หลายคนที่ใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ จาก Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Apple Watch หรืออีกหลายๆ อุปกรณ์ เมื่อซื้อมาแล้วสิ่งหนึ่งที่ติดมาด้วยก็คือการรับประกัน ซึ่งเป็นตัวช่วยให้เราอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะถ้าหากมีการเสียหาย หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาแล้วยังอยู่ในความคุ้มครองก็จะสามารถส่งซ่อม หรือส่งเคลมเครื่องใหม่ได้เลยภายในเวลาที่ทางร้านคุ้มครอง โดยการคุ้มครองจาก Apple นั้นจะมีทั้ง AppleCare และ AppleCare+ ที่ยกระดับความคุ้มครองขึ้นไปอีกขั้น เพื่อให้ผู้ใช้งานอย่างเราได้อุ่นใจขึ้น หากว่าเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ สำหรับคนที่ยังไม่เคยซื้อ หรือว่าวางแผนที่จะซื้อความคุ้มครองแบบ AppleCare+ แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อดีหรือไม่ หรือคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาบอกให้ว่า Apple Care+ คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ควรซื้อดีไหมสำหรับ iPhone, iPad และอื่นๆ พร้อมเทียบกับ AIS Care+ อันไหนดีกว่ากันในปี 2024
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า Apple Care+ นั้นคืออะไรและต่างจากตัวที่เป็น Apple Care ปกติอย่างไรบ้าง โดยแบบแผนการคุ้มครองจาก Apple Care นั้นจะติดเครื่องมาด้วยเลยตั้งแต่เราซื้ออุปกรณ์ของ Apple ซึ่งจะมีการคุ้มครอง และการรับประกันแบบจำกัดรวมไปถึงการคุ้มครองการซ่อมฮาร์ดแวร์ เป็นเวลา 1 ปี และบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเวลาสูงสุด 90 วัน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม)
แต่ว่าตัวของ Apple Care+ นั้นจะเพิ่มความคุ้มครองขึ้นไปอีกขั้นคือ จะขยายระยะเวลาคุ้มครองเป็น 2 ปี นับจากวันที่เราได้ทำการซื้อ AppleCare+ และเพิ่มความคุ้มครองด้านความเสียหายจากอุบัติเหตุแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ว่าจะมีค่าธรรมเนียมการให้บริการ ตามแต่ละอุปกรณ์ที่กำหนด อย่างเช่น หน้าจอหรือกระจกด้านหลังตัวเครื่องของ iPhone หรือ Apple Pencil และคีย์บอร์ดของ iPad และของอุปกรณ์อื่นๆ นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษในการติดต่อกับฝ่ายบริการช่วยเหลือด้านเทคนิค และความคุ้มครองการให้บริการด้านแบตเตอรี่อีกด้วย
สำหรับตัว AIS Care+ นั้นเป็นบริการเสริม ที่ให้บริการดูแลเครื่องทั้งของ Android, Tablet และ iPad โดยมีบริการให้ทั้งการเปลี่ยนหน้าจอให้ฟรี 1 ครั้ง, จะเครื่องเก่าหรือใหม่ก็สมัครได้เหมือนกัน, รับเครื่องทดแทนได้ 2 ครั้ง, รับส่งตรงเวลาให้ถึงหน้าบ้าน และที่น่าสนใจก็คือการเปลี่ยนเครื่อง ที่ให้เราได้เลือกรุ่นสีเดิม เลือกเปลี่ยนสี หรือเปลี่ยนแบรนด์เลยก็ยังได้ (ตามรุ่นที่นำเสนอ) ในกรณีนี้จะมีค่าใช้จ่าย 25% หรือถ้าหากจะขอเครื่องทดแทนก็จะมีค่าบริการ 42.5% หากไม่มีเครื่องเดิมมาเปลี่ยน
ราคาและค่าบริการของ AIS Care+ จะมีทั้งแยกเป็นรายเดือนที่มีราคาเริ่มต้น 49 บาท/เดือน หรือจะเลือกเป็นเหมาจ่ายรายปีก็จะมีส่วนลดลงไปอีก มีราคาเริ่มต้นที่ 539 บาท/ปี โดยราคาแพ็กเกจการดูแลทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับราคาเครื่องปกติ (ตามรูป) ซึ่งการสมัครการบริการนี้สามารถสมัครได้นานสูงสุดถึง 4 ปี และสมัครได้ทันทีหลังจากซื้อเครื่อง หรือภายใน 30 วันโดยไม่ต้องตรวจสภาพเครื่องอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่
ส่วนทางด้านของ AIS Care+ with AppleCare Services นั้นเป็นแพ็กเกจที่รวมที่สุดของการดูแล iPhone จากทั้งผู้ให้บริการ AIS Care+ และ AppleCare Services เป็นครั้งแรกใน Southeast Asia สำหรับลูกค้าคนไทยเพื่อใช้บริการได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นจอแตก, เครื่องหล่นตกเสียหาย, เครื่องเสีย, แบตเสื่อม (ต่ำกว่า 80%), ลำโพงหรือไมค์ไม่ได้ยิน พร้อมการเลือกบริการที่หลากหลาย และให้บริการถึงหน้าบ้านหรือส่งไปยังศูนย์บริการ Apple Stores และ Apple Authorized Services ทำให้มั่นใจได้เลยว่าเป็นของแท้แน่นอน 100%
นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกจากการนำแพ็กเกจของ AIS Care+ เข้ามารวมกันทำให้สามารถขอเปลี่ยนเครื่องได้ 2 ครั้งคิดค่าบริการ 25% จากราคาปกติ หรือขอรับเครื่องทดแทนได้ 1 ครั้งคิดค่าบริการ 42.5% จากราคาปกติหากไม่มีเครื่องมาให้ ส่วนราคาของแพ็กเกจนั้นก็จะมีทั้งรายเดือนที่มีราคาเริ่มต้น 179 บาท/เดือน หรือรายปีแบบเหมาจ่ายเริ่มต้น 1,969 บาท/ปี ขึ้นอยู่กับราคาเครื่องปกติของแต่ละรุ่น พร้อมการดูแลได้สูงสุด 4 ปี สมัครได้ทันทีหลังจากซื้อ iPhone หรือ ภายใน 30 วันโดยไม่ต้องตรวจสภาพเครื่อง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่
สำหรับการซื้อ AppleCare+ นั้นโดยปกติแล้วประเทศเราสามารถซื้อได้เลยทันทีตั้งแต่ซื้ออุปกรณ์อย่าง iPhone, iPad และอื่นๆ มาใช้ หรือว่าจะทำการซื้อย้อนหลังก็ได้ แต่จะต้องไม่เกิน 60 วันนับจากวันที่ซื้ออุปกรณ์มา ซึ่งการซื้อแบบแผน Apple Care+ ย้อนหลังนั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเองผ่าน iPhone, iPad หรือ Mac ได้เลยด้วยตัวเอง
ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ สามารถเข้าไปซื้อเพิ่มเติมจากช่องทาง ออนไลน์, Apple Store ทั้งสองสาขาเลยก็ได้เช่นกัน (ต้องนำหลักฐานการซื้อไปด้วยนะ) หรือโทร 1800 019 900 แล้วทำตามขั้นตอน
โดยการซื้อ AppleCare+ ย้อนหลังด้วยตัวเองสามารถเข้าไปเช็คว่า iPhone, iPad และ Mac เข้าเกณฑ์หรือไม่ มีวิธีการซื้อและเช็คได้ดังนี้
1. ใน iPhone, iPad ให้เข้าไปที่การตั้งค่า ส่วนใน Mac ให้เลือกเมนู Apple จากนั้นเลือกการตั้งค่าระบบ (ถ้าหาไม่เจอให้เข้าไปที่ เกี่ยวกับ Mac เครื่องนี้ -> บริการช่วยเหลือ และกดปุ่ม เพิ่ม)
2. หลังจากเข้ามาแล้วให้เลือกไปที่ ทั่วไป -> เกี่ยวกับ ก็จะมีช่อง “เพิ่มความคุ้มครอง AppleCare+” ขึ้นมาให้กด และให้ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อซื้อแบบแผนที่ต้องการ จากนั้นก็จ่ายเงินก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
**ทั้งนี้ถ้าหากเข้าไปแล้วไม่มีช่อง “เพิ่มความคุ้มครอง AppleCare+” ขึ้นมาให้กด ก็หมายถึง iPhone หรือ iPad เครื่องนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะซื้อ AppleCare+ แล้วเนื่องจากเกิน 60 วัน หรือว่าไม่เข้าเกณฑ์นั่นเอง หรือตรวจสอบได้ที่นี่**
ในอีกกรณีนึงที่สามารถซื้อเพิ่มได้หลังจากผ่านไปแล้ว 60 วัน สามารถซื้อกับทาง iCare ภายในระยะเวลา 365 วัน ตามระยะประกันเครื่อง โดยจะเพิ่มความคุ้มครองอีก 2 ปีเช่นกัน แต่ต้องนำเครื่องเข้ารับบริการที่หน้าสาขา iCare เพื่อตรวจสอบ และสินค้านั้นต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่แตกหัก หรือมีรอยขีดข่วนที่เป็นผลต่อการใช้งานเครื่องอีกด้วย
มาดูที่ราคาของ Apple Care+ ว่ามีราคาเท่าไหร่กันบ้างตามแต่ละอุปกรณ์ที่เข้าเกณฑ์อยู่ในตอนนี้ทั้ง iPhone, iPad, Mac, Apple Watch, Apple Display, AirPods และ Apple TV พร้อมกับค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมของแต่ละแบบนั้นมีราคาเท่าไหร่ และมีการคุ้มครองอะไรเข้ามาบ้างทั้งด้านฮาร์ดแวร์ และบริการช่วยเหลือด้านซอฟต์แวร์ ดังนี้
รุ่น | ราคา |
iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max | 7,790 บาท |
iPhone 15 Plus และ iPhone 14 Plus | 6,790 บาท |
iPhone 15, iPhone 14 และ iPhone 13 | 5,790 บาท |
iPhone SE (รุ่นที่ 3) | 2,990 บาท |
การคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์
สำหรับราคาแพ็กเกจของ AIS Care+ with AppleCare Services ที่ให้บริการดูแล iPhone ของเรานั้น จะมีราคาที่ขึ้นอยู่กับราคาปกติของ iPhone ไม่รวมราคาโปรโมชั่นต่างๆ หรือพูดง่ายๆ ก็คือราคาเครื่องเปล่านั่นแหละ ซึ่งจะต่างจากกดูแลของ Apple Care+ ตรงที่ของ Apple Care+ จะเป็นการจ่ายทีเดียวตามราคาแต่ละรุ่นตามตารางด้านบน และดูแลให้ตลอด 2 ปีเต็ม แต่ของ AIS Care+ with AppleCare Services นั้นจะขึ้นอยู่กับราคาเครื่องเปล่า และดูแลได้ตั้งแต่รายเดือนหรือเหมารายปีได้นานสุด 48 เดือน มีราคาดังนี้
ราคาเครื่อง (บาท) | แบบรายเดือน (บาท) | แบบเหมาจ่าย 12 เดือน (บาท) |
10,001 – 20,000 | 179 | 1,969 จากปกติ 2,148 |
20,001 – 30,000 | 219 | 2,409 จากปกติ 2,628 |
30,001 – 40,000 | 249 | 2,739 จากปกติ 2,988 |
40,001 – 60,000 | 329 | 3,619 จากปกติ 3,948 |
60,001 – 80,000 | 339 | 3,999 จากปกติ 4,068 |
ทั้งนี้ก็มีสิทธิพิเศษเพิ่มเติมคือ สำหรับลูกค้าสมัครแบบเหมาจ่าย 12 เดือน (1 ปี) จะได้รับฟรีอีก 1 เดือนในเดือนที่ 13 และจะมีการต่อแพ็กเกจอัตโนมัติเป็นแบบรายเดือน โดยจะเริ่มคิดค่าแพ็กเกจเดือนที่ 14 เป็นต้นไป จนกว่าเราจะแจ้งยกเลิกเอง
โดยทั้งสองแบบทั้ง Apple Care+ และ AIS Care+ with AppleCare Services จะมีราคาและความคุ้มที่แตกต่างกันตามราคาของรุ่น ถ้านับตามการคุ้มครองแบบ 2 ปีตามระยะของ Apple Care+ กับราคาเหมาจ่ายรายปี 2 ปีของ AIS Care+ with AppleCare Services
อย่างเช่นรุ่น iPhone 15 Pro Max ที่มีราคาสูงกว่า 40,001 บาทของ AIS Care+ with AppleCare Services จะมีความคุ้มมากกว่าเพราะต้องจ่ายเพียง 7,238 บาท ในขณะที่ Apple Care+ ต้องจ่าย 7,790 บาท แต่ถ้าเป็นรุ่นที่ต่ำกว่านั้นอย่างเช่น iPhone 15, iPhone 14 และ iPhone 13 ที่ของ Apple Care+ มีราคาเพียง 5,790 บาท ก็จะคุ้มกว่า AIS Care+ with AppleCare Services ที่ต้องจ่าย 7,238 บาทนั่นเอง
ส่วนทางด้านการดูแลและการบริการนั้นของ AIS Care+ with AppleCare Services ก็จะให้บริการที่เหมือนกันกับ Apple Care+ เลยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ที่เป็นของแท้แน่นอนจาก Apple โดยตรง เพราะเป็นการรวมกันของแพ็กเกจอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือแพ็กเกจของ AIS Care+ ที่สามารถนำเครื่องเข้าไปเปลี่ยนได้ 2 ครั้งใน 12 เดือน โดยมีค่าบริการ 25% หรือถ้าจะขอรับเครื่องทดแทน 1 ครั้งก็ได้ โดยมีค่าบริการ 42.5% นอกจากนี้ก็ยังมีบริการอื่นๆ จาก AIS อีกทั้งรับ-ส่งเครื่องถึงมือเลย, มีการคืนเงินหากไม่ตรงตามนัด สำหรับบริการเปลี่ยนเครื่อง หรือรับเครื่องทดแทน ดังนั้นใครที่ซื้อ iPhone รุ่นใหม่ๆ ก็จะได้ความคุ้มทั้งราคาและการดูแลเลยสำหรับของ AIS Care+ with AppleCare Services
รุ่น | ราคา |
iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว | 6,290 บาท |
iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว | 5,190 บาท |
iPad Air (รุ่นที่ 5) | 2,990 บาท |
iPad และ iPad mini | 2,590 บาท |
การคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์
รุ่น | ราคา |
MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว (ชิป M2) | 6,500 บาท |
MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว (ชิป M3) | 7,500 บาท |
MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว (ชิป M3) | 8,500 บาท |
MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว | 10,900 บาท |
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว | 14,900 บาท |
iMac | 6,500 บาท |
Mac mini | 3,200 บาท |
Mac Studio | 5,890 บาท |
Mac Pro | 17,900 บาท |
Apple Studio Display | 5,490 บาท |
Pro Display XDR | 17,900 บาท |
การคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์
รุ่น | ราคา |
Apple Watch Ultra 2 | 3,790 บาท |
Apple Watch Series 9 | 2,990 บาท |
Apple Watch SE | 1,890 บาท |
การคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์
รุ่น | ราคา |
AirPods, AirPods Pro, Beats | 1,400 บาท |
AirPods Max | 2,600 บาท |
การคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์
รุ่น | ราคา |
Apple TV | 990 บาท |
HomePod | 1,500 บาท |
HomePod mini | 600 บาท |
การคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์
สำหรับคนที่คิดว่าควรซื้อ Apple Care+ ดีไหม หรือว่าไม่ต้องซื้อและใช้งานไปโดยไม่ต้องมีความคุ้มครองเพิ่มเติมเลยดีกว่ากัน ตรงนี้ต้องบอกว่าแล้วแต่ความสะดวกใจของแต่ละคนเลย แต่ถ้าถามเรื่องความคุ้มค่าและความอุ่นใจสำหรับ iPhone, iPad และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราซื้อมาใหม่ๆ ก็ต้องบอกว่าคุ้มมาก คิดง่ายๆ ได้ว่าถ้าสมมติเราซื้อมาใช้งานได้ 1 ปีขึ้นไป แล้วดันทำหน้าจอแตก แต่จะไปเปลี่ยนร้านนอกก็กลัวของปลอม ถ้าเข้าไปเปลี่ยนหน้าจอกับ Apple แต่ไม่มี Apple Care+ ของ iPhone 15 Pro Max ก็ 14,990 บาทเข้าไปแล้ว แต่ถ้าเราซื้อ Apple Care+ เอาไว้ก็จ่ายเพียงแค่ค่าบริการเพียง 1,000 บาทเท่านั้น รวมถึงค่าเปลี่ยนกระจกด้านหลังด้วย
หรือในอีกกรณีที่เราใช้งาน iPhone, iPad มาใช้งานเกิน 1 ปีแล้วแบตเก็บประจุได้น้อยกว่า 80% ถ้าหากเข้าไปเปลี่ยนกับ Apple จะต้องเสียค่าเปลี่ยนสำหรับ iPhone 15 Pro Max ถึง 3,690 บาท แต่ถ้าซื้อ Apple Care+ เอาไว้ก็เข้าไปเปลี่ยนได้เลยฟรี! หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุอื่นๆ ก็เสียเพิ่มเพียง 3,300 บาทเท่านั้น ถ้าใครที่อยากซ่อมอุปกรณ์ Apple ที่ใช้งานพร้อมกับคำแนะนำที่ดี รวมไปถึงอยากได้ของแท้จาก Apple เลยโดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหลอก ก็แนะนำได้เลยว่าคุ้มและดีแน่นอน
เริ่มเข้าสู่ช่วง Back to school กันอีกครั้งในปี 2024 ที่หลายโรงเรียนและมหาวิทยาลัยฯ กลับมาเปิดเทอมใหม่ นอกจากจะต้องซื้อของเพื่อเตรียมพร้อมการเข้าเรียนอย่างเช่นเสื้อผ้าแล้ว อุปกรณ์ในการช่วยให้เรียนและทำงานได้สะดวกมากขึ้นก็เป็นสิ่งจำเป็นในยุคสมัยนี้อยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นมือถือ โน๊ตบุ๊ค หรือว่าแท็บเล็ต ที่เป็นหนึ่งในตัวช่วยในการเรียนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเอามาหาความรู้เพิ่มเติมหลังการเรียน หรือว่าจะเอาไว้จดบันทึก วาดรูปออกแบบงาน และสรุปเนื้อหาการเรียนก็ได้ด้วย รวมไปถึงคนทำงานที่อยากหาแท็บเล็ตราคาไม่สูงมากมาใช้งาน วันนี้ทาง Specphone เลยจะมาแนะนำ 10 แท็บเล็ตรุ่นไหนดีปี 2024 ในงบ 10,000 บาท ที่มีทั้งสเปคดี ใช้งานได้หลากหลายทั้งเรียนและทำงานมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้างในตอนนี้
10 แท็บเล็ตรุ่นไหนดีปี 2024 ในงบ 10,000 บาท
เริ่มต้นกันที่แท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 กันด้วยรุ่นสุดฮิตอย่าง iPad ที่มีราคาเริ่มต้นจับต้องได้อยู่ในหลักหมื่นกลางๆ ยิ่งถ้าซื้อแบบราคานักเรียนก็จะมีส่วนลดลงไปจากราคาเต็มอีก โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นเริ่มต้นที่เอาไว้ใช้งานได้ดีทั้งการใช้งานทั่วไป การเรียน การขีดเขียนหรือจดบันทึกได้ด้วยปากกา Apple Pencil (รุ่นที่ 1) และ Magic Keyboard Folio มีหน้าจอเป็นแบบ Liquid Retina กว้าง 10.9 นิ้ว และได้ชิป A14 Bionic ที่ใช้งานได้ลื่น สลับแอพไปมาและทำงานร่วมกันหลายแอพได้ง่ายๆ มีทั้งรุ่น WiFi และใส่ซิม 5G มีกล้องหลัง 12MP ที่สแกนหรือถ่ายและรีทัชได้เลย ส่วนกล้องหน้ามี 12MP แนวนอนที่มีคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลาง และยังใช้การชาร์จด้วย USB-C ได้แล้วด้วย สั่งซื้อได้ที่ Apple
แนะนำแท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 กับ iPad 9th รุ่นก่อนหน้าตัวล่าสุดที่ห่างกันเพียงปีเดียว และมีราคากับสเปคที่เป็นรองลงมานิดหน่อย สำหรับคนที่อยากได้ iPad ในราคาเริ่มต้นหมื่นนิดๆ โดยรุ่นนี้ก็ยังมีการวางขายอยู่บนหน้า Apple Store ด้วย ความต่างที่เห็นได้ชัดกับรุ่นใหม่ก็คือรุ่นนี้ยังมีปุ่ม Home มีจอภาพเป็น Retina กว้าง 10.2 นิ้วรองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 1) และ Smart Keyboard มาพร้อมชิป A13 Bionic ที่ยังเร็วแรงเล่นเกมได้ ใช้งานได้หลายแอพไม่มีสะดุด วาดรูปออกแบบผลงานได้ง่ายๆ กล้องหลังมี 8MP สแกนเอกสารได้และกล้องหน้า 12MP ทีมีคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลาง รองรับทั้ง WiFi และใส่ซิม LTE สั่งซื้อได้ที่ Apple
แท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 กับรุ่นที่ยังน่าใช้งานของ HUAWEI ที่มีราคาเริ่มต้นไม่เกิน 10000 บาท โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เหมาะกับคนชอบหน้าจอใหญ่ ตัวเครื่องเบาบางพกพาได้สะดวก มีลำโพง 4 ตัวรอบทิศทาง หน้าจอเป็น TFT LCD กว้าง 11.5 นิ้วเล่นได้ลื่นด้วย Refresh Rate 120Hz และยังรองรับปากกา M-Pencil (รุ่นที่ 2) และ Smart Keyboard เอาไว้เขียนจดบันทึก ใช้ร่วมกับแอพหรือวิตเจ็ตอื่นๆ ได้ง่าย มีชิป Snapdragon 7 Gen 1 ที่มี RAM 6/128GB เล่นเกม เรียนหรือทำงานได้สบายๆ มีให้เลือกทั้ง WiFi และใส่ซิม ตัวกล้องหลังมี 13MP สแกนไฟล์ได้กล้องหน้ามี 8MP กับฟีเจอร์ FollowCam จัดให้อยู่ตรงกลางเสมอ พร้อมแบต 7,700 mAh ชาร์จไว 22.5W สั่งซื้อได้ที่ HUAWEI
สำหรับแท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจของ HUAWEI และเป็นรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวออกมาเลย ซึ่งรุ่นนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบจอใหญ่ (มีรุ่นก่อนหน้าจอ 11 นิ้ว) และชอบจอที่เป็นแบบด้านหรือจอกระดาษ แสงน้อยและวาดรูปหรือขีดเขียนด้วยปากกา M-Pencil (รุ่นที่ 2) ได้ดีเหมือนเขียนบทกระดาษ ตัวจอเป็น TFT LCD กว้าง 11.5 นิ้วรองรับ Refresh Rate 120Hz มาพร้อมชิป Snapdragon 7 Gen 1 ที่มี RAM 8/256GB มีพื้นที่จัดเก็บเยอะ ใช้หลายแอพพร้อมกันได้ รุ่นนี้รองรับแค่ WiFi โดยมีกล้องหลัง 13MP สแกนได้กล้องหน้า 8MP มีจัดให้อยู่ตรงกลาง กับแบต 7,700 mAh ชาร์จไว 22.5W สั่งซื้อได้ที่ HUAWEI
แท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 ที่น่าใช้งานและเป็นรุ่นยอดนิยมของ Lenovo ที่หลายคนเลือกใช้งานเลยก็ว่าได้ ด้วยราคาที่ไม่สูงมากในหลักหมื่นต้นๆ และมีฟีเจอร์การใช้งานที่ครบจบในตัว ซึ่งราคานี้จะได้ทั้งรุ่นที่ใส่ซิม LTE ได้และยังได้คีย์บอร์ดกับปากกาเอาไว้พิมพ์งาน หรือขีดเขียนจดบันทึกได้เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา หน้าจอคมชัดด้วยจอแบบ LCD ระดับ 2K กว้าง 11.5 นิ้ว และมี Refresh Rate 120Hz ใช้งานได้ดีด้วยชิป Helio G99 ที่มี RAM 6/128GB ทำงาน เรียนและเล่นเกมได้ แบ่งจอใช้งานได้หลายแอพ และมีลำโพง 4 ตัวรองรับ Dolby Atmos กับกล้องหลัง 13MP และกล้องหน้า 8MP มีแบตความจุ 7,700 mAh สั่งซื้อได้ที่ Lenovo และร้านค้าตัวแทนจำหน่าย
มาดูกันที่แท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 ของ Samsung กันบ้างสำหรับรุ่นที่มีราคาเริ่มต้นไม่เกิน 10000 บาท นอกจากรุ่นพลัสก็ยังมีรุ่นปกติที่วางขายด้วย แต่รุ่นนี้จะใช้งานสำหรับเรียนและทำงานได้ดีกว่า ตัวเครื่องมีความบางเบาพกพาถือได้สะดวก มีหน้าจอเป็นแบบ TFT LCD กว้าง 11 นิ้วรองรับ Refresh Rate 90Hz เหมาะกับคนที่ชอบจอขนาดใหญ่ มาพร้อมชิป Snapdragon 695 5G ที่มี RAM 8/128GB เพิ่มความจุได้อีก 1TB พร้อมใช้งานได้ทั้งรุ่น WiFi และรุ่นใส่ซิม 5G ทำงานหรือเรียนได้ไหลลื่น มีฟีเจอร์แบ่งจอและการทำงานครบ ทำงานแบบ PC ได้ด้วย Samsung DeX และมีลำโพง 4 ตัวรองรับ Dolby Atmos กับกล้องหลัง 8MP และกล้องหน้า 5MP กับแบตความจุ 7,040 mAh ชาร์จไวได้ 15W สั่งซื้อได้ที่ Samsung
แท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 ที่น่าใช้งานของ Samsung อีกหนึ่งรุ่นที่เปิดตัวออกมาล่าสุดในปี 2024 นี้เลย ซึ่งตัวใหม่นี้ก็ได้อัพเกรดให้เร็วแรงและใช้งานได้ดีขึ้น ตัวเครื่องมีความเบาบางเพียง 467 กรัม หน้าจอเป็นแบบ TFT LCD ระดับ WUXGA+ กว้าง 10.4 นิ้วขนาดกำลังดีรองรับปากกา S Pen ที่มีมาให้เลยในตัว ไม่ต้องชาร์จแบตและเก็บได้สะดวกด้วยแม้เหล็กบนตัวเครื่อง ใช้งานได้ทั้งวาดรูป เขียนบันทึกบน PDF หรือทำงานเหมือน PC ด้วย Samsung DeX กับชิป Exynos 1280 ที่มี RAM 4/128GB ใส่ซิมได้เลยพร้อมลำโพงคู่ร่วมกับ AKG รองรับ Dolby Atmos กล้องหลังมี 8MP กับกล้องหน้า 5MP และแบต 7,040 mAh ชาร์จไว 15W สั่งซื้อได้ที่ Samsung
ต่อเนื่องด้วยแท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 ของ Xiaomi กันบ้างที่รุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นไม่เกิน 10000 บาทเช่นกัน มีฟีเจอร์การใช้งานที่ครบเครื่องรองรับทั้งปากกา Smart Pen 2 และคีย์บอร์ด ใช้วาดรูปหรือจดบันทึกได้ หน้าจอเป็นแบบ IPS LCD ระดับ 2.8K กว้าง 11 นิ้วรองรับ Refresh Rate 144Hz เล่นได้ลื่นสุดๆ พร้อมลำโพง 4 ตัวรองรับ Dolby Atmos กับชิป Snapdragon 870 ที่มี RAM 8GB กับความจุ ROM 128-256GB ให้เลือก 2 รุ่นมีฟีเจอร์ให้ทั้งการแยกจอแบบรวดเร็ว แบ่งจอใช้งานหลายแอพ มีโหมดการประชุมให้ด้วยทั้งแบบเดี่ยวและกลุ่ม ส่วนกล้องหลังมี 13MP กับกล้องหน้า 8MP จัดให้อยู่ตรงกลางได้ และมีแบต 8,840 mAh ชาร์จไว 33W สั่งซื้อได้ที่ Xiaomi
แท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 รุ่นล่าสุดของ HONOR ที่มีราคาหมื่นต้นๆ เท่านั้น เหมาสำหรับการทำงานหรือเรียนได้ในราคาไม่แรงมาก รองรับการใช้ปากกา HONOR Choice Pencil สำหรับจดบันทึกและขีดเขียน หรือเปลี่ยนโหมดใช้งานได้ รองรับความบันเทิงด้วยลำโพง 8 ตัว มีระบบตัดเสียงรบกวนเพื่อการประชุมได้ดี หน้าจอเป็นแบบ TFT LCD ระดับ 2.5K กว้าง 12.1 นิ้วขนาดใหญ่สำหรับคนที่ชอบจอใหญ่ๆ ทำงานได้เต็มที่รองรับ Refresh Rate 120Hz เล่นลื่น มาพร้อมชิป Snapdragon 6 Gen 1 ที่มี RAM 8/256GB มีฟีเจอร์แบ่งจอได้ โน้ตง่าย วางขายแค่รุ่น WiFi ส่วนกล้องหลังมี 13MP กล้องหน้า 8MP กับแบต 8,300 mAh ชาร์จไว 35W สั่งซื้อได้ที่ BaNANA
ขอปิดท้ายด้วยแท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 รุ่นประหยัดในราคาไม่เกิน 10000 บาทของ TCL รุ่นนี้ที่เอาไว้ใช้งานทั่วไปได้ดี จะทำงานหรือเอาไว้เรียนก็พกพาไปได้สะดวกด้วยน้ำหนักที่เบา หน้าจอเป็นแบบ IPS LCD ระดับ 2K ขนาด 10.95 นิ้วโดยมีจอเป็นจอกระดาษ ให้สีสันสมจริงลดแสงสีฟ้า และยังมีผิวที่เรียบไม่มีรอยนิ้วมือ แถมยังรองรับปากกา T-Pen STYLUS เพื่อวาดรูป จดหรือเขียนได้สบายๆ มาพร้อมชิป Helio P60T ที่มี RAM 4/128GB ลำโพง 4 ตัวตัดเสียงรบกวนได้ ใช้เชื่อมกับคอมฯ เพื่อแชร์หน้าจอกันได้ ส่วนกล้องหลังกับกล้องหน้าเท่ากันที่ 8MP และมีแบต 8,000mAh อึดๆ สั่งซื้อได้ที่ BaNANA
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลสเปคและการแนะนำแท็บเล็ตรุ่นไหนดีในปี 2024 ที่อยู่ในงบช่วง 10,000 บาท ไม่เกิน 15,000 ที่เราได้นำมาฝากกันทั้งหมด 10 รุ่นในวันนี้ โดยแต่ละรุ่นนั้นก็จะมีฟีเจอร์และการใช้งาน พร้อมจุดเด่นที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ราจะคัดเลือกมาให้เฉพาะรุ่นที่รองรับการใช้ปากกา Stylus เพื่อขีดเขียนหรือจดบันทึก และวาดรูปได้ เพื่อเป็นเครื่องมือและเป็นตัวช่วยในการเรียนและการทำงานให้ง่ายขึ้น ใครสนใจรุ่นไหนและมีงบเท่าไหร่ก็ลองดูรุ่นที่เราได้แนะนำกันไปได้เลย
HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก HUAWEI ที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบครันในราคาสบายกระเป๋าแถมสวมใส่สบายได้ตลอดวัน มาพร้อมระบบจัดการการนอนเพื่อสุขภาพที่ช่วยให้การนอนมีคุณภาพที่ดีขึ้นและฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 2 สัปดาห์ ทุกอย่างที่ให้มานี่แทนจะเป็นสมาร์ทวอทช์อยู่แล้ว ซึ่งหลังจากที่ได้มาและเอาไปลองใช้งานมาระยะหนึ่ง วันนี้เราเลยจะมารีวิว HUAWEI Band 9 ให้ชมกันครับ
มาดูที่ตัวเรือนกันก่อนเลยดีกว่าซึ่ง HUAWEI Band 9 ที่ทางเราได้มานั้นจะเป็นสีดำ Starry Black โดยตัวเรือนของ HUAWEI Band 9 นั้นมาด้วยดีไซน์ที่เรียกว่าเพียวบางมาก เพราะตัวเรือนหนาเพียง 8.99 มม. เท่านั้น นอกจากนี้ยังเบาสุดๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 14 กรัมเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้การสวมใส่มีความเบาสบายข้อมือเป็นอย่างมาก
บนตัวเรือนจะมาพร้อมหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้พาแนลเป็น AMOLED และมีขนาดจอแสดงผล 1.47 นิ้ว จะบอกว่าดีไซน์คล้าย HUAWEI Band 8 ก็ยังได้ แต่ทว่าใน Band 9 รุ่นใหม่นี้จะมีการออกแบบให้เป็นแบบ Two-tone คือสีสันตัวเครื่องและกรอบจะมีสีที่ตัดกัน เพิ่มความสวยงามให้กับตัวเรือนได้พอสมควร อย่างของที่ทางเราได้มานั้นจะมีตัวเรือนเป็นสีดำเงาและตัดขอบด้วยสีเงินพร้อมด้วยขอบที่โค้งเล็กน้อย ทำให้ตัวเรือนดูมีความาหรูหราขึ้นมาเลย
ที่ด้านหลังของตัวเรื่อยจะมีการวางเซ็นเซอร์ต่างๆ เอาไว้ด้วยไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือเซ็นเซอร์ Gyroscope, เซ็นเซอร์ Accelerometer และเซ็นเซอร์ Magnetometer ซึ่งแทบไม่ต่างจากเซ็นเซอร์ที่อยู่บนสมาร์ทวอทช์เลยทีเดียว
ตัวสายจะใช้วัสดุเป็นยางฟลูโอโรอีลาสโตเมอร์ที่มีความนุ่มและยืดหยุ่นได้ดี โดยดีไซน์ตัวสายจะมีความเรียบง่ายเน้นให้สามารถใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ แถมหากใครที่ไม่ชอบสายที่มีอยู่ก็สามารถเปลี่ยนสายได้ง่ายๆ ด้วยเช่นกัน
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ HUAWEI Band 9 นั้นน่าใช้ก็คือปุ่มด้านข้างงที่นอกจากจะใช้เป็นปุ่มโฮมและปุ่มเรียกฟีเจอร์ออกกำลังแล้ว ปุ่มโฮมตัวนี้ยังสามารถใช้เปิด-ปิดตัว Band 9 ได้ด้วย ทำให้หากไม่ได้ใช้งานก็สามารถปิดเครื่องเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้
ในการเชื่อมต่อเพื่อที่จะใช้งาน HUAWEI Band 9 นั้นจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อผ่านแอปฯ HUAWEI Health โดยจะใช้การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 ในการซิงค์ข้อมูลระหว่างตัวเรือนและแอปฯ ซึ่งตัวแอปฯ นั้นก็สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ทั้ง Android และ iOS ส่วนสมาร์ทโฟน HUAWEI นั้นจะมีการติดตั้งมาให้แต่แรกอยู่แล้ว และเพื่อให้สามารถใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ก็ต้องมีการใช้ HUAWEI ID เพิ่มด้วย
โดยแอปฯ HUAWEI Health นี้คือศูนย์รวมข้อมูลสุขภาพของเราจากเซ็นเซอร์ทั้งหมดบนเครื่องที่บันทึกมาได้ รวมถึงยังสามารถเช็คสถานะของตัวอุปกรณ์, การตั้งค่าต่างๆ และการอัปเดตอุปกรณ์ก็รวมอยู่ในแอปฯ นี้หมดแล้ว
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าฟีเจอร์กันน้ำเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็นสำหรับสมาร์ทแบนด์และสมาร์ทวอทช์ในปัจจุบันนี้ ซึ่งใน HUAWEI Band 9 นั้นมาพร้อมมาตราฐานกันน้ำในระดับ 5ATM หรือกันน้ำได้ลึก 50 เมตรเลยทีเดียว หมายความว่าไม่ใช่แค่กันฝนหรือกันเหงื่อ แต่สามารถใส่ลงไปว่ายน้ำได้สบายๆ เลย งานนี้สายออกกำลังกายคงสบายตัวสบายใจขึ้นเยอะฃ
อีกสิ่งที่เรียกได้ว่าสำคัญไม่แพ้กันก็คือ Watch Face เพราะนี้เป็ฯสิ่งที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งใน HUAWEI band 9 นั้นจะมีติดมาให้ตั้งแต่แรก 8 แบบ และสามารถหาเพิ่มได้อีกกว่า 10,000 แบบผ่านแอปฯ HUAWEI Health โดยจะมีทั้งแบบฟรีและเสียเงินเลยครับ แต่บอกเลยของฟรีสวยๆ ก็มีเพียบนะเออ
ฟีเจอร์หนึ่งที่หลายๆ คนน่าจะต้องการแต่ดันหาไม่ค่อยได้ในสมาร์ทแบนด์ราคาไม่แพงก็คือฟีเจอร์ Always on Display เนื่องจากปกติฟีเจอร์นี้มักจะอยู่บนสมาร์ทวอทช์ที่มีอายุแบตเตอรี่สั้นกว่านั่นเอง แต่คราวนี้ใน HUAWEI Band 9 มีการใส่ฟีเจอร์นี้มา แถมยังสามารถใช้งานร่วมกับ Watch Face บางตัวได้ด้วย
ฟีเจอร์นี้นับว่าเป็นจุดขายหลักของ HUAWEI Band 9 เลยก็ว่าได้กับระบบจัดการการนอนเพื่อสุขภาพด้วย TruSleep 4.0 โดยฟีเจอร์นี้จะตรวจจับการนอนของเราในแบบเชิงลึกไม่ว่าจะเป็น เวลาที่เราอยู่บนเตียงกี่ชั่วโมง, นอนหลับจริง ๆ กี่ชั่วโมง, ระยะเวลาตั้งแต่เข้านอนจนถึงเริ่มหลับ, ประสิทธิภาพการนอนหลับ, ระยะเวลาที่หลับลึก, ระยะเวลาที่หลับตื้น, ช่วงที่ตื่นกลางดึก, ช่วงฝัน (REM), ช่วงงีบหลับ, ระดับออกซิเจนในเลือดขณะหลับ, อัตราการเต้นของหัวใจขณะหลับ และยังสามารถตรวจจับการกรนได้ด้วย แต่ทว่าการตรวจจับการกรนนั้นจะต้องนำมือถือมาไว้ใกล้ๆ ตัวตอนหลับด้วยนะ และต้องไปกดเปิดฟีเจอร์นี้เองด้วย (เปิดแอป HUAWEi Health > เลือกการนอนหลับ > กดบันทึกการนอนหลับ)
นอกจากการตรวจจับต่างๆ แล้วยังมีฟีเจอร์ที่สามารถช่วยให้หลับยากนอนได้เร็วขึ้นด้วย โดยการเปิดดนตรีหรือเสียงมาช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งเสียงที่จะเอามาใช่กล่อมนั้นมีให้เลือกเพียบเลย ไม่ว่าจะเสียงแนวสดชื่นตอนตื่นยามเช้า, เสียงธรรมชาติสำหรับคลายเครียด, เสียงน้ำหยดหรือเสียงฝนสำหรับกล่อมนอนเพลิน ๆ
HUAWEI Band 9 นอกจากจะได้ TruSleep รุ่นใหม่แล้วยังได้ TruSeen รุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน โดยตอนนี้ได้อัปเกรดมาถึงเวอร์ชั่น 5.5 แล้ว ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้นั้นจะมีการเพิ่มความแม่นยำในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจและความแม่นยำของออกซิเจนในเลือดได้อย่างมาก ด้วยโมดูลการตรวจจับด้วยแสง PPG ประสิทธิภาพสูงใหม่และอัลกอริทึมฟิวชั่นแบบหลายช่องสัญญาณ
เชื่อว่าหลายๆ คนที่ซื้อสมาร์ทวอทช์และสมาร์ทแบนด์ก็หวังที่จะดูการแจ้งเตือนแบบสะดวกๆ โดยที่ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาทุกครั้ง ซึ่งโดยปกติแล้วสมาร์ทแบนด์มักจะไม่ค่อยรอบรับการแจ้งเตือนเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาไทย แต่ทว่าใน HUAWEI Band 9 นี้รองรับการแจ้งเตือนภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็ฯสายเรียกเข้า, ข้อความแชท หรืออื่นๆ ก็สามาถรอ่านได้หมด นอกจากนี้ยังสามารถตอบกลับไปไดด้วย ถึงจะเป็ฯการตอบด้วยข้อความที่เซ็ตเอาไว้ล่วสงหน้าก่อนแล้วก็ตาม
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดของอุปกณ์ต่างๆ ก็คือแบตเตอรี่ ซึ่งทาง HUAWEI เคลมเรื่องแบตเตอรี่เอาไว้ว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 2 สัปดาห์ ส่วนการใช้งานปกติก็สามารถใช้งานได้นานถึง 9 วัน ซึ่งบอกเลยว่าเพียวพอแล้ว แค่นี้ก็แทบจะลืมชารืจกันอยู่แล้ว แต่ถ้าเปิด AOD ด้วยระยะเวลาใช้งานจะหดลงมาเหลือ 3 วันอันนี้อาจจะต้องคอยระวังกันหน่อย
แต่ถ้าเกิดบังเอิญเห็นว่าแบตเตอรี่จะหมดตอนที่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่ต้องกลัวไป เนื่องจาก HUAWEI Band 9 นั้นรองรับการชาร์จเร็วที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาทีก็สามารถใช้งานต่อได้อีก 2 วันแล้ว หรือถ้ามีเวลาหน่อยก็รอสัก 45 นาทีแบตเตอรี่ก็เต็มแล้ว เอาไปใช้ยาวๆ ได้สบาย
จากที่ลองใช้ HUAWEI Band 9 มานั้น บอกเลยว่านี่คือหนึ่งในสมาร์ทแบนด์ตัวคุ้มที่สุดในปี 2024 นี้เลย เพราะได้สเปคมาแบบจัดเต็ม (ถ้ามี GPS ในตัวก็แทบจะเป็นสมาร์ทวอทช์อยู่แล้ว) ฟีเจอร์เหนือล้ำแบรนด์อื่นๆ ในราคาที่ไม่ได้ต่างกันมากนัก
โดย HUAWEI Band 9 นั้นจะมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 1,999 บาท มีให้เลือก 4 สีได้แก่สีดำ Starry Black, สีขาว White, สีเหลือง Lemon Yellow และสีชมพู Charm Pink ซึ่งมาพร้อมโปรโมชั่นเปิดตัวดังนี้
SAMSANG so3
";s:4:"view";s:5:"91447";s:4:"vote";s:1:"0";s:13:"performance_s";s:1:"0";s:5:"value";s:1:"0";s:6:"design";s:1:"0";s:9:"mat_score";s:3:"0.0";s:5:"trend";s:1:"0";s:4:"best";s:1:"0";s:10:"lastupdate";s:10:"2015-04-29";s:9:"timestamp";s:19:"2024-04-27 03:08:13";s:6:"pantip";s:1:"1";s:9:"wordpress";s:1:"0";s:12:"cpu_score_id";s:3:"229";s:15:"cpu_performance";s:1:"1";s:9:"cpu_value";s:6:"0.1000";s:6:"cpu_id";s:3:"131";s:4:"slug";s:13:"vivo-Xplay-3S";s:13:"price_jaymart";s:1:"0";s:17:"price_truemart_id";s:1:"0";s:12:"price_banana";s:1:"0";s:15:"price_banana_id";s:1:"0";s:14:"search_hilight";N;s:3:"cid";s:5:"17451";s:3:"pid";s:3:"870";s:4:"name";s:5:"Guest";s:4:"when";s:10:"1676571043";s:7:"parrent";s:1:"0";s:2:"ip";s:13:"196.190.52.20";s:4:"fbid";s:1:"2";}i:1;a:111:{s:2:"id";s:3:"870";s:5:"brand";s:4:"vivo";s:5:"model";s:8:"Xplay 3S";s:11:"Performance";s:1:"0";s:13:"3DPerformance";s:1:"0";s:12:"Product_Type";s:10:"Smartphone";s:2:"os";s:7:"Android";s:10:"OS_Version";s:3:"4.3";s:9:"Processor";s:34:"Qualcomm Snapdragon 801 MSM8974-AB";s:8:"cpu_type";s:14:"Quad Core 2013";s:9:"cpu_platf";s:3:"ARM";s:15:"Processor_speed";s:4:"2300";s:3:"GPU";s:12:"Mali-450 MP4";s:3:"RAM";s:4:"3000";s:8:"ram_type";N;s:8:"rom_type";N;s:3:"ROM";s:2:"16";s:14:"announced_date";s:7:"2014-06";s:9:"sell_date";s:10:"2014-10-23";s:13:"sellingStatus";s:1:"1";s:5:"price";s:5:"13990";s:8:"price_GB";s:0:"";s:10:"price_mark";s:1:"0";s:10:"Grey_Price";s:0:"";s:8:"Price_tu";s:3:"///";s:11:"Predecessor";s:2:"-1";s:9:"Successor";s:2:"-1";s:12:"Display_size";s:4:"6.00";s:10:"Resolution";s:11:"2560 x 1440";s:14:"cal_resolution";s:1:"0";s:12:"Display_Type";s:7:"IPS LCD";s:5:"Color";s:3:"16M";s:11:"Multi-touch";s:1:"1";s:9:"Camera_No";s:1:"2";s:11:"Resolution1";s:5:"13.00";s:13:"Resolution1_2";N;s:13:"Resolution1_3";N;s:13:"Resolution1_4";N;s:11:"Resolution2";s:1:"5";s:13:"Resolution2_2";N;s:13:"Resolution2_3";N;s:12:"Camera_Flash";s:9:"LED Flash";s:10:"Auto_Focus";s:1:"1";s:14:"VDO_Resolution";s:14:"1080p (30 fps)";s:13:"Video_Calling";s:1:"1";s:12:"Audio_Output";s:3:"3.5";s:7:"speaker";N;s:4:"jack";N;s:13:"sound_feature";N;s:12:"noise_cancel";N;s:8:"FM_Tuner";s:1:"1";s:4:"CDMA";s:1:"0";s:3:"GSM";s:17:"850/900/1800/1900";s:3:"sim";s:20:"a:1:{i:0;s:3:"N/A";}";s:9:"sim_plate";N;s:7:"UMTS_3G";s:13:"850/1900/2100";s:3:"LTE";s:1:"s";s:5:"dataT";s:21:"GPRS, EDGE, HSPA+,LTE";s:9:"Slot_Type";s:1:"0";s:17:"Maximum_card_size";s:1:"0";s:9:"Bluetooth";s:10:"4.0 , A2DP";s:5:"Wi-Fi";s:12:"802.11 b/g/n";s:3:"USB";s:9:"micro USB";s:4:"HDMI";s:3:"MHL";s:3:"GPS";s:9:"GPS, AGPS";s:9:"Batt-Type";s:6:"Li-ion";s:15:"wireless_charge";s:1:"0";s:11:"fast_charge";s:1:"0";s:16:"fast_charge_type";N;s:8:"Capacity";s:4:"3200";s:10:"Dimensions";s:20:"158.2 x 82.59 x 8.68";s:6:"Weight";s:3:"174";s:10:"Navigation";s:24:"Touchscreen (Capacitive)";s:10:"Alias_Name";s:0:"";s:6:"unlock";N;s:11:"Sensor_Type";s:49:"Ambient light, Motion Sensor, Proximity, G-sensor";s:3:"NFC";s:1:"1";s:3:"OTG";s:1:"1";s:8:"Material";s:8:"Plastic ";s:6:"review";s:2:"-1";s:3:"tag";s:23:"Xplay 3S ,vivo Xplay 3S";s:7:"comment";s:16:"GAlAKSIs3
";s:4:"view";s:5:"91447";s:4:"vote";s:1:"0";s:13:"performance_s";s:1:"0";s:5:"value";s:1:"0";s:6:"design";s:1:"0";s:9:"mat_score";s:3:"0.0";s:5:"trend";s:1:"0";s:4:"best";s:1:"0";s:10:"lastupdate";s:10:"2015-04-29";s:9:"timestamp";s:19:"2024-04-27 03:08:13";s:6:"pantip";s:1:"1";s:9:"wordpress";s:1:"0";s:12:"cpu_score_id";s:3:"229";s:15:"cpu_performance";s:1:"1";s:9:"cpu_value";s:6:"0.1000";s:6:"cpu_id";s:3:"131";s:4:"slug";s:13:"vivo-Xplay-3S";s:13:"price_jaymart";s:1:"0";s:17:"price_truemart_id";s:1:"0";s:12:"price_banana";s:1:"0";s:15:"price_banana_id";s:1:"0";s:14:"search_hilight";N;s:3:"cid";s:5:"17450";s:3:"pid";s:3:"870";s:4:"name";s:5:"Guest";s:4:"when";s:10:"1676570978";s:7:"parrent";s:1:"0";s:2:"ip";s:13:"196.190.52.20";s:4:"fbid";s:1:"2";}i:2;a:111:{s:2:"id";s:4:"1657";s:5:"brand";s:5:"Apple";s:5:"model";s:8:"iPhone X";s:11:"Performance";s:1:"0";s:13:"3DPerformance";s:1:"0";s:12:"Product_Type";s:10:"Smartphone";s:2:"os";s:3:"iOS";s:10:"OS_Version";s:2:"11";s:9:"Processor";s:17:"Apple A11 Bionic";s:8:"cpu_type";s:14:"Hexa-core 2017";s:9:"cpu_platf";s:3:"ARM";s:15:"Processor_speed";s:4:"2400";s:3:"GPU";s:3:"Yes";s:3:"RAM";s:4:"3000";s:8:"ram_type";s:0:"";s:8:"rom_type";s:0:"";s:3:"ROM";s:6:"64/256";s:14:"announced_date";s:7:"2017-09";s:9:"sell_date";s:10:"2017-11-24";s:13:"sellingStatus";s:1:"0";s:5:"price";s:5:"29900";s:8:"price_GB";s:11:"29900/41900";s:10:"price_mark";s:1:"0";s:10:"Grey_Price";s:1:"/";s:8:"Price_tu";s:1:"/";s:11:"Predecessor";s:8:"iPhone 7";s:9:"Successor";s:2:"-1";s:12:"Display_size";s:4:"5.80";s:10:"Resolution";s:11:"2436 x 1125";s:14:"cal_resolution";s:1:"0";s:12:"Display_Type";s:15:"Super Retina HD";s:5:"Color";s:3:"16M";s:11:"Multi-touch";s:1:"1";s:9:"Camera_No";s:1:"2";s:11:"Resolution1";s:5:"12.00";s:13:"Resolution1_2";s:4:"0.00";s:13:"Resolution1_3";s:4:"0.00";s:13:"Resolution1_4";s:4:"0.00";s:11:"Resolution2";s:1:"7";s:13:"Resolution2_2";s:0:"";s:13:"Resolution2_3";s:0:"";s:12:"Camera_Flash";s:14:"Dual LED Flash";s:10:"Auto_Focus";s:1:"1";s:14:"VDO_Resolution";s:2:"4K";s:13:"Video_Calling";s:1:"1";s:12:"Audio_Output";s:9:"Lightning";s:7:"speaker";s:0:"";s:4:"jack";s:0:"";s:13:"sound_feature";s:0:"";s:12:"noise_cancel";s:0:"";s:8:"FM_Tuner";s:1:"0";s:4:"CDMA";s:1:"1";s:3:"GSM";s:17:"850/900/1800/1900";s:3:"sim";s:25:"a:1:{i:0;s:8:"nano sim";}";s:9:"sim_plate";s:0:"";s:7:"UMTS_3G";s:17:"850/900/1900/2100";s:3:"LTE";s:1:"s";s:5:"dataT";s:24:"LTE Advanced,HSPA+ ,EDGE";s:9:"Slot_Type";s:0:"";s:17:"Maximum_card_size";s:1:"0";s:9:"Bluetooth";s:13:"5.0, A2DP, LE";s:5:"Wi-Fi";s:17:"802.11 a/b/g/n/ac";s:3:"USB";s:9:"Lightning";s:4:"HDMI";s:0:"";s:3:"GPS";s:25:"A-GPS, GLONASS, BDS, GALI";s:9:"Batt-Type";s:20:"Non-removable Li-Ion";s:15:"wireless_charge";s:0:"";s:11:"fast_charge";s:0:"";s:16:"fast_charge_type";s:0:"";s:8:"Capacity";s:2:"-1";s:10:"Dimensions";s:18:"143.6 x 70.9 x 7.7";s:6:"Weight";s:3:"174";s:10:"Navigation";s:12:"Touch screen";s:10:"Alias_Name";s:2:"-1";s:6:"unlock";s:0:"";s:11:"Sensor_Type";s:70:"Accelerometer Sensor,Proximity Sensor,Ambient Light Sensor,Gyro Sensor";s:3:"NFC";s:1:"1";s:3:"OTG";s:1:"0";s:8:"Material";s:14:"Aluminum,glass";s:6:"review";s:0:"";s:3:"tag";s:14:"Apple,iPhone X";s:7:"comment";s:52:"เข้าใช้งานได้ดี
";s:4:"view";s:4:"8772";s:4:"vote";s:1:"0";s:13:"performance_s";s:1:"0";s:5:"value";s:1:"0";s:6:"design";s:1:"0";s:9:"mat_score";s:3:"0.0";s:5:"trend";s:1:"0";s:4:"best";s:1:"0";s:10:"lastupdate";s:10:"2019-09-23";s:9:"timestamp";s:19:"2024-05-06 02:24:37";s:6:"pantip";s:1:"1";s:9:"wordpress";s:1:"0";s:12:"cpu_score_id";s:1:"0";s:15:"cpu_performance";s:1:"0";s:9:"cpu_value";s:6:"0.0000";s:6:"cpu_id";s:3:"418";s:4:"slug";s:14:"Apple-iPhone-X";s:13:"price_jaymart";s:1:"0";s:17:"price_truemart_id";N;s:12:"price_banana";s:1:"0";s:15:"price_banana_id";s:0:"";s:14:"search_hilight";N;s:3:"cid";s:5:"17449";s:3:"pid";s:4:"1657";s:4:"name";s:5:"Guest";s:4:"when";s:10:"1573935964";s:7:"parrent";s:1:"0";s:2:"ip";s:12:"1.46.111.250";s:4:"fbid";s:1:"2";}i:3;a:111:{s:2:"id";s:4:"1996";s:5:"brand";s:4:"Sony";s:5:"model";s:8:"Xperia 8";s:11:"Performance";s:1:"0";s:13:"3DPerformance";s:1:"0";s:12:"Product_Type";s:10:"Smartphone";s:2:"os";s:7:"Android";s:10:"OS_Version";s:1:"9";s:9:"Processor";s:23:"Qualcomm Snapdragon 630";s:8:"cpu_type";s:14:"Octa Core 2018";s:9:"cpu_platf";s:3:"ARM";s:15:"Processor_speed";s:4:"2200";s:3:"GPU";s:10:"Adreno 508";s:3:"RAM";s:4:"4000";s:8:"ram_type";s:0:"";s:8:"rom_type";s:0:"";s:3:"ROM";s:2:"64";s:14:"announced_date";s:7:"2019-10";s:9:"sell_date";s:10:"2019-10-14";s:13:"sellingStatus";s:1:"1";s:5:"price";s:4:"4990";s:8:"price_GB";s:4:"4990";s:10:"price_mark";s:1:"0";s:10:"Grey_Price";s:0:"";s:8:"Price_tu";s:0:"";s:11:"Predecessor";s:2:"-1";s:9:"Successor";s:2:"-1";s:12:"Display_size";s:4:"6.00";s:10:"Resolution";s:11:"2520 x 1080";s:14:"cal_resolution";s:1:"0";s:12:"Display_Type";s:7:"IPS LCD";s:5:"Color";s:3:"16M";s:11:"Multi-touch";s:1:"1";s:9:"Camera_No";s:1:"2";s:11:"Resolution1";s:5:"12.00";s:13:"Resolution1_2";s:4:"8.00";s:13:"Resolution1_3";s:4:"0.00";s:13:"Resolution1_4";s:4:"0.00";s:11:"Resolution2";s:1:"8";s:13:"Resolution2_2";s:0:"";s:13:"Resolution2_3";s:0:"";s:12:"Camera_Flash";s:9:"LED Flash";s:10:"Auto_Focus";s:1:"1";s:14:"VDO_Resolution";s:2:"4k";s:13:"Video_Calling";s:1:"1";s:12:"Audio_Output";s:6:"3.5 mm";s:7:"speaker";s:0:"";s:4:"jack";s:0:"";s:13:"sound_feature";s:0:"";s:12:"noise_cancel";s:1:"1";s:8:"FM_Tuner";s:1:"1";s:4:"CDMA";s:1:"1";s:3:"GSM";s:17:"850/900/1800/1900";s:3:"sim";s:44:"a:2:{i:0;s:8:"nano sim";i:1;s:8:"nano sim";}";s:9:"sim_plate";s:11:"Hybrid Slot";s:7:"UMTS_3G";s:17:"850/900/1900/2100";s:3:"LTE";s:20:"850/1800/1900/2100/s";s:5:"dataT";s:15:"LTE ,HSPA+,EDGE";s:9:"Slot_Type";s:7:"microSD";s:17:"Maximum_card_size";s:3:"512";s:9:"Bluetooth";s:22:"5.0, A2DP, LE, aptX HD";s:5:"Wi-Fi";s:17:"802.11 a/b/g/n/ac";s:3:"USB";s:31:"Type-C 1.0 reversible connector";s:4:"HDMI";s:0:"";s:3:"GPS";s:25:"A-GPS, A-Glonass, Beidou,";s:9:"Batt-Type";s:6:"Li-ion";s:15:"wireless_charge";s:0:"";s:11:"fast_charge";s:1:"1";s:16:"fast_charge_type";s:16:"Quick Charge 3.0";s:8:"Capacity";s:4:"2760";s:10:"Dimensions";s:14:"158 x 69 x 8.1";s:6:"Weight";s:3:"170";s:10:"Navigation";s:12:"Touch screen";s:10:"Alias_Name";s:2:"-1";s:6:"unlock";s:0:"";s:11:"Sensor_Type";s:71:"Fingerprint (side-mounted), accelerometer, proximity, compass,Gyroscope";s:3:"NFC";s:1:"1";s:3:"OTG";s:1:"1";s:8:"Material";s:0:"";s:6:"review";s:0:"";s:3:"tag";s:8:"Xperia 8";s:7:"comment";s:9:"rr
";s:4:"view";s:4:"2049";s:4:"vote";s:1:"0";s:13:"performance_s";s:1:"0";s:5:"value";s:1:"0";s:6:"design";s:1:"0";s:9:"mat_score";s:3:"0.0";s:5:"trend";s:1:"0";s:4:"best";s:1:"0";s:10:"lastupdate";s:10:"2019-12-23";s:9:"timestamp";s:19:"2024-05-05 00:28:28";s:6:"pantip";s:1:"0";s:9:"wordpress";s:1:"0";s:12:"cpu_score_id";s:1:"0";s:15:"cpu_performance";s:1:"0";s:9:"cpu_value";s:6:"0.0000";s:6:"cpu_id";s:3:"424";s:4:"slug";s:13:"Sony-Xperia-8";s:13:"price_jaymart";s:1:"0";s:17:"price_truemart_id";N;s:12:"price_banana";s:1:"0";s:15:"price_banana_id";s:0:"";s:14:"search_hilight";s:1:"0";s:3:"cid";s:5:"17448";s:3:"pid";s:4:"1996";s:4:"name";s:5:"Guest";s:4:"when";s:10:"1572977781";s:7:"parrent";s:1:"0";s:2:"ip";s:14:"184.22.191.218";s:4:"fbid";s:1:"2";}i:4;a:111:{s:2:"id";s:4:"1844";s:5:"brand";s:7:"Samsung";s:5:"model";s:14:"Galaxy J6 Plus";s:11:"Performance";s:1:"0";s:13:"3DPerformance";s:1:"0";s:12:"Product_Type";s:10:"Smartphone";s:2:"os";s:7:"Android";s:10:"OS_Version";s:1:"8";s:9:"Processor";s:28:"Qualcomm Snapdragon 425 8917";s:8:"cpu_type";s:14:"Octa-core 2017";s:9:"cpu_platf";s:3:"ARM";s:15:"Processor_speed";s:4:"1400";s:3:"GPU";s:10:"Adreno 308";s:3:"RAM";s:4:"4000";s:8:"ram_type";s:0:"";s:8:"rom_type";s:0:"";s:3:"ROM";s:2:"64";s:14:"announced_date";s:7:"2018-09";s:9:"sell_date";s:0:"";s:13:"sellingStatus";s:1:"2";s:5:"price";s:4:"6490";s:8:"price_GB";s:4:"6490";s:10:"price_mark";s:1:"0";s:10:"Grey_Price";s:0:"";s:8:"Price_tu";s:0:"";s:11:"Predecessor";s:2:"-1";s:9:"Successor";s:2:"-1";s:12:"Display_size";s:4:"6.00";s:10:"Resolution";s:10:"1480 x 720";s:14:"cal_resolution";s:1:"0";s:12:"Display_Type";s:0:"";s:5:"Color";s:3:"16M";s:11:"Multi-touch";s:1:"1";s:9:"Camera_No";s:1:"2";s:11:"Resolution1";s:5:"13.00";s:13:"Resolution1_2";s:4:"0.00";s:13:"Resolution1_3";s:4:"0.00";s:13:"Resolution1_4";s:4:"0.00";s:11:"Resolution2";s:1:"8";s:13:"Resolution2_2";s:0:"";s:13:"Resolution2_3";s:0:"";s:12:"Camera_Flash";s:9:"LED Flash";s:10:"Auto_Focus";s:1:"1";s:14:"VDO_Resolution";s:13:"1080p (30fps)";s:13:"Video_Calling";s:1:"1";s:12:"Audio_Output";s:6:"3.5 mm";s:7:"speaker";s:0:"";s:4:"jack";s:0:"";s:13:"sound_feature";s:0:"";s:12:"noise_cancel";s:0:"";s:8:"FM_Tuner";s:1:"1";s:4:"CDMA";s:1:"0";s:3:"GSM";s:17:"850/900/1800/1900";s:3:"sim";s:44:"a:2:{i:0;s:8:"nano sim";i:1;s:8:"nano sim";}";s:9:"sim_plate";s:0:"";s:7:"UMTS_3G";s:17:"850/900/1900/2100";s:3:"LTE";s:1:"s";s:5:"dataT";s:14:"EDGE, HSPA,LTE";s:9:"Slot_Type";s:7:"microSD";s:17:"Maximum_card_size";s:3:"512";s:9:"Bluetooth";s:3:"4.1";s:5:"Wi-Fi";s:19:"802.11 b/g/n 2.4GHz";s:3:"USB";s:9:"micro USB";s:4:"HDMI";s:0:"";s:3:"GPS";s:20:"GPS, Glonass, Beidou";s:9:"Batt-Type";s:6:"Li-ion";s:15:"wireless_charge";s:0:"";s:11:"fast_charge";s:0:"";s:16:"fast_charge_type";s:0:"";s:8:"Capacity";s:4:"3300";s:10:"Dimensions";s:18:"161.4 x 76.9 x 7.9";s:6:"Weight";s:3:"178";s:10:"Navigation";s:24:"Touchscreen (Capacitive)";s:10:"Alias_Name";s:0:"";s:6:"unlock";s:0:"";s:11:"Sensor_Type";s:64:"Accelerometer, Fingerprint Sensor, Hall Sensor, Proximity Sensor";s:3:"NFC";s:1:"0";s:3:"OTG";s:1:"1";s:8:"Material";s:7:"Plastic";s:6:"review";s:0:"";s:3:"tag";s:22:"samsung Galaxy j6 Plus";s:7:"comment";s:13:"สึ
";s:4:"view";s:5:"94201";s:4:"vote";s:1:"0";s:13:"performance_s";s:1:"0";s:5:"value";s:1:"0";s:6:"design";s:1:"0";s:9:"mat_score";s:3:"1.5";s:5:"trend";s:1:"0";s:4:"best";s:1:"0";s:10:"lastupdate";s:10:"2019-05-05";s:9:"timestamp";s:19:"2024-05-05 21:22:02";s:6:"pantip";s:1:"1";s:9:"wordpress";s:1:"0";s:12:"cpu_score_id";s:1:"0";s:15:"cpu_performance";s:1:"0";s:9:"cpu_value";s:6:"0.0000";s:6:"cpu_id";s:3:"406";s:4:"slug";s:22:"Samsung-Galaxy-J6-Plus";s:13:"price_jaymart";s:1:"0";s:17:"price_truemart_id";N;s:12:"price_banana";s:1:"0";s:15:"price_banana_id";s:0:"";s:14:"search_hilight";N;s:3:"cid";s:5:"17447";s:3:"pid";s:4:"1844";s:4:"name";s:5:"Guest";s:4:"when";s:10:"1561185944";s:7:"parrent";s:1:"0";s:2:"ip";s:13:"115.84.71.241";s:4:"fbid";s:1:"2";}}s:9:"tag_cloud";a:1:{i:0;a:2:{s:4:"name";s:16:"custom_tag_cloud";s:4:"text";s:245:"โทรศัพท์มือถือ,ราคามือถือ,Android,แอนดรอย,Windowphone,smart device,iphone,ipad,android 4.0,android 4.1,JB,Jelly Been,ICS,IOS 6.1,ss-galaxy,ซัมซุง,Lumia,snapdragon,tegra,BB";}}s:10:"tag_cloud2";a:15:{i:0;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"6225";s:7:"term_id";s:4:"6209";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"16";s:4:"name";s:3:"3BB";s:4:"slug";s:3:"3bb";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:1;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"4907";s:7:"term_id";s:4:"4898";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"80";s:4:"name";s:6:"Lazada";s:4:"slug";s:6:"lazada";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:2;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"1961";s:7:"term_id";s:4:"1959";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"12";s:4:"name";s:8:"Nintendo";s:4:"slug";s:8:"nintendo";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:3;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"7385";s:7:"term_id";s:4:"7384";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"22";s:4:"name";s:11:"Xiaomi Mi 9";s:4:"slug";s:11:"xiaomi-mi-9";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:4;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:2:"49";s:7:"term_id";s:2:"49";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:3:"781";s:4:"name";s:3:"iOS";s:4:"slug";s:3:"ios";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:5;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"8876";s:7:"term_id";s:4:"8875";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"21";s:4:"name";s:13:"iPhone 12 Pro";s:4:"slug";s:13:"iphone-12-pro";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:6;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"2190";s:7:"term_id";s:4:"2188";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"18";s:4:"name";s:7:"Jawbone";s:4:"slug";s:7:"jawbone";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:7;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:3:"124";s:7:"term_id";s:3:"124";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"60";s:4:"name";s:3:"CPU";s:4:"slug";s:3:"cpu";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:8;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"1336";s:7:"term_id";s:4:"1334";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"25";s:4:"name";s:32:"Thailand Mobile Expo 2011 Hi end";s:4:"slug";s:32:"thailand-mobile-expo-2011-hi-end";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:9;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"4781";s:7:"term_id";s:4:"4772";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"79";s:4:"name";s:9:"itruemart";s:4:"slug";s:9:"itruemart";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:10;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"5083";s:7:"term_id";s:4:"5074";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"74";s:4:"name";s:10:"HTC One M9";s:4:"slug";s:10:"htc-one-m9";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:11;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:3:"858";s:7:"term_id";s:3:"856";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"25";s:4:"name";s:3:"NFC";s:4:"slug";s:3:"nfc";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:12;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:2:"80";s:7:"term_id";s:2:"80";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"16";s:4:"name";s:5:"phone";s:4:"slug";s:5:"phone";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:13;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"1892";s:7:"term_id";s:4:"1890";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"59";s:4:"name";s:6:"Rumors";s:4:"slug";s:6:"rumors";s:10:"term_group";s:1:"0";}i:14;a:9:{s:16:"term_taxonomy_id";s:4:"9933";s:7:"term_id";s:4:"9932";s:8:"taxonomy";s:8:"post_tag";s:11:"description";s:0:"";s:6:"parent";s:1:"0";s:5:"count";s:2:"15";s:4:"name";s:21:"Samsung Galaxy A53 5G";s:4:"slug";s:21:"samsung-galaxy-a53-5g";s:10:"term_group";s:1:"0";}}}