Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Phone Review»รีวิว Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตที่ดีไซน์มาเพื่อการทำงานเต็มประสิทธิภาพ | ราคาเริ่มต้น 10,990 บาท
    Phone Review

    รีวิว Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตที่ดีไซน์มาเพื่อการทำงานเต็มประสิทธิภาพ | ราคาเริ่มต้น 10,990 บาท

    ACHI-SPBy ACHI-SP8 สิงหาคม 2023Updated:8 สิงหาคม 2023
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email
    Xiaomi Pad 6

    Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตรุ่นใหม่จากทาง Xiaomi ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Xiaomi Pad 5 ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น และยังมีอุปกรณ์เสริมให้ใช้แบบครบครันไม่ว่าจะเป็น Cover, Keyboard และ Smart Pen ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองใช้มานั้นบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา สมกับสโลแกนที่ว่า “ดีไซน์เพื่อการทำงานเต็มประสิทธิภาพ” ยิ่งด้วยราคาแค่หมื่นต้น ๆ แล้ว ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ถึงจะมีข้อสังเกตอยู่บ้าง แต่เมื่อมองสเปคที่ให้มา และราคาที่ขายแล้วก็พอจะยอมรับได้อยู่ แล้วที่ว่าไม่ธรรมดานั้นเป็นอย่างไร เราจะมาบอกเล่าแก่ทุกคนเอง

    • สเปค
    • ดีไซน์
    • ระบบปฏิบัติการ
    • การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
    • การเล่นเกม
    • การถ่ายภาพ
    • สรุปการรีวิว

    สเปคของ Xiaomi Pad 6

    • หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 11 นิ้ว, ความละเอียด 2880 x 1800 พิกเซล (WQHD+), Refresh Rate สูงสุด 144Hz (30Hz – 144Hz), ความลึกสี 1.07 พันล้านสี, 99% DCI-P3, รองรับการแสดงผล Dolby Vision, ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3
    • ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 870
    • แรม : 8GB ชนิด LPDDR5
    • หน่อยความจำ : 128GB / 256GB ชนิด UFS 3.1
    • กล้องหลัง : 13MP, f/2.2, PDAF
    • กล้องหน้า : 8MP, f/2.2 (ultrawide)
    • แบตเตอรี่ : 8840mAh รองรับ 33W Mi Turbo Charging
    • ระบบปฏิบัติการ : MIUI Pad 14 บน Android 13
    • การเชื่อมต่อ :
      • Wi-Fi 6
      • Bluetooth 5.2
      • USB Type-C 3.2 Gen 1
      • Smart Connector
    • เซ็นเซอร์ :
      • Accelerometer
      • Gyroscope
      • Ambient Light Sensor
    • ลำโพง : 4 ตัว รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
    • ขนาด : 253.95 x 165.18 x 6.51 มม.
    • น้ำหนัก : 490 กรัม
    • สี : Gravity Gray, Gold, Mist Blue
    • ราคา :
      • 128GB : 10,990 บาท
      • 256GB : 12,990 บาท

    ดีไซน์ตัวเครื่อง

    สำหรับดีไซน์ตัวเครื่อง ในส่วนของหน้าจอจะเน้นใช้งานแนวนอน มีหน้าจอขนาด 11 นิ้ว ใช้พาแนลเป็น LCD ซึ่งมีความละเอียดอยู่ที่ 2880 x 1800 พิกเซล หรือระดับ WQHD+ พร้อมรองรับอัตรารีเฟรชสูงสุดที่ 144Hz (ปรับอัตโนมัติ 30/48/50/60/90/120/144Hz แต่ถ้ากำหนดเองจะได้แค่ 60/90/144Hz) และรองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision โดยที่บอกว่าเน้นการใช้งานแนวนอนนั้นก็เนื่องมาจากการวางตำแหน่งกล้องที่วางไว้สำหรับใช้ในแนวนอนเป็นหลักนั่นเอง นอกจากนี้ตัวขอบเองก็นับว่าไม่ได้กว้างจนเกินไป ยังพอมีพื้นที่ให้วางมือได้โดยที่มือจะไม่ลั่นไปสัมผัสส่วนของหน้าจออีกด้วย

    สำหรับด้านหลังเครื่องใช้วัสดุแบบ Aluminum Alloy Unibody โดยจะมีดีไซน์โมดูลกล้องแบบเดียวกับ Xiaomi 13 Series ภายในจะมีเลนส์กล้องความละเอียด 13MP ไฟแฟลชแบบ LED และรูไมโครโฟน มีโลโก้ Xiaomi และจุดเชื่อมต่อ Smart Connector อยู่ที่มุมเครื่อง นอกนั้นจะเป็นแบบเรียบ ๆ ไม่มีลวดลายอะไร แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่ไม่มีอะไรนี้ก็ช่วยขับความรู้สึกพรีเมี่ยมและความแข็งแรงให้ออกมาได้เด่นชัดขึ้น สำหรับสีตัวเครื่องนั้นจะมีมห้เลือกทั้งหมด 3 คือ Gravity Grey, Gold หรือ Mist Blue ซึ่งเราได้สี Mist Blue มารีวิวนั่นเอง

    สำหรับรอบตัวเครื่อง ตัวขอบเครื่องจะมาด้วยดีไซน์ขอบเหลี่ยม โดยที่เมื่อวางแนวนอน ด้านบนจะมีปุ่มปรับระดับเสียง, รูไมโครโฟนจำนวน 2 ตัว และแถบแม่เหล็กสำหรับใช้ชาร์จปากกา Smart Pen ส่วนด้านล่างจะไม่มีอะไรเลย สำหรับปุ่มเปิด-ปิดนั้นจะอยู่ที่ฝั่งซ้าย ส่วนพอร์ต USB-C และไมโครโฟนตัวสุดท้าย (รูไมโครโฟนทั้งเครื่องจะมีทั้งหมด 4 รู หรือก็คือมีไมโครโฟน 4 ตัวนั่นเอง) จะอยู่ที่ฝั่งขวา และที่เป็นจุดเด่นเลยก็คือลำโพงที่จะมีฝั่งละ 2 ตัว รวมแล้วจะมีทั้งหมด 4 ตัว โดยที่ฝั่งซ้าย ตรงพท้นที่ระหว่างลำโพงจะมีข้อความบอกเอาไว้เลยว่าระบบเสียงเป็น Dolby Vision Atmos

    ในส่วนของอุปกรณ์เสริมที่เอาไว้ใช้กับ Xiaomi Pad 6 นั้นจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ชิ้นคือ

    • Xiaomi Smart Pen (2nd generation)
    • Xiaomi Pad 6 Keyboard
    • Xiaomi Pad 6 Cover

    ซึ่งทั้ง 3 ชิ้นนี้จะเชื่อมต่อกับตัวเครื่องด้วยแม่เหล็ก ซึ่งบอกเลยว่าตัวแม่เหล็กที่เอาไว้ยึดกับตัวเคสนั้นแน่นใช้ได้เลย


    ระบบปฏิบัติการ

    ตัวระบบปฏิบัติการจะเป็น MIUI Pad 14 บนพื้นฐาน Android 13 ซึ่ง MIUI Pad นี้เป็น MIUI ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ตัวหน้าตา UI นั้นโดยพื้นฐานจะไม่ได้แตกต่างจาก MIUI ในมือถือมากนัก เพียงแต่ที่ด้านล่างจะมีแถว Dock อยู่ โดยในตัว Dock นี้จะทำหน้าที่เป็นจุดเก็บแอปฯ ที่เราต้องการใช้บ่อย ๆ เอาไว้ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเรียกใช้

    นอกจากจะใช้งานสะดวกแล้ว MIUI Pad 14 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Connect to phone สำหรับใช้เชื่อมต่อมือถือ Xiaomi มาแสดงบนหน้าจอ Xiaomi Pad 6 ได้อีกด้วย โดยในการเชื่อมต่อนี้นอกจากจะแสดงภาพบนจอมือถือแล้วยังสามารถใช้รับส่งไฟล์ต่าง ๆ ระหว่างกันได้ด้วย เพียงแต่ในการจะเชื่อมต่อนั้นต้องเปิดทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth อีกทั้งยังต้องล็อคอินบัญชี Xiaomi เดียวกันอีกด้วย ซึ่งตอนนี้เครื่องที่รองรับจะมีเพียง Xiaomi 13 Series และ Xiaomi Pad 6 เท่านั้น


    การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ

    ในเรื่องของการใช้งานในด้านต่าง ๆ นั้น ก่อนอื่นเรามาพูดถึงเรื่องหน้าจอกันก่อนดีกว่า โดยหน้าจอ LCD ที่ใส่มาใน Xiaomi Pad 6 นั้นสามารถบอกได้เลยว่าเป็นหน้าจอ LCD เกรดสูง เพราะสีสันนั้นนับว่าสวยสดแทบไม่ต่างจากจอพาแนล OLED เลยล่ะครับ

    ทีนี้เรามาพูดถึงตอนใช้งานกันบ้าง โดยถ้าพูดถึงความลื่นไหลนั้นเรียกได้ว่าหายห่วง เพราะได้ชิปประมวลผลเป็น Snapdragon 870 แถมยังได้ Winevine ระดับ L1 และลำโพง 4 ตัวระบบเสียง Dolby Atmos ทำให้ได้อรรถรสแบบจัดเต็มอย่างถึงที่สุด และด้วยความบางที่ไม่ถึง 7 มม. กับน้ำหนักตัวเพียง 490 กรัม ทำให้สามารถพกพาได้ง่ายในระดับหนึ่ง

    เราจะมาพูดถึงเรื่องการใช้งานควบคู่กับอุปกรณ์เสริมอย่าง Xiaomi Smart Pen (2nd generation), Xiaomi Pad 6 Keyboard และ Xiaomi Pad 6 Cover บ้าง โดยสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อมาเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว การซื้อแค่ Cover มาก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เพราะตัวเคสนอกจากจะใช้ปกป้องหน้าจอเครื่องแล้วยังสามารถใช้เป็นที่ตั้งเครื่องได้อีกด้วย แต่หากเอาไปใช้เรียนหรือทำงานการซื้อใช้คู่กับ Xiaomi Pad 6 Keyboard จะอะไรที่คุ้มกว่าเยอะเลย แถมฟีลลิ่งในการกดปุ่มก็ถือว่าทำได้ดี เพียงแต่ในการตั้งจอจะตั้งได้แค่ระดับเดียวเท่านั้น

    นอกจากนี้หากต้องการใช้จด-ใช้วาด ปากกา Smart Pen (2nd generation) เองก็นับว่าเป็นปากกาที่ดี เพราะตัวปากการองรับแรงกดถึง 4096 ระดับ แถมยังใช้งานได้ยาวนานถึง 150 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำให้สามารถใช้งานได้ยาว ๆ โดยไม่ต้องกลัวหมดกลางคัน และถึงจะหมดก็เพียงแค่เอาตัวปากกาไปต่อกับตัว Xiaomi Pad 6 เท่านั้นไม่นานก็ใช้ต่อได้แล้ว

    ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องให้แบตเตอรี่ขนาด 8840mAh มา ซึ่งจากที่ได้เอาไปใช้งานตามสไตล์คนทำงานด้านการเขียนบทความและดูแลสื่อโซเชียลต่าง ๆ แล้วบอกเลยว่าแบตเตอรี่ที่ให้มานั้นอึด ถึก ทน แบบสุด ๆ เพราะตอนที่ใช้งานนั้นเป็นการใช้งานแบบ 3 จอ แถมมีการเปิดแอปฯ ซ้อนอีกหลายตัว แต่แบตเตอรี่ก็สามารถอยู่จนพ้นวันได้ และยิ่งถ้าไม่ได้ใช้อะไรมากมาย มีดูคลิปหรือเล่นเกมนิด ๆ หน่อย ๆ ตัวแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้เกือบครบอาทิตย์หนึ่งเลยทีเดียว

    ในส่วนของการชาร์จนั้นตัวเครื่องจะรองรับระบบชาร์จเร็ว Mi Turbo Charging ขนาด 33W แต่ทว่าในกล่องนั้นจะไม่ได้มีการพ่วงชุดชาร์จมาให้ต้องซื้อแยกต่างหาก เราจึงได้ทำการทดลองชาร์จโดยชุดชาร์จแบบ PD ขนาด 60W ดู ทว่าดูเหมือนจะได้แค่ชาร์จด่วนเท่านั้น ซึ่งนั่นจะทำให้ใช้เวลาชาร์จนานกว่าการใช้ชุดชาร์จที่รองรับ Mi Turbo Charging

    โดยตอนที่เราทดลองชาร์จนั้นแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงเลย และไม่มีการเปิดเครื่องขึ้นมาระหว่างชาร์จด้วย สำหรับผลนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง 23 นาทีถึงจะชาร์จแบตเตอรี่ขึ้นมาเป็น 50% ได้ (เริ่มนับจาก 0%) และจะเต็ม 100% นั้นต้องใช้เวลารวมทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 51 นาที บอกเลยว่าใช้เวลาชาร์จได้นานมากทีเดียว ถึงจะแลกมาด้วยระยะเวลาใช้งานที่ยาวนานก็ตาม ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้ชาร์จตอนนอนไม่ก็พยายามชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 50% เพื่อที่เวลาที่จะต้องใช้งานจะได้หยิบไปใช้ได้เลย


    การเล่นเกม

    ในด้านการเบ่นเกมนั้นบอกเลยว่าหายห่วง เล่นได้ทุกเกมแน่นอน เพราะชิปประมวลผล Snapdragon 870 นั้นเรียกได้ว่าแรงเกินพอสำหรับทุกเกม เพียงแต่ด้วยน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมาก ทำให้การถือเล่นนาน ๆ จะทำให้ปวดข้อมือได้เลย สำหรับเกมที่เราได้ลองเล่นนั้นจะมีทั้ง RoV, Genshin Impact, PUBG Mobile, Asphalt 9 บอกเลยว่าลื่นทุกเกม แถมความร้อนก็ขึ้นมาไม่เยอะด้วยเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่เสียไปในการเล่นเกม แต่จุดที่ผู้เขียนงง ๆ หน่อยก็คือตอนเล่นเกม Genshin Impact นั้นเมื่อตั้งใจเชื่อมต่อจอยคอนโทรลเลอร์ไม่ว่าจะเป็น PS5 Dual Sense หรือ XBox ก็ตาม ตัวเกมจะตรวจหาไม่เจอ ทำให้ไม่สามารถใช้จอยเล่นเกมได้ (ทั้ง ๆ ที่เชื่อมต่อ Bluetooth สำเร็จแล้ว) ไม่แน่ว่าอาจจะต้องพึ่งแอปฯ เสริมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ก็ได้


    การถ่ายภาพ

    ในด้านการถ่ายภาพนั้นตัวเครื่องจะมาพร้อมกล้องหน้าและหลังอย่างละตัว โดยจะมีความละเอียด 8MP และ 13MP ตามลำดับ ซึ่งตัวกล้องหน้านั้นจะเป็รกล้องแบบ Ultrawide ที่มีฟีเจอร์ FocusFrame ที่จะปรับภาพให้ตัวเราอยู่ตรงกลางจอเสมอ โดยหลังจากที่ได้ลองเอาไปถ่ายในหลาย ๆ สภาพแสงแล้วบอกเลยว่ากล้องหลังไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะความคมชัดหรือสีสันก็ทำออกมาได้ดี ถ่ายภาพในระยะใกล้ก็สามารถทำได้ แถมยังมีโหมดถ่ายภาพกลางคืนมาให้ด้วย ส่วนกล้องหน้านั้นเรียกได้ว่าธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ AI ที่ประมวลผลภาพ เพราะตอนที่ถ่ายมีหลายครั้งที่แสงด้านหลังจะโอเวอร์ ทว่าพอประมวลผลเสร็จแล้วแสงพื้นหลังลดลงมาจนเห็นรายละเอียดในระดับหนึ่งเลยทีเดียว (ตอนก่อนถ่ายนี่คือพื้นหลังขาวจั๊วเลย) ต้องยอมรับเลยนะว่ากล้องของ Xiaomi Pad 6 โดยเฉพาะกล้องหลังนั้นไม่ธรรมดา ดูดีกว่าแท็บเล็ตในเรทราคาเดียวกันมากโขเลย

    ตัวอย่างภาพถ่าย

    10x Zoom

    สรุปการรีวิว Xiaomi Pad 6

    สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้องยอมรับเลยว่า Xiaomi Pad 6 นั้นเป็นแท็บเล็ตที่น่าใช้ตัวหนึ่งเลย ไม่ว่าจะสเปคที่แรงจัด ๆ แบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ และคีย์บอร์ดเสริมที่ใช้งานได้จริง ถึงจะมีจุดที่น่าเสียดายไปบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไม่รองรับการใส่ซิม (ไม่รองรับการเพิ่มความจุด้วย MicroSD Card ด้วย) ทำให้เวลาหิ้วไปใช้งานข้างนอกต้องพึ่ง Wi-Fi ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi สาธารณะหรือไม่ก็ Hotspot จากมือถือที่ใช้ แต่นั่นแลกมาด้วยแบตเตอรี่อึดกว่ารุ่นที่ใส่ซิมได้นั่นเอง หากสงสัยว่าเครื่องนี้เหมาะกับใครแล้วก็คงต้องตอบว่าเหมาะกับคนที่ต้องการแท็บเล็ตจอใหญ่ในระดับที่พกพาได้ มีราคาที่ไม่แพงแต่ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านความบันเทิง, ใช้เรียน หรือใช้ทำงาน หรือจะบอกว่าเป็นคนที่ต้องการแท็บเล็ตราคาประหยัดแต่มากความสามารถก็ยังได้

    จุดเด่น

    • หน้าจอใหญ่ มีความละเอียดสูง
    • ได้ชิปประมวลผล Snapdragon 870 ที่ทั้งแรงและประหยัดพลังงาน แถมไม่ร้อนด้วย
    • กล้องหลังมีคุณภาพสูง มาพร้อมโหมดกลางคืน
    • แบตเตอรี่ขนาด 8840mAh ที่อึด ถึก ทน อย่างมาก
    • มีอุปกรณ์เสริมครบทุกรูปแบบ
    • ราคาไม่แรงจนเกินไป ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้

    ข้อสังเกต

    • ใส่ซิมไม่ได้ เพิ่ม MicroSD Card ไม่ได้
    • ตัวระบบยังมีจุดเอ๋อ ๆ อยู่นิด ๆ หน่อย ๆ
    • ไม่มีการแถมชุดชาร์จมาให้ ต้องซื้อเพิ่มเอา

    สำหรับคนที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ mi.com/th และสามารถสั่งซื้อได้ที่ Shopee และ Lazada ได้เลย โดยจะมีโปรโมชั่นพรีออเดอร์สำหรับคนที่สั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 66 – 18 ส.ค. 66 รับฟรี!! เคส, ฟิล์มกันรอย และอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W รวมมูลค่า 2,979 บาท และที่ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อซื้อ Xiaomi Pad 6 Keyboard หรือ Xiaomi Smart Pen (2nd generation) จะได้ส่วนลดพิเศษ 50% ไปด้วยเลย

    Review tablet Xiaomi Xiaomi Pad 6
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ACHI-SP

    Related Posts

    วิธีปิดไอจีชั่วคราวในโทรศัพท์ทำยังไงในปี 2025 ปิดโปรไฟล์ IG ชั่วคราวไม่ให้คนอื่นเห็นแบบง่ายๆ

    14 พฤษภาคม 2025

    รวมโทรศัพท์ติดโปรทรูล่าสุดปี 2568 ทุกรุ่นทุกยี่ห้อมีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจทรู

    14 พฤษภาคม 2025

    วิธียกเลิกบริการเสริม AIS ที่เสียเงิน ยกเลิกข้อความเสียเงินจาก AIS ทำยังไง อัพเดท 2568

    13 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    Universal Music Group ร่วมกับ Apple Music เปิดตัว Sound Therapy

    15 พฤษภาคม 2025

    Baseus พาเปิดประสบการณ์สุดพิเศษกับหูฟัง “Bowie MC1” เสียงแน่น เบาสบายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ในงาน “Sounds on the Cloud”

    15 พฤษภาคม 2025

    “realme GT 7 Series” เตรียมยึดบัลลังก์นักฆ่าเรือธงแห่งปีมือถือตัวท็อปที่แรงเกินต้าน ชิปเซ็ตแรงจัด แบตใหญ่ ชาร์จไวสุด

    15 พฤษภาคม 2025

    วิธีปิดไอจีชั่วคราวในโทรศัพท์ทำยังไงในปี 2025 ปิดโปรไฟล์ IG ชั่วคราวไม่ให้คนอื่นเห็นแบบง่ายๆ

    14 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X