ผมเป็นคนนึงที่ใช้ Samsung Galaxy Note 4 อยู่นะครับ ซึ่งต้องบอกว่าประทับใจอยู่พอสมควรเลยหละครับกับมือถือรุ่นนี้ ที่การออกแบบสวยงามเป็นเอกลักษณ์ และสามารถตอบสนองการใช้งานของเราได้เป็นอย่างดีทีเดียว ทั้งความสามารถด้านการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะกล้องหน้ากล้องหลัง ก็ให้ภาพที่ถ่ายออกมาสวยงามถูกใจ และปากกา S Pen ที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้อย่างดี การใช้งานลื่นไหนไม่มีสะดุด จนมาถึงการอัพเดต Andoird 5.0 Lollipop ซึ่งต้องบอกว่าถูกบังคับให้อัพเดตอย่างเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาแอพพลิเคชั่นต่างๆ ก็เริ่มมีมาให้เห็น เครื่องหน่วงบ้าง ช้าบ้าง ทำให้รู้สึกหงุดหงิดทีเดียวหละครับ
และที่สุดก็ได้ยินข่าวว่า Samsung จะเปิดตัว Galaxy Note 5 ที่มาเร็วกว่าที่คิดอยู่พอสมควร เลยคิดว่ายังไง ตัวใหม่ก็ต้องดีกว่าเก่าอยู่แล้วเป็นแน่ ซึ่งผมก็ได้ติดตามข่าวมาเรื่อยๆ ทั้งข่าวลือที่เป็นจริงบ้างไม่จริงบ้าง จนถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา ต้องยอมรับเลยครับว่าผมตื่นเต้นมากๆ เลยครับ แต่ที่ทำให้ผมตกใจกว่านั้น คือ Samsung ประเทศไทยบอกว่าจะขาย Samsung Galaxy Note 5 ในวันที่ 15 สิงหาคม หลังจากงานเปิดตัวเพียงสองวันเท่านั้น วันเสาร์ ผมก็เลยไปดูตามช็อปของ Samsung เดินเข้าไปหามือถือที่ผมดูงานเปิดตัวไปเมื่อสองวันก่อน และอยากสัมผัสตัวจริงเต็มที
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน พยายามมองหา Galaxy note 5 แต่ก็ไม่เจอจุดสังเกตุใดๆ ก็เลยถามพนักงานว่า พี่ครับ Note 5 อยู่ตรงไหนครับ พนักงานก็ชี้ให้เราดูว่า ตรงนั้นค่ะ ผมก็ตรงไปดูเลยครับ ความรู้สึกแรกที่จ้องหน้ากับ Galaxy Note 5 แบบ ตัวต่อตัว “ทำไมมันเหมือน Samsung Galaxy A8 เลยแวะ” จากนั้นผมไม่รีรอครับ หยิบเจ้า Note 5 ขึ้นมาในมือ ความรู้สึกคือ เบากว่า Note 4 ของเราอีกนะ แล้วก็จับถนัดมือดีด้วย
สเปค Samsung Galaxy Note 5
- Android OS 5.1 Lollipop
- หน้าจอ SuperAMOLED 5.7 นิ้ว ความละเอียด QHD 2560 x 1440 พิกเซล (~518ppi)
- CPU : Exynos 7420(14nm) Octa-core (Quad 2.1Ghz + Quad 1.5 GHz) – 64 bit
- GPU : Mali T760
- RAM LPDDR4 4 GB
- หน่วยความจำภายใน 32GB UFS 2.0 + OTG (เพิ่ม microSD ไม่ได้)
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล + F/1.9 + OIS
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล + F/1.9
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh (เปลี่ยนแบตไม่ได้)+ Fast Charging (ทั้งแบบใช้สายและไร้สาย)
- นาโนซิม รองรับ 2G / 3G / 4G LTE (CAT 6,9) ทุกเครือข่าย
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 a/b/g/n/ac, MIMO(2×2), Bluetooth 4.2 LE, ANT+, USB 2.0, NFC, Location
- สัดส่วน : 153.2 x 76.1 x 7.6 มม., น้ำหนัก 171 กรัม
- สเปคเต็มๆ Samsung Galaxy Note 5
- ราคา 25,900 บาท
ด้านการออกแบบของ Galaxy Note 5 ซึ่งมีการออกแบบใหม่ ใหม่กว่า Note 4 แต่ทำไมมันเหมือนกับ Galaxy S6 เลย แต่ด้านหลังตัวเครื่อง ดันเหมือน Galaxy S6 edge กลับด้านแล้วจะเรียกว่าออกแบบใหม่ดีรึเปล่าเนี้ย! แต่เอาเป็นว่างานประกอบของ Samsung Galaxy Note 5 นั้นดีมากๆ เลยทีเดียวหละครับ วัสดุที่ทำมาใช้มีความสวยงาม และพรีเมี่ยมมาก ด้านหน้าและหลังเป็นกระจก ส่วนขอบข้างเป็นโลหะที่โค้งมนใช้เทคนิคการตัดขอบที่เรียกว่า Diamond Cut ทำให้ขอบโลหาเรียบเนียนสวยงาม มีสีเดียวกับตัวเครื่อง แต่ว่ากระจกด้านหลังเนี่ย รอยนิ้วมือจะเยอะไปไหน ก็เข้าใจนะครับว่าผ่านมือคนมาเยอะ แต่ว่านั่นหละฮะ รอยเพียบ ของ Note 4 ไม่เป็นแบบนี้นะเออ ถถถ
ส่วนด้านของการใช้งาน ถ้าผู้ที่ใช้ Note 4 อยู่จะรู้สึกได้เลยครับว่า เอ้ย ทำไมมันเร็ว และลื่นได้ขนาดนี้ ทั้งการเปิดปิดแอพพลิเคชั่น การสลับแอพไปมา มันไม่ต้องรอแบบเครื่องที่เราถืออยู่เลย กดปุ๊ปมาปั๊บ Touch Wiz แบบใหม่ที่ปรับหน้าตาไปเล็กน้อย ไอคอนที่ดูเบาบางมากขึ้น การใช้งานกล้องที่ทำได้เหมือนใน Galaxy S6 และ S6 edge แล้วคือ เวลากดชัตเตอร์ Galaxy Note 5 ก็จะถ่ายและเก็บภาพทันที ไม่ต้องรอเลยหละครับเร็วกว่า Note 4 ซะอีก ถือว่าการใช้งานนั้นเหนือกว่า Note 4 เป็นอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ได้ทดสอบเล่นเกมส์อะไรนะครับ เพราะว่า มีคนทยอยมาดูเครื่องเรื่อยๆ แค่ถ่ายรูปมาก็เกรงใจหละครับ
สิ่งที่โดดเด่นสำหรับรุ่นนี้คือ ปากกา S Pen นั่นเอง! แต่ว่า เครื่องที่ให้ลอง ทำไมไม่มีปากกาหละ ไม่มองซ้ายมองขวาหาไม่เจอ ผมเลยต้องเรียกพนักงาน พี่ครับ ปากกามันไปไหนครับ แล้วพนักงานในร้านก็หยิบปากกามาให้ แต่ดันเป็นด้ามสีเงิน ถ้าใครไปลองเล่นที่ชอปแล้วไม่เจอปากกา อย่าลืมทวงที่พนักงานนะครับ เพราะว่า S Pen บน Galaxy Note 5 นั้น มันมีของเล่นล้ำๆ กว่าที่อยู่บน Note 4 ของเราซะอีก รวมทั้ง UI ที่ดูเรียบหรู ดูทันสมัยมากขึ้นอีกด้วย และที่ชอบมากๆ คือ ไม่ต้องใช้เล็บแงะอีกแล้ว แค่กดเบาๆ ปากกา S Pen ก็เด้งออกมาให้ใช้งานได้แล้ว แถมเวลาว่างๆ ก็ดึงมากดเล่นได้ ความรู้สึกในการกดก็เหมือนกับปากกาลูกลื่นเลยครับ มีเสียง แก็กๆ (ความสามารถใหม่ของ S Pen)
โดยรวมแล้วถือว่า Samsung Galaxy Note 5 นั้นทำออกมาได้ดีมากๆเลยครับ ด้านประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วและลื่นไหลขึ้นกว่า Note 4 มากๆ เลยครับ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย เพราะฝาหลังที่เป็นกระจก ที่ทั้่งเป็นรอยนิ้วมือง่าย และคงต้องดูแลให้พิเศษกว่าเดิม เพราะไม่สามารถเปลี่ยนฝากหลังได้แบบ Note 4 และอีกอย่างหนึ่งคือแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ แถมยังให้น้อยกว่าเดิมอีก ตากหาก และอีกอย่างคือไม่มีช่องใส่ Micro SD Card แล้ว อันนี้เสียใจสุดๆ เพราะผมชอบเก็บเพลงที่เป็นไฟล์ Flac ไว้ใน SD Card ถ้าเอายัดในเครื่องอย่างเดียวต้องบอกเลยว่ามันไม่พอแน่ๆ ส่วนหน้าจอของ Note 4 กับ Note 5 นั้นแทบจะไม่ต่างกันเลยครับ สำหรับผมแล้ว Note 5 ก็ยังเป็นมือถือที่ดีอีกหนึ่งรุ่น แต่ว่าคุ้มที่จะเปลี่ยนจาก Note 4 เป็น Note 5 รึเปล่า อันนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณา กันหละครับ
ภาพถ่าย Samsung Galaxy Note 5 โดย Samsung Galaxy Note 4