Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Editorial»หน้าจอมือถือมีกี่ประเภท อะไรบ้าง เรามาทำความรู้จักกัน
    Editorial

    หน้าจอมือถือมีกี่ประเภท อะไรบ้าง เรามาทำความรู้จักกัน

    ACHI-SPBy ACHI-SP7 กรกฎาคม 2021Updated:6 กันยายน 2021
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    ในการเลือกซื้อมือถือดี ๆ สักเครื่อง หน้าจอมือถือเองก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญ เพราะหน้าจอแต่ละชนิดก็แสงดผลแตกต่างกันไปคนละแบบ แถมมือถือแต่ละยี่ห้อก็หยิบมาใช้แตกต่างกันไป เราเลยจะมาอธิบายชนิด ประเภท และความแตกต่างของหน้าจอแต่ละชนิดกัน

    หน้าจอมือถือ

    เวลาผู้ผลิตมือถือทำการเปิดตัว หรือแม้กระทั่งเวลาที่สื่อมาแนะนำ / รีวิวมือถือรุ่นต่าง ๆ จะต้องมีการพูดถึงชนิดของหน้าจอด้วยทุกครั้งไม่ว่าจะเป็น OLED, AMOLED, IPS, LCD, TFT ซึ่งแต่ละประเภทจะไปอยู่ในมือถือรุ่นไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตและราคาที่จะวางขายเป็นหลัก โดยในปัจจุบันหน้าจอมือถือจะสามารถแบ่งออกมาเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ หน้าจอ LCD และหน้าจอ OLED ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีการแยกย่อยออกไปอีกตามเทคโนโลยีและผู้ผลิตดังนี้

    • หน้าจอมือถือประเภท LCD
      • TFT LCD
      • IPS LCD
    • หน้าจอมือถือประเภท OLED
      • AMOLED
      • Super AMOLED
      • Super AMOLED Plus
      • Dynamic AMOLED 2X
      • Fluid AMOLED
    • หน้าจอมือถือประเภท Retina
      • Retina / Liquid Retina HD
      • Super Retina

    หน้าจอมือถือประเภท LCD

    หน้าจอ LCD หรือ Liquid Crystal Display เป็นหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลที่ใช้ผลึกเหลวเป็นองค์ประกอบหลัก ซ้อนทับด้วยฟิลเตอร์บางๆ หลายชั้นเหมือนแซนด์วิช และมีไฟ backlight เป็นแหล่งกำเนิดแสง โดยแสงจาก backlight นี้จะส่องผ่านฟิลเตอร์แต่ละชั้นรวมถึงชั้นผลึกเหลว โดยตัวผลึกเหลวนี้จะถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าให้เกิดการเรียงตัวกัน ทำให้แสง backlight มีการหักเหเป็นจุดสว่างและจุดมืดบนหน้าจอ จากนั้นแสงจะผ่านฟิลเตอร์ RGB ก่อให้เกิดสีสันขึ้นมา กลายเป็นภาพที่เราเห็นบนหน้าจอ โดยหน้าจอ LCD ที่ใช้ในมือถือจะมีหลัก ๆ อยู่เพียง 2 ชนิดก็คือ


    TFT LCD

    เป็นจอ LCD ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Active Matrix ซึ่งมีแผ่นฟิล์ม TFT (Thin-Film Transistor) ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณควบคุมผลึกเหลวให้เรียงตัวกันเพื่อปิดกั้น หรือเปิดทางให้แสง backlight ผ่านออกมาบนเม็ดพิกเซล คุณภาพการแสดงผลดีพอสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป และมีราคาถูกกว่าจอประเภทอื่น เราจึงมักจะพบจอ TFT ในสมาร์ทโฟนราคาประหยัดเสียเป็นส่วนใหญ่

    ตัวอย่างมือถือที่ใช้หน้าจอ TFT LCD

    • Samsung Galaxy A21s
    • Samsung Galaxy M12
    • Samsung Galaxy A22 5G
    • Samsung Galaxy A32 5G

    IPS LCD

    เป็นหน้าจอที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด พัฒนาต่อยอดมาจากหน้าจอ TFT โดยแต่ละพิกเซลจะมีตัวส่งสัญญาณ 2 ตัว ทำให้มีสีสันสดใส และมีมุมมองการแสดงผลที่กว้างกว่า แต่ก็ทำมีราคาสูงกว่าหน้าจอ TFT ด้วย

    ตัวอย่างทือถือที่ใช้หน้าจอ IPS LCD

    • POCO M3 Pro 5G
    • OPPO A15s
    • realme 8 5G
    • OnePlus Nord N100
    • Wiko Power U30

    หน้าจอมือถือประเภท OLED

    หน้าจอ OLED หรือ Organic Light Emitting Diodes เป็นจอภาพที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตต่างจาก LCD มีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มที่มีส่วนประกอบเป็นสารอินทรีย์ สามารถเปล่งแสงได้ด้วยตัวเองเมื่อถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า จึงไม่จำเป็นต้องมี backlight ซึ่งสีดำบนจอ OLED นั้นเกิดจากการตัดไฟ ทำให้จอ OLED แสดงผลสีดำได้อย่างแท้จริง และกินไฟน้อยลงด้วย ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจึงได้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัตินี้ในการพัฒนาฟีเจอร์ Always-On Display เพื่อให้สมาร์ทโฟนแสดงข้อมูลบนหน้าจอได้ตลอดเวลาโดยไม่เปลืองแบตเตอรี่นั่นเอง

    และด้วยความที่ไม่ต้องพึ่งพา backlight ทำให้จอ OLED บางกว่าหน้าจอ LCD มาก แถมยังมีความยืดหยุ่นสามารถโค้งงอได้ ทำให้ถูกเอามาใช้ในมือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่มีขอบโค้งและมือถือที่มีหน้าจอแบบพับได้อย่าง Galaxy Fold อีกทั้งหน้าจอ OLED ยังมี contrast ที่สูงกว่าจอ LCD อีกด้วย ทำให้แสดงสีและมีความสว่างมากกว่าหน้าอจ LCD แต่ก็แน่นอนว่าด้วยความสามารถขนาดนี้ก็ทำให้มีราคาที่แพงกว่าเช่นกัน หน้าจอ OLED ที่พบเห็นอยู่หลัก ๆ จะมีทั้งหมด 3 แบบ นอกเหนือจากนั้นจะเรียกว่าหน้าจอ OLED ตรง ๆ เลย

    ตัวอย่างมือถือที่ใช้หน้าจอ OLED

    • Sony Xperia 10 III
    • Sony Xperia 5 III
    • Sony Xperia 1 III

    AMOLED

    เป็นหน้าจอ OLED ที่ได้รับการอัปเกรดด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี Active Matrix ที่อยู่ในหน้าจอ TFT ช่วยให้สามารถยกระดับการแสดงผลให้ดียิ่งขึ้น จนได้สีดำที่ดำสนิท มีสีสันที่สว่างสดใสกว่าเดิม และมีอัตรารีเฟรชสูงกว่า แต่ก็มีข้อเสียเช่นกันคือ จอประเภทนี้จะสู้แสงแดดได้ไม่ดีนัก โดยแต่เดิมหน้าจอ AMOLED นั้นจะถูกใช้อยู่ในมือถือระดับเรือธงอย่างเดียว แต่ในปัจจุบันนี้เริ่มมีให้เห็นในมือถือระดับกลางแล้ว

    ตัวอย่างมือถือที่ใช้หน้าจอ AMOLED

    • OPPO A74
    • POCO F3
    • vivo X60 Pro 5G
    • Xiaomi Mi 11 Lite

    Super AMOLED

    เป็นหน้าจอ AMOLED ที่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ด้วยการแทรกเซ็นเซอร์รับสัมผัสเข้าไปในจอ ทำให้หน้าจอยิ่งบางลงไปอีก ขณะเดียวกันก็การอัปเกรดให้จอสว่างขึ้น, ประหยัดพลังงานมากขึ้น, สู้แสงแดดได้ดีขึ้น และมีมุมมองที่กว้างขึ้น ซึ่งเรามักจะพบจอประเภทนี้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของ Samsung โดยเฉพาะมือถือตระกูล Galaxy ทั้งหลาย

    ตัวอย่างมือถือที่ใช้หน้าจอ Super AMOLED

    • OPPO Find X3 Pro
    • realme GT 5G
    • Samsung Galaxy A22 4G
    • Samsung Galaxy A52 5G
    • Xiaomi Redmi Note 10

    Super AMOLED Plus

    เป็นหน้าจอ Super AMOLED ที่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่อีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่พบในหน้าจอ Super AMOLED ทำให้สามารถแสดงผลด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น, สว่างขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น แถมยังมีความหนาน้อยลงอีกด้วย

    ตัวอย่างมือถือที่ใช้หน้าจอ Super AMOLED Plus

    • Samsung Galaxy S10 Lite
    • Samsung Galaxy A71 5G

    Dynamic AMOLED 2X

    เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ Samsung พัฒนาขึ้น โดยอัปเกรดหน้าจอ Super AMOLED ให้รองรับมาตรฐานการแสดงผลแบบ HDR10+ ช่วยให้การประมวลผลภาพมืดและสว่างแบบอัตโนมัติได้มีมิติขึ้น และสมจริงยิ่งกว่าเดิม ในทางทฤษฎีแล้วนับว่ากันว่ามีใกล้เคียงกับดวงตามนุษย์มากที่สุด

    ตัวอย่างมือถือที่ใช้หน้าจอ Dynamic AMOLED

    • Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G
    • Samsung Galaxy S21
    • Samsung Galaxy S21 Plus
    • Samsung Galaxy S21 Ultra 5G

    Fluid AMOLED

    Fluid AMOLED เป็นเคคโนโลยีหน้าจอที่ทาง OnePlus พัฒนาขึ้นมา ซึ่งในปัจจุบันนั้นนับเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว ในรุ่นแรกนั้นโดนข้อจำกัดของตัวหน้าจอ OLED ทำให้สามารถเพิ่ม Refresh Rate ได้สูงสุดที่ 90Hz แบบที่ใช้ใน OnePlus 7 Pro / 7T / 7T Pro แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้นทำให้หน้าจอ OLED สามารถแสดงผลที่ 120Hz ได้แล้ว OnePlus จึงได้พัฒนาหน้าจอ Fluid AMOLED รุ่นที่ 2 ขึ้นมา และนำมาใช้ใน OnePlus 8 / 8 Pro ซึ่งนอกจากจะได้ Refresh Rate ที่เพิ่มขึ้นด้วยแล้ว ยังได้ Touch Sampling Rate ที่สูงถึง 240Hz ด้วย

    ตัวอย่างมือถือที่ใช้หน้าจอ Fluid AMOLED

    • OnePlus 8T
    • OnePlus Nord 5G
    • OnePlus Nord CE 5G

    หน้าจอมือถือประเภท Retina

    อันนี้ต้องขอแยกพิเศษเนื่องจากเป็นหน้าจอที่มีเพียง Apple เท่านั้นที่ใช้ โดยหน้าจอ Retina จะมีทังหมด 3 รุ่นคือ Retina, Liquid Retina HD และ Super Retina โดยหน้าจอ Retina และ Liquid Retina จะเป็นหน้าจอประเภท LCD ส่วนหน้าจอ Super Retina จะเป็นหน้าจอประเภท OLED


    Retina / Liquid Retina HD

    หน้าจอ Retina / Liquid Retina HD เป็นหน้าจอ LCD ที่ทาง Apple เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ iPhone 4 แล้ว โดยคุณสมบัติของหน้าจอที่จะเรียกว่า Retina นั้น ทาง Apple ได้นิยามไว้ว่า Retina คือหน้าจอที่มีความคมชัดของรูปภาพและตัวหนังสือที่มากพอ โดยวัดจากระยะห่างจากหน้าจอและระยะสายตาที่จะทำให้เราไม่สามารถมองเห็นหรือแยกแยะเม็ดพิกเซลได้ แต่ก็ไม่ได้มีการกำหนดตายตัวว่าจะต้องมีความหนาแน่นของพิกเซล หรือมีความละเอียดขั้นต่ำเท่าไหร่จึงจะเรียกว่าเป็น Retina ได้

    มือถือที่ใช้หน้าจอ Retina

    • iPhone 4 / 4s
    • iPhone 5 / 5S / 5C
    • iPhone 6 / 6 Plus
    • iPhone 7 / 7 Plus
    • iPhone 8 / 8 Plus
    • iphone SE / SE 2020

    มือถือที่ใช้หน้าจอ Liquid Retina HD

    • iPhone XR
    • iPhone 11

    Super Retina

    หน้าจอ Super Retina เป็นหน้าจอ OLED ที่ได้รับการพัฒนานให้ดีขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมคุณสมบัติช่วงไดนามิกสูง (HDR) ซึ่งช่วยขยายบริเวณที่มืดและสว่างในรูปภาพและวิดีโอได้หลายระดับ คุณสมบัตินี้จะช่วยให้มองเห็นบริเวณที่มีสีดำสนิทและบริเวณที่มีสีขาวสว่างได้ โดยที่ยังคงรักษาความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบริเวณเหล่านั้นไว้ รูปภาพจะดูสดใสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในการออกแบบยังช่วยลดผลกระทบของ “การเบิร์นอิน” บน OLED โดยใช้อัลกอริทึมพิเศษที่ตรวจสอบการใช้งานของแต่ละพิกเซลเพื่อสร้างข้อมูลการปรับเทียบสีหน้าจอ และจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อปรับระดับความสว่างสำหรับแต่ละพิกเซลโดยอัตโนมัติตามต้องการเพื่อลดเอฟเฟ็กต์ภาพจาก “การเบิร์นอิน” และเพื่อคงประสบการณ์การรับชมให้เสมอต้นเสมอปลาย

    มือถือที่ใช้หน้าจอ Super Retina

    • iPhone XS
    • iphone XS Max

    มือถือที่ใช้หน้าจอ Super Retina XDR

    • iPhone 11 Pro
    • iPhone 11 Pro Max
    • iPhone 12 mini
    • iPhone 12
    • iPhone 12 Pro
    • iPhone 12 Pro Max

    สำหรับหน้าจอแต่ละชนิดนั้นโดยมากจะขึ้นอยู่กับราคาของตัวเครื่องเป็นหลัก โดยหน้าจอประเภท OLED ทั้งหมดส่วนมากจะอยู่ในมือถือที่มีราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ส่วนมือถือในช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาทส่วนมากจะใช้เป็นหน้าจอ IPS แล้ว ส่วนหน้าจอ TFT จะอยู่ในมือถือระดับเริ่มต้นที่มีราคาไม่เกิน 3,000 บาท แถมส่วนมากจะเป็นมือถือที่ใช้ Android Go ทั้งสิ้น ด้วยความที่เป็นหน้าจอแบบเก่าทำให้ต้นทุนถูกเอามาก ๆ แต่ก็แลกมาด้วยการสัมผัสและอัตราการตอบสนองที่ช้ากว่า รวมถึงการแสดงผลที่คมชัดไม่เท่า IPS

    สำหรับหน้าจอ OLED ที่มีจุดเด่นคือให้สีตรงและมีความสว่างมากนั้น ใน Apple จะเรียกเป็นหน้าจอ Retina ส่วนในมือถือ Android จะใช้คำว่า OLED ไปตรง ๆ เลย

    หน้าจอ AMOLED นั้นแต่เดิมมีแต่ Samsung เท่านั้นที่ใช้ เพราะเป็นหน้าจอที่ Samsung พัฒนาต่อยอดจากหน้าจอ OLED ขึ้นมาเอง และในช่วงหลัง ๆ มือถือ Android ยี่ห้ออื่น ๆ เองก็น้ำไปใช้กันแล้ว มีทั้งรุ่นระดับกลางและรุ่นเรือธงเลย

    Super AMOLED / Super AMOLED Plus เป็นหน้าจอที่จะเจอในมือถือ Samsung เป็นหลัก นอกเหนือจากนี้จะเจอในมือถือ Android ยี่ห้ออื่นเป็นบางรุ่นเท่านั้น ส่วนหนึ่งคาดว่าเพราะราคาชิ้นส่วนค่อนข้างแพง จึงมีแค่ Samsung ที่เป็นผู้ผลิตเอาไปใช้เองซะหมด รวมถึงหน้าจอ Dynamic AMOLED ที่เป็นตัวใหม่ล่าสุดด้วย และด้วยความที่เป็นของใหม่ทำให้ในปัจจุบันมีเพียง Samsung Galaxy Note 10/10 Plus และ Samsung Galaxy Note 20 Ultra เท่านั้นที่ใช้

    ในปัจจุบันนี้หน้าจอประเภท OLED เริ่มกลายเป็นหน้าจอมาตราฐานในมือถือไปแล้ว และหากต้นทุนการผลิตหน้าจอ OLED ลดลงยิ่งกว่านี้ มือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท ก็จะได้ใช้ด้วยเช่นกัน


    ค่า Refresh Rate

    ตอนนี้อีกสิ่งที่เริ่มส่งผลต่อการเลือกหน้าจอก็เริ่มมีความโดดเด่นขึ้นมาแล้ว นั่นก็คือค่า Refresh Rate (หมายถึงหน้าจอสามารถแสดงภาพนิ่งได้กี่ภาพใน 1 วินาที)ซึ่งแต่เดิมทีแล้วหน้าจอที่แบบจะมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 60Hz เหมือน ๆ กันหมด แต่ทว่าในช่วงหลัง ๆ มานี้ แบรนด์ต่าง ๆ ก็เริ่มทำการเพิ่มค่า Refresh Rate ให้มากขึ้น โดยในยุคแรกเริ่มการเพิ่มค่า Refresh Rate ให้สูงนั้นจะอยู่ในมือถือเกมมิ่งเป็นหลัก แต่ทว่าในยุคหลัง ๆ มานี้เริ่มมีการเพิ่มค่า Refresh Rate ให้กับมือถือสายใช้งานทั่วไปอีกด้วย ซึ่งค่า Refresh Rate ในตอนน้จะมี 60Hz (ค่าเริ่มต้น), 90Hz, 120Hz, 144Hz และ 165Hz (สูงที่สุดในตอนนี้) โดยยิ่งค่าสูงยิ่งทำให้ภาพมีความลื่นไหลมากขึ้น และยังมีความเร็วในการตอบสนองต่อการสัมผัสที่รวดเร็วขึ้นอีกด้วย

    สำหรับในด้านการใช้งานทั่วไปจะช่วยให้เวลาปัดหน้าจอเร็ว ๆ จะทำให้ภาพดูมีความลื่นไหล และไม่ปวดหัวเวลาจ้องนาน ๆ ด้วย สำหรับในด้านการเล่นเกมนั้นด้วยการตอบสนองต่อการสัมผัสที่รวดเร็วทำให้การเล่นเกมทำได้สะวดกขึ้น (โดยเฉพาะพวกที่กดหน้าจอเร็ว ๆ จะเห้นผลชัดเลย)

    ตัวอย่างมือถือที่มีค่า Refresh Rate สูง

    • POCO M3 Pro 5G (มีหน้าจอ 90Hz แถมเป็นมือถือ 5G ที่ถูกที่สุดตอนนี้)
    • Samsung Galaxy S21 Ultra 5G (หน้าจอ 120Hz)
    • ASUS ROG Phone 5 (หน้าจอ 144Hz)
    • Red Magic 6 (หน้าจอ 165Hz ซึ่งสูงที่สุดในตอนนี้)
    AMOLED Dynamic AMOLED Fluid AMOLED IPS LCD OLED Super AMOLED Super AMOLED Plus TFT หน้าจอมือถือ
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ACHI-SP

    Related Posts

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X