สายชาร์จ Type C คือสิ่งที่เราสามารถเจอได้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากมือถือแบรนด์ต่างๆ นั้นก็ได้ทำการเปลี่ยนมาใช้เป็นพอร์ต Type-C กันซะส่วนมากแล้ว จะเหลือก็แค่พวกรุ่นราคาถูกจริงๆ ที่ยังใช้เป็น microUSB อยู่ ส่วนคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คนั้นพวกที่ใช้สายชาร์จ Type C มักจะเป็นรุ่นเบาบางเพื่อความสะดวกในการพกพา ทำให้ในปัจจุบันนี้สายชาร์จ Type C ได้รับความนิยมแบบสุดๆ ส่งผลให้ตลาดผลิตของออกมาเพียบ ช่วยให้ผู้ซื้ออย่างเราๆ มีตัวเลือกมากมายขึ้นมา แต่พอเยอะปุ๊บก็ทำให้เลือกไม่ถูกเช่นกันว่าสายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี วันนี้เราเลยจะมาแนะนำสาย Type C ให้กัยเพื่อนๆ กัน โดยจะมีแบรนด์ไหน รุ่นไหนบ้างนั้นไปชมกันได้เลย
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะเลือกซื้อสายชาร์จ Type C
ในการจะเลือกซื้อสายชาร์จนั้นมันมีสิ่งที่เราต้องรู้ก่อนเพื่อที่จะสามารถใช้งานระบบชาร์จของตัวเครื่องได้อย่างเต็มที่ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือสายชาร์จจากแบรนด์เดียวกับมือถือและสายชาร์จจากผู้ผลิตแบบ Third Party อย่าง ZMI, UGREEN หรือ ANKER เป็นต้น ซึ่งสายชาร์จจากผู้ผลิตเหล่านี้จะรองรับระบบชาร์จที่หลากหลายมากกว่าสายชาร์จจากแบรนด์ผู้ผลิตมือถือที่ออกแบบมาเพื่อระบบของตนเท่านั้น ทำให้เมื่อเอาไปใช้กับระบบอื่นจะไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแตกต่างจากสายชาร์จจาก Third Party ที่รองงรับระบบชาร์จเร็วหลากหลายรูปแบบ ทำให้สามารถเอาไปใช้กับมือถือได้แทบทุกแบรนด์ ทว่าก็จำเป็นต้องเช็คดูให้ดีด้วยว่าสายนั้นรองรับระบบชาร์จเร็วของมือถือที่ใช้อยู่หรือไม่ ซึ่งระบบชาร์จเร็วในปัจจุบันนี้จะมีดังนี้
- Qualcomm Quick Charge (QC) : ระบบชาร์จเร็วที่ทาง Qualcomm พัฒนาขึ้นมา รองรับการชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุดที่ 100W (20V / 5A) ซึ่งในปัจจุบันนี้แทบทุกแบรนด์ต่างก็ใช้ Qualcomm Quick Charge นี้เป็นพื้นฐานทั้งนั้น
- Power Delivery (PD) : ระบบชาร์จเร็วที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ทั้งมือถือ, แท็บเล็ตและโน๊ตบุ๊ค ซึ่งสามารถชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 100W แต่มีข้อแม้ก็คือตัวสายชาร์จจำเป็นต้องเป็นแบบ Type C ทั้ง 2 ด้านเท่านั้น
- Adaptive Fast Charge (AFC) : ระบบชาร์จเร็วที่มีใช้แค่ในมือถือของ Samsung เท่านั้น ซึ่งระบบชาร์จนี้จะรองรับการชาร์จที่กำลังไฟสูงสุดเพียงแค่ 18W (9V, 2A) เท่านั้น
- VOOC, Super VOOC, Warp Charge : ระบบชาร์จเร็วเฉพาะของแบรนด์ OPPO และ realme ซึ่ง VOOC นั้นจะรองรับกำลังไฟชาร์จแค่ 30W โดยจะพบเห็นได้ในมือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท ส่วน Super VOOC นั้นจะพบเห็นได้ในมือถือระดับเรือธงเป็นหลัก แต่ปัจจุบันก็มีลงมาในมือถือระดับกหลางบ้างแล้ว โดยกำลังไฟที่รองรับสูงสุดที่ 65W นอกจากนี้ยังมี Warp Charge ของ OnePlus ที่เอาเทคโนโลยี Super VOOC ไปพัฒนาในแบบของตนเอง
- Flash Charge : ระบบชาร์จเร็วของ vivo ที่จะพบเห็นในชื่อ vivo Flash Charge โดยในปัจจุบันนี้รองรับการชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุดที่ 55W ทว่ารุ่นที่ขายในไทยนั้นสูงสุดแค่ 44W เท่านั้น
- Turbo Charge : ระบบชาร์จเร็วของ Xiaomi ที่จะเห็นกันในชื่อ Mi Turbo Charge ซึ่งในปัจจุบันนี้มีกำลังไฟสูงสุดถึง 120W ซึ่งตอนนี้มีแค่ใน Xioami 11T Pro เท่านั้น ส่วนที่จะพบเห็นกันได้บ่อยๆ จะเป็นระบบชาร์จขนาด 33W มากกว่า
- Supet Charge : ระบบชาร์จเร็วของ HUAWEI ที่เราจะเห็นกันในชื่อ HUAWEI Super Charge ซึ่งจะพบในมือถือ HUAWEI และ Honor ซึ่งในปัจจุบันนี้รองรับการชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุดที่ 40W ซึ่งมือถือราคาไม่แพงของ HUAWEI ในปัจจุบันนี้มีหลายรุ่นที่ได้ระบบชาร์จขนาด 22.5W แล้วด้วย
10 สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี
1. ZMI AL308E
ZMI AL308E สาย Type C to Type C ความยาว 1.5 เมตร ที่รองรับกระแสไฟสูงสุถึง 100W หรือ 20V/5A และรองรับระบบชารืจเร็วแบบ PD และ QC ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับมือถือและโน๊ตบุ๊คทุกยี่ห้อที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi, Samsung, HUAWEI, iPhone, iPad และ Macbook ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้ ซึ่งความน่าสนใจก็คือราคาขายที่ 259 บาท (ณ เวลาเขียนบทความนี้) ซึ่งราคาจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา แต่ทว่าราคาก็นับว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับความสามารถของตัวสาย
2. ZMI AL873
ZMI AL873 สายชาร์จ Type C to Lightning คุณภาพ Premium ราคาไม่แรงมากนักที่มีความคงทนสูงทนการหักงอได้มากกว่า 10,000 ครั้ง ได้รับมาตรฐาน MFI จาก Apple มั่นใจได้เลยว่าสามารถใช้งานกับ iPhone, iPad ได้อยบ่างสบายใจแน่นอน โดยตัวสายนี้รองรับระบบชาร์จ PD 3.0 ที่กำลังไฟสูงสุดถึง 3A
3. Anker Powerline+ USB-C to USB-C
Anker Powerline+ สายชาร์จ USB-C to USB-C ยาว 90 cm ของทาง ANKER ที่ใช้วัสดุเป็นสายไนลอนถัก 2 ชั้น ซึ่งระบายความรร้อนได้ดี ยืดหยุ่น แถมยังทนทานต่อการหักงอ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถพกพาไปใช้งานได้ทุกที่โดยไม่ต้องกลัวสายเสียหายแน่นอน แถมด้วยความยาวที่ไม่เยอะมากช่วยให้การพกพามีความสะดวกมากขึ้นด้วย แถมความน่าสนใจก็คือตัวสายรองรับระบบชาร์จเร็วทั้ง QC และ PD ที่กำลังไฟสุงสุดถึง 60W
4. Anker PowerLine III USB-C to Lightning
Anker PowerLine III แน่นอนว่าในเมื่อมีหัว USB-C แล้วก็ต้องมีหัว Lighting ด้วยเช่นกัน ซึ่งตัว PowerLine III นี้ได้รับมาตรฐาน MFI จาก Apple ทำให้มั้นใจได้ว่าสามารถเอาไปใช้ชาร์อุปกรณื Apple ได้อย่างแน่นอน โดยตัวสายนั้นเป็นสายพลาสติกนุ่มที่เคลือบสารพิเศาที่ช่วยให้ทนทานและสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งตัวสายนี้มีความาวที่ 90 cm รองรับระบบชาร์จ PD และรองรับการจ่ายไฟสูงสุดที่ 3A ทำให้สามารถใช้ได้กับทั้ง iPhone และ iPad เลย
5. Baseus Type-C to Type-C 100W
Baseus Type-C to Type-C แบบถักไนลอนที่นอกจากจะรองรับระบบชาร์จเร็วขนาด 100W ที่สามารถใช้ชาร์จได้ทั้งมือถือและโน๊ตบุ๊คแล้วยังรองรับการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงถึง 480Mbps อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสายชาร์จครอบจักรวาลสำหรับคนที่พกอุปกรณ์ Type-C ไว้หลายๆ ชิ้นเลยก็ว่าได้ แถมด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกมากยังช่วยให้สามารถซื้อมาพกไว้ได้พร้อมกันหลายๆ ชิ้นเลย
6. UGREEN USB-C to USB-C 100W
UGREEN USB-C to USB-C สายชาร์จเร็ว 100W ที่รองรับการจ่ายไฟสูงถึง 5A ด้วยระบบชาร์จ PD ทำให้รองรับการชาร์จกับทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็ฯมือถือหรือโน๊ตบุ๊ค ขอแค่เป็นหัวชารืจ Type-C ก็สามารถใช้ร่วมกันได้หมด ตัวสายใช้วัสดุเป็นไนลอนช่วยให้มีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก
7. AUKEY CB-CD21
AUKEY CB-CD21 สายชาร์จ Type-C ที่รองรับระบบชาร์จ PD กำลังจ่ายไฟสูงถึง 100W พร้อมด้วย Smart Chip E-Marker ของ AUKEY ที่ช่วยเพิ่ใประสิทธิภาพการจ่ายไฟให้กับตัวอุปกรณ์ ช่วยให้สามารถชาร์จโน๊ตบุ๊คที่ต้องการกำลังไฟสูงๆ ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ด้วยการที่เป็น USB 3.1 Gen 2 ทำให้รองรับการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงถึง 10Gbps ช่วยลดเวลาในการโอนถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ได้เยอะเลย
8. AUKEY CB-AKC3
และสำหรับคนที่ไม่ได้เอาสายไปใช้ชาร์จอุปกรณ์ที่ต้องใช้พลังงานเยอะก็จะมี AUKEY CB-AKC3 ที่ราคาถูกกว่าให้เลือกอยู่เช่นกัน โดยสายตัวนี้จะรองรับกำลังไฟที่ 60W ซึ่งมากพอจะใช้ชาร์จมือถือ, แท็บเล็ตหรือโน๊ตบุ๊คสเปคไม่แรงมากได้ นอกจากนี้ตัวสายยังใช้วัสดุเคฟลาร์รุ่นใหม่ล่าสุดจากเยอรมัน ทนการบิดงอเกิน 50,000 ครั้ง มีทั้งความยืดหยุ่น แข็งแรงและให้ความรู้สึกหรูหราอีกด้วย
9. Eloop S6
Eloop S6 สายชาร์จวัสดุไนลอนถักยาว 1.5 เมตรที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว QC 4.0 และ PD ที่กำลังไฟสูงสุด 100W (20V/5A) สามารถเอามาใช้ชาร์จ Macbook หรือโน๊ตบุ๊คทุกรุ่นที่ใช้พอร์ต Type-C ซึ่งตัวสายนั้นใช้ E-Mark Chip ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่ช่วยให้การจ่ายไฟมีความเสถียรมากขึ้น ตัวสายหุ้มด้วยไนลอนถักช่วยให้ตัวสายมีความแข็งแรงทนทานมาก นอกจากนี้ยังรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วถึง 480Mbps ช่วยให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วขึ้นด้วย
10. Eloop S7
Eloop S7 สายชาร์จ Type-A to Type-C ความยาว 1 เมตรที่รองรับการจ่ายไฟสูงสุดถึง 5A ซึ่งตัวสายนั้นใช้ E-Mark Chip ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่ช่วยให้การจ่ายไฟมีความเสถียรมากขึ้น ตัวสายหุ้มด้วยไนลอนถักช่วยให้ตัวสายมีความแข็งแรงทนทานมาก นอกจากนี้ยังรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วถึง 480Mbps ช่วยให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วขึ้น
สายชาร์จ Type C ทั้ง 10 รุ่นนี้คือสายชาร์จที่ทางผู้เขียนมองว่าคุ้มค่าที่สุดในช่วงเวลานี้ เนื่องจากราคาที่ถูกช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่าย แถมยังรองรับกำลังไฟสูง ใช้ได้กับทุกอุปกรณ์ มีความแข็งแรง ทนทาน ช่วยให้ไม่ต้องคอยระวังเวลาใช้งานมากนัก ซึ่งการที่มันพังยากนี่แหละนับว่าเป็นอะไรที่น่าซื้อมาก ยิ่งปัจจุบันนี้ที่หาเงินยากขึ้นด้วยแล้วการได้ของราคาถูกแต่ทนทานมาใช้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
บทความที่เกี่ยวข้อง
แนะนำ 10 หัวชาร์จ iPhone 13 ราคาไม่เกิน 1,000 บาท
รีวิว Innergie PowerJoy 30D หัวชาร์จในรถยนต์ USB-PD รองรับชาร์จเร็วทุกยี่ห้อ
8 สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดีที่มีราคาถูก ชาร์จไวได้ ใช้งานหลายแบบ 2021