ถ้าพูดถึงสมาร์ทโฟนสำหรับการเล่นเกม หากเป็นแต่ก่อนก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มมือถือรุ่นท็อปราคา 20,000 บาทขึ้นไป แต่หลังจากที่ Honor เปิดตัวเทคโนโลยี GPU Turbo ซึ่งจะเร่งพลังของ GPU ให้มีประสิทธิภาพการประมาลผลกราฟิกในการเล่นเกมที่สูงขึ้น พร้อมทั้งยังนำมาใส่ในสมาร์ทโฟน ทำให้มือถือสำหรับเล่นเกมกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ง่ายขึ้น และได้สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่อุตสาหกรรมด้วยการส่งเมื่อมือถือรุ่นใหม่อย่าง Honor Play เข้าสู่ตลาด
Honor Play เป็นมือถือสเปคระดับกลางค่อนไปทางสูงที่มีสเปคโดยรวมน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะทั้งในการเล่นเกม การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เนื่องด้วยมีการนำชิปประมวลผลรุ่นเดียวกับกลุ่มรุ่นท็อปอย่าง Kirin 970 มาใช้งาน และยิ่งบวกกับการผนวก GPU Turbo มาตั้งแต่แรก ก็ยิ่งทำให้มันน่าสนใจขึ้นไปอีก ก่อนอื่น มาดูหน้าสเปคกันก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
สเปค Honor Play
- ชิปประมวลผล HiSilicon Kirin 970 Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.36 GHz พร้อม NPU สำหรับประมวลผล AI
- ส่วนประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G72 MP12 รองรับ GPU Turbo
- แรม 4 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB รองรับ MicroSD เพิ่มได้สูงสุด 256 GB
- หน้าจอพาเนล IPS ขนาด 6.3″ อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด 2340 x 1080 มีส่วนแหว่งด้านบน (notch)
- กล้องหลังตัวหลัก 16 ล้านพิกเซล PDAF รูรับแสง f/2.2 ตัวรองสำหรับเก็บระยะ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับการประมวลผลด้วย AI
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.0
- ถาดใส่ซิมแบบไฮบริด
- Android 8.1 ครอบด้วย EMUI 8.2
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง กล้องหน้ารองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า
- แบตเตอรี่ 3750 mAh รองรับ Quick Charge สูงสุด 18W ช่องชาร์จเป็นแบบ USB-C
- มีอะแดปเตอร์ Quick Charge ให้ในกล่อง
- มีช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ระบบเสียง 3D surround
- สเปค Honor Play
- ราคา 9,990 บาท
แง่ของสเปค จัดว่าอยู่ในกลุ่มมือถือที่ใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี จะว่าเป็นสเปคยอดนิยมก็ว่าได้ ด้วยแรม 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB จอความละเอียดสูง แบตเยอะ แถมยังมีช่องหูฟังมาให้อยู่ ก็น่าจะถูกใจผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่พอสมควรเลย ส่วนด้านกล้องก็ถือว่าโอเคด้วยการใช้งานกล้องคู่ในลักษณะของกล้องหลัก+กล้องช่วยเก็บระยะ ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ถ่ายโบเก้ทำได้ง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้เลยน่าจะทำให้ Honor Play เป็นมือถือรุ่นราคาไม่ถึงหมื่นที่น่าจับตามองในตลาดตอนนี้เลยทีเดียว
ดีไซน์ หน้าตา
Honor Play มาพร้อมดีไซน์ที่เน้นความโค้งมน ใช้พื้นที่ส่วนหน้าเป็นจอเกือบทั้งหมด พร้อมด้วยพื้นที่จอที่แหว่งหายไปสำหรับใช้วางลำโพงสนทนา กล้องหน้า และเซ็นเซอร์อื่นๆ ซึ่งก็มาในทรงนี้เลยครับ แต่จะมีจุดที่ช่วยให้แยกความแตกต่างจากรุ่นอื่นได้ก็คือตรงส่วนล่างของจอจะไม่มีปุ่มโฮมแบบกด แต่มีโลโก้ Honor ติดอยู่แทน
ประเด็นของจอแหว่ง อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลครับ แต่สำหรับใน Honor Play เองก็มาพร้อมกับฟีเจอร์สร้างแถบดำให้กับส่วนบนสุดของจอ เพื่อให้กลมกลืนไปกับแถบดำที่มีกล้องหน้า ลำโพงสนทนาและกลุ่มเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้ ซึ่งก็ทำออกมาได้เนียนตาดี
ส่วนการแสดงผลของจอ FullView Display ถือว่าทำได้ดี ให้ภาพเต็มตา มุมมองกว้าง สีสันสดใส สามารถใช้งานกลางแจ้งที่แดดจัดๆ ได้สบายมาก และด้วยความที่ถูกออกแบบมาให้ส่วนแสดงผลของจอคิดเป็นกว่า 89% ของด้านหน้าเครื่อง ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดที่กะทัดรัด จับพอดีมือ กำลังเหมาะสำหรับการเล่นเกมเลยทีเดียว
ด้านของการใช้งานทั่วไป อย่างเช่นการรับชมวิดีโอใน YouTube ก็สามารถดูวิดีโอที่ความละเอียด 1080p ได้สบายๆ โดยระบบจะปิดแถบดำตรงส่วนที่จอแหว่งให้โดยอัตโนมัติ
บอดี้เลือกใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมขึ้นรูปแบบยูนิบอดี้ โดยเครื่องที่ทางเราได้รับมารีวิวคือสีน้ำเงิน Navy Blue เนื้ออลูมิเนียมมีความเรียบเนียน ไม่ลื่นมือจนเกินไป มีการเว้นแถบสำหรับช่วยรับสัญญาณให้กับเสาอากาศภายในเครื่องที่ตรงส่วนบนและล่างของเครื่อง การวางตำแหน่งของกล้องหลังจะเป็นในรูปแบบของแนวตั้ง โดยกล้องตัวบนคือกล้องหลัก ถัดลงมาคือกล้องรองสำหรับช่วยวัดระยะ และตามมาด้วยแฟลช LED เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือวางอยู่ในตำแหน่งที่ปลายนิ้วชี้สามารถแตะเพื่อปลดล็อกได้ทันที
ซึ่งการเลือกใช้อลูมิเนียมเป็นฝาหลัง จะช่วยให้การระบายความร้อนทำได้ดีกว่าการใช้กระจกและพลาสติก ทำให้มันเหมาะกับการเป็นมือถือเล่นเกมเป็นอย่างดี รวมถึงยังช่วยให้น้ำหนักโดยรวมของตัวเครื่องออกมาค่อนข้างเบาอีกด้วย จะมีติดก็แต่ส่วนของกล้องหลังที่นูนขึ้นมา แม้จะมีกรอบโลหะช่วยปกป้องขอบกระจกปิดเลนส์ให้ก็ตาม แต่เพื่อความมั่นใจ แนะนำว่าหาเคสที่หนากว่าความนูนของกล้องหลังมาใช้ด้วยก็จะเป็นการดี ส่วนพวกกระจกปิดกล้อง ส่วนตัวผมไม่แนะนำให้ใช้ครับ เพราะกระจกบางตัวอาจจะมีคุณภาพต่ำ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของภาพถ่ายอยู่เหมือนกัน
ส่วนด้านข้างของตัวเครื่องก็มีปุ่มและส่วนต่างๆ ที่สำคัญดังนี้
- ด้านบน: ช่องรับเสียงของไมค์ตัดเสียงรบกวน
- ด้านล่าง: ช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ช่อง USB-C ช่องรับเสียงของไมค์สนทนา และลำโพงหลักของเครื่อง
- ด้านขวา: ปุ่ม Power และแผงปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
- ด้านซ้าย: ถาดซิมแบบไฮบริด
ตำแหน่งของปุ่มทั้ง 3 ด้านข้างวางอยู่ในจุดที่พอดี สามารถใช้งานได้ง่ายสำหรับการใช้งานด้วยมือขวาเป็นหลัก ส่วนด้านล่างนั้น การวางตำแหน่งของลำโพงแม้จะจัดว่าเป็นตำแหน่งปกติของสมาร์ทโฟนก็ตาม ในเวลาเล่นเกมจริงๆ แนะนำให้เสียบสายหูฟังเพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริง
ซอฟต์แวร์
Honor Play มาพร้อมกับ Android 8.1 Oreo ที่ครอบทับมาด้วย EMUI 8.2 เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งหากใครที่เคยใช้มือถือของ Honor หรือ Huawei มาก่อนก็สามารถใช้งานต่อได้แทบจะทันที ภายในมาพร้อมกับแอปช่วยเสริมการใช้งานครบครันทั้งจาก EMUI เอง ร่วมกับแอปของ Google ทำให้สามารถใช้งานได้ทันที หรือจะถ่ายโอนข้อมูลจากเครื่องเก่าก็ทำได้เช่นกัน ส่วนของฟังก์ชัน GPU Turbo เองก็มีให้มาในเฟิร์มแวร์ตั้งแต่แรกเลยแบบไม่ต้องลุ้นอีกด้วย
สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องนั้น ตามสเปคระบุอยู่ที่ 64 GB แต่ถ้าหากคุณเป็นคนชอบลงเกมไว้เยอะๆ ชอบฟังเพลง ดูหนังในเครื่อง แนะนำว่าอาจจะต้องหา MicroSD มาใส่ไฟล์ที่ไม่ได้มีการโหลดข้อมูลบ่อยๆ เช่น ไฟล์เพลง ไฟล์หนังด้วยก็จะดีครับ แต่คงต้องแลกมาด้วยการใส่ซิมได้เพียงแค่ซิมเดียว เนื่องจากถาดซิมเป็นแบบไฮบริดนั่นเอง
พูดถึงเรื่องซิม รองรับการใช้งานนาโนซิมได้สูงสุด 2 ซิม โดยสามารถเชื่อมต่อ 4G VoLTE ได้ทั้งสองซิมพร้อมกันด้วย ทำให้ไม่ว่าจะคุยโทรศัพท์จากซิมไหนก็ได้เสียงที่คมชัด
ฟังก์ชันการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกันครับ โดยค่าเริ่มต้นของระบบจะปรับมาให้หลังจากระบบสแกนใบหน้าแล้ว ผู้ใช้จะต้องปาดนิ้วบนหน้าจอเลื่อนขึ้นไปด้านบนก่อน ถึงจะเข้าสู่หน้าโฮม แต่ถ้าหากอยากจะให้ระบบทำการข้ามให้สแกนแล้วเข้าสู่หน้าโฮมได้เลยก็ให้เข้าไปปรับเลือกหัวข้อ Direct unlock จากเมนู Face unlock ได้เลย ส่วนความเร็วในการสแกนก็จัดว่าทำได้ดีมาก เพียงแค่กดปุ่ม Power ด้านข้าง และจับให้กล้องเจอหน้าเรา ก็สามารถเข้าสู่หน้าโฮมได้ทันทีจนแทบจะไม่เห็นหน้าล็อกสกรีนเลยทีเดียว
ฟีเจอร์และการเล่นเกม
ฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวช่วยที่ทำให้การเล่นเกมเป็นไปได้ราบรื่นยิ่งขึ้น ตัวแรกก็คือ GPU Turbo ที่ทาง Honor ให้ข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ไว้ว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ GPU ได้สูงสุดถึง 60% ในขณะเดียวกันก็จะลดอัตราการใช้พลังงานลง 30% ด้วย ซึ่งจุดที่จะทำให้ผู้ใช้เห็นผลได้มากที่สุดก็คือเฟรมเรตที่สูงขึ้นกว่าเดิม และนิ่งขึ้นกว่าปกติ
นอกจากนี้อีกฟีเจอร์หนึ่งก็คือ Game Suite ที่เปรียบเสมือนโฟลเดอร์ให้ผู้ใช้นำไอคอนเกมเข้ามาใส่ ซึ่งผู้ใช้สามารถเพิ่มหรือลดเกมในโฟลเดอร์ Game Suite ได้เอง แต่จะเป็นการเลือกจากกลุ่มแอปที่ระบบคัดมาให้แล้วว่าน่าจะเป็นแอปเกม (จากที่ผมลอง Line มันก็สามารถเพิ่มใน Game Suite ได้เหมือนกันนะ) โดยภายในก็จะมีสองฟีเจอร์ย่อยให้เปิดใช้งาน ได้แก่
- Game acceleration: เป็นฟีเจอร์ที่สั่งให้ระบบช่วยจัดการทรัพยากรภายในให้เหมาะสมกับการเล่นเกม เช่น เคลียร์แรม เคลียร์แอปที่ทำงานเบื้องหลังบางส่วน แต่ก็อาจส่งผลให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น เครื่องร้อนเร็วขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย
- Uninterrupted gaming: หากเปิดใช้งาน ระบบจะช่วยทำให้การแจ้งเตือนจากแอปอื่นๆ ไม่เด้งขึ้นมาให้กวนใจขณะเล่นเกม
สำหรับฟีเจอร์ Uniterrupted gaming เท่าที่ผมลองใช้งานก็พบความแตกต่างระหว่างเปิดกับปิดอย่างเห็นได้ชัดครับ อย่างในด้านการแสดงผลก็เป็นตามในภาพด้านล่างนี้เลย
ปิด Uninterrupted gaming
แถบแจ้งเตือนว่ามีคนโทรเข้ามา จะแสดงเป็นแถบเล็กๆ อยู่ด้านบนสุด รวมถึงมีการสั่นแจ้งเตือน และมีเสียงริงโทนด้วย (ถ้าเปิดเสียงริงโทนไว้)
เปิด Uninterrupted gaming
แถบแจ้งเตือนว่ามีคนโทรเข้ามาจะเลื่อนลงมาอยู่ตรงกลางจอมากขึ้น แม้อาจจะดูว่ามันกีดขวางการเล่นเกมกว่าแบบด้านบน แต่แถบแจ้งเตือนนี้จะมีปุ่มให้กดวางสายหรือรับสายได้เลย ต่างจากแบบแรกที่ต้องไปแตะแถบแจ้งเตือนก่อน ถึงจะมีปุ่มวางสาย/รับสายให้กด นอกจากนี้ ตัวเครื่องจะไม่สั่นและไม่มีเสียงริงโทนที่เกิดจากการแจ้งเตือนที่แทรกเข้ามาอีกด้วย ทำให้สามารถเล่นเกมได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องไปนั่งกดปิดเสียงริงโทนอีกต่อไป
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เสริมการเล่นเกมให้เต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้นก็คือระบบสั่น 4D smart shock ที่ตัวเครื่องจะสั่นตามจังหวะเกม เช่น การสั่นในขณะที่ยิงปืน หรือถูกยิงจากในเกม เป็นต้น เท่าที่ใช้งานตอนนี้ พบว่ารองรับเกม PUBG เป็นหลักครับ
ทีนี้มาดูรีวิวในส่วนของการเล่นเกมกันบ้าง โดยเกมที่ผมลองก็จะมี 3 เกมหลักๆ คือ ROV, PUBG และก็ Free Fire โดยทั้งหมดเป็นการเปิดเล่นจาก Game Suite
สำหรับเกม ROV ผมตั้งค่าให้ปรับกราฟิกสูงสุด เปิดโหมดเฟรมเรตสูงด้วย ผลก็คือสามารถเล่นได้ลื่น ภาพสวย เฟรมเรตอยู่ในช่วง 58-60 แบบที่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราวๆ 59-60 เกือบตลอดเวลา ระหว่างเล่น เครื่องก็อุ่นขึ้นมาจากปกติเล็กน้อย ไม่ถึงกับร้อนจนจับไม่ได้ ส่วนการแสดงผลตรงจุดที่จอแหว่ง ก็จะใช้การถมดำตรงแถบแจ้งเตือนไปเลย แล้วแสดงผลแบบปกติครับ ไม่มีติ่งงอกออกไป
แล้วพอผมลองเล่น ROV บน Google Pixel 2 XL ที่ใช้ชิป Snapdragon 835 ที่เป็นอดีตชิปเรือธงในปีที่ผ่านมา พบว่ามันสามารถทำเฟรมเรตได้อยู่ในช่วง 57-60 โดยที่ส่วนใหญ่แล้วจะตกอยู่ที่ 57 fps ซะมากกว่า จากการเทียบกันในครั้งนี้ก็เลยพอจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการเล่น ROV ได้สองข้อ
- Game Suite และ GPU Turbo ส่วนช่วยในการเล่นเกมได้พอสมควร โดยเฉพาะการทำให้เฟรมเรตนิ่ง
- ความละเอียดจอจัดว่าอยู่ในระดับที่สมดุลกับพลัง GPU ทำให้สามารถทำประสิทธิภาพได้ดี
ส่วนเกม PUBG ที่รองรับ GPU Turbo แบบชัวร์ๆ นั้น จากการตรวจสอบของระบบในครั้งแรกที่เปิดเกมขึ้นมา ระบบก็แนะนำว่าสามารถปรับกราฟิกระดับ High ได้เลย พอเข้าไปในส่วนของการตั้งค่า ผมก็เข้าไปปรับค่าตามนี้
- กราฟิกระดับ HDR
- เฟรมเรตระดับ Ultra
- เปิดลบรอยหยัก (Anti-aliasing)
ซึ่งผลที่ออกมาก็คือสามารถเล่นเกมได้ลื่นไหล อาจจะมีช่วงที่หันหมุนตัวละครเร็วๆ แล้วมีอาการแล็คเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าเล่นได้ลื่นดีมากๆ ด้านของความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างเล่นก็มีพอสมควรครับ เป็นระดับที่อุ่นๆ ขึ้นกว่าตอนเล่น ROV นิดหน่อย ส่วนการกินแบตเตอรี่ก็อยู่ที่ประมาณ 17% จากการเล่น PUBG จบ 1 ตา (ประมาณ 30 นาที)
ส่วนเกม Free Fire อันนี้ผมไม่ได้แคปหน้าจอมาด้วย แต่ความรู้สึกในการเล่นโดยรวมจัดว่าลื่น แถมบางจุดลื่นกว่า PUBG ซะด้วย แม้ว่าจะปรับกราฟิกระดับ Ultra ก็ตาม
กล้องถ่ายรูปของ Honor Play
แม้ว่ากล้องของ Honor Play จะไม่ได้เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ชูโรง แต่ก็ต้องบอกว่ามันให้ความสามารถมาไม่แพ้รุ่นพี่เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI ช่วยประมวลผลในการระบุรูปแบบของซีนภาพตั้งแต่ก่อนถ่าย ไปจนถึงช่วยประมวลผลภาพให้ดูสวยงาม ถูกใจผู้ใช้งานยิ่งขึ้น ซึ่งตัวของ AI เองสามารถระบุประเภทของซีนได้กว่า 22 หมวด 500 สถานการณ์ รวมถึงยังมีการเรียนรู้รูปแบบการประมวลผลได้เรื่อยๆ อีกด้วย
ส่วนการทำงานของกล้องหลังที่มีสองตัวก็จะมีกล้องหลักเพียงแค่ตัวเดียว ส่วนกล้องอีกตัวจะใช้สำหรับระบุระยะห่างจากวัตถุ ซึ่งหลักๆ แล้วจะใช้กับการถ่ายภายในโหมดรูรับแสง (Aperture) ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพในลักษณะของหน้าชัดหลังเบลอ แบบที่สามารถเลือกระดับความเบลอได้ตามความกว้างรูรับแสงจำลองที่เกิดจากการประมวลผลภาพได้เหมือนกับมือถือรุ่นอื่นๆ ในตระกูล Honor และ Huawei เลย
UI ของแอปกล้องใน Honor Play ก็เรียนรู้เพื่อใช้งานได้ไม่ยากครับ พวกโหมดหลักๆ เช่น โหมด Portrait สำหรับถ่ายรูปบุคคล โหมด AR สำหรับใส่วัตถุแบบ AR เข้าไปในภาพ รวมถึงโหมด Aperture จะถูกจับมาเป็นโหมดหลักที่สามารถเลือกใช้งานได้ง่าย ส่วนโหมดอื่นที่น่าจะไม่ได้ใช้งานกันบ่อยๆ เช่น โหมด Pro โหมดพาโนรามา โหมดถ่ายอาหาร จะถูกซ่อนเอาไว้ในเมนู More แทน สำหรับโหมด Pro ผู้ใช้ก็สามารถตั้งค่ากล้องได้อิสระ จำกัด ISO สูงสุดที่ 3200 ชัตเตอร์ลากได้นานสุด 30 วินาที และสามารถถ่ายเป็นไฟล์ RAW ได้เช่นเคย
ส่วนการปรับแต่งด้วย AI นั้น ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด/ปิดได้ง่ายมากๆ เพียงแค่แตะตรงปุ่ม AI ที่อยู่ตรงแถบด้านบน หากเปิดอยู่ ไอคอนก็จะเป็นสีม่วง-ฟ้าแบบตามภาพด้านบน โดย AI จะสามารถใช้งานได้แค่กับการถ่ายภาพในโหมด Photo (Auto) เท่านั้น
สำหรับตัวอย่างภาพถ่ายจาก Honor Play สามารถคลิกจากแกลเลอรี่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ (ถ้ามีภาพมุมซ้ำกัน ภาพแรกเป็นการถ่ายแบบเปิด AI ภาพที่สองจะเป็นแบบปิด AI)
จากเท่าที่รีวิว Honor Play มา ถ้าในสถานการณ์ทั่วไป ถ่ายกลางแจ้งที่มีแสงเพียงพอ ภาพที่ได้ออกมาก็ถือว่าดูดี คมชัดตามสไตล์เลย ส่วนเวลาไปเจอแสงที่สีสันค่อนข้างจัดกว่าปกติ เช่นไฟสีเหลืองในร้านอาหาร และถ้าอาหารมีสีเหลือง-ส้ม ภาพที่ออกมาจากการประมวลผลด้วย AI แนะนำว่าควรปิด AI ก่อนถ่ายจะดีกว่า ส่วนถ้าเป็นการถ่ายในที่มีแสงน้อย ถ่ายภาพเวลากลางคืน ถ้าต้องการให้ภาพดูสว่างก็แนะนำว่าเปิด AI แล้วถ่ายได้เลย แต่ถ้าคุณไม่ต้องการ noise ในภาพ ก็ให้ปิด AI ซะ เนื่องจาก AI มันจะช่วยเร่งให้ภาพดูสว่างขึ้น ซึ่งส่งผลให้มี noise เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ประสิทธิภาพทั่วไปและแบตเตอรี่ของ Honor Play
แบตเตอรี่ความจุ 3750 mAh ของ Honor Play จัดว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไปในแต่ละวันอย่างแน่นอน สามารถใช้งานทั้ง Facebook, Line, Instagram, Twitter, ถ่ายรูป, ฟังเพลง ได้แบบไม่ต้องกังวล ส่วนถ้าเล่นเกมก็สามารถเล่นติดต่อกันได้แบบไม่ต้องห่วงมากนัก เนื่องจากตัว EMUI มีฟังก์ชันด้านการจัดการแบตเตอรี่มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดพลังงานที่จะช่วยลดการทำงานเบื้องหลัง เพื่อให้ใช้แบตเตอรี่ได้นานขึ้น หรือถ้าขั้นสุดจริงๆ ก็มีโหมด Ultra power saving ที่จะอนุญาตให้สามารถใช้งานได้แค่บางแอปเท่านั้น
อีกฟังก์ชันด้านการจัดการพลังงานที่น่าสนใจก็คือ Screen resolution ที่จะช่วยปรับลดความละเอียดจออัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย โดยจะปรับจาก FHD+ (2340 x 1080) ลงมาเหลือ HD+ (1560 x 720) ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป
Overall
Honor Play จัดว่าเป็นมือถือที่คุ้มค่ามากๆ รุ่นหนึ่งในตลาดช่วงนี้เลย ไม่ว่าคุณจะเป็นคนเล่นเกมบนมือถือหรือไม่ก็ตาม ด้วยสเปคที่เทียบชั้นได้กับมือถือเรือธง จอสวย หน้าตาโดยรวมก็ดูทันสมัย ฟีเจอร์ภายในก็ถือว่าให้มาครบถ้วนสำหรับการใช้งานทั่วไป ส่วนถ้าคุณเป็นคอเกมยอดนิยมอย่าง ROV และ PUBG Mobile บอกเลยว่านี่เป็นมือถือที่เหมาะกับการใช้เล่นเกมมากๆ และในอนาคตก็น่าจะมีเกมที่รองรับ GPU Turbo เพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน เรียกว่าซื้อครั้งเดียว น่าจะเล่นแบบลื่นๆ ไปได้อีกยาวเลยทีเดียว
Honor Play มีวางจำหน่ายออนไลน์แล้วที่เว็บไซต์ LAZADA https://bit.ly/2PLGRQJ และที่ช็อป AIS, CSC และ TG FONE ในราคาเพียง 9,990 บาทสามารถตรวจสอบร้านค้าได้ที่