ปล่อยของหนักอย่างต่อเนื่องเลยสำหรับ Mi Thailand หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้เปิดตัวรุ่นกลาง Redmi Note 7 ด้วยราคาเริ่มต้น 4,999 บาท ล่าสุดเปิดตัวรุ่นพี่อย่าง Xiaomi Mi 9 ตามมาติด ๆ โดยรุ่นนี้มาพร้อมสเปคจัดเต็ม รันด้วยชิป Snapdragon 855 ที่สำคัญคือราคาเพียง 16,999 บาท
สเปค Xiaomi Mi 9
- ชิปประมวลผล Snapdragon 855 ความเร็วสูงสุด 2.84 GHz พร้อมชิปกราฟิก Adreno 640
- แรมมีให้เลือกทั้ง 6 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB UFS 2.1
- รองรับโหมด Game Turbo
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.39″ อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD แสดงสีได้ระบ 103.8% NTSC ความสว่างสูงสุด 600 nits
- กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 6
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ในหน้าจอ
- มาพร้อมโหมดถนอมสายตาที่สามารถปรับได้มากสุดถึง 256 ระดับ
- กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.75 (สามารถถ่ายภาพออกมาที่ระดับ 12 ล้านพิกเซลที่มีคุณภาพดีขึ้น) ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX586 ขนาด 1/2″ เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน
- กล้องเลนส์ไวด์มุมกว้าง 117 องศา 16 ล้านพิกเซล f/2.2 ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX481
- กล้องเลนส์ซูมแบบออปติคอล 2 เท่า 12 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Samsung S5K3M5
- ถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชันได้ช้าสุด 960 fps
- กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 3300 mAh
- รองรับการชาร์จเร็วได้ที่ระดับ 27W และการชาร์จเร็วแบบไร้สายได้ที่ 20W
- ฝาหลังใช้ลวดลายแบบ holographic มีให้เลือกด้วยกัน 2 เฉดสี
- มีปุ่มสำหรับเปิดใช้งาน Google Assistant อยู่ที่ด้านข้างเครื่อง
- ราคา 16,999 บาท
ความพิเศษของ Xiaomi Mi 9 คือมาพร้อมกับประกันตัวเครื่องนานถึง 15 เดือน ที่สำคัญคือหลังจากนี้ไป ผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi รุ่นใหม่ ๆ จะมาพร้อมกับการรับประกัน 15 เดือนทั้งหมด (นับเฉพาะรุ่นที่เปิดตัวหลังจาก Mi 9 เท่านั้น)
ดูจากสเปคแล้ว Mi 9 ยังคงเน้นคอนเส็ปเดิม คือใส่ชิปท็อป ฮาร์ดแวร์ระดับท็อป ขายในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าหลาย ๆ แบรนด์ แต่ความพิเศษของรอบนี้คือ Xiaomi Mi 9 มาพร้อมกับกล้องที่ได้คะแนนจาก DxOMark สูงเป็นอันดับต้น ๆ ณ ตอนนี้ที่คะแนนรวม 107 คะแนน (ภาพนิ่ง 112, วีดีโอ 99) ด้วยจุดเด่นในเรื่องของความแม่นยำ ความรวดเร็วในการโฟกัส ในการปรับระดับความสว่าง สีสัน รวมถึงรายละเอียดของภาพที่ได้จากการซูมก็ยังทำได้ดีอยู่
ด้านการดีไซน์ก็มีความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Mi 8 อย่างแรกเลยคือ notch screen มีขนาดเล็กลงมาก เหลือเพียง notch แบบ waterdrop หรือหยดน้ำเล็ก ๆ ตรงกลาง บรรจุกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซลไว้ข้างใน
หน้าจอเป็นพาแนลแบบ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ให้ความสว่างสูงถึง 600 nits และขอบเขตสีกว้าง 103.8% NTSC ใช้กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 6
ตัวเครื่องมีความโค้งมน ดีไซน์ออกแบบมาตามสมัยนิยม รายละเอียดที่น่าสนใจบริเวณด้านข้าง ก็คือมีปุ่มสำหรับเรียกใช้ Google Assistant แยกต่างหาก แบบเดียวกับปุ่ม Bixby ของทาง Samsung ไม่ใช่เป็นการใส่ปุ่ม Power เกินมานะครับ
พอร์ตเชื่อมต่อรุ่นนี้เป็น USB Type-C และแน่นอนว่าตัดพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไปเป็นที่เรียบร้อย
ด้านหลังของ Xiaomi Mi 9 มาพร้อมกับลวดลายแบบ holographic รายละเอียดด้านหลัง ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็นกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล IMX586, เลนส์มุมกว้าง 16 ล้านพิกเซล และเลนส์ซูม 12 ล้านพิกเซล
เซ็นเซอร์หลักของกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซลบน Mi 9 เป็นคนละตัวกับใน Redmi Note 7 นะครับ คุณภาพก็น่าจะคนละเรื่องด้วย แต่ที่เหมือนกันคือเป็นเซ็นเซอร์แบบ Quad Pixel ที่ใช้การรวม 4 พิกเซลเข้าด้วยกัน เพราะฉะนั้นภาพถ่ายที่ดีที่สุด จะถ่ายที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลนั่นเอง
แบตเตอรี่ของ Xiaomi Mi 9 มีความจุอยู่ที่ 3,300 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว 27W และรองรับการชาร์จไร้สายเร็วสุด 20W (ซื้อแยกต่างหาก)
สำหรับ Xiaomi Mi 9 เปิดให้จองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 4 เมษายนเป็นต้นไป ผ่านทาง AIS Online Store (สินค้าจัดส่ง 19 เมษายน) สนนราคา 16,999 บาท แต่ถ้าหากซื้อพร้อมโปร AIS Hot Deal 899 จะได้รับส่วนลดค่าเครื่องถึง 4,500 บาท เหลือเพียง 12,499 บาท (จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท)
การวางจำหน่ายหน้าต้านตามปกติของ Xiaomi Mi 9 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เมษายนเป็นต้นไปครับ เพราะฉะนั้นถ้าอยากใช้ก่อน ก็ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น
โปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่จอง Mi 9 จำนวน 500 คนแรก รับฟรี Mi Exclusive Gadget Set ประกอบไปด้วยแท่นชาร์จไร้สาย, แท่นชาร์จในรถยนต์ และลำโพงบลูทูธ Mi Compact Bluetooth Speaker 2 มูลค่ารวม 2,288 บาท