนี้สามารถเอาไปใช้เป็นส่วนลดกับร้านค้าและร้านอาหารต่าง ๆ ที่โอเปอร์เรเตอร์ไปตกลงกันเอาไว้ก่อน และจะมีการเปลี่ยนรายชื่อร้านไปแล้วแต่เดือนนั้น ๆ อีกด้วย สิ่งนี้ก็ช่วยให้เราสามารถประหยัดเงินได้ในระดับหนึ่ง
อีกทั้งบางรายยังได้ส่วนลดในการซื้อประกัน หรือมีการมอบประกันเสริมพิเศษให้อีกด้วย ซึ่งสำหรับสินค้าของ Apple นั้นประกันคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะค่าอะไหล่หรือค่าซ่อมที่ไม่ได้อยู่ในระยะประกันจะแพงมาก เพราะนโยบายของ Apple จะไม่มีการแกะเครื่องมาซ่อม แต่จะเป็นการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้เลย ส่งผลให้ผู้ทีซื้อ iPhone ใช้นานเกิน 1 ปี แล้วเผลอทำเครื่องเสียหายจะได้ไม่ต้องมาจ่ายค่าซ่อมมหาโหดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การซื้อ iPhone ไม่ว่าจะซื้อแบบติดโปรหรือเครื่องเปล่าก็ตาม ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจก็ยังมีอีกมาก แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับคนที่ใช้แพ็กเกจราคาแพงอยู่แล้ว มีการโทรเยอะ ใช้ดาต้ามหาศาลแล้ว การซื้อเครื่องแบบติดโปรอาจจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่สำหรับในมุมมองของคนทั่วไปที่ไม่ได้ใช้แพ็กเกจไม่แพง หรือใช้ไม่ได้เยอะ เน้นต่อ Wi-Fi การซื้อแบบแพ็กเกจต่ำหรือไปซื้อเครื่องเปล่าก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าก็ได้ เพราะในปัจจุบันการผ่อน 0% เกิน 10 เดือนก็มีให้เลือกอยู่หลายที่เช่นกัน