หลังจากที่ HUAWEI ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอย่าง HUAWEI P60 Pro ไป แน่นอนว่าต้องมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตามมาด้วย ซึ่งในบรรดาผลิตภัณฑ์เหล่านั้นก็มี HUAWEI Band 8 ด้วยนั่นเอง โดยในรุ่น Band 8 นี้จะเป็นรุ่นต่อยอดที่เน้นไปที่ความบางเบา เพื่อความคล่องตัว แต่ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกายเช่นเดิมด้วยโหมดออกกำลังกายที่ครอบคลุมกว่า 100 โหมด
HUAWEI Band 8 ราคาพิเศษเพียง 1,299 จากราคาปกติ 1,899 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2566 ถึง วันที่ 8 มิถุนายน 2566
สั่งออนไลน์ทาง Lazada ได้ที่ https://bit.ly/3Wo6AC6
- สเปค
- ดีไซน์
- ฟีเจอร์ต่างๆ
- สรุป
สเปคของ HUAWEI Band 8
- จอแสดงผล : AMOLED, ขนาด 1.47 นิ้ว
- เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Gyroscope, Compass, Optical heart rate sensor
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
- รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ :
- EMUI 5.0 หรือใหม่กว่า
- Android 6.0 หรือใหม่กว่า
- iOS 9.0 หรือใหม่กว่า
- ป้องกันน้ำ : ระดับ 5ATM
- ขนาดตัวเรือน : 43.45 x 24.54 x 8.99 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 14 กรัม (ไม่รวมสาย)
ดีไซน์ของ HUAWEI Band 8
ในด้านดีไซน์ตัวเรือนนั้นตอนที่แกะออกมาแรกๆ ก็มองว่าก็ยังคงใช้ดีไซน์เดิมๆ แบบ Band 6 หรือ Band 7 อยู่นั่นแหละ แต่พอได้สัมผัสจริงๆ แล้วทำให้เห็นถึงความแตกต่างเลยตรงที่มันบางและเบากว่าเดิม (เช็คแล้วว่าบางลง 1 มม. และเบาลง 2 กรัม เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน)
ตัว Band 8 นั้นจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีคือสีเขียว Emerald Green, สีชมพู Sakura Pink และ สีดำ Midnight Black โดยที่ทางทีมงาน Specphone เรานั้นได้สีชมพู Sakura Pink มา บอกเลยว่าสวยใช้ได้เลย ซึ่งที่ตัวเรือนจะมีสีออกแนวๆ Metal Rose Gold ให้ความสวยงามแบบแข็งแกร่ง ตัวสายจะเป็นสายซิลิโคนสีชมพูซากุระ ซึ่งตัวสายนั้นสามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยนะเออ
ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นยังคงใช้เป็นจอ AMOLED ขนาด 1.47 นิ้วเช่นเดิม แต่ด้วยการที่มีขนาดตัวเรือนที่เล็กลง ทำให้ขอบจอมีขนาดที่แคบลงตามไปด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ขอบด้านข้างยังได้เปลี่ยนไปเป็นขอบแบนตามสมัยนิยมอีกด้วย โดยที่ด้านขวาของตัวเรือนจะมีปุ่มอยู่ปุ่มเดียวโดดๆ ซึ่งปุ่มนี้จะเป็นทั้งปุ่มเปิด-ปิด และปุ่มลัดสำหรับโหมดออกกำลังกาย
ที่ด้านหลังตัวเรือนจะมีพื้นผิวสีดำด้านโดยที่ตรงกลางจะเป็นเซ็นเซอร์สำหรับวัดค่าต่างๆ ถัดขึ้นไปขช้างบนจะมีขั้วแม่เหล็กสำหรับชาร์จ และที่ขอบบนและล่าางจะมีปุ่มสำหรับใช้ปลดสายออกจากตัวเรือนอยู่
สำหรับสายรัดข้อมือในรุ่น Band 8 จะมีให้เลือก 4 สี ได้แก่
- สายสีชมพู Sakura Pink : วัสดุซิลิโคน | ขนาดรอบข้อมือ 120 – 190 มิลลิเมตร
- สายสีเขียว Emerald Green : วัสดุซิลิโคน | ขนาดรอบข้อมือ 130 – 210 มิลลิเมตร
- สายสีดำ Midnight Black : วัสดุ TPU | ขนาดรอบข้อมือ 130 – 210 มิลลิเมตร
- สายสีดำขอบส้ม Vibrant Orange : วัสดุไนลอน | ขนาดรอบข้อมือ 130 – 210 มิลลิเมตร | แถมมาตัวตัวเรือนสี Midnight Black
ฟีเจอร์ต่างๆ ใน HUAWEI Band 8
ในการจะใช้งาน HUAWEI Band 8 ให้เต็มประสิทธิภาพนั้นคือต้องทำการเชื่อมต่อเข้ากับแอปฯ HUAWEI Health ซึ่งในฝั่งของ Android นั้นต้องโหลดมาติดตั้งต่างหากในรูปแบบ APK ไม่ว่าจะเป็นการโหลดตัวแอปฯ มาติดตั้งตรงๆ หรือจะติดตั้ง AppGallery ก่อนค่อยโหลดก็ยังได้ (แนะนำวิธีติดตั้ง AppGellary ก่อนค่อยโหลด HUAWEI Health เพราะเวลามีอัปเดตอะไรมาจะได้ไม่ต้องไปหาโหลด APK มาติดตั้งทับให้เสียเวลา) แต่ในฝั่งของ iOS นั้นจะมีแอปฯ HUAWEI Health ให้โหลดใน App Store อยู่แล้วไม่ต้องห่วง
หน้าจอที่มี Watch Face กว่า 10,000 แบบ
หนึ่งในจุดเด่นของ HUAWEI เลยก็คือการที่มี Watch Face ให้เลือกมากมาย ซึ่งในซีรี่ส์ Badn เองก็เช่นกัน มีให้เลือกมากกว่า 10,000 แบบ ซึ่งจะมีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน แต่จากที่ดูแล้วแค่ของฟรีก็สวยมากเกินพออยู่แล้ว แต่ถ้าใครที่อยากได้ Watch Face ที่แสดงข้อมูลละเอียดๆ หรือสวยแบบสุดๆ ก็ต้องซื้อเอาเท่านั้นแล้ว โดยราคาของ Watch Face เองก็ไม่ได้แพงมากมายอะไร สามารถเลือกซื้อกันได้สบายอยู่แล้ว
รองรับการกันน้ำ
ด้วยความที่ Band 8 เป็นสมาร์ทแบนด์ที่ผลิตมาเพื่อสายสุขภาพและกีฬาทุปรูปแบบดังนั้นก็ต้องมีความสามารถในการกันน้ำเป็นของคู่กันด้วย โดยความสามารถในการกันน้ำนั้นจะสามารถกันได้ที่ระดับ 5ATM หรือ 50 เมตร ตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 ทำให้สามารถสวมใส่ได้อย่างสบายใจในทุกสภาพ ส่งผลให้ไม่มีความจำเป็นต้องถอดสมาร์ทแบนด์ออกก่อนล้างมือ และสามารถสวมใส่ลงไปว่ายน้ำในสระได้ แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่นั่นก็คือไม่ได้สร้างมาเพื่อใช้ดำน้ำ และควรหลีกเลี่ยงน้ำที่มีอุณหภูมิสูง อย่างเช่น น้ำพุร้อน หรือ ซาวน่า อย่างเด็ดขาด
โหมดออกกำลังกายแบบมืออาชีพ
หนึ่งในจุดเด่นของ HUAWEI เลยก็คือโหมดออกกำลังกายที่มีมากมายกว่า 100 โหมด เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกกีฬาเลยก็ว่าได้ แถมยังวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์, ติดตามการวิ่งพร้อมวัดค่า RAI (Running Ability Index) และค่า VO2Max ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการใส่ระบบการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของ HUAWEI อย่าง TruSport เข้ามาช่วยประเมินความสามารถในการวิ่งของผู้สวมใส่ โดยจะคอยบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลการวิ่งในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อให้คำแนะนำไปปรับปรุงการวิ่งในครั้งต่อไป เหมือนเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวอีกด้วย
ดูแลสุขภาพการนอนด้วย HUAWEI TruSleep 3.0
นอกจาก HUAWEI TruSport ใน Band 8 ตัวนี้ยังมี HUAWEI TruSleep 3.0 ที่จะมาช่วยติดตามคุณภาพการนอนของผู้สวมใส่อีกด้วย ซึ่งตัวระบบจะเริ่มติดตามหลังจากที่เราหลับไปแล้ว โดยจะติดตามการนอนหลับอย่างละเอียด ทั้งหลับลึก หลับตื้น หลับฝัน รวมถึงช่วงเวลาตื่นนอน และมีการแสดงผลบนหน้าจอโดยตรงอีกด้วย แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลแบบละเอียดลงลึกก็ต้องไปเปิดดูในแอปฯ HUAWEI Health เอา
วัดค่า SpO2 อัตโนมัติ พร้อมแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ
อีก 1 ระบบที่ HUAWEI ใส่มาใน Band 8 รุ่นนี้ก็คือ HUAWEI TruSeen 5.0 โดยระบบนี้จะมาช่วยยกระดับการวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ให้ดีขึ้น คอยติดตามค่า SpO2 ของผู้สวมใส่โดยอัตโนมัติ และเมื่อพบว่าค่า SpO2 ลดต่ำลงจนผิดปกติ ก็จะแจ้งให้ผู้สวมใส่ทราบทันที หรือจะวัดเองก็ได้นะ ซึ่งความน่าสนใจคือใรแอปฯ HUAWEI Health นั้นจะมีการแสดงค่า SpO2 ที่เคยวัดให้ดูในรูปแบบกราฟอีกด้วย
ดูแลสุขภาพจิตด้วย HUAWEI TruRelax
ในเมื่อเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ สุขภาพจิตเองก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย โดย Band 8 ตัวนี้สามารถช่วยดูแลสุขภาพจิตได้ด้วย HUAWEI TruRelax ซึ่งจะเป็นระบบที่คอยแนะนำการฝึกหายใจให้ผ่อนคลายจากความเครียด เพียงเข้าไปที่แอปการฝึกการหายใจ แล้วเลือกรูปแบบการฝึกที่ต้องการได้เลย
แบตเตอรี่ที่อยู่ได้ 2 สัปดาห์และชาร์จเร็ว
เรื่องแบตเตอรี่เป็๋นอะไรที่สำคัญพอสมควรในการใช้งาน โดย Band 8 ตัวนี้สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 14 วัน แต่ถ้ามีการเปิด Always on Display แล้วจะทำให้อายุการใช้งานลดลงเร็วกว่าปกติ อย่างไรก็ตามเพื่อให้สามารถพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลาจึงมีการใส่ระบบชาร์จเร็วเข้ามาเสริมให้อีกด้วย โดยทา’ HUAWEI เคลมว่าแค่ชาร์จ 5 นาทีก็สามารถใช้งานต่อได้นานถึง 2 วัน และถ้าคิดจะชาร์จให้เต็ม 100% ก็จะต้องใช้เวลาราวๆ 45 นาที ซึ่งถือว่าเร็วมาก และเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนแล้วจะเร็วขึ้นราวๆ 30% เลยทีเดียว
สรุปการรีวิว HUAWEI Band 8
สำหรับ HUAWEI BNand 8 นั้นจากที่ได้เอาไปลองใช้งานมานั้นต้องบอกเลยว่าเป็นสมาร์ทแบนด์ที่มีฟีเจอร์ค่อนข้างคล้ายสมาร์ทวอทช์ แต่มีความเบาบางมากกว่า ทำให้สะดวกต่อการสวมใส่ยิ่งกว่าสมาร์ทวอทช์ นอกจากนี้ยังมีการอัดฟีเจอร์เข้าไปมากมายเกินกว่าที่จะใช้หมด แถมแต่ละอย่างก็ค่อนข้างแม่นยำมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย ทำให้เหมาะกับคนที่พึ่งเริ่มหันมาสนใจสุขภาพ หรือไม่ก็คนทั่วไปที่ออกกำลังกายเป็นประจำ สำหรับใครที่สนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดกันได้ที่ huawei.com