สมาร์ตแบนด์เพื่อสุขภาพ เป็นอีกหนึ่งแก็ดเจ็ตที่ได้รับความนิยมมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในด้านการเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการดูแลสุขภาพได้หลากหลายจุด และมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีการปรับปรุงดีไซน์ให้สามารถใช้เป็นนาฬิกาข้อมือได้แบบสบาย ๆ อย่างเช่นในฝั่งของ HUAWEI เองที่ก็มีออกมาหลายรุ่น มาจนถึงในรุ่นปัจจุบันอย่าง HUAWEI Band 7 ที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้
ตัวของ HUAWEI Band 7 มาพร้อมกับจุดเด่นในด้านของดีไซน์ที่บาง น้ำหนักเบา แบตอึดใช้ได้นาน รวมถึงยังสามารถวัดค่า SpO2 ที่บ่งบอกถึงความอิ่มตัวของปริมาณออกซิเจนในเลือดได้ด้วย ซึ่งเป็นค่าที่สำคัญมาก ๆ ในยุคนี้ ที่ยังคงมีโรคระบาดทางด้านระบบการหายใจอย่าง COVID-19 อยู่ เพื่อช่วยในการตรวจสอบสุขภาพของผู้ใช้ในเบื้องต้นได้ โดยที่มีดีไซน์มาในรูปแบบที่สามารถใช้เป็นนาฬิกาข้อมือได้ทันที เพิ่มความสะดวกให้กับการใช้งาน และการพกพามาก ๆ สำหรับผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน
สเปคและคุณสมบัติคร่าว ๆ
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.47″ FullView แบบโค้งนูนเล็กน้อย ความละเอียด 194 x 368 รองรับ Always-on display
- ปรับเปลี่ยนหน้าปัด (watchface) ได้มากกว่า 4,000 แบบ
- น้ำหนัก 16 กรัม (ไม่รวมสาย) มีความหนาเพียง 9.99 มม.
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 14 วัน
- รองรับการชาร์จไว สามารถชาร์จแบตจนเต็มได้ใน 65 นาที หรือถ้าชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถใช้งานต่อได้นานสุดอีก 2 วัน
- ใช้งานได้ทั้งกับ EMUI, Android 6.0 ขึ้นไป และ iOS 9 ขึ้นไป
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 BLE
- กันน้ำได้ตามมาตรฐานระดับ 5ATM สามารถใส่ว่ายน้ำได้
- วัด SpO2 และอัตราการเต้นของหัวใจแบบอัตโนมัติได้ตลอดเวลาที่ใช้งาน โดยใช้เทคโนโลยี HUAWEI TruSeenTM 4.0 รุ่นใหม่ล่าสุด
- ตรวจวัดคุณภาพการนอนได้ด้วยเทคโนโลยี HUAWEI TruSleep™
- ตรวจวัดระดับความเครียดของผู้ใช้ได้ด้วยเทคโนโลยี HUAWEI TruRelax™
- รองรับการออกกำลังกายได้กว่า 96 โหมด
- มีระบบผู้ช่วย Health Living Shamrock ที่จะช่วยเตือนเรื่องการออกกำลังกาย การลุกยืน เตือนให้ดื่มน้ำ เป็นต้น
- มีให้เลือก 4 สีคือสีแดง ดำ ชมพูและเขียว สามารถถอดเปลี่ยนสายได้
- ราคา 1,899 บาท
สำหรับฟังก์ชันในการตรวจจับด้านสุขภาพ อันนี้จะมีหมายเหตุนะครับ ว่าไม่ได้ออกแบบมาให้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการใช้วัดค่าเพื่อประเมินสุขภาพเบื้องต้นแบบคร่าว ๆ เท่านั้น
แกะกล่อง และดีไซน์ของ HUAWEI Band 7
เปิดมาที่กล่องของ HUAWEI Band 7 ก็จะเป็นดีไซน์ที่บ่งบอกรุ่นได้ชัดเจน พร้อมกับมี 3 คุณสมบัติเด่นมาให้ นั่นคือดีไซน์ที่เน้นความบางเป็นพิเศษ รองรับการวัด SpO2 แบบอัตโนมัติ และก็แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน ส่วนมุมด้านขวาล่างก็ระบุไว้ด้วยว่าทำงานโดยระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของ Huawei เอง ดังนั้นถ้าจะให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด ก็ควรจะนำไปใช้งานร่วมกับมือถือ Huawei ที่ใช้ EMUI หรือ HarmonyOS เป็นหลัก ส่วนถ้าจะใช้กับ iPhone ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน แต่ความสามารถอาจจะลดหลั่นลงมาเล็กน้อย รวมถึงการซิงค์ข้อมูลก็อาจจะไม่สะดวกเท่า
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมีตัว Band 7 เอง สายชาร์จแบบขั้วแม่เหล็กที่อีกฝั่งเป็นหัว USB type A แบบเต็ม แล้วก็มีเอกสารการรับประกัน และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
หน้าจอ AMOLED ของ HUAWEI Band 7 มีความคมชัดที่ดี มองจากด้านข้างก็ให้สีที่ไม่เพี้ยนมากนัก หน้าจอเป็นกระจก ทำให้สามารถทัชและปาดนิ้วทำได้สะดวก ไม่ติดขัด แต่ทั้งนี้จะมีขอบจอด้านล่างที่หนากว่าด้านบนพอสมควร ไม่ได้ถึงกับสมมาตรซะทีเดียว แต่ถ้าตั้งภาพ watchface เป็นพื้นหลังสีดำก็จะแทบมองไม่เห็นขอบจอเลย ด้วยความสามารถของพาเนล AMOLED ที่ให้สีดำได้ดำสนิทดี
ส่วนความสว่างจอ ต้องบอกว่าตัว Band 7 จะไม่มีระบบปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ ทำให้อาจต้องอาศัยการกดปรับด้วยตัวเอง ในกรณีที่ต้องใช้งานทั้งในที่ร่มและกลางแจ้งสลับกันไปมา โดยตัวระบบก็มีฟีเจอร์ช่วยลดแสงสว่างลงเมื่อใช้งานในเวลากลางคืนด้วย เผื่อในกรณีที่ต้องการใส่ขณะที่นอน ซึ่งเท่าที่ผมลองในตอนที่รีวิว ส่วนตัวผมว่ามันยังช่วยลดไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แม้จะเป็นการแสดงหน้าจอในโหมด Always-on display ที่มีการปรับลดรายละเอียดการแสดงผลลงมาก็ตาม
ที่หน้าจอแสดงเวลา ผู้ใช้สามารถปาดนิ้วจากขอบจอทั้ง 4 ด้านเข้ามาตรงกลาง เพื่อใช้เป็นทางลัดในการเปิดใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ด้วย ดังนี้
- จากบนลงล่าง – เรียกหน้าจอ control center เพื่อปรับแต่งการทำงานต่าง ๆ เช่น เปิด/ปิดโหมด do not disturb หรือดูปริมาณแบตเตอรี่ เป็นต้น
- จากล่างขึ้นบน – เรียกดูข้อความแจ้งเตือนที่ส่งมาจากมือถือ
ส่วนถ้าเป็นการปาดด้านข้าง (ซ้ายไปขวาและขวาไปซ้าย) จะเป็นการแสดงข้อมูลแบบวนครับ มีทั้ง อัตราการเต้นหัวใจ, อัตรา SpO2, ข้อมูลสภาพอากาศ, ข้อมูล activity ring, ข้อมูลคุณภาพการนอนหลับ
กระจกหน้าจอของ HUAWEI Band 7 จะมีความโค้งนูนเล็กน้อย ทำให้ดูรับกับข้อมือและดีไซน์ตัวเรือนได้ดี ส่วนทางฝั่งขวาจะมีปุ่ม Home/Menu อยู่เพียงปุ่มเดียว ใช้สำหรับเปิดเข้าเมนูเพื่อเลือกใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ หรือกดเพื่อกลับมาที่หน้าปัดแสดงเวลา ส่วนถ้าจะย้อนกลับไปหน้าจอก่อนหน้า ก็สามารถทำได้โดยปาดหน้าจอจากขอบจอฝั่งซ้ายมาทางขวา
ด้านหลังก็จะเป็นพลาสติกสีดำผิวด้าน มีความโค้งมน ทำให้สามารถใส่ได้แบบไม่บาดผิวหนัง ตรงกลางมีเซ็นเซอร์ ร่วมกับไฟ LED ที่ใช้สำหรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจและ SpO2 ส่วนด้านบนจะมีจุดแม่เหล็กสำหรับใช้ชาร์จแบตเตอรี่กับสายชาร์จที่ให้มาในกล่อง
สำหรับหัวสายชาร์จก็จะเป็นขั้วแม่เหล็ก 2 จุดดังภาพครับ สามารถประกบติดได้ด้านเดียว ทำให้เวลาชาร์จก็อาจจะต้องจัดระเบียบสายกันซักนิดนึง
ส่วนระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ เท่าที่ผมทดสอบโดยเปิดให้วัดค่าอัตโนมัติทั้งหมด เช่น ค่าอัตราการเต้นของหัวใจ ค่า SpO2 วัดระยะเวลาที่นั่งนิ่ง ๆ รวมถึงเปิดใช้ Always-on display พบว่าในช่วงประมาณ 8 ชั่วโมง ตัว Band 7 ใช้แบตไป 15% ดังนั้นถ้าคำนวณแบบคร่าว ๆ ด้วยการตั้งค่าและใช้งานในรูปแบบเดียวกัน ผมน่าจะสามารถใช้ได้เกือบ 7 วัน แบตถึงจะหมดพอดี ซึ่งถ้าสำหรับการใช้งานจริง บางท่านอาจจะปิดฟังก์ชันบางอย่างไปก็ได้ เช่นการวัด SpO2 อัตโนมัติ เพื่อระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานยิ่งขึ้น
ในขณะที่ใช้งานก็จะมีไฟสีเขียวออกมาเป็นระยะ ๆ ในกรณีที่ตั้งค่าให้ HUAWEI Band 7 วัดอัตราการเต้นของหัวใจและ SpO2 แบบอัตโนมัติ ที่สามารถปรับค่าได้จากในแอป HUAWEI Health
สายของ HUAWEI Band 7 ทำออกมาเป็นแบบสายนาฬิกา ใช้วัสดุเป็นซิลิโคนที่มีความเหนียวและน้ำหนักเบา สามารถรองรับขนาดข้อมือได้หลากหลายมาก ๆ
การถอดเปลี่ยนสายก็ทำได้ง่ายครับ เพียงแค่ดันก้านล็อกไปตามร่องจนสุด ก็สามารถดึงสายออกมาจากขั้วได้แล้ว
เมื่อลองใส่เพื่อใช้งาน ก็พบว่าสามารถใช้เป็นนาฬิกาข้อมือได้สบาย ๆ ต่างจากอุปกรณ์จำพวกสมาร์ตแบนด์ที่มีออกมาก่อนหน้านี้ ที่จะเน้นออกแบบให้ตัวเรือนมีหน้าแคบ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตาม ตัวของ Band 7 เองก็ยังอยู่ในระดับที่กำลังดี ไม่ได้หนาหรือเทอะทะแต่อย่างใด สามารถใส่ทำงาน ใส่ออกกำลังกายได้สบายมาก
การจับคู่มือถือกับ HUAWEI Band 7
ถ้าหากจะนำ HUAWEI Band 7 มาใช้ร่วมกับมือถือ Huawei รุ่นใหม่ ๆ อย่างในภาพนี้เป็น Huawei P50 ที่มาพร้อม EMUI 12.0.1 เมื่อเปิด Band 7 ขึ้นมาให้พร้อมจับคู่ ก็จะมีป๊อปอัพเด้งขึ้นมาที่จอของมือถือ ให้สามารถจับคู่กับเครื่องได้ทันที
โดยในระหว่างการจับคู่ ก็จะมีตัวเลือกการตั้งค่าต่าง ๆ มาให้ปรับเบื้องต้นได้ตั้งแต่แรกเลย เช่น การแสดงการแจ้งเตือนจากแอปต่าง ๆ ในเครื่อง ว่าต้องการรับมาจากแอปไหนบ้าง ซึ่งมีให้เลือกได้แบบละเอียดรายแอปเลย แต่ถ้าเป็นการใช้งานร่วมกับ iPhone ตัวเลือกก็จะไม่ละเอียดเท่ากับฝั่ง EMUI/Android ครับ โดยจะปัดหลาย ๆ แอปไปอยู่ในกลุ่ม Other หมดเลย
เมื่อตั้งค่าการจับคู่เสร็จแล้ว ก็จะสามารถเข้ามาจัดการต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำงานของ HUAWEI Band 7 ในแอป HUAWEI Health ได้ทันที
เมนูการตั้งค่าต่าง ๆ ในแอป
ในรีวิวส่วนนี้จะเป็นการพูดถึงการใช้งาน Band 7 ร่วมกับ Huawei P50 เป็นหลักนะครับ เริ่มจากภาพซ้ายสุดที่จะเป็นหน้าหลักสำหรับการตั้งค่าของ Band 7 ที่มีการแสดงสถานะการเชื่อมต่อ ปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ รวมถึงข้อมูล activity แบบคร่าว ๆ ด้วย ได้แก่ จำนวนก้าวเดิน แคลอรี่ที่ใช้ไป และระยะการเดินในวันนั้น ๆ
ส่วนตัวมาคือตัวจัดการหน้าจอ watchface ที่สามารถเข้าไปเลือกซื้อ เพื่อเปลี่ยนหน้า watchface เป็นแบบที่ต้องการได้ ส่วนของตัว Band 7 เองก็จะมีติดมาให้ใช้งานได้ 9 แบบ ซึ่งจะมีแบบที่ผู้ใช้สามารถนำภาพในมือถือมาใช้เป็นหน้าจอ watchface ได้ด้วย
หัวข้อถัดมาที่น่าสนใจก็คือเกี่ยวกับด้านสุขภาพ ที่จะใช้ในการตั้งค่าการทำงานของฟังก์ชันต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการตรวจจับทางด้านสุขภาพของผู้ใช้งาน ดังภาพด้านล่างนี้ครับ
HUAWEI TruSleep
เป็นหน้าจอเปิด/ปิดฟังก์ชันตรวจวัดคุณภาพการนอนหลับ ที่ระบบจะทำงานอัตโนมัติโดยอาศัยการตรวจจับจากกิจกรรมของผู้ใช้งาน เพื่อนำมาประมวลผลข้อมูลการนอน อาทิ รูปแบบของการนอน การหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ เป็นต้น และจะมีการประเมินคะแนนเพื่อวัดคุณภาพการนอนหลับของผู้ใช้งานได้อีกด้วย
การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
หลัก ๆ เลยคือใช้สำหรับตั้งค่าระบบการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ว่าจะให้ทำงานอัตโนมัติตลอดเวลาหรือไม่ รวมถึงยังสามารถตั้งค่าให้เตือนเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจสูงหรือต่ำกว่าค่าที่กำหนดไว้
การทดสอบความเครียด
สามารถตั้งค่าให้ Band 7 ช่วยวัดระดับความเครียดให้แบบอัตโนมัติตลอดวันได้ โดยก่อนที่จะใช้งานครั้งแรก ผู้ใช้ต้องตอบคำถามเพื่อวัดระดับความเครียดแบบคร่าว ๆ ก่อนด้วย ซึ่งก็ไม่ยากครับ เป็นคำถามประเมินทางจิตวิทยาแบบสั้น ๆ โดยเลือกตอบจากตัวเลือกประมาณว่า ใช่มากๆ / ใช่ / ไม่ใช่ / ไม่ใช่มาก ๆ
การวัด SpO2 แบบอัตโนมัติ
ก็ตามชื่อครับ คือใช้สำหรับตั้งค่าให้ HUAWEI Band 7 สามารถวัดระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแบบอัตโนมัติเป็นระยะ ๆ ระหว่างที่กำลังสวมใส่อยู่ได้ รวมถึงสามารถตั้งให้เตือนได้ด้วยเมื่อตรวจวัดค่า SpO2 ได้ต่ำ
การแจ้งเตือน
เป็นเมนูที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกได้ว่าจะให้แสดงข้อความแจ้งเตือนจากแอปใดบ้างบน Band 7 ซึ่งก็เหมือนกับตอนตั้งค่าครั้งแรกเลย
นาฬิกาปลุก
สามารถตั้งปลุกได้ โดยจะมีการสั่นเมื่อถึงเวลาปลุกที่ตั้งค่าไว้ ส่วนการสั่น ผู้ใช้สามารถตั้งค่าจากในเมนูการตั้งค่าหลักได้ ว่าจะให้สั่นแรงหรือสั่นเบา
รายงานสภาพอากาศ
สามารถดึงข้อมูลสภาพอากาศของบริเวณที่อยู่มาแสดงใน HUAWEI Band 7 ได้
การตอบกลับด่วน
เป็นตัวเลือกของข้อความที่ให้ผู้ใช้สามารถกดเลือกในการตอบแชทแบบง่าย ๆ ได้ เพิ่มความสะดวกในการตอบข้อความ ในกรณีที่ไม่สะดวกในการใช้มือถือ
ถัดลงมาด้านล่าง ก็จะเจอเมนูที่น่าสนใจเช่น การตั้งค่าอุปกรณ์ ที่จะมีให้ปรับอยู่ 3 หัวข้อ เช่น การใช้ควบคุมการเล่นเพลงของมือถือ รวมถึงสามารถปรับให้ Band 7 เปิดหน้าจอขึ้นมาอัตโนมัติ เมื่อยกข้อมือขึ้นมาในลักษณะการดูเวลา
ส่วนการอัปเดตเฟิร์มแวร์ก็สามารถทำได้จากเมนูเหมือนปกติครับ ซึ่งตอนที่ผมได้รับมารีวิว ก็จะมีอัปเดตให้กดด้วยกัน 4 รอบ
ฟังก์ชันต่าง ๆ ของ HUAWEI Band 7
เริ่มที่หน้าจอหลักก่อนเลย โดยผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยน watchface จากรูปแบบที่อยู่ในเครื่องได้ทันที เพียงแค่แตะหน้าจอค้างไว้ นอกจากนี้ยังมีบางแบบที่สามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอได้ด้วย เช่น อาจจะต้องการให้นำปริมาณแบตเตอรี่มาแสดงแทนอัตราการเต้นของหัวใจตรงมุมซ้ายบนก็ได้ เป็นต้น
ส่วนถ้าเลือกใช้แบบที่นำภาพในมือถือมาเป็นภาพ watchface ก็จะสามารถทำได้จากในแอป HUAWEI Health บนมือถือ โดยนอกเหนือจากที่ผู้ใช้สามารถเลือกภาพหน้าจอได้แล้ว ยังสามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงเวลาที่ฝั่งบนหรือล่างของหน้าจอ
ปิดท้ายด้วยภาพขวาสุด ที่จะเป็นภาพแสดงบนหน้าจอในโหมด Always-on display ที่จะทำให้หน้าจอติดเพื่อแสดงเวลาอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับเป็นนาฬิกาข้อมือ ซึ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน แต่ก็จะกินแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วยเช่นกัน แต่ก็อยู่ในระดับที่โอเคครับ สามารถใช้ได้เกิน 1 สัปดาห์แน่ ๆ ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าการตรวจจับสุขภาพแบบอัตโนมัติ และการใช้ออกกำลังกายด้วย
ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกภาพหน้าจอในโหมด Always-on display คนละแบบกับภาพ watchface หลักได้ด้วย ไม่จำเป็นว่าต้องใช้เป็นชุดเดียวกันเสมอไป
ต่อกันที่ฟังก์ชันด้านการตรวจจับข้อมูลระหว่างการออกกำลัง ซึ่งจะอยู่ในฟังก์ชัน Workout ที่เมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะมีรูปแบบการออกกำลังกายที่เป็นที่นิยมมาให้กดเลือกได้ทันที เช่น การวิ่งในร่ม/กลางแจ้ง การเดิน การปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ การกระโดดเชือก นอกจากนี้ยังสามารถเรียกรูปแบบการออกกำลังในแบบอื่น ๆ ขึ้นมาให้เรียกใช้งานง่าย ๆ ได้ด้วย เช่น การเต้น การชกมวย พิลาทีส เตะฟุตบอล เป็นต้น
ซึ่งระหว่างที่กำลังออกกำลังกายอยู่ หน้าจอก็จะแสดงข้อมูลที่ตรวจจับได้ในขณะนั้นมาให้แบบครบถ้วน ขึ้นอยู่กับประเภทของการออกกำลัง อาทิ อัตราการเต้นของหัวใจ ระยะทาง เวลาที่ใช้ ค่า heart rate zone รวมถึงความหนักของการออกกำลัง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับรูปแบบการออกกำลังให้เป็นตามแบบที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
จะเป็นการวัดแบบเรียลไทม์ โดยเก็บข้อมูลเป็นระยะ ๆ แบบอัตโนมัติ ถ้าหากเปิดโหมดใน HUAWEI Health ไว้ โดยจะมีการแสดงทั้งค่าล่าสุด ค่าสูงสุด/ต่ำสุด รวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจในขณะพัก (resting) ด้วย นอกจากนี้ก็จะมีการแสดงโซนการเต้นของหัวใจด้วย ว่าในวันนั้นมีการเต้นของหัวใจที่จัดอยู่ในโซนไหน เป็นระยะเวลานานเท่าไหร่บ้าง
การวัด SpO2
รูปแบบการทำงานก็จะคล้าย ๆ กับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจครับ แต่จะมีปุ่มให้กดวัดด้วยตนเองได้ด้วย สำหรับในนี้จะใช้เกณฑ์ว่าถ้าวัดได้มากกว่า 90% ขึ้น จะถือว่าอยู่ในระดับปกติ 70%-89% อยู่ในระดับเฝ้าระวัง ส่วนเรื่องความแม่นยำในการวัดก็มีระบุไว้ว่าอยู่ที่ 70%-100% จึงพอใช้งานได้คร่าว ๆ และไม่ควรใช้ในทางการแพทย์เป็นหลัก
Activity records
ถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเป็นหน้าจอแสดงภาพรวมของกิจกรรมในแต่ละวัน ว่ามีการลุกขึ้นยืนกี่ครั้ง เดินไปกี่ก้าว เผาผลาญไปกี่แคลอรี เป็นต้น โดยจะมีวงแหวน activity ให้ดูด้วย
ข้อมูลการนอนหลับ
จะเป็นการแสดงข้อมูลการนอนแบบคร่าว ๆ เช่น ระยะเวลาที่ใช้ในการนอน ซึ่งถ้าหากต้องการดูข้อมูลทั้งหมดจริง ๆ ก็สามารถเข้าไปดูได้ในแอป HUAWEI Health ได้เลย
ข้อมูลระดับความเครียด
จะอาศัยการประมวลผลจากอัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจเป็นหลัก แล้วประเมินออกมาเป็นคะแนนว่าผู้ใช้มีความเครียดอยู่ในระดับใด สำหรับระดับต่ำจะอยู่ที่ช่วง 1-29 คะแนน ระดับปกติอยู่ที่ 30-59 คะแนน
การแจ้งเตือน
เป็นศูนย์รวมข้อความแจ้งเตือนจากแอปต่าง ๆ ที่ส่งมายัง HUAWEI Band 7 ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้ามากดดูย้อนหลังได้ โดยสามารถแสดงภาษาไทยได้ดี อาจจะมีจุดด้อยเรื่องการตัดคำนิดนึง แต่เรื่องสระ วรรณยุกต์ ถือว่าทำได้ดีพอตัว
ข้อมูลสภาพอากาศ
ระบบจะดึงข้อมูลสภาพอากาศมาจากตำแหน่ง GPS ในตัว เชื่อมโยงกับแอป HUAWEI Health ในมือถือ ที่ผู้ใช้อาจจะต้องปรับ permission ให้เข้าถึงตำแหน่งสถานที่ได้ตลอดเวลาด้วย เพื่อความแม่นยำ และการอัปเดตข้อมูลสภาพอากาศได้ตรงที่สุด ข้อมูลที่สามารถแสดงบนหน้าจอได้ก็เช่น สภาพอากาศ ณ เวลาปัจจุบัน ค่า UV index ข้อมูลพยากรณ์อากาศรายชั่วโมง รายวัน ช่วงเวลาดวงอาทิตย์/ดวงจันทร์ขึ้นและตก น้ำขึ้นน้ำลง
ระบบจับเวลา และการนับถอยหลัง
สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวก ด้วยปุ่มที่ใหญ่มาก สำหรับการจับเวลา จะทำได้แค่การกดหยุดจับเวลาชั่วคราว ไม่สามารถจับเป็นรอบแบบ lap ได้ ด้านของการจับเวลานับถอยหลังก็จะมีตัวเลือกที่น่าจะใช้งานบ่อยมาให้ และก็สามารถตั้งค่าเองได้ด้วย สูงสุดคือ 23 ชั่วโมง 59 นาที 59 วินาที
การตั้งปลุก
สามารถตั้งเวลาปลุกได้สูงสุด 5 แบบ รวมถึงสามารถปรับให้ปลุกซ้ำกันในแต่ละวันได้ด้วย
Find Phone
ใช้สำหรับกดให้มือถือที่จับคู่กับ HUAWEI Band 7 ไว้ ส่งเสียงขึ้นมา เพื่อให้ทราบว่ามือถือวางอยู่ที่ไหน
ส่วนฟังก์ชันอื่นที่น่าสนใจอีกก็เช่น การใช้หน้าจอ Band 7 เป็นไฟฉายได้ แต่จะใช้เป็นสีขาวได้เท่านั้น ไม่สามารถตั้งค่าให้กระพริบได้นะครับ
ทีนี้ลงมาที่ส่วนของการตั้งค่าการทำงานบ้าง หลัก ๆ แล้วจุดที่น่าสนใจก็เช่น
การตั้งค่าหน้าจอ
จะมีตั้งแต่การปรับเปลี่ยน watchface การตั้งค่าฟังก์ชัน Always-on display ที่ตอนแรกจะถูกปิดเอาไว้อยู่ โดยสามารถเข้ามาเปิด/ปิด และเลือกรูปแบบหน้าจอได้จากในเมนูนี้
ต่อมาก็เป็นการปรับระดับความสว่างหน้าจอโดยรวม ซึ่งจะมีด้วยกัน 5 ระดับ ถ้าเป็นการใช้งานในบ้าน ในที่ร่ม ใช้แค่ระดับ 1 ก็เพียงพอแล้ว ส่วนถ้าออกไปกลางแจ้ง แนะนำว่าควรปรับไปที่ระดับ 5 เลย เพราะส่วนตัวผมรู้สึกว่าจอสู้แสงได้ไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ ถ้าเจอแดดแรง ๆ ก็ต้องอาศัยมือป้องไว้อยู่เหมือนกัน เนื่องจากแสงสะท้อนที่กระจกหน้าจอนั้นค่อนข้างสูงกว่าจอมือถือพอสมควร
การตั้งค่าจอที่น่าสนใจอีกก็จะมีพวก การปรับให้จอติดขึ้นมาเมื่อแตะนิ้วบนจอ อันนี้บางทีก็จะไม่ค่อยสะดวกบ้าง เวลาที่จอไปสัมผัสกับเสื้อผ้า เพราะบางทีจอก็ติดขึ้นมาด้วยเช่นกัน ต่อมาก็เป็นการตั้งค่าการปิดหน้าจออัตโนมัติ และระยะเวลาที่จอจะติดค้างไว้ ก่อนที่หน้าจอจะดับลงไปเอง เป็นต้น
เมนูการตั้งค่าอื่นที่น่าสนใจอีกก็เช่น การเปิด/ปิดโหมดลดการรบกวน ที่จะปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดไปเลย โหมดการตั้งรหัสพินเพื่อเข้าใช้งาน รวมถึงยังมีตัวเลือกเปิดปิดฟังก์ชันที่ให้ระบบตรวจจับการออกกำลังได้เอง ซึ่งถ้าระบบตรวจพบว่าผู้ใช้น่าจะกำลังออกกำลังอยู่ โดยที่ไม่ได้ใช้โหมด workout ระบบก็จะแจ้งเตือนผู้ใช้ให้ทราบ เพื่อให้สามารถกดบันทึกค่าได้
สำหรับฟังก์ชันเสริมที่น่าสนใจของ HUAWEI Band 7 เมื่อใช้งานร่วมกับ HUAWEI P50 ก็คือ ความสามารถในการใช้ควบคุมการเล่นเพลงของแอปฟังเพลงในเครื่องได้สะดวกมาก ๆ และก็สามารถใช้เป็นรีโมทกดถ่ายรูปให้กับแอปกล้องในมือถือ ที่สามารถตั้งค่าการนับถอยหลังก่อนถ่ายได้ด้วย เสียดายนิดนึงที่ไม่สามารถสตรีมภาพจากหน้าจอพรีวิวของแอปกล้องในมือถือมาที่ Band 7 ได้
สรุปท้ายรีวิว HUAWEI Band 7
HUAWEI Band 7 เป็นสมาร์ตแบนด์ที่ออกแบบมาได้ตรงใจผู้ใช้งานในยุคนี้ ที่อาจจะต้องการนาฬิกาข้อมือซักเรือน ที่สามารถใช้ตรวจจับข้อมูลด้านสุขภาพของตนเองแบบคร่าว ๆ ได้ ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันรอบด้านแทบจะไม่แพ้กลุ่มสมาร์ตวอทช์เลย ผสมกับดีไซน์ที่เน้นความบางเบา สามารถใส่ระหว่างทำงาน ระหว่างทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายได้สะดวกมาก ๆ ที่สำคัญเลยคือสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจและวัดค่า SpO2 แบบอัตโนมัติตลอดทั้งวันได้ โดยแทบไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เลย ด้วยแบตที่ใช้ได้นานไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์แน่ ๆ แม้จะเปิดใช้งานฟังก์ชันแบบจัดเต็มสุด ๆ ก็ตาม
ทั้งยังรองรับการออกกำลังกายได้เกือบร้อยแบบ ทำให้ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าระบบจะสามารถวัดค่าต่าง ๆ ออกมาได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง แต่ทั้งนี้ก็ต้องชี้แจงอีกครั้งนะครับว่า HUAWEI Band 7 ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้งานในทางการแพทย์แบบจริงจัง สามารถใช้งานในการประเมินสุขภาพแบบเบื้องต้นได้เพียงคร่าว ๆ เท่านั้น ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้ว สำหรับกลุ่มสมาร์ตแบนด์ สมาร์ตวอทช์ในระดับสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
HUAWEI Band 7 รองรับการใช้งานกับมือถือได้หลากหลาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าต้องการใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด ก็ควรจะจับคู่ใช้กับมือถือรุ่นใหม่ ๆ ของ HUAWEI เอง ส่วนข้อสังเกตอีกจุดก็คือ หน้าจอจะไม่มีระบบปรับแสงสว่างให้อัตโนมัติ และส่วนตัวผมรู้สึกว่าหน้าจอมันค่อนข้างสว่างมากไปนิด สำหรับการใช้งานในเวลากลางคืน แม้ว่าจะตั้งค่าความสว่างอยู่ที่ระดับ 1 (ต่ำสุด) และเปิดฟังก์ชันลดแสงสว่างลงเมื่อใช้งานตอนกลางคืนแล้วก็ตาม ซึ่งดูเหมือนจะยังไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ แต่จุดนี้ก็น่าจะสามารถอัปเดตเฟิร์มแวร์ในอนาคต เพื่อแก้ไขได้โดยไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม HUAWEI Band 7 ก็เป็นสมาร์ตแบนด์ที่น่าสนใจครับ สำหรับคนที่กำลังมองหานาฬิกาข้อมือซักเรือน ไว้สำหรับใช้ระหว่างออกกำลังกาย หรือใส่เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับการประเมินสุขภาพเบื้องต้นในระหว่างวัน ด้วยราคาเปิดมาที่ 1,899 บาท แถมในช่วงพรีออเดอร์ระหว่างวันที่ 18 ส.ค. 65 – 1 ก.ย. 65 นี้ ยังมาพร้อมราคาพิเศษเพียง 1,299 บาทเท่านั้นด้วย ใครที่เล็ง ๆ อยู่ก็จัดได้เลย รับรองว่าถูกใจครับ โดยจะมีจำหน่ายเฉพาะทางออนไลน์ที่ HUAWEI Online Store และร้านออนไลน์อย่างเป็นทางการบน Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop