Samsung Galaxy Tab รุ่นปี 2023 มีทั้งหมดกี่รุ่น และรุ่นไหนเหมาะกับใคร มีจุดเด่นอย่างไร บทความนี้เรารวบรวมมาให้ทุกรุ่น พร้อมอัปเดตโปรโมชั่นต้อนรับปีใหม่ ได้ทั้งส่วนลด ได้ทั้งของแถมกันแบบจัดเต็ม
Samsung Galaxy Tab A9 Series (Galaxy Tab A9 / Tab A9+)
เริ่มต้นกันที่แท็บเล็ตซีรีส์แรก Galaxy Tab A9 Series เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแท็บเล็ตราคาไม่แพง ได้สเปกที่แรงในระดับใช้งานลื่นไหล โซเชียลมีเดียได้ เล่นเกมได้ มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon โดยถือเป็น Galaxy Tab A Series รุ่นแรกที่ใช้ชิปจากทาง Qualcomm แถมยังได้แท็บเล็ตจอใหญ่ ดูคอนเทนต์ได้อย่างเต็มตา พร้อมอัตรา Refresh Rate ลื่น ๆ 90Hz มีตัวเลือกทั้งแบบ Wi-Fi และแบบ 5G / LTE ใส่ซิมเล่นอินเทอร์เน็ตนอกบ้านได้
Samsung Galaxy Tab A9+
เร็วแรง ลื่นปรี๊ด เล่นเกมลื่น มันส์ไม่มีสะดุด เติมเต็มความฟินความสนุกสนานให้ดียิ่งขึ้น
Galaxy Tab A9+ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 695 ช่วยให้ประมวลผลไวขึ้น 48% Multi Core (CPU) และ Single Core ไวขึ้น 71% (CPU) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Galaxy Tab A8 และถือเป็นครั้งแรกที่ Galaxy Tab A Series ใช้ชิป Snapdragon รองรับการเล่นเกมได้สบาย ๆ หรือจะเป็นการทำงานเอกสารก็ได้เช่นกัน
นอกจากชิปที่แรงขึ้น ในรุ่นนี้ยังมี RAM/ROM ที่เพิ่มขึ้นจาก 4/64GB เป็น 8/128GB (เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab A8) ช่วยให้การเปลี่ยนหรือ สลับแอปพลิเคชันทำได้เร็วทันใจ และรองรับการเล่นเกมได้ดีขึ้น ส่วนความจุระดับ 128GB ก็เพียงพอต่อเก็บไฟล์ รูป และวิดีโอได้จุใจ แถมยังใส่ microSD Card เพิ่มความจำได้สูงสุด 1TB
จอใหญ่ ดูหนังฟิน ลำโพงกระหึ่ม
ส่วนเรื่องหน้าจอ รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ Refresh Rate 90Hz อัปเกรดจากเดิม 60Hz ใน Galaxy Tab A8 ส่งผลให้การใช้งานหน้าจอ การปัดหน้าจอมีความลื่นไหล ใช้งานได้ไม่มีสะดุด มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 11 นิ้ว (จาก 10.5″ เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab A8) ดูคอนเทนต์ได้เต็มตามากขึ้น และความสว่างหน้าจอ อัปเกรดขึ้นเป็นสูงสุด 570 nits
ด้านคุณภาพเสียงของ Galaxy Tab A9+ รุ่นนี้ได้ลำโพง 4 ตัว เสียงดังกระหึ่ม รองรับเทคโนโลยี Dolby Atmos ให้เสียงที่สมจริงมากขึ้น
อัปเกรด Feature ต่างๆ เพิ่มมาเพียบ! พร้อมรองรับ DeX Mode
เป็นครั้งแรกที่ Galaxy Tab A Series รองรับ Samsung DeX ที่จะเปลี่ยนให้แท็บเล็ตมีหน้าตาเหมือนแล็ปท็อป ให้ประสบการณ์ใช้งานแบบ PC Like Experience และยังแบ่งหน้าจอได้สูงสุด 3 จอ ไม่รวม Pop-up View สามารถปรับความยาว ความสูงของแต่ละหน้าจอที่แบ่งได้เองตามความต้องการ ให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละครั้ง
นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อหลายหลายรูปแบบ มีให้เลือกทั้ง Wi-Fi และการเชื่อมต่อแบบ 5G ใส่ซิมเล่นเน็ตนอกบ้านได้อีกด้วย
ส่วนใครที่กำลังเล็ง ๆ แท็บเล็ตรุ่นนี้ให้ลูกหลานไว้ใช้งาน ก็มีฟีเจอร์อย่าง Samsung Kids สามารถกำหนดระยะเวลาการใช้งานในแต่ละแอปฯ ได้ รวมถึงปรับให้เห็นเฉพาะเนื้อหาที่เหมาะสมเท่านั้น
Galaxy Tab A9
สำหรับรุ่นเล็กของ Galaxy Tab A9 Series มาพร้อมชิปเซ็ตตัวคุ้นหน้าคุ้นตาอย่าง MediaTek Helio G99 มีเทคโนโลยีเกมมิ่ง MediaTek HyperEngine ตอบโจทย์การเล่นเกมระดับพื้นฐานได้ดี และชิป MediaTek Helio G99 ช่วยให้การใช้งานและการประมวลไวขึ้น 297% Multi Core (CPU) และ Single Core ไวขึ้น 299% (CPU) อีกทั้ง RAM/ROM เพิ่มขึ้นเป็น 4/64GB เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และแน่นอนว่าใส่ microSD Card เพิ่มความจำได้สูงสุดอีก 1TB
หน้าจอขนาดกำลังดี ลำโพงเสียงดัง พกพาสะดวก
Galaxy Tab A9 มีหน้าจอขนาด 8.7 นิ้ว เป็นขนาดที่กำลังพอดีมือ พกพาสะดวก จะดูหนังหรืออ่าน E-Book ก็ตอบโจทย์ มาพร้อมลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos ให้เสียงดังในระดับที่ใช้ฟังเพลง ดูหนังได้สบายๆ
Galaxy Tab A9 Series เหมาะกับใคร?
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแท็บเล็ตราคาดี ไม่แพง แต่ได้สเปกที่ดี ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon
- ต้องการแท็บเล็ตจอใหญ่ พร้อม Refresh Rate ลื่นๆ 90Hz
- เน้นใช้งานทั่วไป ดูวิดีโอสตรีมมิ่ง Youtube, Netflix เล่นเกมบ้างเล็กน้อย
ราคาและการวางจำหน่าย
Galaxy Tab A9 มี 1 สี คือ สี Graphite ส่วน Galaxy Tab A9+ มี 2 สี ได้แก่ สี Silver และ Navy ทั้งสองรุ่นวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ samsung.com และ Samsung Official Store บน Shopee และ Lazada หรือหน้าร้านที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยมีราคาดังนี้
- Galaxy Tab A9 LTE (4/64GB) : 6,990 บาท
- Galaxy Tab A9+ Wi-Fi (8/128GB) : 8,990 บาท
- Galaxy Tab A9+ 5G (8/128GB) : 10,990 บาท
โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ถึง 7 มกราคม 2567
- แถมฟรี! Book Cover มูลค่า 1,590 บาท เฉพาะผู้ที่สั่งซื้อ Galaxy Tab A9+
- รับส่วนลดทันที 40% สำหรับ Book Cover เมื่อสั่งซื้อ Galaxy Tab A9
ช่องทางสั่งซื้อ: https://bit.ly/485nESl
Samsung Galaxy Tab S9 FE Series (Galaxy Tab S9 FE / Tab S9 FE+)
ถัดมาเป็น Samsung Galaxy Tab S9 FE Series มีสองรุ่นย่อย ได้แก่ Galaxy Tab S9 FE และ Galaxy Tab S9 FE+ มีจุดเด่นในเรื่องฟีเจอร์ที่แทบจะถอดมาจากรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy Tab S9 Series ได้ปากกา S Pen เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน และยังกันน้ำระดับ IP68 ที่หาได้ยากในแท็บเล็ตช่วงราคาเดียวกัน
ฟีเจอร์เด่นของ Samsung Galaxy Tab S9 FE Series
จุดเด่นแรกของ Galaxy Tab S9 FE Series คือรุ่นนี้ให้ปากกา S Pen มาในกล่อง รองรับฟีเจอร์การใช้งาน SPen ระดับพื้นฐาน วาดรูป จดบันทึก รวมถึงใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ ได้ โดยตัวปากกา S Pen ไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟ และยังสามารถกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
ฟีเจอร์ S Pen ที่น่าสนใจใน Galaxy Tab S9 FE Series
- Translate Real Time: แค่ชี้ก็แปลคำหรือประโยคได้ทันใจ
- S Pen to Text: เปลี่ยนตัวอักษรลายมือให้การเป็นข้อความได้อย่างแม่นยำ
- โน้ตไปอัดเสียงไป: สามารถจดโน้ตพร้อมอัดเสียงได้แบบไม่ต้องโหลดแอปเพิ่ม และระหว่างฟังเสียงยังเห็นวิดีโอที่ตัวเองจดโน้ตอีกด้วย
- จดโน้ตด่วน: จดโน้ตแบบด่วน แค่เคาะ S Pen 2 ครั้งที่หน้าจอ
- ตัดหรือแคปรูปจากวิดีโอมาแปะในโน้ตได้เลย
- สร้างสรรค์งานวิดีโอได้ไม่จำกัด: จะตกแต่ง Reels หรือ วิดีโอ ได้แม่นยำขึ้นด้วยปากกา S Pen
สเปกตอบโจทย์ความบันเทิง ไปจนถึงการเรียนและการทำงาน
ให้ชีวิตสนุกขึ้น เพิ่มความสนุกสนาน เติมเต็มความฟินทั้งดูหนัง เล่นโซเชียลมีเดีย เล่นเกม ด้วยสเปกที่เร็วแรง ส่วนหน้าจอมีให้เลือกทั้ง 10.9 นิ้ว และ 12.4 นิ้ว ดูคอนเทนต์ได้เต็มตา มีอัตรา Refresh Rate 90Hz แสดงผลได้อย่างลื่นไหล ทำงานกลางแจ้งก็เห็นจอได้คมชัด ด้วยความสว่างสู้แสงแดดถึง 600 nits
ด้านสเปก รุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล Exynos 1380 octa-core จับคู่กับ RAM สูงสุด 8GB ในรุ่น Galaxy Tab S9 FE+ ส่วน Galaxy Tab S9 FE จะมาพร้อมกับ RAM 6GB และมีความจุเท่ากันที่ 128GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 1TB
ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นโลหะ ให้ความพรีเมียม และมาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำและฝุ่น IP68 ทั้งตัวเครื่องและ S Pen ระดับเดียวกับแท็บเล็ตเรือธง
แบตอึด ชาร์จไว ใช้ได้นาน ด้วยแบตเตอรี่ความจุสูงสุด 10,090mAh ให้ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมรองรับ Fast Charge 45W
Galaxy Tab S9 FE Series เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงานที่ไม่เน้นการใช้งานที่หนักมาก (ทำงานพื้นฐาน เช่น ใช้ Microsoft office 365 ทำ Presentation ผ่าน Canva/PowerPoint หรือดูข้อมูลบน Excel) แต่อยากได้ฟีเจอร์เหมือนแท็บเล็ตรุ่น Flagship
- จอใหญ่ จอลื่น 90Hz รับชมคอนเทนต์ได้สบาย ๆ มีปากกา S Pen ที่กันน้ำกันฝุ่นได้ให้มาในกล่อง
- พกพาไปใช้งานนอกสถานที่บ่อย หน้าจอใช้งานกลางแจ้งได้ ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น IP68
ราคาและการวางจำหน่าย
Samsung Galaxy Tab S9 FE Series วางจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่นย่อย และมีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Gray, Lavender และ Mint มีราคาดังนี้
- Galaxy Tab S9 FE Wi-Fi (6/128GB) : 16,990 บาท
- Galaxy Tab S9 FE 5G (6/128GB) : 19,990 บาท
- Galaxy Tab S9 FE+ Wi-Fi (8/128GB) : 23,900 บาท
- Galaxy Tab S9 FE+ 5G (8/128GB) : 27,900 บาท
โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ถึง 7 มกราคม 2567
- รับส่วนลด 2,000 บาท เมื่อซื้อ Galaxy Tab S9 FE+
- รับส่วนลดทันที 30% สำหรับ Smart Book Cover หรือ Book Cover Keyboard Slim เมื่อซื้อพร้อม Galaxy Tab S9 FE และ Galaxy Tab S9 FE+
Samsung Galaxy Tab S9 Series (Galaxy Tab S9 / Tab S9+ / Tab S9 Ultra)
มาถึงซีรีส์ท็อปสุดอย่าง Samsung Galaxy Tab S9 Series ที่สุดของแท็บเล็ตแอนดรอยด์ในปี 2023 ด้วยสเปกที่ท็อปสุด ใช้ชิปอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 จับคู่กับ RAM สูงสุด 12GB และความจุในตัว 256GB เป็นสเปกที่ตอบโจทย์การใช้งานได้สุดในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจริงจัง การตัดต่อวิดีโอ หรือจะเป็นการเล่นเกมที่กราฟิกสวยๆ ก็ตาม
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Tab S9 Series
หน้าจอขนาดใหญ่ แสดงสีสันได้สวยสดสมจริง รองรับ HDR เสริมอรรถรสการดูคอนเทนต์และเล่นเกมได้ถึงขีดสุด ด้วยพาแนลแบบ Dynamic AMOLED 2X เทคโนโลยีหน้าจอเดียวกับสมาร์ทโฟน Samsung รุ่นเรือธง ให้สีที่สมจริงที่สุด สีดำนุ่มลึกมีมิติ คมชัดที่สุด และยังถนอมสายตาของผู้ใช้จากแสงสีฟ้าอีกด้วย
มีตัวเลือกหน้าจอหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 11 นิ้ว – 12.4 นิ้ว และขนาดจอใหญ่สุด ๆ 14.6 นิ้ว และนอกจากหน้าจอจะสวยแล้ว ยังมาพร้อม Algorithm Vision Booster ทำงานกลางแจ้งก็เห็นจอได้คมชัด ด้วยความสว่างสู้แสงแดดถึง 750 nits
ชิปเช็ตใช้เป็น Snapdragon 8 Gen 2 ในทุกรุ่นย่อย ชิปเซ็ตระดับเรือธงที่ให้ประสิทธิภาพสูง และการจัดการพลังงานที่ดีเยี่ยม ตอบสนองการใช้งานได้รวดเร็วไม่มีสะดุด และยัง Support Ray Tracing ระดับฮาร์ดแวร์ รองรับการประมวลผลกราฟิกในเกมให้สมจริงยิ่งขึ้น ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้เหนือชั้น
นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Samsung ได้อย่างไร้รอยต่อ (Galaxy Ecosystem) เปลี่ยนเครื่องทำงานจากแท็บเล็ต ไปจบในสมาร์ทโฟนได้ทันที และยังมาพร้อมกับปากกา S Pen แบบ Full Function เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และชาร์จไฟปากกาแบบไร้สายกับแท็บเล็ตได้ สามารถใช้ปากกา SPen ในการพรีเซนต์เทชั่นได้แบบไร้สาย รองรับ Air Command เต็มรูปแบบ
Galaxy Tab S9 Series รองรับ DeX Mode เปลี่ยนแท็บเล็ตให้ใช้งานได้แบบ PC Like Experience และรองรับการต่อหน้าจอแยก พกแท็บเล็ตแต่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพไม่แพ้แล็ปท็อป
ตัวเครื่องใช้วัสดุ Armor Aluminum ทนทานต่อการกระแทกและการตกหล่น แข็งแรง ทนทาน ในขณะที่มีความบาง และมีน้ำหนักเบา พกพาได้สะดวก อีกทั้งตัวเครื่องและปากกา S Pen ก็สามารถกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP68
Galaxy Tab S9 Series เหมาะกับใคร?
- คนที่ต้องการแท็บเล็ต Android ที่สเปกดีที่สุดในตลาด ทั้งด้านหน้าจอ OLED และชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับแท็บเล็ต
- ผู้ที่ใช้ Galaxy Smartphone รุ่น Flagship อยู่แล้ว และมองหาแท็บเล็ตที่จะใช้ทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ
- เหมาะสำหรับคนทำงานนอกสถานที่ เช่น นักวิศวกร หรือสถาปนิก ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ต้องการแท็บเล็ตจอสู้แสงและกันน้ำกันฝุ่น
- คนที่ชอบเล่นเกมด้วยแท็บเล็ต เนื่องจากรุ่นนี้ให้สเปกที่แรงที่สุด
ราคาของ Galaxy Tab S9 Series ทั้ง 3 รุ่น ที่วางจำหน่าย มีดังนี้
Samsung Galaxy Tab S9 Series วางจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่นย่อย มีสีเดียวคือ Graphite ยกเว้น Galaxy Tab S9 จะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Graphite และสี Beige และมีราคาดังนี้
- Galaxy Tab S9 Wi-Fi (8/128GB) ราคา 28,900 บาท
- Galaxy Tab S9 5G (8/128GB) ราคา 32,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ Wi-Fi (12/256GB) ราคา 35,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ 5G (12/256GB) ราคา 39,900 บาท
- Galaxy Tab S9 Ultra 5G (12/256GB) ราคา 49,900 บาท
โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ถึง 7 มกราคม 2567
- รับส่วนลด 3,000 บาท เมื่อซื้อ Galaxy Tab S9 Series (ทุกรุ่น)
- รับส่วนลดทันที 30% สำหรับ Book Cover Keyboard Slim พร้อมซื้อพร้อม Galaxy Tab S9 Series